BLACKPINK – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 12 Dec 2023 11:42:52 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 “โอรีโอ” ตั้งเป้าขึ้น Top 3 ตลาด “บิสกิต” แคมเปญ “BLACKPINK” ปังจริง – Gen Z รู้จักแบรนด์มากขึ้น https://positioningmag.com/1455262 Tue, 12 Dec 2023 10:50:39 +0000 https://positioningmag.com/?p=1455262 “มอนเดลีซ” บริษัทต้นสังกัดคุกกี้ โอรีโอประกาศเป้าปี 2567 ขอติด Top 3 ในตลาด “บิสกิต” เมืองไทย หลังแคมเปญ “OREO x BLACKPINK” สำเร็จตามเป้า ดึงผู้บริโภค Gen Z ให้รู้จักแบรนด์ ดันยอดขายเพิ่ม 32% ในช่วงทำแคมเปญ

“ณัฐธิดา อนันต์นาท” ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท มอนเดลีซ อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงเป้าหมายของแบรนด์คุกกี้ “โอรีโอ” (OREO) ในปี 2567 ต้องการขึ้นไปติด Top 3 ในตลาด “บิสกิต” มูลค่ากว่า 14,000 ล้านบาทให้ได้

ปัจจุบัน โอรีโออยู่ในกลุ่ม Top 5 ของตลาดบิสกิตประเทศไทย โดยในกลุ่มตลาดนี้จะแบ่งสินค้าเป็น 4 หมวดย่อย คือ คุกกี้ แครกเกอร์ เวเฟอร์ และไบต์ไซส์ (ถ้าวัดเฉพาะในหมวดย่อย “คุกกี้” แบรนด์โอรีโอ้จะครองมาร์เก็ตแชร์อันดับ 1)

ณัฐธิดาอธิบายถึงตลาดบิสกิตว่าถือเป็นกลุ่มหนึ่งที่แข่งขันกันดุเดือดในสมรภูมิขนมขบเคี้ยว เนื่องจากเป็นตลาดที่มีแบรนด์กว่า 500 แบรนด์เข้ามาชิงส่วนแบ่ง เพราะผู้นำเข้านิยมนำแบรนด์ใหม่ๆ หมุนเวียนเข้ามาวางขายเสมอ

“ณัฐธิดา อนันต์นาท” ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท มอนเดลีซ อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) จำกัด

อย่างไรก็ตาม ส่วนแบ่งใหญ่ที่สุดมักจะอยู่ในกลุ่ม Top 5 ของตลาดบิสกิตที่ผู้บริโภคเชื่อถือในแบรนด์สูง ซึ่งปี 2566 นี้แชมป์ตกเป็นของ “ป๊อกกี้” แต่ในกลุ่ม Top 5 นี้ถือว่าระยะห่างส่วนแบ่งตลาดไม่ได้ทิ้งห่างกันมาก จึงมีความเป็นไปได้ที่จะขอขยับขึ้นมาเป็น Top 3

 

K-Pop ช่วยส่ง “โอรีโอ” ตีตลาด Gen Z สำเร็จ

โจทย์ของ “โอรีโอ” ในไทยที่มอนเดลีซเล็งเห็นคือ ตลาดมุ่งเป้าไปที่ “กลุ่มครอบครัวและเด็ก” (Family with Kids) มานาน ทำให้ต้องขยายไปตลาดใหม่ๆ อย่างกลุ่มวัยรุ่น “Gen Z”

เมื่อต้นปีนี้โอรีโอจึงออกแคมเปญใหม่เพื่อเจาะตลาดวัยรุ่นมากขึ้นกับแคมเปญ “OREO x BLACKPINK” ซึ่งเป็นการคอลแลปผลิตสินค้าพิเศษและการตลาดร่วมทั่ว 7 ประเทศในเอเชีย

OREO BLACKPINK

ณัฐธิดาระบุว่า แคมเปญนี้ประสบความสำเร็จสูงสุดของมอนเดลีซในปีนี้ จนกวาด 7 รางวัลมาจากเวที Marketing Excellence Award จากผลสำเร็จสามารถทำยอดขายเพิ่มขึ้น 32% ในช่วงที่ทำแคมเปญ (ม.ค.-มี.ค.66) และขึ้นเป็นแบรนด์อันดับ 1 ในกลุ่มตลาดบิสกิตในช่วงที่ทำแคมเปญด้วย (ข้อมูลจาก นีลเส็น)

ที่สำคัญคือ แคมเปญสร้างผลสำเร็จตามจุดประสงค์ที่จะขยายตลาดไปยังกลุ่ม Gen Z ด้วยพลังของวง BLACKPINK ประกอบกับการออกแบบการตลาดด้วยวิธี Hyper-Personalized ลูกค้าที่เข้ามาร่วมกิจกรรมจะได้ “Video Message” จากสมาชิกวง โดยเรียก “ชื่อ” ของลูกค้าแบบเฉพาะเจาะจง สร้างความฮือฮาในตลาดและทำให้วัยรุ่นสนใจ

โดยเฉพาะตลาดไทยถือว่าสำเร็จสูงมาก เนื่องจากมี “ลิซ่า” คนไทยหนึ่งเดียวในวง BLACKPINK ช่วยสร้างฐานแฟนคลับในไทยได้ดี

โอรีโอ
“ลิซ่า” สมาชิกชาวไทยในวง BLACKPINK ที่ช่วยให้แคมเปญประสบความสำเร็จอย่างสูงในไทย

นอกจากนี้ ณัฐธิดากล่าวว่าแคมเปญนี้ยัง ‘เซอร์ไพรส์’ ได้อานิสงส์เพิ่มเข้าไปในกลุ่ม Gen X ด้วย เพราะสินค้าพิเศษที่คอลแลปกับ BLACKPINK จะเปลี่ยนเป็นไส้รสดาร์กช็อกโกแลต หวานน้อยถูกใจกลุ่มผู้ใหญ่มากขึ้น

ณัฐธิดามองว่า โมเมนตัมจากแคมเปญนี้จะช่วยดันให้ “โอรีโอ” เข้าไปมีส่วนแบ่งในกลุ่ม Gen Z ได้มากขึ้น และปี 2567 จะมีแคมเปญโหมตลาดต่อเนื่องแน่นอน

 

คาดตลาด “ขนม” ปี 2567 กลับมาเท่าก่อนโควิด-19

“โอรีโอ” นั้นถือเป็น 1 ใน 3 แบรนด์ใหญ่ที่สุดของมอนเดลีซ ร่วมกับแบรนด์ “ฮอลล์” (หมวดลูกอม) และ “เดนทีน” (หมวดหมากฝรั่ง)

ณัฐธิดากล่าวว่า ตลาดลูกอมและหมากฝรั่งในปี 2566 นี้โตแบบ ‘ดับเบิล ดิจิต’ จากปีก่อน เพราะการกลับออกมาใช้ชีวิตนอกบ้าน ส่งเสริมให้ลูกค้าซื้อสินค้าเหล่านี้ซึ่งมักจะเป็นของที่ซื้อระหว่างเดินทาง (on the go) ส่วนตลาดบิสกิตนั้นโตแบบซิงเกิล ดิจิต

ภาพรวมตลาดขนมปี 2566 ยังไม่กลับมาเท่ากับปี 2562 (ก่อนโควิด-19) แต่ณัฐธิดาประเมินว่าในปี 2567 น่าจะกลับมาเป็นปกติได้ จากกราฟการเติบโตของตลาดที่เป็นขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง และปีหน้าเชื่อว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้นด้วย ซึ่งจะช่วยเสริมกำลังซื้อกลุ่มขนมขบเคี้ยวได้เช่นกัน

