BMW – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Fri, 04 Nov 2022 09:08:34 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 CFO ของ BMW เผย “อนาคตอาจให้ลูกค้าซื้อรถยนต์ไม่ต้องผ่านดีลเลอร์ได้” https://positioningmag.com/1406806 Fri, 04 Nov 2022 07:42:54 +0000 https://positioningmag.com/?p=1406806 ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน (CFO) ของ BMW ได้กล่าวกับสื่อของเยอรมันอย่าง Muenchner Merkur ว่าในอนาคต บริษัทมีแผนที่จะให้ลูกค้าสามารถสั่งซื้อรถยนต์โดยตรงกับบริษัท โดยไม่ต้องผ่านผู้จำหน่าย (ดีลเลอร์) ซึ่งแผนการดังกล่าวนั้นจะเริ่มต้นในปี 2024 และเริ่มกับรถยนต์บางรุ่นก่อน

สำหรับรถยนต์ของทางบริษัทที่จะเริ่มนำมาวางจำหน่ายโดยตรงประกอบไปด้วย Mini ในปี 2024 และตามมาด้วย BMW ในปี 2026 โดย CFO รายนี้กล่าวว่าบริษัทต้องการที่จะให้ลูกค้าของบริษัทสามารถสั่งซื้อรถยนต์กับบริษัทได้โดยตรง นอกจากนี้ทางบริษัทได้เริ่มคุยกับผู้จำหน่ายในทวีปยุโปรเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้างแล้ว

สื่อเยอรมันรายนี้ยังรายงานว่าหลังจากนี้ผู้จำหน่ายอาจปรับเปลี่ยนรูปแบบเป็นศูนย์ให้บริการซ่อมบำรุง และทำให้ดีลเลอร์รถยนต์นั้นในอดีตสามารถต่อรองราคารถยนต์กับบริษัทได้อาจต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการทำธุรกิจใหม่

ไม่ใช่แค่ BMW เท่านั้นที่ต้องการให้ลูกค้าซื้อรถยนต์โดยตรง ก่อนหน้า GM ผู้ผลิตรถยนต์ของสหรัฐอเมริกาก็ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการขายนี้เช่นกัน ขณะที่ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าหลายรายได้ใช้โมเดลให้ลูกค้าสามารถซื้อรถยนต์ไฟฟ้าได้โดยตรงมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น Tesla รวมไปถึงคู่แข่งหลายราย

อย่างไรก็ดีรายละเอียดที่ CFO รายดังกล่าวนี้ที่สื่อเยอรมันได้สัมภาษณ์ยังมีน้อยมาก แต่จะเห็นได้ว่าโมเดลการขายรถยนต์ในอนาคตนั้นมีความเป็นไปได้ว่าผู้ผลิตรถยนต์หลายรายอาจเลือกใช้โมเดลนี้แทนการใช้ผู้จำหน่าย 

ที่มา – Muenchner Merkur

]]>
1406806
CFO ของ BMW มั่นใจ ยอดขาย EV ปีหน้าอาจเติบโตได้มากกว่า 70% หลังความต้องการเพิ่ม https://positioningmag.com/1401854 Tue, 27 Sep 2022 04:27:26 +0000 https://positioningmag.com/?p=1401854 ผู้บริหารด้านการเงินของ BMW ได้แสดงความมั่นใจว่ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในปีหน้าของบริษัทนั้นจะเติบโตมากกว่า 70% โดยเขาชี้ให้เห็นว่ายอดขายยังเติบโต ขณะเดียวกันปัญหาด้านการขาดแคลนพลังงานยังไม่สร้างผลกระทบกับบริษัทในปีนี้

Nicolas Peter ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงินของ BMW ได้กล่าวกับสื่อมวลชนว่า ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในปี 2023 นั้นอาจได้เห็นการเติบโตมากกว่า 70% โดยคาดว่าจะอยู่ที่ 400,000 คัน หลังจากความต้องการในรถยนต์ประเภทดังกล่าวนี้ยังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง

อย่างไรก็ดีในช่วงที่ผ่านมา BMW เป็นอีกบริษัทที่ประสบปัญหาในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเหมือนกับผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาของชิปขาดแคลน หรือแม้แต่วัสดุสำคัญอย่างนิกเกิลที่ใช้ในแบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้า

ผู้ผลิตรถยนต์จากเยอรมันรายนี้คาดว่าสัดส่วนการขายรถยนต์ไฟฟ้าจะมีสัดส่วนมากถึง 10% จากยอดขายรถยนต์รวมทั้งหมดของบริษัทในปี 2022 นี้

ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงินรายดังกล่าวถึงสถานการณ์ยอดขายรถยนต์ทั่วโลก เขาชี้ว่าในช่วงเวลานี้ยอดขายในจีนกำลังค่อยๆ ฟื้นตัว และเปรียบว่าสถานการณ์ในปีนี้เหมือนกับ “รถไฟเหาะ” ขณะที่ยอดขายในทวีปยุโรปยังมีความต้องการอยู่ แต่มีสัญญาณอ่อนแอลง

ขณะที่ด้านภาคการผลิตรถยนต์ของบริษัทที่ต้องใช้พลังงานอย่างก๊าซธรรมชาตินั้น เขาได้กล่าวว่าโรงงานในเยอรมันและออสเตรียได้ลดการใช้ก๊าซลงถึง 15% และจะลดลงมากกว่านี้ เขายังชี้ว่าปัญหาการขาดแคลนก๊าซธรรมชาตินั้นไม่กระทบกับบริษัทโดยตรงในปี 2022 นี้ นอกจากนี้เขาชี้ว่าซัพพลายเออร์ของบริษัทก็ยังไม่มีการลดกำลังการผลิตชิ้นส่วนที่ส่งให้บริษัทด้วย

ขณะที่ในปี 2022 นั้นคาดว่ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้าของ BMW จะขายได้ราวๆ 240,000 คัน ถึง 250,000 คัน

