Peter Rawlinson อดีตลูกน้อง Elon Musk สร้างรถใหม่บนจุดขาย “ดีกว่า Tesla”

Photo : facebook.com/LucidMotors

อดีตหัวหน้าวิศวกรที่เคยคลุกคลีกับ Elon Musk มาก่อนอย่าง Peter Rawlinson กำลังสร้างรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่บนจุดขายที่เหนือกว่า Tesla โดยการันตีว่ารถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าระยะไกลที่แล่นได้เร็วและไกลที่สุดในโลก 

Peter Rawlinson มีดีกรีเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท Lucid Motors ขณะที่รถยนต์ขับเคลื่อนด้วยตัวเองรุ่นล่าสุดถูกเรียกว่า Lucid Air รถยนต์ราคา 169,000 ดอลลาร์ มีกำหนดการแจ้งเกิดในครึ่งแรกปี 2021 เป็นการบุกตลาดที่เรียกความตื่นเต้นจากคนในอุตสาหกรรมอย่างมาก เพราะเมื่อ 10 ปีที่แล้ว Rawlinson เป็นผู้ออกแบบ Tesla model S ที่กลายเป็นกระแสร้อนแรงในช่วงหลายปีที่ผ่านมาหลังจากเปิดตัวเมื่อปี 2012

Photo : LucidMotors

สำหรับ Lucid Air จุดขายหลักคือการไม่ถ่อมตัวว่า Air รุ่นท็อปอย่าง “Dream” นั้นเหนือกว่า Tesla model S ด้วยความสามารถในการวิ่งไกล 517 ไมล์ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง นอกจากนี้ยังสามารถชาร์จไฟได้เร็วขึ้น และสามารถเร่งจาก 0 ไมล์ต่อชั่วโมงเป็น 60 ไมล์ต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 2 วินาที ตัวเลขนี้ Rawlinson บอกว่าพูดไปก็ไม่มีใครเชื่อ แต่เขาสามารถพา Lucid ให้ก้าวไปอีกระดับหนึ่งได้จริงๆ เหมือนเมื่อ 10 ปีก่อนที่เคยไม่มีใครเชื่อเขาตอนที่เป็นหัวหน้านักออกแบบของ Model S

***ของดี ราคาไม่แพง

หนึ่งในนโยบายที่สะท้อนแก่นแนวคิดธุรกิจยานยนต์ของ Peter Rawlinson คือการวางแผนใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการขับเคลื่อน 1,080 แรงม้าของ Air ซึ่งเขาอ้างว่ามีประสิทธิภาพมากที่สุดในโลก เพื่อขับเคลื่อนรถยนต์ไฟฟ้าที่มีราคาถูกกว่า ให้มีคุณภาพที่ดีขึ้นจนโดนใจผู้บริโภควงกว้าง

แผน 5 ปีของ Rawlinson คือการขายรถยนต์ไฟฟ้าราคาไม่เกิน 50,000 เหรียญสหรัฐให้ได้หลักแสนคัน และต้องการช่วยให้ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่สามารถขายรถยนต์ไฟฟ้าหรือ EV ระดับราคาไม่เกิน 25,000 ดอลลาร์ให้ได้ในระดับแมส แม้ว่าเป้าหมายนี้จะเป็นเป้าเดียวกับ Elon Musk เจ้านายเก่าของ Rawlinson ที่กำลังไล่ตามในขณะนี้ แต่ Rawlinson ไปได้ไกลไม่น้อยเพราะแผนการสร้างโรงงานผลิตรถไฟฟ้าแห่งแรกของ Lucid ที่ซาอุดีอาระเบีย ประเทศเจ้าพ่อแหล่งน้ำมันโลกที่ลงทุนในบริษัท Rawlinson มากกว่า 2 ใน 3 ของทั้งหมด

เรื่องนี้วิศวกรชาวเวลส์วัย 63 ปีอย่าง Rawlinson เคยให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวฟอร์บส์ ว่ามักมีความเข้าใจที่ผิดเกี่ยวกับโมเดลธุรกิจของ Lucid Air เพราะหลักการของ Lucid Air ไม่ใช่การผลิตรถราคาแพงเพื่อคนรวย ราคาไม่ใช่เหตุผลที่ผลักดันให้ Rawlinson ทุ่มเททำงานด้านรถยนต์ไฟฟ้า แต่ Rawlinson ต้องการให้เกิดการผลิตรถไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคันต่อปี เพื่อให้ Lucid Air สร้างอิมแพคหรือการเปลี่ยนแปลงในตลาด 