]]>
1455262
OREO x BLACKPINK แคมเปญเบิกทางให้ “โอรีโอ” เจาะกลุ่ม “วัยรุ่น” ได้มากขึ้น https://positioningmag.com/1414743 Fri, 06 Jan 2023 07:11:48 +0000 https://positioningmag.com/?p=1414743 ตลาดครอบครัวและเด็กคือแกนหลัก แต่จะเติบโตได้เร็วต้องจับตลาดอื่นได้ด้วย! “โอรีโอ” ขนมคุกกี้ในเครือมอนเดลีซ เปิดแคมเปญใหญ่ที่สุดที่เคยมีมา OREO x BLACKPINK ทำการตลาดผ่านวง K-Pop ระดับซูเปอร์สตาร์ เพื่อดันยอดขายในกลุ่มวัยรุ่น Gen Z เป็นใบเบิกทางสำหรับการตลาดตลอดปีนี้ที่จะสื่อสารกับวัยรุ่นสูงขึ้น

โอรีโอสีชมพูลายใหม่จากการคอลแลป OREO x BLACKPINK เริ่มวางจำหน่ายมาตั้งแต่ 15 ธันวาคม 2565 แต่การเปิดตัวแคมเปญแบบแกรนด์โอเพนนิ่งจะเริ่มตั้งแต่วันนี้ (6 มกราคม 2566) และจะโหมโปรโมตต่อเนื่องไปอีก 3 เดือนจนถึงสิ้นเดือนมีนาคม

แคมเปญดังกล่าวเป็นแคมเปญการตลาดระดับภูมิภาคที่จะจัดขึ้นใน 7 ประเทศเอเชีย คือ 6 ประเทศอาเซียน และเกาหลีใต้ โดย “ไทย” กับ “อินโดนีเซีย” เป็น 2 ประเทศแรกที่เริ่มจัดก่อน ตอบรับการทัวร์คอนเสิร์ตของสาวๆ วง BLACKPINK

“ธานัท อนุตระกูลชัย” ผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์โอรีโอ และขนมขบเคี้ยวขนาดเล็ก และ “ณัฐธิดา อนันต์นาท” ผู้จัดการฝ่ายการตลาดกลุ่มสินค้าบิสกิตและชีส บริษัท มอนเดลีซ อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) จำกัด

“ณัฐธิดา อนันต์นาท” ผู้จัดการฝ่ายการตลาดกลุ่มสินค้าบิสกิตและชีส และ “ธานัท อนุตระกูลชัย” ผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์โอรีโอ และขนมขบเคี้ยวขนาดเล็ก บริษัท มอนเดลีซ อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่าแคมเปญนี้มอนเดลีซทุ่มงบไป 200 ล้านบาท สูงที่สุดที่โอรีโอภูมิภาคเอเชียเคยทำมา และคาดว่าจะทำให้ยอดขายโอรีโอในรอบ 3 เดือนแรกปีนี้พุ่งขึ้นเป็นเท่าตัว

รายละเอียดแคมเปญใหญ่ OREO x BLACKPINK ที่จะดันให้ยอดขายพุ่ง ได้แก่

  • แพ็กเกจสินค้าใหม่ลาย BLACKPINK พร้อมลายเซ็นสมาชิกวง
  • สินค้ารสชาติพิเศษ คุกกี้สีชมพูสอดไส้ครีมดาร์กช็อกโกแลต
  • สินค้าแบบซอง Slug (แบบแท่งราคา 30 บาท) สุ่ม QR CODE แสกนชมคลิปวิดีโอทักทายจากสมาชิกวง
  • สินค้าขนาด MP9 (แพ็กใหญ่ราคา 59 บาท) สุ่มแถมโฟโต้การ์ดรูปสมาชิกวง มีทั้งหมด 10 ลาย
  • ซื้อสินค้าครบ 199 บาท ผ่านช่องทางออนไลน์หรือโมเดิร์นเทรด แลกรับหมอนคุกกี้สีชมพู (มีจำนวนจำกัด)
  • ส่งซองสินค้าชิงรางวัลอัลบัม Born Pink พร้อมลายเซ็นจริงของสมาชิกครบ 4 คน มีทั้งหมด 8 รางวัล
  • จัดทำ TVC โปรโมตแคมเปญ
  • กิจกรรมอีเวนต์ ณ สยามสแควร์ วันที่ 6-7 มกราคม 2566 พร้อมมินิคอนเสิร์ตจากวง LAZ1
  • ระดมพล KOLs เพื่อโปรโมตแคมเปญตลอด 3 เดือน
OREO BLACKPINK
สินค้าลายพิเศษ และรสชาติพิเศษเฉพาะแคมเปญนี้ในแพ็กเกจสีชมพู

 

พลัง K-Pop ดึง Gen Z เลือกแบรนด์

อย่างไรก็ตาม ยอดขายระยะสั้นไม่ใช่สิ่งเดียวที่โอรีโอต้องการ สิ่งสำคัญอีกส่วนคือ แคมเปญนี้จะเป็นใบเบิกทางให้โอรีโอเข้าไปอยู่ในใจวัยรุ่น Gen Z มากขึ้น

จากปกติโอรีโอมีฐานลูกค้าหลักคือกลุ่ม ‘Family with Kids’ ซึ่งถึงแม้ตลาดจะยังไม่ได้อิ่มตัว แต่ณัฐธิดากล่าวว่า แบรนด์ก็ต้องหาทางขยายตลาดอื่นๆ เพิ่มอีก ทำให้มาลงตัวที่กลุ่ม Gen Z น้องๆ วัยมัธยมปลาย มหาวิทยาลัย จนถึงบางส่วนเป็นผู้ใหญ่ตอนต้นเริ่มทำงานแล้วระยะหนึ่ง ที่เลือกกลุ่มนี้เพราะเป็นกลุ่มที่กำลังซื้อเติบโตขึ้นเรื่อยๆ

OREO BLACKPINK

เมื่อจะเลือก Gen Z ปฏิเสธไม่ได้ว่าวัฒนธรรมที่มีอิทธิพลกับคนวัยนี้มากคือ K-Pop ข้อมูลจาก มูลนิธิเกาหลีใต้เพื่อแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมสากล เก็บสถิติทั่วโลกพบว่า ประเทศไทยเป็นประเทศอันดับ 3 ที่ชมคอนเทนต์เกี่ยวกับ K-Pop มากที่สุด และเป็นอันดับ 5 ที่ใช้จ่ายเฉลี่ยต่อเดือนไปกับ K-Pop มากที่สุดในโลก (หากวัดเฉพาะตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศไทยเป็นอันดับ 1)

ทั้งสนใจและยังพร้อมจ่ายด้วย โอรีโอจึงเลือกที่จะใช้คอนเทนต์ K-Pop ในการเจาะตลาด และเลือกวง BLACKPINK ในฐานะเกิร์ลกรุ๊ประดับซูเปอร์สตาร์ รวมถึงมีคาแรกเตอร์ “สนุกสนาน” เหมือนกับแบรนด์โอรีโอ

OREO BLACKPINK
ตัวอย่างการ์ดสะสมในแคมเปญ

ณัฐธิดากล่าวว่า ตลอดปีนี้จะได้เห็นแคมเปญการตลาดของโอรีโอมีการสื่อสารที่ไปถึงกลุ่ม Gen Z มากขึ้น แต่จะไม่ทิ้งกลุ่มครอบครัวและเด็กอย่างแน่นอน โดยอนาคตจะแบ่งสัดส่วนการทำตลาดเป็นกลุ่มครอบครัวและเด็ก 60% ขณะที่กลุ่ม Gen Z จะคิดเป็น 40%

 

ตลาดบิสกิตฟื้นตัว “โอรีโอ” ลุยคอลแลปแบรนด์เพิ่ม

ด้านข้อมูลตลาดบิสกิต อ้างอิงจากนีลเส็น รอบเดือนพ.ย.64 – ต.ค. 65 ตลาดบิสกิตมีมูลค่า 14,182 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 6% ซึ่งณัฐธิดามองว่าเป็นการเติบโตที่ดีมาก เพราะปกติตลาดนี้มักจะโตไม่เกิน 3% ต่อปี อย่างไรก็ตาม ตลาดบิสกิตโดยรวมยังมีมูลค่าต่ำกว่าช่วงปี 2562 (ก่อนโควิด-19) อยู่เล็กน้อย