ที่มา – Auto News Europe

]]>
1401854
บริษัท ‘ยานยนต์’ ทั่วโลกแห่ ‘คว่ำบาตรรัสเซีย’ สั่งเบรกส่งออก-หยุดสายการผลิต https://positioningmag.com/1376249 Thu, 03 Mar 2022 08:20:23 +0000 https://positioningmag.com/?p=1376249 ดูเหมือนมาตรการคว่ำบาตรของนานาประเทศจะเริ่มรุนแรงมากขึ้น เริ่มจากที่ชาติตะวันตกได้ปิดธนาคารรัสเซียบางแห่งจากเครือข่ายการเงินทั่วโลกของ SWIFT ทำให้บริษัทระดับโลกหลายสิบแห่งหยุดการส่งออกและหยุดการดำเนินงานในประเทศชั่วคราว ทุบค่าเงินรูเบิล และบังคับให้ธนาคารกลางขึ้นอัตราดอกเบี้ย ล่าสุด บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลกก็เริ่มระงับการผลิตและส่งออกไปยังรัสเซียแล้ว

ผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของญี่ปุ่น เริ่มจาก โตโยต้า (Toyota) ได้ระงับสายการผลิตในรัสเซีย ส่วนหนึ่งมาจากการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกภายหลังการรุกรานยูเครน ทำให้กระทบต่อการขนส่งและตัดซัพพลายเชน โดยโตโยต้าระบุเพิ่มเติมว่า บริษัทยังได้ระงับการส่งออกรถยนต์ไปยังรัสเซียอย่าง ไม่มีกำหนด เช่นเดียวกันกับ ฮอนด้า (Honda) และ มาสด้า (Mazda)

โตโยต้า ถือเป็นแบรนด์ชั้นนำของญี่ปุ่นในรัสเซีย โดยสามารถผลิตรถยนต์ได้ประมาณ 80,000 คันที่โรงงานในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก โดยมีพนักงานรวมกว่า 2,000 คน

ในส่วนของผู้ผลิตรถยนต์จากฝั่งยุโรป ก็มี Volvo ถือเป็นบริษัทผู้ผลิตยานยนต์แรกที่ออกมาประกาศระงับการส่งออกไปยังรัสเซีย ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และตามมาด้วย General Motors (GM), Mercedes-Benz, Ford และ BMW ก็หยุดการผลิตและส่งออกรถยนต์ไปยังรัสเซีย

สำหรับ Mercedes-Benz ไม่ใช่แค่ระงับการผลิตและส่งออก แต่ยังเตรียมขายหุ้น 15% ของบริษัท Kamaz ผู้ผลิตรถบรรทุกสัญชาติรัสเซียให้เร็วที่สุดอีกด้วย

แทบทุกอุตสาหกรรมร่วมคว่ำบาตร

เรียกได้ว่าตอนนี้แทบทุกอุตสาหกรรมกำลังคว่ำบาตรรัสเซีย อย่างฝั่งของโลจิสติกส์ก็มี MSC สายการเดินเรือที่ใหญ่ที่สุดในโลก และ Maersk ระงับการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ไปและกลับจากประเทศรัสเซีย โดย Maersk ระบุว่า “การขนส่งอาหารและเวชภัณฑ์ไปยังรัสเซียมีความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายหรือเน่าเสียเนื่องจากความล่าช้าที่สำคัญที่ท่าเรือและศุลกากร”

ส่วน Amazon.com ก็ได้เปิดเผยว่าบริษัทกำลังใช้ความสามารถด้านโลจิสติกส์เพื่อจัดหาสิ่งของให้กับผู้ที่ต้องการและผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยในโลกไซเบอร์เพื่อช่วยเหลือรัฐบาลและบริษัทต่าง ๆ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนยูเครน นอกจากนี้ Japan Airline และ ANA Holdings ซึ่งปกติใช้น่านฟ้ารัสเซียสำหรับเที่ยวบินยุโรปก็ได้ออกมายกเลิกเที่ยวบินทั้งหมดไปและกลับจากยุโรป

ในส่วนของธุรกิจพลังงาน ก็มีบริษัทพลังงานสหรัฐฯ Exxon Mobil บริษัทพลังงานของอังกฤษ BP และ Shell ต่างก็ถอนการลงทุนในรัสเซีย

นอกจากนี้ แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งต่าง ๆ อาทิ Spotify ก็ได้ปิดสำนักงานในรัสเซียอย่างไม่มีกำหนด ส่วน Netflix ได้เบรกออริจินอลคอนเทนต์ 4 เรื่องที่ถ่ายทำในรัสเซีย ส่วนบริษัทด้านความบันเทิงยักษ์ใหญ่อย่าง Disney และ Warner Bros. ได้ประกาศระงับการฉายภาพยนตร์ทุกเรื่องในรัสเซีย

บริษัทยักษ์ใหญ่อื่น ๆ อาทิ H&M บริษัทสินค้าแฟชั่นสัญชาติสวีเดน ได้หยุดการขายในรัสเซียชั่วคราว ส่วน Apple ก็หยุดการขาย iPhone และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ในรัสเซียด้วย

Reuter / Japantoday / variety

]]>
1376249
จับตา ‘BMW’ กับการรักษาแชมป์ตลาดรถหรูปี 2021 ที่เปิดก่อนด้วย 5 รุ่นใหม่ https://positioningmag.com/1319537 Tue, 16 Feb 2021 07:05:04 +0000 https://positioningmag.com/?p=1319537 หลังจากที่ไม่สามารถขึ้นเป็น ‘เบอร์ 1’ ในตลาดรถยนต์พรีเมียมได้สักที เพราะมี ‘ก้าง’ ชิ้นใหญ่อย่าง ‘Mercedes-Benz’ ขวางอยู่ แต่ในปี 2020 ‘BMW’ ก็สามารถแซงและขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งตลาดรถหรู พร้อมครองส่วนแบ่งตลาดที่ 51.2% อย่างไรก็ตาม การครองแชมป์ว่ายากแล้ว แต่การรักษาแชมป์นั้นยากยิ่งกว่า แต่ BMW ก็ประกาศชัดว่าในปี 2021 จะยังคงรักษาตำแหน่งให้ได้