***ไม่ใช่แค่ผู้เล่นตัวเล็ก

การทำให้ Lucid ไม่ใช่แค่ผู้เล่นรายย่อยของ Rawlinson นั้นไม่ใช่ฝันลมๆ แล้งๆ เพราะแนวทางของ Rawlinson สอดคล้องกับหลายปัจจัยที่กำลังส่งผลบวกต่อวงการรถไฟฟ้าในขณะนี้ 

จุดหลักที่เห็นชัดคือรัฐบาลใหม่ของสหรัฐอเมริกาที่นำทีมโดย Biden นั้นกำลังโฟกัสกับการส่งเสริมให้ประชาชนเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อลดการใช้รถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลในประเทศ นโยบายใหม่นี้ทำให้บริษัทรถยนต์จำนวนมากเช่น General Motors และอีกหลายรายวางแผนเร่งเครื่องผลิตเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าภายในปี 2035 ขณะที่ Ford และ Volkswagen ก็ประกาศกร้าวถึงแผนการเลิกผลิตรถใช้น้ำมัน

Photo : LucidMotors

อิมแพคที่เกิดขึ้นแปลว่าคลื่นลูกใหม่ของวงการยานยนต์อย่างรถไฟฟ้า จะขยายอุปทานหรือซัพพลายทั่วโลกไปด้วย โดยเฉพาะชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้าที่จะได้รับความสนใจของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น

การประกาศทิศทางของ Lucid Air จึงถือว่าเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เหมาะเจาะ เพราะ Lucid Air จะส่งมอบรถให้ลูกค้ากลุ่มแรกในช่วงไม่เกินกลางปี 2021 และมีแผนขยายธุรกิจอย่างรวดเร็วใน 2-3 ปีจากนี้ สำหรับปีวัวทอง Rawlinson ต้องการผลิตรถ Air ให้ได้ 6,000 คันที่โรงงานในเมืองคาซาแกรนด์ รัฐแอริโซนา คาดว่าจะสร้างรายได้ให้บริษัทไม่ต่ำกว่า 900 ล้านดอลลาร์ หากการผลิตคงที่ ปริมาณการผลิตดังกล่าวสามารถทำให้รถ Air แจ้งเกิดได้มากกว่า 25,000 คันในปี 2022 และยังขยายตลาดด้วยการนำเสนอรถไฟฟ้าไฮบริดรุ่นอื่นในปี 2023 ซึ่งน่าจะมีชื่อว่า Gravity รวมถึงอีกหลายรุ่นที่มีราคาไม่แพงมากและมีขนาดเล็กกว่า เพื่อชนกับรุ่น Model 3 ที่ขายดีที่สุดของ Tesla

เป้าหมายร้อนแรงเหล่านี้ทำให้โลกจับตามอง Peter Rawlinson ผู้จบการศึกษาจาก Imperial College London และเคยเป็นหัวกะทิที่ Jaguar, Lotus และที่ปรึกษาด้านการออกแบบให้บริษัท Corus ก่อนจะเข้าร่วมงานกับ Tesla ในปี 2009 และได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็น VP และหัวหน้านักออกแบบสำหรับ Model S ในปี 2010 แล้วจึงย้ายมาเป็น CEO ให้ Lucid Motors ในปี 2019

Photo : LucidMotors

เวลานั้น Rawlinson ย้ำว่าเป้าหมายของ Lucid Motors ไม่ใช่การทำลาย Tesla เพราะคู่แข่งหลักที่บริษัทวางไว้คือ Mercedes, Audi และ BMW ค่ายรถหรูจากเยอรมนี ความฝันสูงสุดคือการสร้างรถ S Class เวอร์ชันไฟฟ้า ซึ่งผลที่ได้จะไม่ใช่แค่รถที่ “ดีกว่า Tesla” แต่เป็นรถที่ทำให้เกิดการปฏิวัติวงการยานยนต์โลกอย่างแท้จริง.

ที่มา :