ตลาดบิสกิตนั้นจะประกอบด้วยหมวดย่อยๆ 4 หมวด คือ คุกกี้ แครกเกอร์ เวเฟอร์ และไบต์ไซส์ ซึ่งโอรีโอเกือบทุก SKUs ถูกจัดอยู่ในกลุ่มคุกกี้

เฉพาะตลาดคุกกี้ในรอบปีที่ผ่านมานั้นติดลบเล็กน้อย -1% แต่โอรีโอยังสามารถโตสวนตลาดได้ โดยเติบโต 5% มาจากการโปรโมตการตลาดตลอดปี

เมนูคอลแลปของโอรีโอกับแบรนด์ขนม-เครื่องดื่ม ปี 2566 จะบุกตลาดนี้เพิ่มขึ้นอีก

นอกจากการขายผ่านรีเทลแล้ว ในระยะหลังโอรีโอยังหันมาเน้นการ “คอลแลป” กับแบรนด์ขนม/เครื่องดื่มเพิ่มขึ้น เราจะคุ้นเคยกันดีกับเมนูโอรีโอในร้านของหวานอย่าง “แดรี่ควีน” และ “สเวนเซ่นส์” ซึ่งโอรีโอเริ่มนำโมเดลนี้มาใช้มากขึ้นกับแบรนด์อื่นๆ

เมื่อปี 2565 โอรีโอได้เซ็นสัญญาเมนูคอลแลประยะยาวเพิ่มได้อีก 2 ราย คือ “คาเฟ่ อเมซอน” และ “เต่าบิน” รวมถึงมีคอลแลปเมนูระยะสั้นขายตามเทศกาล 5 ราย คือ คริสปี้ ครีม, Captain Squid, O-li-no, Gram และ Beard Papa

สัดส่วนยอดขายโอรีโอมาจากการขายให้คอลแลปแบรนด์เหล่านี้ประมาณ 5-10% แม้จะยังน้อยอยู่แต่ปีที่ผ่านมาเติบโตเป็นเท่าตัว และทำให้แบรนด์เห็นโอกาสที่จะทำยอดในกลุ่ม B2B แบบนี้เพิ่มขึ้นอีกในปี 2566 โดยแย้มมาแล้วว่า จำนวนการคอลแลป ‘ต้องมากกว่า’ ปีที่แล้วแน่นอน!

]]>
1414743
“สเวนเซ่นส์” คอลแลปส์ BLACKPINK ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ขอดึง K-Pop ปรับลุคให้วัยรุ่น https://positioningmag.com/1395723 Wed, 10 Aug 2022 13:00:28 +0000 https://positioningmag.com/?p=1395723

คอลแลปส์ BLACKPINK ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ 

แน่นอนว่า สเวนเซ่นส์ก็ต้องไปให้สุดด้วยการ Collaboration กับวง BLACKPINK นั่นเอง ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของแบรนด์ที่มีการคอลแลปส์กับวง K-Pop ใช้พลังของ K-Pop สร้างการรับรู้ให้มากขึ้น และปรับลุคแบรนด์ให้เด็กลง ด้วยแคมเปญ BLACKPINK LOVE SWENSEN’S

การคอลแลปส์ร่วมกันในครั้งนี้จะแตกต่างจากแคมเปญอื่นๆ ที่เราเคยเห็น ทางสเวนเซ่นส์นำ “คาแรคเตอร์” ของสมาชิกวง BLACKPINK มาใช้ในการดีไซน์สินค้าเมอร์เชนไดร์ส ของพรีเมียมต่างๆ ไม่ได้ดึงตัวศิลปินตัวจริงๆ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์

สเวนเซ่นส์ได้นำคาแรคเตอร์ของ BLACKPINK มาสวมชุดยูนิฟอร์มเป็นสาวสเวนเซ่นส์ สินค้าเมอร์เชนไดร์สมีตั้งแต่พวงกุญแจ, แก้วน้ำ, หมอน, กระเป๋าผ้า, กระเป๋าเก็บความเย็น, บัตรสเวนเซ่นส์ 4 ลาย และ Special Box ที่พิเศษด้วยบัตรสเวนเซ่นส์ลายพิเศษอีก 1 ใบ พร้อมกับโปสการ์ดที่มาคู่กับลายเซ็นของทั้ง 4 สาว สินค้ามีราคาเริ่มต้นที่ 249 บาท ไปจนถึง 1,200 บาท

เหตุผลที่ทางสเวนเซ่นส์เลือกวง BLACKPINK นั้น ทางอนุพนธ์ นิธิยานันท์ ผู้จัดการทั่วไปบริษัท สเวนเซ่นส์ (ไทย) จำกัด บอกว่า

ถ้าดูวงแบรนด์เกาหลีในระดับท็อปๆ ก็คือ BLACKPINK มีความหวานๆ เข้ากับไอศกรีมอยู่ด้วย และมีลิซ่าที่เป็นคนไทยอยู่ในวง ผู้บริโภคเอาตุ๊กตาไปตั้งก็ยังเห็นแบรนด์สเวนเซ่นส์อยู่

การทำแคมเปญนี้ถือว่าหลุดจากความเป็นสเวนเซ่นส์อย่างมาก ก่อนหน้านี้อาจจะเคยขายสินค้าเมอร์เชนไดร์ส เคยทำแคมเปญร่วมกับเซเลบริตี้ แต่ยังไม่เคยร่วมงานกับศิลปิน หรือเซเลประดับอินเตอร์ อนุพนธ์พูดติดตลกว่า

“เป็นการหลุดกรอบจากเมนูข้าวเหนียวมะม่วง และข้าวเหนียวทุเรียน”


ต้องขยายฐานกลุ่มใหม่ 

โจทย์ใหญ่ที่สำคัญของสเวนเซ่นส์อีกอย่างหนึ่งก็คือ การทำให้แบรนด์เด็กลง ขยายฐานสู่ลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ มากขึ้นเรื่อยๆ โดยที่กลุ่มลูกค้าหลักในปัจจุบันส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มครอบครัวที่มาพร้อมกับเด็กๆ

ต้องดีไซน์สินค้าให้ตอบโจทย์ทุกกลุ่มเป้าหมายด้วย อย่างกลุ่มเด็กๆ ได้มีการดีไซน์ถ้วยไอศกรีมสำหรับเด็กมากขึ้น มีการขายเป็นคอลเล็กชั่นใหม่ๆ หรืออย่างก่อนหน้านี้ที่สเวนเซ่นส์ได้เปิดตัว “สเวนเซ่นส์ คราฟท์ บาร์” บาร์ทำไอติมสดในร้าน ก็เพื่อจับกลุ่มนิวเจนคนรุ่นใหม่มากขึ้น ปัจจุบันมีทั้งหดม 3 สาขาแล้ว ได้แก่ สยามพารากอน, เซ็นทรัลเวิลด์ และแฟชั่นไอส์แลนด์

สำหรับกลุ่มเป้าหมายหลักที่เป็นกลุ่มครอบครัว ก็มีเมนู “ข้าวเหนียมมะม่วง” และข้าวเหนียวทุเรียนเป็นตัวชูโรง พร้อมกับมีเมนูใหม่ๆ ที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเร็วขึ้น จากเดิมที่เปลี่ยนทุก 3 เดือน ตอนนี้เปลี่ยนทุก 2 เดือน เพื่อสร้างความตื่นเต้นมากขึ้น

สำหรับแคมเปญนี้ สเวนเซ่นส์คาดว่าจะสามารถดึงดูดกลุ่มลูกค้าอายุ 15-25 ปี ให้เข้าร้านมากขึ้น สินค้าเมอร์เชนไดร์สต่างๆ จะสร้างพลังให้แบรนด์ดูเด็กลงได้