เบอร์ 1 ด้วยส่วนแบ่ง 51.2%

ภาพรวมตลาดรถนั่งปี 2020 ลดลงถึง 31% ขณะที่ตลาดรถหรูมีจำนวนทั้งสิ้น 24,263 คัน ลดลง 17.7% ซึ่งจะเห็นว่าตลาดรถหรูได้รับผลกระทบจาก COVID-19 น้อยกว่าตลาดทั่วไป ขณะที่ BMW Group (นับรวมยอดขายรถ MINI) มียอดส่งมอบรวมทั้งหมด 12,426 คัน ทำให้แบรนด์สามารถครองส่วนแบ่งการตลาดในกลุ่มรถยนต์พรีเมียมที่ 51.2% จากในปี 2019 มีส่วนแบ่งตลาด 43.9% ทั้งนี้ แบรนด์ BMW ส่งมอบรถยนต์รวม 11,242 คัน ลดลง 4.3% จากปีก่อนหน้า ขณะที่ MINI มียอดการส่งมอบ 1,184 คัน ลดลงจากปีก่อนหน้า 1.7% ด้าน BMW Motorrad ที่เป็นแบรนด์รถจักรยานยนต์มีการส่งมอบที่ 1,224 คัน

ที่น่าสนใจคือ กลุ่ม BMW M หรือรถยนต์สมรรถนะสูง มียอดขายเติบโต 40% จากปี 2019, Plug-in Hybrid มียอดขายเติบโต 33.8% และรถยนต์มือสองเติบโต 43.4%

ส่งออกยังไปได้สวย

ส่วนด้านการผลิต บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย มียอดการประกอบรถยนต์และมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยูรวมกว่า 32,052 คัน เพิ่มขึ้น 0.3% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยแบ่งเป็นยอดการประกอบรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู 23,177 คัน ลดลง 10% และยอดประกอบมอเตอร์ไซค์ BMW Motorrad ที่ 8,875 คัน เพิ่มขึ้น 43%

ส่วนในด้านการส่งออกนั้น มีการส่งออกรถยนต์และมอเตอร์ไซค์รวม 23,143 คัน เพิ่มขึ้นถึง 24% โดยแบ่งเป็นรถยนต์ BMW กว่า 15,079 คัน เพิ่มขึ้น 3% และมีการส่งออกมอเตอร์ไซค์กว่า 8,064 คัน เพิ่มขึ้นถึง 97%

ช่องทางดิจิทัลที่เน้นยิ่งขึ้น

BMW Group Thailand ในปีที่ผ่านมามีการปรับปรุงกลยุทธ์ในหลายด้าน ทั้งผลิตภัณฑ์ยานยนต์รุ่นใหม่, การดูแลลูกค้าหลังการขาย การปรับตัวด้านดิจิทัลเพื่อเข้าถึงกลุ่มคนที่มีความสนใจ โดยการนำระบบ Augmented Reality มาใช้เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสรถยนต์ รวมถึงการนำเสนอบริการผ่านช่องทางออนไลน์ในงานมอเตอร์โชว์และมอเตอร์ เอ็กซ์โป กับบีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย

“เมื่อชีวิตประจำวันในหลายด้านต้องหยุดชะงักลงชั่วขณะ เราจึงขยายการทำตลาดผ่านช่องทางดิจิทัลให้กว้างขวางขึ้นจากปีก่อน ๆ โดยรวมไปถึงการสร้างประสบการณ์ดิจิทัลในสองงานใหญ่ประจำปี ทั้งบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2020 และมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 37 ควบคู่ไปกับการจัดแสดงรถยนต์หน้างานจริง” อเล็กซานเดอร์ บารากา ประธาน BMW Thailand กล่าว

อเล็กซานเดอร์ บารากา ประธาน BMW Thailand

เปิด 5 รุ่นใหม่รักษาแชมป์

สำหรับปีนี้ BMW Group ได้เตรียมเปิดผลิตภัณฑ์ยานยนต์ใหม่เพื่อรักษาแชมป์ในปี 2021 โดยในส่วนของแบรนด์ BMW มี 2 รุ่น ได้แก่ X7 xDrive30d M Sport ราคา 5.999 ล้านบาท ประกอบในประเทศโดยจะถูกกว่ารุ่นนำเข้าเมื่อปี 2019 ที่มีราคา 8.999 ล้านบาท โดยได้เครื่องยนต์เล็กกว่า ซึ่งราคาที่ถูกลงนั้นมั่นใจว่าจะช่วยในการดึงดูดลูกค้ามากขึ้น และอีกรุ่นคือ 330Li M Sport ราคา 2.899 ล้านบาท

ในส่วนของแบรนด์ MINI ก็เตรียมเปิดตัว มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน เอนทรี ราคา 1.999 ล้านบาท, มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน ไฮทริม ราคา 2.529 ล้านบาทและ มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์กส์ GP Inspired Edition ราคา 3.448 ล้านบาท รวมถึงจักรยานยนต์ บีเอ็มดับเบิลยู R 18 Classic First Edition ในตระกูลครูสเซอร์ ราคา 1.250 ล้านบาท

ด้านนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้ายังคงเดินหน้าต่อไป โดยที่ผ่านมาเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบอย่าง มินิ คูเปอร์ เอสอี พร้อมด้วยรถยนต์ PHEV อีกสี่รุ่นในตระกูลซีรีส์ 3 ซีรีส์ 7 X3 และ X5 ซึ่งมีสัดส่วนการขายมากกว่า 30% โดยในปีนี้จะยังคงมีแผนการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าออกมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เครือข่ายสถานีอัดประจุไฟฟ้าสาธารณะ ChargeNow มีจำนวนหัวจ่ายเพิ่มขึ้นเป็น 111 หัวจ่ายใน 67 จุดบริการทั่วประเทศ

มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน

ที่น่าจับตาในปีนี้คงไม่ใช่แค่ BMW จะสามารถรักษาแชมป์ได้หรือไม่ แต่ Mercedes-Benz ที่เสียแชมป์ไปก็เป็นอีกแบรนด์ที่น่าจับตาว่าจะสามารถทวงตำแหน่งของตัวเองที่เคยทำสถิติเป็นเบอร์ 1 นานนับสิบปีได้อย่างไร

]]>
1319537
ส่อง 5 แบรนด์รถ EV ยอดขายสูงสุดในโลก ที่แสดงให้เห็นว่า ‘Tesla’ มีโอกาสถูกโค่นแชมป์ https://positioningmag.com/1318588 Tue, 09 Feb 2021 06:45:06 +0000 https://positioningmag.com/?p=1318588 เปิดปี 2021 มาก็เจอแต่ข่าวเกี่ยว ‘รถยนต์ไฟฟ้า’ หรือที่เราชอบเรียกกันว่า ‘รถ EV’ แต่รู้หรือไม่ว่าในปี 2020 รถยนต์ไฟฟ้ามียอดขายเท่าไหร่ ซึ่งจากข้อมูลของ EV Sales Blog พบว่าปี 2020 มีการขายรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด 3,124,793 คัน โดยกว่า 68% เป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบบ ‘Battery Electric Vehicle’ (BEV) หรือ ‘ยานยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ขับเคลื่อนเพียงอย่างเดียว’ ที่เหลือเป็นแบบ ‘ปลั๊กอินไฮบริด’ (Plug-in Hybrid Electric Vehicle : PHEV)

โดย 5 อันดับแบรนด์รถยนต์ที่มียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าสูงสุด (รวมทั้ง BEV และ PHEV) ได้แก่

Tesla ยอดขาย 499,535 คัน ส่วนแบ่งตลาด 16% *(Tesla มีเฉพาะรถ BEV)

Volkswagen Group ยอดขาย 421,591 คัน ส่วนแบ่งตลาด 13%

SAIC ยอดขาย 272,210 คัน ส่วนแบ่งตลาด 9%

Renault-Nissan-Mitsubishi Alliance ยอดขาย 226,975 คัน ส่วนแบ่งตลาด 7%

BMW Group ยอดขาย 195,979 คัน ส่วนแบ่งตลาด 6%

Tesla Roadster 2020

เมื่อรวมยอดขายของแบรนด์ 5 อันดับแรกคิดเป็นสัดส่วน 51.7% ของยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก และที่น่าสนใจคือ ‘Volkswagen Group’ แบรนด์ที่เคยอยู่อันดับ 6 ในปี 2019 แต่ภายในปีเดียวสามารถขึ้นมาอยู่อันดับ 2 ของตลาดได้ แถมในในไตรมาสที่ 4 Volkswagen Group มียอดขายเป็นที่ 1 สามารถแซง Tesla ได้ โดยมียอดขาย 191,000 คัน ส่วน Tesla มี 183,000 คัน

คำถามคือปี 2021 Tesla จะสามารถรักษาแชมป์ได้หรือไม่ เพราะจากการเติบโตที่ก้าวกระโดดของ Volkswagen Group ที่หายใจรดต้นคอ Tesla ในปี 2020 ก็น่าจะเป็นข้อพิสูจน์ความท้าทายที่ Tesla ต้องเผชิญได้แล้ว ขณะที่ Volkswagen ก็เริ่มรุกตลาดอย่างเต็มที่ โดยระบุว่ามีแผนจะลงทุน 35,000 ล้านยูโร (4.3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ) ในรถยนต์ไฟฟ้าภายในปี 2025 พร้อมกับมีแผนจะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าบริสุทธิ์ประมาณ 70 รุ่นภายในปี 2030 เพื่อแข่งขันกับ Tesla

จับตา ‘Volkswagen’ ในศึก ‘รถ EV’ เตรียมทุ่มเงิน 4.3 หมื่นล้านเหรียญงัดข้อกับ ‘Tesla’

ไม่ใช่แค่นั้น แต่จะเห็นว่าบริษัทเทคโนโลยีหลายรายเริ่มเห็นโอกาสจากตลาดรถยนต์ไฟฟ้า และพร้อมที่จะเข้ามาในสงครามนี้ ที่จะเห็นได้ชัดก็คือ ‘Apple’ ที่กำลังจะปิดดีลกับบริษัทรถยนต์ เช่น Hyundai หรือ KIA เพื่อผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่ Apple ออกแบบ นอกจากนี้ Peter Rawlinson อดีตหัวหน้าวิศวกรที่เคยคลุกคลีกับ Elon Musk กำลังสร้างรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ในนาม Lucid Motors ที่การันตีว่ารถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าระยะไกลที่แล่นได้เร็วและไกลที่สุดในโลกมาแข่ง ดังนั้นคงต้องจับตาดูกันยาว ๆ ว่าอาณาจักรมูลค่า 8 แสนล้านดอลลาร์ของ Tesla จะมีไม้เด็ดอะไรมางัดกับคู่แข่งที่กำลังเกิดใหม่มาเรื่อย ๆ นี้

Peter Rawlinson อดีตลูกน้อง Elon Musk สร้างรถใหม่บนจุดขาย “ดีกว่า Tesla”

Source

]]>
1318588
BMW Digital Key เปลี่ยน iPhone เป็นกุญแจรถ BMW ได้สุดล้ำ https://positioningmag.com/1293988 Tue, 25 Aug 2020 05:36:05 +0000 https://positioningmag.com/?p=1293988 เป็นที่ฮือฮา เมื่อ Apple เปิดตัว “กุญแจรถแบบดิจิทัล” (Digital Car Key) ที่งาน Apple Worldwide Developer Conference 2020 ซึ่งเป็นงานเปิดตัวนวัตกรรมใหม่ประจำปีของ Apple โดยร่วมมือกับ BMW ในฐานะผู้ผลิตรถยนต์รายแรกที่สนับสนุนการใช้งานเทคโนโลยีดังกล่าว เพื่อเปลี่ยน iPhone ให้กลายเป็นกุญแจรถดิจิทัล ให้เราเปิด-ปิดล็อกประตูและสตาร์ทรถยนต์ BMW ได้อย่างสะดวกสบาย ง่าย และปลอดภัย