สินค้าต่างๆ จะเริ่มจำหน่ายในวันที่ 10 ส.ค. 2565 ที่ร้านสเวนเซ่นส์ทุกสาขา สินค้ามีจำนวนจำกัด และ Limited ในช่วง 2 เดือนนี้เท่านั้น หรือจนกว่าสินค้าจะหมด

]]>
1395723
ทำไม ‘เอไอเอส’ ต้องทุ่มจับ ‘New Gen’ และกลยุทธ์การใช้ ‘พรีเซ็นเตอร์’ จะเป็นอย่างไรเมื่อไร้ ‘ลิซ่า’ https://positioningmag.com/1387891 Mon, 06 Jun 2022 10:49:19 +0000 https://positioningmag.com/?p=1387891 เอไอเอส (AIS) ถือเป็นผู้ให้บริการโทรคมนาคมเบอร์ 1 ไทยที่ครองตำแหน่งมานานหลายสิบปี โดยปัจจุบันมีผู้ใช้งานรวมกว่า 44.6 ล้านเลขหมาย เรียกว่าเกินครึ่งของประชากรไทยที่มีกว่า 66 ล้านคน อย่างไรก็ตาม ความท้าทายใหญ่ของเอไอเอสจากนี้ก็คือ การควบรวม ทรู-ดีแทค ที่แม้จะยังพูดได้ไม่เต็มปากว่าจะเกิดขึ้น แต่ก็มีโอกาสเป็นไปได้สูง และเมื่อวันนั้นมาถึงเอไอเอสอาจไม่ใช่เบอร์ 1 อีกต่อไปก็ได้ ดังนั้น เอไอเอสจึงเริ่ม ‘ลงทุนกับอนาคต’ เพื่อรักษาตำแหน่งอันดับ 1 ต่อไป

หากพูดถึงประชากรไทย ปัจจุบันกำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ในปี 2565 เนื่องจากมีจำนวนผู้สูงอายุราว 20-30% ของประชากร และไทยจะกลายเป็นสังคมสูงอายุระดับสุดยอดเช่นเดียวกับญี่ปุ่นที่มีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปคิดเป็นสัดส่วน 28% ภายในปี 2574 กลับกันอัตราการเกิดของไทยก็ลดต่ำลงเรื่อย ๆ โดยในปี 2564 มีเด็กไทยเกิดเพียง 5.4 แสนคน ซึ่งน้อยกว่าจำนวนผู้เสียชีวิตเสียอีก คำถามคือ ทำไม เอไอเอส ถึงได้พยายามจับกลุ่ม New Gen มาเป็นลูกค้า

ซื้อใจ New Gen = ซื้ออนาคต

ปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าทั่วไป บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส อธิบายว่า ภาพรวมกลุ่มลูกค้า New Gen (12-24 ปี) มีจำนวนประมาณ 15 ล้านคน โดยเอไอเอสมีส่วนแบ่งราว 40% แม้ว่าลูกค้ากลุ่มนี้จะมีไม่มาก และมียอดใช้จ่ายเฉลี่ยต่อเดือนต่อคน (ARPU) ไม่สูงเพราะยังไม่มีรายได้ แต่เอไอเอสมองว่านี่คือ การลงทุนในอนาคต เพราะกลุ่ม New Gen มีความสำคัญตรงที่ ถ้าได้มาสัมผัสสินค้าหรือบริการในครั้งแรกหรือช่วงต้นของอายุจะทำให้เขาติด ใช้แล้วไม่อยากเปลี่ยน

“จริง ๆ แล้วเราให้ความสำคัญกับทุกกลุ่มลูกค้า ไม่ใช่ว่ากลุ่มนี้ใหญ่ให้ความสำคัญมากกว่า กลุ่มนี้เล็กเราไม่สนใจ แต่เราพยายามสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับทุกกลุ่ม เพียงแต่วิธีการต่างกันไป อย่างกลุ่มผู้ใช้อายุ 40 ปีขึ้นไปที่เป็นฐานใหญ่สุดเราก็มีเซเรเนด”

ปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าทั่วไป บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส

ต่อสัญญาลิซ่าไม่สำเร็จไม่กระทบ

เอไอเอสถือเป็น เจ้าแห่งพรีเซ็นเตอร์ เพราะสามารถกวาดศิลปินเบอร์ใหญ่ของไทยเข้าสังกัดจำนวนมาก อาทิ เจมส์-จิรายุ ตั้งศรีสุข, แต้ว-ณฐพร เตมีรักษ์, มิว-นิษฐา จิรยั่งยืน, เต้ย-จรินทร์พร จุนเกียรติ, เบลล่า-ราณี แคมเปน, เวียร์-ศุกลวัฒน์ คณารศ, เป๊ก-ผลิตโชค อายนบุตร, ทอม Room39 และ วี วิโอเลต

และเพื่อจับกลุ่ม New Gen โดยเฉพาะ เอไอเอสได้ปั้นทีม #TEAMAIS5G พรีเซ็นเตอร์เลือดใหม่กว่า 20 คน นำโดย แบมแบม GOT7, วิน เมธวิน, แอลลี่, บิวกิ้น, พีพี, เจเจ, ต้าเหนิง, นนน,โอม, ทรินิตี้ และ 4EVE

“เมื่อก่อนพรีเซ็นเตอร์เราจะจับกลุ่มผู้ใหญ่หน่อย อย่างเป๊ก, เวียร์, เบลล่า ดังนั้น กลุ่ม TEAM AIS 5G จะเป็นมาจับกลุ่มเด็กวัยรุ่นจริง ๆ อย่างลิซ่าก็ไม่ได้เจาะแค่วัยรุ่นแต่เข้าถึงกลุ่มที่ค่อนข้างกว้าง เพราะถือว่าเป็นศิลปินที่รู้จักระดับโลก”

อย่างไรก็ตาม การเสีย ลิซ่า BlackPink หรือ ลลิษา มโนบาล ที่เป็นพรีเซ็นเตอร์มา 3 ปี เนื่องจากค่าย YG ปฏิเสธการต่อสัญญาและไปดีลกับบริษัทที่มี Conflict of interest นั้น เอไอเอสเชื่อว่าจะ ไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ เพราะเอไอเอสพยายามเต็มที่แล้วแต่ไม่สำเร็จ

“แน่นอนว่าเรื่องดึงพรีเซ็นเตอร์ก็มีการเเข่งขันสูงอย่างที่เห็น และที่เราต่อสัญญากับลิซ่าไม่สำเร็จก็ถือเป็นเรื่องปวดใจ แต่เราก็พยายามเต็มที่แล้ว”

พรีเซ็นเตอร์ไม่จำกัดแค่ดารา

เนื่องจากกลุ่ม New Gen จะเกิดมาในยุคดิจิทัลแบบ 100% ไลฟ์สไตล์ยิ่งมีความหลากหลาย, ซับซ้อนและยิบย่อยระดับนาโน ดังนั้น ทิศทางการใช้พรีเซ็นเตอร์กับกลุ่มนี้จะ ไม่จำกัดแค่ศิลปินดารา แต่ต้องเป็นคนที่สามารถ สร้างแรงบันดาลใจ หรือ สามารถพูดภาษาเดียวกันกับกลุ่มเป้าหมาย

นอกจากนี้ การสื่อสารแบบเดิม ๆ ใช้ไม่ได้ผล อย่างกิจกรรม โรดโชว์ออกบูธ ตามสถานศึกษา เอไอเอสก็ได้เลิกใช้แล้วเพราะไม่ได้ผล ดังนั้น เอไอเอสจึงใช้กลยุทธ์ Co-Create กับพรีเซ็นเตอร์ในการสื่อสารเพื่อให้ตรงใจเป้าหมายที่สุด