วิธีการใช้งาน BMW Digital Key ก็ง่ายๆ แค่เราถือ iPhone ให้ห่างจากมือจับประตูรถประมาณ 1.5 นิ้ว จนปรากฏข้อความ “Done” บนหน้าจอโทรศัพท์ ก็เปิด-ปิดล็อกรถได้เลย

ในการใช้งานครั้งแรก ระบบจะกำหนด Express Mode ไว้เป็นค่าเริ่มต้น ให้เราเปิดประตูและสตาร์ทรถได้ทันทีโดยไม่ต้องปลดล็อกโทรศัพท์ แต่ถ้าไม่ชอบ อยากเปลี่ยนโหมดใหม่ ก็ทำได้ด้วยตัวเอง โดยเลือกได้ว่าจะเปิดและสตาร์ทรถด้วย FaceID, TouchID หรือใช้รหัสผ่าน Passcode

กรณีที่บ้านมีรถคันเดียว และต้องใช้ร่วมกันหลายคน เราสามารถแชร์ BMW Digital Key ให้คนอื่นได้ สูงสุด 5 คน และยังกำหนดการทำงานของรถเฉพาะสำหรับแต่ละคนได้ด้วย เช่น จำกัดความเร็วสูงสุด ห้ามยกเลิกระบบช่วยการทรงตัว ห้ามยกเลิกระบบช่วยความปลอดภัย รวมทั้งกำหนดความดังของเครื่องเสียงได้ ซึ่งมีประโยชน์มากเวลาที่วัยรุ่นมือใหม่มาขอยืมรถไปใช้

ถ้า iPhone หาย กดปุ่มรีเซ็ตลบฟีเจอร์นี้จากในรถได้เลย หรือจะขายรถ ก็กดปุ่มรีเซ็ตจากในรถได้เลยเช่นกัน

หรือถ้า iPhone แบตฯหมด ระบบ BMW Digital Key ยังทำงานต่อได้อีกหลายชั่วโมง แต่ถ้าเราตั้งใจปิดโทรศัพท์ BMW Digital Key จะปิดการทำงานด้วย และจะเริ่มทำงานอีกครั้งเมื่อเปิดโทรศัพท์

ก่อนจะใช้งานได้ ต้องมีการเซ็ตอัปกันก่อน การเซ็ตอัป BMW Digital Key ให้ปลอดภัย เราต้องเข้าไปนั่งในรถพร้อมกุญแจรถยนต์ แล้วกดปุ่มเชื่อมต่อซึ่งอยู่ในเมนู BMW Connected บนจอรถยนต์ จากนั้นนำ iPhone ไปวางบนถาดชาร์จเพื่อเชื่อมต่อกับรถผ่านเทคโนโลยี NFC (Near-Field Communication) แล้วทำการยืนยัน สำหรับคนที่มี Apple Watch ข้อมูลของ BMW Digital Key จะถูกเชื่อมต่อกับนาฬิกาด้วย

ด้านความปลอดภัย หายห่วง ด้วยเทคโนโลยี NFC ซึ่งมีการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลอยู่ในขั้นสุดยอด

สำหรับรถยนต์ BMW รุ่นที่สามารถใช้กุญแจรถแบบดิจิทัลได้ คือรถรุ่นที่ผลิตตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ปี 2020 เป็นต้นไป ได้แก่ BMW 1 Series, BMW 2 Series, BMW 3 Series, BMW 4 Series, BMW 5 Series, BMW 6 Series, BMW 8 Series, BMW X5, BMW X6, BMW X7, BMW M5, BMW M8, BMW X5 M, BMW X6 M และ BMW Z4 ทั้งนี้การตรวจสอบว่ารถ BMW ของเราสามารถใช้กุญแจรถแบบดิจิทัลได้หรือไม่ สามารถทำได้ผ่านทางแอปฯ BMW Connected

ส่วน iPhone รุ่นที่รองรับ BMW Digital Key ได้แก่ iPhone XR, iPhone XS, iPhone XS Max, iPhone 11, iPhone 11 Pro, iPhone 11 Pro Max, iPhone SE (เจเนอเรชั่นที่ 2) และ Apple Watch Series 5

Source

]]>
1293988
5 แบรนด์รถยนต์ที่ “เปลี่ยนโลโก้” ต้อนรับยุคแห่ง “รถยนต์ไฟฟ้า” https://positioningmag.com/1288442 Sat, 18 Jul 2020 12:17:40 +0000 https://positioningmag.com/?p=1288442 New era, New Logo อุตสาหกรรมรถยนต์ก้าวสู่ยุคแห่งความเปลี่ยนแปลง แข่งขันกันพัฒนานวัตกรรม “รถยนต์ไฟฟ้า” ช่วงชิงตลาด แต่ไม่ใช่แค่นวัตกรรมที่ต้องแข่งขันกัน การสร้างแบรนด์และการตลาดก็ต้องเปลี่ยนแปลงตามด้วย โดย 5 แบรนด์เหล่านี้ที่เรารวบรวมมาคือแบรนด์รถยนต์ที่ “เปลี่ยนโลโก้” ในปี 2019-2020 สร้างความทันสมัย โฉบเฉี่ยว เพื่อปักหมุดยุคใหม่ของโลกยานยนต์

(หมายเหตุ : เรียงตามลำดับตัวอักษร)

BMW

ค่ายรถยนต์เยอรมัน BMW เพิ่งปรับปรุงโลโก้ใหม่เมื่อเดือนมีนาคม 2020 โดยแตกต่างจากเดิมไม่มาก ส่วนกลางของโลโก้ยังเป็นสีขาวและสีฟ้าสื่อถึงรัฐบาวาเรีย ถิ่นกำเนิดของแบรนด์

แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือตัวอักษร BMW สีขาวจะไม่มีการตัดขอบเงาดำ และบริเวณสีดำในวงกลมรอบนอกจะถูกตัดออกไปเหลือเพียงขอบสีขาวล้อมรอบ ทำให้เมื่อโลโก้นี้ประดับลงบนรถยนต์ ตัวสีรถจะเข้ามาเติมเต็มช่องว่างที่สีดำของโลโก้ได้หายไปแล้วนั่นเอง ภาพรวมโลโก้ใหม่จึงมีความทันสมัยและมินิมอลมากขึ้น

การใช้งานโลโก้ใหม่บน BMW i4

โลโก้ที่ปรับใหม่นี้มาพร้อมกับรถยนต์ไฟฟ้าเจาะกลุ่มผู้บริหาร BMW i4 รถยนต์โปรโตไทป์ที่จะมาท้าชนกับ Tesla Model 3 โดยเฉพาะ

 

KIA

โลโก้ KIA เปลี่ยนจากแบบซ้ายเป็นแบบขวาสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (photo : Financial Express)

ข้ามฟากมาที่ค่ายรถยนต์เกาหลีใต้ สำนักข่าว Financial Express รายงานว่าบริษัท KIA มีการยื่นดีไซน์โลโก้ใหม่จดทะเบียนกับศูนย์บริการข้อมูลสิทธิทรัพย์สินทางปัญญาแห่งเกาหลีใต้ (KIPRIS) เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2019

โลโก้ใหม่นี้มีการเชื่อมตัวอักษร KIA เชื่อมต่อกันเป็นชุดเดียว ลาดเอียงทางขวาเล็กน้อย ใช้ลายเส้นคล้ายกับวาดด้วยปากกาหัวตัด ทำให้มีความโฉบเฉี่ยวทันสมัยยิ่งขึ้น

คอนเซ็ปต์คาร์รุ่น Imagine ของ KIA มีการใช้โลโก้ดีไซน์ใหม่ (photo : autoplus.fr)

จากรายงานข่าวพบว่าทางบริษัทได้ยื่นจดไป 2 แบบคือแบบสีดำและแบบสีแดง โดยเป็นโลโก้แบบเดียวกับที่บริษัทเคยใช้มาแล้วเมื่อนำเสนอคอนเซ็ปต์คาร์รุ่น Imagine ในงาน Geneva Motor Show จึงเป็นไปได้ว่า โลโก้ใหม่อาจจะถูกใช้สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ไฮบริด

ทั้งนี้ หากดีไซน์ใหม่ถูกนำมาใช้งานจริง หน้าตาของโลโก้จะแตกต่างจากเดิมมากพอสมควร เพราะโลโก้เดิม ตัวอักษร KIA จะไม่ติดกันและเป็นตัวตรงไม่เอียงลาด พร้อมกับมีรูปวงรีล้อมรอบตัวอักษรไว้ด้วย

 

Lotus

ด้านค่ายรถยนต์สปอร์ตก็มีการปรับโลโก้รับยุครถยนต์ไฟฟ้าเช่นกัน Lotus ค่ายรถสัญชาติอังกฤษที่ปัจจุบัน Geely บริษัทจีนซื้อไปบริหาร มีการปรับโลโก้ใหม่เมื่อเดือนสิงหาคม 2019

Lotus เป็นแบรนด์ที่มีประวัติยาวนานถึง 71 ปี ก่อตั้งโดย แอนโธนี คอลิน บรูซ แชปแมน ผู้ล่วงลับ มาถึงยุคนี้ บริษัทสปอร์ตสคาร์ชื่อดังกำลังก้าวเข้าสู่ยุคไฮเปอร์คาร์ที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้าอย่างสมบูรณ์ ประเดิมด้วยรุ่น Evija ที่มีขุมพลังถึง 2,000 แรงม้า แบรนด์จึงปรับโลโก้ให้เข้ากับยุคใหม่นี้ด้วย

Lotus Evija ไฮเปอร์คาร์พลังงานไฟฟ้า เข้าสู่ยุคใหม่แห่งนวัตกรรมยานยนต์ (photo : Lotus)

โลโก้ Lotus จะยังคงเป็นสามเหลี่ยมรูปพัดสีเขียวด้านในวงกลมสีเหลือง แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือตัวอักษรทั้งหมด ทั้งคำว่า Lotus และ ACBC (ตัวย่อของชื่อสกุลผู้ก่อตั้งแบรนด์) จะเปลี่ยนฟอนต์เป็นแบบ sans serif ซึ่งเป็นตัวอักษรที่ไม่มีขา จากเดิมเป็นอักษรมีขา คำว่า Lotus จะไม่โค้งตามรูปพัดแต่กลายเป็นแนวตรง ทุกส่วนของโลโก้จะไม่มีการตัดขอบสีเงินแล้ว ทำให้ภาพรวมกลายเป็นโลโก้ที่ทันสมัยและเรียบง่ายมากขึ้น

 

Nissan

โลโก้เก่าสู่โลโก้ LED โฉมใหม่ของ Nissan

ค่ายรถล่าสุดที่ปรับปรุงโลโก้เมื่อเดือนกรกฎาคมนี้เอง Nissan มีการปรับโลโก้เป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปีเพื่อต้อนรับการใช้งานบนรถยนต์รุ่น Nissan Ariya (นิสสัน อริยะ) ซึ่งเป็นรถยนต์ครอสโอเวอร์ไฟฟ้ารุ่นแรกของแบรนด์

หน้าตาโลโก้ใหม่จะคล้ายคลึงเดิมคือมีวงกลมด้านนอกคาดคำว่า Nissan ตรงกลาง เพราะวงกลมคือสัญลักษณ์สื่อถึงพระอาทิตย์ แต่สิ่งใหม่คือการประดับไฟ LED 20 ดวงที่สื่อถึงการเปลี่ยนแปลงในรอบ 20 ปี เมื่อรถยนต์ติดเครื่อง ไฟในคำว่า Nissan และขอบด้านในของพระอาทิตย์จะส่องสว่างขึ้น