“เด็กสมัยนี้เขาไม่สนใจโฆษณา แต่เลือกจากการศึกษา ฟังจากเพื่อน และค้นหาข้อมูล ดังนั้น พรีเซ็นเตอร์จะมีอิทธิพลกับเป้าหมายขึ้นอยู่กับว่าพูดในภาษาเดียวกับเป้าหมายแค่ไหน เราต้องทำให้เขารู้สึกเหมือนคุยกับเพื่อน นี่คือฟิลลิ่งที่โฆษณาทำไม่ได้เพราะมีข้อจำกัด เราจึง Co-Create ร่วมกับพรีเซ็นเตอร์เพื่อให้สื่อความได้แม่นยำกว่า”

ราคาและสิทธิพิเศษต้องมาคู่กัน

แน่นอนว่าการแข่งขันเพื่อดึงลูกค้ากลุ่ม New Gen รุนแรงตั้งแต่เรื่องราคา และลอยัลตี้ในกลุ่มวัยรุ่นนั้นขึ้นอยู่กับความต้องการแต่ละคนว่า หาของถูก หรือ หาสิทธิประโยชน์ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ลูกค้าจะอยู่ยาวก็ต้องมี คุณภาพ ควบคู่ไปด้วย เพราะ 47% ของลูกค้าระบุว่า คุณภาพเป็นสิ่งสำคัญ

เพื่อตอบโจทย์ความต้องการทุกด้าน เอไอเอส ได้เพิ่ม AIS ZEED 5G สำหรับกลุ่มนักศึกษาโดยราคาเริ่มต้น 249 – 499 บาท ที่ตอบโจทย์ดิจิทัลไลฟ์สไตล์ทั้งด้านการเรียน ความบันเทิง และคอนเทนต์ รวมถึงแพ็กเกจแบบเติมเงินที่สามารถเลือกเองได้แบบ DIY แพ็กเกจ

ในส่วนของกิจกรรมพิเศษ เอไอเอส เตรียมจัดคอนเสิร์ต AIS 5G Faniverse จาก TEAM AIS 5G, การพบปะกับดารา ศิลปินใน AVATAR PARK, การถ่ายทอดสด ศึกแดงเดือดแบบ 360 องศา และสิทธิพิเศษจาก AIS Point รวมถึงการลุ้นรับรางวัลพิเศษทองคำมูลค่ากว่า 5 ล้านบาท

“เราเชื่อว่าถ้ามีของที่เขาชอบนำเสนอให้เขา เขาก็จะอยู่กับเรา เพราะตอนนี้ New Gen ไม่ได้มองแค่เรื่องราคาแล้ว”

ถ้าดูจากกลยุทธ์ในการมัดใจ New Gen ก็ต้องถือว่าเอไอเอสให้ความสำคัญกับ อนาคต มากทีเดียว ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเพราะ ทรู-ดีแทค จ่อควบรวมกัน อีกทั้ง 5 ปีจากนี้ เอไอเอสคาดว่า 5G จะกลายเป็นเทคโนโลยีพื้นฐาน ดังนั้น เอไอเอสต้องเร่งเดินเกมมัดใจ New Gen เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้เป็นลูกค้าเอไอเอสต่อไปในระยะยาว

]]>
1387891
เปิดดีลยักษ์ “แกรมมี่” ร่วมทุน YG เปิด YG”MM ภารกิจปั้นศิลปินโกอินเตอร์ https://positioningmag.com/1333988 Thu, 27 May 2021 07:24:57 +0000 https://positioningmag.com/?p=1333988 GMM Grammy และ YG Entertainment ประกาศความร่วมมือครั้งใหญ่ ด้วยโมเดลร่วมทุน เปิดบริษัทใหม่ YG”MM (วายจีเอ็มเอ็ม) ร่วมพัฒนาศิลปินไทยเป็นไอดอลโกอินเตอร์ตามศิลปินดังรุ่นพี่

ในช่วง 30 กว่าปีที่ผ่านมา GMM Grammy ได้ผลิตศิลปินที่มีคุณภาพออกมาอย่างมากมาย ซึ่งก่อให้เกิดความสำเร็จอย่างต่อเนื่องตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แต่อย่างไรก็ตาม การปรับตัวให้ตอบรับกับการเปลี่ยนแปลงของโลกในวันนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะการสร้างศิลปินและแนวเพลงให้มีประสิทธิภาพครบทุกหมวดหมู่ ครอบคลุมทุก Segment การลงทุนเพื่อสรรหา และพัฒนาศิลปินรุ่นใหม่อย่างมีเป้าหมายก็เป็นหนึ่งในพันธกิจ ที่จะส่งเสริมศิลปินไทยให้ก้าวไกลไปสู่ระดับสากล

ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มาของการร่วมทุนระหว่าง GMM Grammy และ YG Entertainment ซึ่งเป็นพันธมิตรค่ายเพลงยักษ์ใหญ่จากเกาหลีใต้ ด้วยการประกาศจัดตั้งบริษัทพัฒนาศิลปินแบบครบวงจร YG”MM (วายจีเอ็มเอ็ม) เป็นครั้งแรกในประเทศไทย

โดยบริษัท YG”MM (วายจีเอ็มเอ็ม) มีทุนจดทะเบียนมูลค่า 200 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนการถือหุ้นเป็น GMM Grammy จะถือหุ้นในสัดส่วน 51% และ YG Entertainment ถือหุ้นในสัดส่วน 49%

เป็นการดึงจุดแข็งของ 2 บริษัทมาผนึกกำลังในการสร้างโอกาสทางธุรกิจเพลงเพื่อการพัฒนา และสร้างศิลปินใหม่ให้มีคุณภาพมาตรฐานระดับโลกแบบครบวงจร รวมทั้งเพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมเพลงในประเทศไทยอีกด้วย โดยการตกลงทำสัญญาในครั้งนี้มีพันธกิจหลักร่วมกัน ด้านการลงทุนและผสมผสานทรัพยากรต่างๆ ทั้งทีมบุคลากร เทคโนโลยี ความเชี่ยวชาญ และระบบการดำเนินงานต่างๆ

“ภาวิต จิตรกร” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายธุรกิจ จีเอ็มเอ็ม มิวสิค บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน)

ภาวิต จิตรกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายธุรกิจ จีเอ็มเอ็ม มิวสิค บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า

“อุตสาหกรรมเพลงยังมีโอกาสทางธุรกิจอีกมาก แต่เราต้องยอมรับความจริงว่าโลกเปิดกว้างสำหรับผู้ฟังตามความก้าวล้ำของเทคโนโลยี ศิลปินจากทุกทวีปทั่วโลกก็เป็นที่นิยมอย่างกว้างขวางอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเรามีฝันที่จะพาศิลปินไทยไประดับโลกการเดินทางเพียงลำพังอาจไปสู่เป้าหมายได้ช้ากว่าที่ตั้งใจไว้

บริษัทฯ จึงได้พูดคุยเจรจากับพาร์ตเนอร์ที่มีวิชั่นในลักษณะเดียวกัน ซึ่งเป็น The Best of Asia นั่นคือ YG Entertainment โดยการ JV ในครั้งนี้ คือ การผสานจุดแข็งของแต่ละฝ่ายในการเฟ้นหา พัฒนา และส่งเสริมศิลปินรุ่นใหม่ให้เป็นศิลปินแถวหน้าในระดับโลก ควบคู่กับการสร้างธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาวร่วมกัน”

การ Synergy ในครั้งนี้มีเป้าหมายที่จะสร้างศิลปิน Boy Band และ Girl Group ให้เปิดตัวภายใน 5 ปีข้างหน้า ตามหลักสูตรของ YG Entertainment และ GMM Grammy ดังนั้นบทบาทหน้าที่สำคัญของ YG”MM (วายจีเอ็มเอ็ม) ใน Function งานต่างๆ จะมีองค์ประกอบหลักๆ ดังนี้