เฉพาะส่วนที่มีการส่องสว่างจาก LED ยังจะเป็นภาพโลโก้แบบ 2D ที่นำไปใช้เป็นโลโก้ศูนย์ดีลเลอร์ ภาพการตลาด หัวจดหมาย นามบัตร และเอกสารต่างๆ ของบริษัท เป็นการเปลี่ยนให้โลโก้มีความมินิมอลมากขึ้น เหมาะกับยุคใหม่

 

Volkswagen

ปิดท้ายค่าย Volkswagen ก็เปลี่ยนโลโก้แล้วตั้งแต่เดือนกันยายน 2019 เพื่อเริ่มต้นยุคใหม่ ยุคแห่งรถยนต์ไฟฟ้า โดยมีรถยนต์รุ่น ID.3 เป็นรุ่นแรกที่ใช้โลโก้ใหม่นี้

โลโก้ใหม่ Volkswagen คือการปรับให้เรียบง่ายและเบสิกที่สุด จากเดิมเป็นโลโก้นูนและตัดขอบเงาสีเงิน กลายเป็นแบบเรียบและไม่เล่นเงา เหลือไว้เฉพาะส่วนสำคัญที่สื่อถึงแบรนด์ ได้แก่ตัว V W และวงกลมรอบนอก โดยลายเส้นจะบางลงกว่าเดิม และสีจะปรับเล็กน้อยจากเดิมเป็นสีน้ำเงินอมฟ้ากลายเป็นสีน้ำเงินเข้มแบบน้ำหมึก

นักออกแบบบอกว่า โลโก้ใหม่ที่เรียบง่ายขึ้นเป็นสิ่งสะท้อนถึงการก้าวสู่ “ยุคอิเล็คทริค-ดิจิทัล” จากที่ไม่เคยเปลี่ยนโลโก้มานานถึง 19 ปี

รถยนต์ไฟฟ้า Volkswagen ID3

Source: Dailymail.co.uk, Financial Express, Motor Authority, Dezeen

]]>
1288442
BMW ปรับลดพนักงาน 6,000 คน ระงับโครงการรถขับเคลื่อนอัตโนมัติเซ่นพิษ COVID-19 https://positioningmag.com/1284357 Sat, 20 Jun 2020 06:46:23 +0000 https://positioningmag.com/?p=1284357 BMW จะปรับลดพนักงาน 6,000 อัตราในปีนี้ และระงับโครงการเทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติที่ร่วมมือกับเมอร์เซเดส-เบนซ์ หลังค่ายรถหรูสัญชาติเยอรมนีมองเห็นอุปสงค์ดำดิ่งสืบเนื่องจากโรคระบาดใหญ่ไวรัส COVID-19

“มาตรการต่างๆ เพิ่มเติมมีความจำเป็นเพื่อให้บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป มีความยืดหยุ่นมากขึ้นสำหรับรับมือกับอิทธิพลต่างๆ ภายนอกและความผันผวนของตลาด” ผู้บริหารบีเอ็มดับเบิลยูระบุในถ้อยแถลง พร้อมบอกว่าทางบริษัทหวังบรรลุเป้าหมายในแผนปรับลดคนงานผ่านข้อตกลงโดยสมัครใจ

การปรับลดพนักงาน 6,000 อัตรา ถือเป็นกลุ่มก้อนที่มากพอสมควรสำหรับบีเอ็มดับเบิลยู ซึ่งมีพนักงานกว่า 120,000 คนทั่วโลก โดยการปรับลดมีขึ้นในขณะที่อุตสาหกรรมยานยนต์จำเป็นต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดจากอุปสงค์ถดถอยและกำลังผลิตที่ลดลง สืบเนื่องจาการแพร่ระบาดของ COVID-19

ขณะเดียวกันบีเอ็มดับเบิลยูและเดมเลอร์ เจ้าของเมอร์เซเดส ได้ออกถ้อยแถลงร่วม ระบุว่าทั้งสองบริษัทจะระงับโครงการความร่วมมือด้านการพัฒนาเทคโนโลยีล้ำสมัยยานยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติเอาไว้ก่อน

ทั้งสองบริษัทจับมือกันในความพยายามไล่ตามบรรดาคู่แข่งจากสหรัฐฯและจีน ในนั้นรวมถึงเทสลาและกูเกิล ซึ่งเริ่มดำเนินการล่วงหน้าไปพอสมควร ในโครงการพัฒนารถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ

แต่ในการเจรจาที่เพิ่มขึ้นเมื่อปีที่แล้ว ทั้งสองบริษัทพบว่าโครงการนี้มีค่าใช้จ่ายแพงเกินไป ในการสร้างแพลตฟอร์มเทคโนโลยีร่วมกัน ประกอบกับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจและเศรษฐกิจในปัจจุบัน พวกเขาจึงมองว่ามันไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมสำหรับเดินหน้าโครงการ “ความร่วมมือกันอาจเกิดขึ้นอีกครั้งในภายหลัง” ถ้อยแถลงจาก 2 บริษัทระบุ

บีเอ็มดับเบิลยูเคยแถลงเมื่อเดือนพฤษภาคม ว่าจะยกระดับโครงการลดค่าใช้จ่ายเพื่อรับมือกับความเสียหายทางเศรษฐกิจ อันเนื่องจากมาตรการควบคุมการแพร่เชื้อที่ถูกบังคับใช้เพื่อต่อสู้กับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

เหล่าผู้บริหารมีแผนลดการลงทุน และหวังลดค่าใช้จ่ายด้านค่าจ้างผ่านมาตรการลดจำนวนพนักงานโดยสมัครใจมากกว่า แม้ในวันที่ 19 มิ.ย. ได้ออกมาตรการต่างๆ เพิ่มเติมในความพยายามลดต้นทุนแล้วก็ตาม

เวลานี้ บีเอ็มดับเบิลยู เลือกหนทางลดชั่วโมงทำงานของแรงงานบางส่วน 2 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และอนุมัติเพิ่มวันหยุดพิเศษแก่พนักงานอีก 8 วันต่อปี แลกกับการปรับลดค่าจ้าง