Yg Entertainment
Photo : Shutterstock
  • Audition

การเฟ้นหาเด็กรุ่นใหม่เข้ามาเป็นศิลปินฝึกหัด ที่จะได้รับการฝึกฝนอย่างเข้มข้น โดยเหล่าครูชั้นนำของทีม YG Entertainment ซึ่งเป็นตัวแทนจากต้นสังกัดของ BLACKPINK, 2NE1, BIGBANG เพื่อปลายทางในการเป็นศิลปิน Idol ที่มีคุณภาพและมีความพร้อมในทุกมิติ

  •  Training

หลังจากค้นหา ‘ว่าที่ศิลปิน’ ได้แล้วจากการ Recruit และการ Audition เหล่าศิลปินจะได้รับการฝึกหัด และการพัฒนาในการเป็นศิลปินแบบครบทุกด้าน จะเน้นเรื่องความสามารถในการเป็นศิลปิน เช่น การร้องเพลง การเต้น การแสดงนอกจากนี้การฝึกหัดยังรวมถึงการจัดแต่งรูปร่าง บุคลิก ลักษณะนิสัย การตอบคำถามสื่อ มนุษยสัมพันธ์ ฯลฯ โดยทีม Master Trainer ของ YG Entertainment

  • Concept & Production

คิด และวาง Concept ในเรื่องต่างๆ ตามเทรนด์โลก เพื่อทำให้ศิลปินเป็นที่ต้องการของตลาดและโดนใจทุกกลุ่มเป้าหมาย ทั้งเรื่อง DNA ในภาพลักษณ์ของศิลปิน การวาง Concept เพลงและการแต่งเพลง รวมถึงการ Mastering การสร้างมิวสิกวิดีโอและชิ้นงานโปรโมตระดับโลก ฯลฯ

Photo : Shutterstock
  • Media Marketing

จัดสรรสื่อที่ครอบคลุมแบบครบวงจรทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น On Ground, On Air, Online รวมถึงการคิดและวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาดด้วยคอนเทนต์ที่ใช่และตรงกับกลุ่มเป้าหมาย ภายใต้ Big Data ที่เรามีมากที่สุดในประเทศเพื่อสร้างความสำเร็จด้านภาพลักษณ์และสร้างรายได้ให้กับศิลปิน เพื่อให้ศิลปินเป็นที่รู้จักควบคู่กับการสร้างความนิยมให้กับเพลงใหม่ที่ถูกสร้างขึ้น

  • Music Marketing Distribution

ทำการตลาดให้ศิลปินเพื่อสร้างรายได้ในทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น Physical, Digital, Merchandising, Concert, Fan Meet, Festival รวมไปถึงการบริหารศิลปิน ทั้งในรูปแบบ Presenter, งานจ้าง, Sponsorship และสินค้าของศิลปิน

  • Copyright

ดูแลลิขสิทธิ์เพลงให้ในรูปแบบการ Service กับธุรกิจต่างๆ โดยมีเป้าหมายที่จะคืนรายได้กลับสู่คนเบื้องหลังและเบื้องหน้า

]]>
1333988
เปิดผลสำรวจเด็กไทย “หมอ” ยังเป็นอาชีพในฝัน มี “BLACKPINK” เป็นไอดอล https://positioningmag.com/1313134 Wed, 06 Jan 2021 16:05:38 +0000 https://positioningmag.com/?p=1313134 กลุ่มบริษัทอเด็คโก้ ประเทศไทย เผยผลสำรวจ Adecco Children Survey ประจำปี 2564 สำรวจความคิดเห็นเด็กไทยอายุ 7-14 ปี จำนวน 2,024 คน จากทั่วประเทศ พบเด็กไทยเลือก “หมอ” เป็นอาชีพในฝันอันดับ 1 ด้าน BLACKPINK ยืนหนึ่งไอดอลขวัญใจเด็กไทย 

“หมอ” ครองแชมป์อาชีพในฝัน

ผลสำรวจอาชีพในฝันปีนี้พบว่า อาชีพที่เด็กไทยอยากเป็นมากที่สุดคือ หมอ เพราะอยากรักษาคนและช่วยเหลือผู้อื่น รองลงมาคือ ครู สำหรับอาชีพมาแรงในปีนี้ ได้แก่ YouTuber และดารา นักร้อง ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 3 และ 4 ตามลำดับ

โดยเด็กๆ ให้เหตุผลว่าเป็นอาชีพที่ได้มอบความบันเทิง และความสุขให้ผู้อื่น สำหรับดารา-นักร้อง นั้นเป็นอาชีพที่ไม่เคยติด Top 5 มาก่อน คาดว่าเป็นเพราะปัจจุบันมีการทำคลิปคอนเทนต์โปรโมต ดารา นักร้อง อยู่ใน YouTube มากขึ้นซึ่งเป็นสื่อหลักที่เด็กเปิดรับมากที่สุด จึงทำให้คะแนนเพิ่มขึ้นมาในปีนี้ ส่วนอันดับที่ 5 ได้แก่ ตำรวจ

BLACKPINK คว้าอันดับ 1 ไอดอลขวัญใจ

สำหรับผลโหวตไอดอลในดวงใจของเด็กไทยปีนี้พบว่า BLACKPINK ได้รับคะแนนโหวตมากที่สุด โดย BLACKPINK เป็นที่ชื่นชอบของเด็กไทย จากความสามารถที่โดดเด่นทั้งด้านการร้อง และการเต้น รวมถึงหน้าตาที่สวยน่ารัก

โดยสมาชิกที่เป็นที่ชื่นชอบมากที่สุดในวงคือ ลิซ่า หรือ ลลิษา มโนบาล สมาชิกคนไทยเพียงหนึ่งเดียวในวงที่นอกจากจะเต้น และแร็ปเก่งแล้วยังได้รับคำชมด้านความอดทน ความพยายาม และความกตัญญูอีกด้วย

ส่วน เก๋ไก๋ สไลเดอร์ YouTuber ที่มียอดผู้ติดตามสูงสุดในประเทศไทยและเป็นแชมป์เก่าในปีที่แล้ว ปีนี้อยู่ในอันดับที่ 2 อันดับที่ 3 ได้แก่ BTS วงบอยแบนด์เกาหลีที่เพิ่งพาเพลงครองแชมป์ Billboard ได้สำเร็จ

โดยเด็กๆ ระบุว่าวง BTS เป็นแรงบันดาลใจทำให้มีกำลังใจในการเรียนมากขึ้น อันดับที่ 4 ได้แก่ แป้ง ZbingZ นักแคสเกมและ YouTuber ชื่อดังที่ติดโพลล์มา 4 ปีซ้อน และอันดับ 5 ได้แก่ เนม MNJTV นักแคสเกม Free Fire ที่มาแรงติดโพลล์เป็นครั้งแรก

YouTube ครองแชมป์สื่อที่มีอิทธิพลต่อเด็ก

ผลสำรวจ Adecco Children Survey ประจำปี 2564 พบว่าเด็กไทยชอบเทคโนโลยี โดยเมื่อต้องหาความรู้นอกตำราก็มักจะค้นคว้าจากอินเทอร์เน็ตผ่านการเสิร์ช Google และดู YouTube ในยามว่างก็จะใช้เทคโนโลยีในการเล่นเกม ดู YouTube เล่นโซเชียลมีเดีย

โดยสื่อโซเชียลที่เข้าถึงเด็กไทยอายุ 7-14 ปีมากที่สุด ได้แก่ YouTube 94%, Facebook 80%, LINE 74%, TikTok 73%, Instagram 50% และ Twitter 26% ซึ่ง YouTube เป็นสื่อที่ได้รับความนิยมอันดับหนึ่งทุกปีที่มีการสำรวจ ขณะที่ TikTok ก็เป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มมาแรงที่เด็กๆ ชื่นชอบ โดยได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ จากการสำรวจในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้เมื่อถามถึงการเรียนออนไลน์ช่วง COVID-19 ระบาด พบว่าเด็กไทย 96% ได้เรียนออนไลน์ ขณะที่อีก 4% ไม่ได้เรียนออนไลน์เพราะขาดอุปกรณ์และอินเทอร์เน็ต โดย 52% ระบุว่าพวกเขาชอบเรียนออนไลน์ เพราะไม่ต้องเดินทาง ไม่ต้องตื่นเช้า สามารถเรียนจากที่ไหนก็ได้ เมื่อไม่เข้าใจตรงไหนก็วนกลับมาดูซ้ำได้ และยังช่วยให้ปลอดภัยจากโรคระบาด ขณะที่อีก 46% ระบุว่าไม่ชอบเรียนออนไลน์เพราะรู้สึกว่าเรียนไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจก็ไม่สามารถถามได้ ไม่มีกิจกรรม ไม่ได้เจอเพื่อน จึงทำให้รู้สึกเบื่อ และบางคนยังประสบปัญหาจากสัญญาณอินเทอร์เน็ตที่ไม่เสถียรอีกด้วย