เหมือนกับ เดมเลอร์และโฟล์คสวาเกน ทางค่ายบีเอ็มดับเบิลยู คาดการณ์ว่าโรคระบาดใหญ่จะทำให้ทางบริษัทขาดทุนจากการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2 เนื่องจากโชว์รูมจำนวนมากจำเป็นต้องปิดบริการเป็นเวลานานหลายสัปดาห์

ทั้งนี้ในผลดำเนินการตลอดทั้งปี ทางบีเอ็นดับเบิลยูคาดหมายว่าพวกเขาจะมีกำไรก่อนหักภาษีลดลงอย่างมากจากระดับ 7,100 ล้านยูโร (ราว2.5แสนล้านบาท) ในปี 2019

Source

]]>
1284357
ส่องโลโก้ใหม่ BMW พื้นหลังโปร่งใส สไตล์มินิมอล เริ่มใช้ปี 2021 https://positioningmag.com/1267376 Sat, 07 Mar 2020 18:15:44 +0000 https://positioningmag.com/?p=1267376 บีเอ็มดับเบิลยู (BMW) เปลี่ยนโลโก้ใหม่ จากดีไซน์ 3 มิตินูนต่ำเป็น 2 มิติแบนเรียบ เอาพื้นสีดำออกไปเปลี่ยนเป็นพื้นใสแทน ส่วนตัวอักษร BMW รูปใบพัดฟ้าขาว และขอบวงกลมสีขาว มีการปรับแต่งรายละเอียดเล็กน้อย แต่โดยรวมยังคงเหมือนเดิม

BMW อธิบายว่า โลโก้ใหม่ที่มีความโปร่งใส สื่อถึงวิสัยทัศน์ของ BMW ที่มุ่งให้ความสำคัญกับความสมบูรณ์แบบในการเดินทาง (Mobility) และความสนุก (Joy) ที่ได้รับจากการขับรถ BMW

อีกทั้งดีไซน์ใหม่ยังมีความเรียบง่ายและมีความยืดหยุ่นสูง ซึ่งช่วยให้ BMW เข้าถึงกลุ่มลูกค้ายุคใหม่ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ได้ง่ายขึ้น

คาดว่าโลโก้ใหม่นี้จะถูกนำไปใช้กับรถ BMW i4 รถยนต์ไฟฟ้าที่จะวางจำหน่ายในปี 2021 เป็นรุ่นแรก

Source

]]>
1267376
COVID-19 ลามสู่สำนักงานใหญ่ BMW-Nike พบผู้ติดเชื้อ วุ่นปิดออฟฟิศชั่วคราว https://positioningmag.com/1266751 Tue, 03 Mar 2020 08:22:11 +0000 https://positioningmag.com/?p=1266751 BMW แจ้งพนักงานราว 150 คนในเมืองมิวนิกให้กักกันโรคอยู่แต่ที่บ้านเป็นเวลา 14 วัน หลังพบเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งมีผลตรวจ COVID-19 ออกมาเป็นบวก ส่วน NIKE ก็เจอสถานการณ์แบบเดียวกันจนต้องปิดสำนักงานใหญ่ในนิวยอร์กเป็นการชั่วคราว

ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเยอรมนีเปิดเผยว่า พนักงานคนที่มีผลตรวจ COVID-19 ออกมาเป็นบวก ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล หลังจากเขาเดินทางไปพบแพทย์เมื่อวันที่ 1 มี.ค. ที่ผ่านมา โดยตอนนี้อาการของเขาทรงตัว

จากแถลงการของ BMW บอกว่า พนักงานคนดังกล่าวไม่ได้เดินทางไปต่างแดน และทำงานอยู่ในศูนย์วิจัยและพัฒนาของบริษัท ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าเขาได้สัมผัสใกล้ชิดกับพนักงานคนอื่นๆ ราว 150 คน

ด้วยเหตุนี้ BMW จึงสั่งปิดสำนักงานที่ได้รับผลกระทบและทำการฆ่าเชื้อ แต่ปฏิบัติการอื่นๆ ของบริษัทสามารถดำเนินการต่อไปได้ “เรายืนยันว่าพนักงานคนหนึ่งของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ในมิวนิก มีผลตรวจโคโรนาไวรัสออกมาเป็นบวก พนักงานรายนี้อยู่ภายใต้การรักษาทางการแพทย์มาตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์ เขาฟื้นตัวดี”

เหตุการณ์อันน่ากังวลนี้มีขึ้นในขณะที่เยอรมนี ยืนยันพบผู้ติดเชื้อ COVID-19 เพิ่มจาก 129 คนในวันที่ 1 มี.ค. เป็น 150 คนในวันที่ 2 มี.ค. พร้อมระบุว่าความเสี่ยงจากไวรัสชนิดนี้ในเยอรมนี ตอนนี้อยู่ในระดับ “ปานกลาง”

อีกด้านหนึ่ง NIKE บริษัทผลิตเครื่องกีฬาอย่างรองเท้า, อุปกรณ์กีฬา, เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายสัญชาติสหรัฐฯ แถลงปิดสำนักงานใหญ่ในยุโรปใกล้ๆ เมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ เป็นการชั่วคราวในวันที่ 2 มี.ค. ที่ผ่านมา หลังพนักงานคนหนึ่งมีผลตรวจ COVID-19 ออกมาเป็นบวก

การปิดสำนักงานใหญ่ของ NIKE มีขึ้นในขณะที่เนเธอร์แลนด์ยืนยันพบผู้ติดเชื้อ COVID-19 เพิ่มเป็น 18 ราย “ทุกอาคารในสำนักงานใหญ่ยุโรปจะปิดทำการชั่วคราวไปจนถึงวันพุธเพื่อเปิดทางให้มีการทำความสะอาดครั้งใหญ่”

NIKE มีพนักงานราว 2,000 คน จาก 80 ประเทศ ณ สำนักงานใหญ่ประจำยุโรปในฮิลเวอร์ซุม ห่างจากเมืองหลวงของเนเธอร์แลนด์ ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ราว 30 กิโลเมตร

Source

]]>
1266751