ธิดารัตน์ กาญจนวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทอเด็คโก้ ประเทศไทย กล่าวว่า

“แต่ก่อนการศึกษาไทยเน้นผลิตเด็กแบบป้อนความรู้และผลิตคนสู่การเป็นแรงงานในภาคอุตสาหกรรม แต่ทุกวันนี้เราอยู่ในยุคดิจิทัลที่พลเมืองทั้งโลกมีความเชื่อมต่อกัน ขณะที่การเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมากกว่าเดิมหลายเท่า ดังนั้นวันนี้ถ้าพูดถึงการศึกษาเราต้องมองให้ไกลกว่าเดิม เด็กไทยวันนี้ต้องมีทักษะแบบที่โลกต้องการจึงจะสามารถอยู่รอดในโลกยุคใหม่ได้อย่างมั่นคง ทักษะทางด้านภาษา โดยเฉพาะภาษาอังกฤษและภาษาจีน ทักษะดิจิทัล รวมถึงทักษะทางสังคมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทักษะการสื่อสารหรือทำงานร่วมกับผู้อื่น จะเป็นทักษะที่สำคัญยิ่งกว่าที่เคย ขณะเดียวกันการเรียนการสอนก็ต้องเน้นให้เด็กฝึกคิดวิเคราะห์ด้วยตนเอง ไม่ใช่เรียนแบบท่องจำอีกต่อไป เพราะความรู้ทุกวันนี้ล้าสมัยเร็วมาก เราจึงต้องปลูกฝังเด็กไทยให้มีความใฝ่รู้ สามารถค้นคว้าและเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง”

]]>
1313134
“มนต์แคน แก่นคูน” เบียด BLACKPINK คว้าศิลปินยอดวิวสูงสุดใน YouTube ปี 2020 https://positioningmag.com/1312934 Tue, 05 Jan 2021 05:33:25 +0000 https://positioningmag.com/?p=1312934 เกาหลีต้องพ่ายให้กับพลังโลคอล เมื่อเพลงลูกทุ่งครองแพลตฟอร์ม YouTube “มนต์แคน แก่นคูน” เบียด BLACKPINK คว้าศิลปินยอดวิวสูงสุด ประจำปี 2020 ด้วยยอดวิว 976 ล้านวิว

เว็บไซต์ chartmasters.org ได้เปิดข้อมูลการสตรีมเพลงใน YouTube ของแต่ละประเทศ ทำให้เห็นถึงพฤติกรรมของคนในประเทศนั้นๆ บางประเทศก็ได้อิทธิพลจากเพลงสากล บางประเทศก็แสดงให้เห็นถึงพลังโลคอลอย่างเห็นได้ชัด

ในประเทศไทยคอนเทนต์โลคอลอย่าง “เพลงลูกทุ่ง” ยังคงครองใจคนไทยได้อยู่ พบว่าอันดับ 1 ในปีนี้ได้แก่ “มนต์แคน แก่นคูน” ไม่ได้เจาะจงในแต่ละเพลง แต่เป็นการนับที่ศิลปิน เรียกว่าเบียดศิลปินแห่งยุคอย่าง BLACKPINK มียอดวิวเกือบพันล้านวิวได้

ส่วนอันดับอื่นๆ ก็ยังมีศิลปินลูกทุ่งติดโผอีก ทั้งไผ่ พงศธร, จินตหรา พูนลาภ และลำเพลิน วงศกร แต่ศิลปินเกาหลีก็มีทั้ง BLACKPINK และ BTS ที่ครองชาร์ตในหลายๆ ประเทศอยู่เช่นกัน

Source

]]>
1312934
แฟนคลับ “อินโดนีเซีย” ครองแชมป์ FC “ลิซ่า BLACKPINK” มากที่สุดใน IG ไทยอันดับ 2 https://positioningmag.com/1286587 Sat, 04 Jul 2020 15:02:44 +0000 https://positioningmag.com/?p=1286587 เปิดข้อมูล IG “ลิซ่า BLACKPINK” มีแฟนคลับมากกว่า 34 ล้านคน โดย 3 อันดับแรกคือ อินโดนีเซีย ไทย และฟิลิปปินส์

THE LEADERS SE (เดอะ ลีดเดอร์ส เอสอี) บริษัทบริการแพลตฟอร์ม Influencer Marketing Service ชั้นนำของโลก เผยตัวเลขทางสถิติของบรรดาแฟนคลับ ใน Instagram ของ “ลิซ่า BLACKPINK” (Instagram: lalalalisa_m)

ทั้งนี้ข้อมูลดังกล่าวระบุว่า ใน IG ของ ซ่า BLACKPINK มีแฟนคลับมากกว่า 34 ล้านคน โดย 3 อันดับแรกที่ เป็น FC สูงสุดของ ลิซ่า BLACKPINK มีดังนี้

อันดับที่ 1 เป็นแฟนคลับชาวอินโดนีเซีย มีมากกว่า 24%

อันดับที่ 2 เป็นแฟนคลับจากไทยเรามี 15%

อันดับที่ 3 เป็นแฟนคลับจากประเทศฟิลิปปินส์มี 7%

ภาพจาก : https://www.instagram.com/lalalalisa_m/?hl=th

สำหรับ “ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล” หรือ “ลิซ่า BLACKPINK” เป็นศิลปินสุดฮอตชาวไทยแห่งวง BLACKPINK เกิร์ลกรุ๊ปชื่อดังจากเกาหลี

ล่าสุด ลิซ่า BLACKPINK ได้รับการจัดอันดับให้เป็น “ผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก” ประจำปี 2020 จากการจัดอันดับของ “100 MOST BEAUTIFUL FACES” ซึ่งในปี 2019 ลิซ่า อยู่อันดับ 3 แต่ในปีนี้ เธอก้าวขึ้นมาคว้าอันดับ 1 อย่างสมศักดิ์ศรี

Source

]]>
1286587
จะเกิดอะไรขึ้น? เมื่อ YG Ent. จดลิขสิทธิ์ชื่อ-นามสกุล “ลิซ่า BlackPink” https://positioningmag.com/1263929 Tue, 11 Feb 2020 16:41:30 +0000 https://positioningmag.com/?p=1263929 ทำเอาฮือฮาทีเดียวเมื่อมีการยืนยันว่าค่าย YG Entertainment ต้นสังกัดของสาวๆ วง BlackPink ได้ทำการจดลิขสิทธิ์ชื่อจริงและนามสกุลของ “ลิซ่า ลลิษา มโนบาล” เป็นที่เรียบร้อย

ตามรายงานระบุว่า YG Entertainment ได้จดลิขสิทธิ์ชื่อ “Manobal Lalisa” และ “Manobal” ในหมวดของเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายไว้เรียบร้อยแล้ว

ซึ่งลิขสิทธิ์ชื่อที่เป็นเครื่องหมายการค้านี้ถูกบันทึกไว้ตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2019 และเริ่มบังคับใช้จริงในเดือน ม.ค. 2020 นับเป็นการยืนยันว่าชื่อของ ลิซ่า จะครอบคลุมเกี่ยวกับสิ่งของที่เป็นเครื่องแต่งกายโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นชุดชั้นใน, ผ้าพันคอ หรือเสื้อผ้าสำเร็จรูปต่างๆ

งานนี้จึงอาจเป็นไปได้ว่า Lisa อาจกำลังมีแบรนด์เสื้อผ้าเป็นของตนเอง ภายใต้การดูแลของ YG Ent.

การจดลิขสิทธิ์ชื่อของศิลปินที่ YG Entertainment ทำ นับว่าไม่ใช่ครั้งแรก และถูกวิพากษ์วิจารณ์มาตลอดนับตั้งแต่สมัย G-Dragon (จี ดรากอน) และ Taeyang (แทยาง) จากวง BigBang เพราะถ้าทั้งคู่เลือกที่จะไม่ต่อสัญญากับทาง YG ในปีนี้ทั้งคู่ก็จะหมดสิทธิ์ในการใช้ชื่อดังกล่าวในวงการบันเทิงต่อไป

ส่วนการจดลิขสิทธิ์ชื่อของลิซ่า ก็ทำเอาชาว Blink ออกอาการเป็นห่วงว่าชื่อจริงและนามสกุลของ ลิซ่า อาจหมดสิทธิ์ใช้ตลอดไปหากเธอออกจากค่าย YG

อย่างไรก็ตาม สังเกตได้ว่าทางค่ายได้จดลิขสิทธิ์ “Manobal” ไม่ใช่ “Manoban” ที่ ลิซ่า ใช้อยู่ โดย ลิซ่า เองก็เคยชี้แจงเรื่องนี้กับแฟนๆ ไปแล้วว่าชื่อ-นามสกุล ภาษาอังกฤษของเธอ เขียนว่า “Lalisa Manoban” พร้อมระบุว่า ภาษาไทย ออกเสียง L หรือ ล.ลิง เป็น N หรือ น.หนู เพราะฉะนั้นถ้าเขียนเป็นภาษาอังกฤษแบบตรงตัวก็จะเป็น Manobal แต่ถ้าเขียนตามการออกเสียงภาษาไทยก็จะเป็น Manoban เพราะฉะนั้นชื่อและนามสกุลของเธอจึงเขียนตามการออกเสียงว่า “Lalisa Manoban” พร้อมกับยืนยันว่า เธอไม่ชอบ “Manobal” เพราะฟังดูแปลก ๆ

อย่างไรก็ตาม ทาง YG Ent. ก็ได้จดลิขสิทธิ์โดยใช้ “Manobal” และ “Lalisa Manobal” ไปแล้ว จึงคาดว่าไม่น่าจะมีผลต่อการใช้ชื่อจริงหากเธอออกจากค่ายแต่อย่างใด

Source

]]>
1263929
เเฟนคลับส่งพลังโซเชียล 10 ศิลปิน K-pop ที่มีคนพูดถึงบนทวิตเตอร์มากที่สุดปี 2019 https://positioningmag.com/1260562 Wed, 15 Jan 2020 08:30:40 +0000 https://positioningmag.com/?p=1260562 โลกทวิตเตอร์กำลังขับเคลื่อนด้วยพลังเเฟนคลับ ด้วยบทสนทนาเกี่ยวกับ K-pop ครองสถิติใหม่ทั่วโลกกว่า 6.1 พันล้านทวีตในปี 2019 เพิ่มขึ้นถึง 15% จากปี 2018 เเละประเทศไทยก็ครองเเชมป์ทวีตถึงวงการเพลงเกาหลีมากที่สุดในโลก 

โดยเเอคเคาท์ของกลุ่มศิลปินมากความสามารถอย่าง BTS (@bts_twt) ครองตำแหน่ง ‘Golden Tweet’ ที่มีผู้กล่าวถึงบนทวิตเตอร์ถึงมากที่สุดในปีที่ผ่านมา พร้อมสร้างกระเเสที่โด่งดังไปทั่วโลก

วงการ K-pop เริ่มได้รับความนิยมในเกาหลีใต้ตั้งเเต่ 25 ปีที่เเล้ว เเละไม่กี่ปีที่ผ่านมาก็ฮอตฮิตเเบบฉุดไม่อยู่ ไม่เพียงเเต่ในเอเชียเท่านั้นเเต่ยังขยายไปทั่วโลก จากปัจจัยหลายอย่างทั้งสื่อสังคมโซเชียล กระเเสดนตรีป็อป เเละความนิยมของศิลปินทั้งหลาย

เเละนี่คือ 10 ประเทศที่ทวีตเกี่ยวกับ K-pop มากที่สุดในปี 2019 โดยประเทศไทยครองเเชมป์อย่างลอยลำ ตามมาด้วยเจ้าถิ่นอย่างเกาหลีใต้ เเละอินโดนีเซีย สหรัฐฯ ฟิลิปปินส์ ตามลำดับ

ต่อมาเป็น 10 อันดับแอคเคาท์ศิลปิน K-Pop ที่มีคนพูดถึงมากที่สุดปี 2019 หนุ่มๆ BTS ขวัญใจยังคงครองตำแหน่งแชมป์ตามความคาดหมาย ตามมาด้วย EXO และ GOT7 , MONSTA X, BLACKPINK, Seventeen, แบคฮยอน EXO, NCT 127, TOMORROW x TOGETHER และ แบมแบม GOT7

ส่วน 10 เเอคเคาท์ศิลปิน K-Pop ที่เติบโตเเละมีผู้ติดตามเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วที่สุด ปี 2019 ได้เเก่ 4 สาวจากวง Blackpink ที่มีศิลปินสาวไทย “ลิซ่า ลลิษา มโนบาล” เป็นหนึ่งในสมาชิก ตามมาด้วยการรวมตัวของศิลปินหนุ่มเเห่งค่าย SM อย่าง SuperM เเละกลุ่มศิลปินรุ่นน้องอย่าง TXT, Stray Kids, WayV, Ateez, X1, Itzy, AB6IX และ (G)I-dle

ด้วยพลังเเห่งเทพมักเน่ของ “จองกุก BTS” ที่เต้นเพลง “Bad Guy” ของ Billie Eilish กลายเป็นโพสต์ที่ถูกรีทวีตมากที่สุดในปี 2019 โดยคลิปดังกล่าวได้กลายเป็น “Golden Tweet” ที่มียอดรีทวิตแล้วประมาณ 1.1ล้านทวีต เเละกดชื่นชอบกว่า 2.4 ล้านครั้ง มียอดวิวกว่า 28.4 ล้านครั้ง

ในปี 2019 ทวิตเตอร์มีความพยายามที่จะสร้างปฏิสัมพันธ์กับเหล่าแฟนคลับ K-pop ซึ่งเป็นฐานผู้ใช้จำนวนมหาศาลโดยพวกเขาได้สร้างสถิติใหม่ด้วยแฮชแท็ก #TwitterBestFandom ซึ่งถูกใช้ทวีตในช่วงที่มีการโหวตรางวัลประจำปี Soompi Awards ครั้งที่ 14 โดยมีผู้ใช้ทวีตไปกว่า 60 ล้านครั้งภายใน 24 ชั่วโมง ขณะที่ SuperM เป็นกลุ่มศิลปินที่การถ่ายทอดสดบน Twitter Blueroom และมีผู้ชมมากที่สุดในปี 2019 โดยมีผู้ชมมากกว่า 2 ล้านคน

เพื่อสร้างสีสันให้เเก่วงการ K-pop ให้เชื่อมกับสังคมออนไลน์มากขึ้นยิ่งไปอีก ทางทวิตเตอร์มีเเผนสร้างคอนเทนต์คุณภาพด้วยการเป็นพันธมิตรกับอีเวนต์ K-Pop ต่าง ๆ เช่น Soompi Awards, KCON และ MAMA พร้อมกับเหล่าศิลปินมากมาย เพื่อช่วยขยายอิทธิพลของวงการนี้ไปทั่วโลกต่อไปด้วย

#KpopTwitter #ThisHappened

]]>
1260562