CENTEL – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 14 Mar 2024 11:14:08 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 “เซ็นทารา” วางงบลงทุนกว่า 5,600 ล้านบาท ทุ่มสร้าง 2 โรงแรมใน “มัลดีฟส์” – รีโนเวตใหญ่ “พัทยา” https://positioningmag.com/1466111 Wed, 13 Mar 2024 08:50:37 +0000 https://positioningmag.com/?p=1466111
  • “เซ็นทารา” ธุรกิจโรงแรมภายใต้ CENTEL ประกาศรายได้ปี 2566 เติบโตกว่า 50% พลิกทำกำไรหลังผ่านโควิด-19 ได้สำเร็จ
  • ปี 2567 วางงบลงทุนโรงแรมกว่า 5,600 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างโรงแรม 2 แห่งใน “มัลดีฟส์” และรีโนเวตใหญ่ใน “พัทยา” และ “หาดกะรน จ.ภูเก็ต”
  • เตรียมเปิดบริการโรงแรมทั้งหมด 6 แห่ง ในมัลดีฟส์, สปป.ลาว และประเทศไทย ตั้งเป้าปีนี้รายได้โตต่อ 15%
  • “ธีระยุทธ์ จิราธิวัฒน์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงแรมและรีสอร์ตในเครือเซ็นทารา และ “กันย์ ศรีสมพงษ์” ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ หรือ CENTEL ร่วมกันแถลงผลการดำเนินงานปี 2566 ที่ถือเป็น “ปีแห่งการฟื้นตัว” ของ “เซ็นทารา”

    ปีที่แล้วธุรกิจโรงแรมในเครือเซ็นทาราทำรายได้รวม 10,900 ล้านบาท (รวมโครงการร่วมทุน) เติบโตกว่า 50% จากปี 2565 และกลับมาทำกำไรได้สำเร็จโดยมีกำไรสุทธิกว่า 760 ล้านบาท หลังจากธุรกิจโรงแรมขาดทุนต่อเนื่องตั้งแต่เกิดสถานการณ์โควิด-19 ขึ้น

    เซ็นทารา แกรนด์ โอซาก้า โรงแรมใหม่ที่เปิดบริการในปี 2566

    ความเคลื่อนไหวสำคัญเมื่อปี 2566 เครือเซ็นทารามีการเปิดบริการ “เซ็นทารา แกรนด์ โอซาก้า” เป็นโรงแรมแห่งแรกของเครือในประเทศญี่ปุ่น และทำการรีแบรนด์โรงแรมระดับ 3 ดาวของเครือจากเซ็นทรา บาย เซ็นทาราเป็น “เซ็นทารา ไลฟ์” เพื่อให้แบรนด์ดูเด็กลงและทันสมัยมากขึ้น

     

    ปี 2567 ทุ่มทุนกว่า 5,600 ล้านก่อสร้างโรงแรมใหม่-รีโนเวตแห่งเดิม

    ด้านงบการลงทุน (CAPEX) ของปี 2567 เฉพาะส่วนธุรกิจโรงแรมเซ็นทาราวางงบไว้กว่า 5,600 ล้านบาท โดยมีโครงการใช้งบลงทุน ดังนี้

    • ก่อสร้างโรงแรมใหม่ 2 แห่ง คือ “เซ็นทารา มิราจ ลากูน มัลดีฟส์” จำนวน 145 ห้อง และ “เซ็นทารา แกรนด์ ลากูน มัลดีฟส์” จำนวน 142 ห้อง
    • รีโนเวตใหญ่โรงแรม “เซ็นทารา แกรนด์ มิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา” จำนวน 553 ห้อง
    • รีโนเวตใหญ่โรงแรม “เซ็นทารา กะรน รีสอร์ท ภูเก็ต” จำนวน 335 ห้อง
    • ค่าเช่าที่ดินโรงแรม “เซ็นทารา แกรนด์ รีสอร์ท แอนด์ วิลล่า หัวหิน” ที่ได้ต่อสัญญาเช่าที่ดินกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.)
    • งบปรับปรุงซ่อมแซมโรงแรมอื่นๆ ตามรอบ
    เซ็นทารา แกรนด์ มิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา เตรียมรีโนเวตใหญ่ในปี 2567

    กันย์ ซีเอฟโอของ CENTEL กล่าวต่อถึงแผนการลงทุนระยะยาว 3 ปี (2567-69) ของ หรือ CENTEL รวมทั้งฝั่งธุรกิจโรงแรมและธุรกิจร้านอาหาร วางงบไว้ว่าจะมีการลงทุนรวมระหว่าง 13,000-20,000 ล้านบาท เนื่องจากกลุ่มโรงแรมปีนี้มีการลงทุนใหญ่ในมัลดีฟส์ และจะเริ่มการลงทุนรีโนเวตใหญ่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ รีสอร์ท แอนด์ วิลล่า หัวหิน ใน 2 ปีข้างหน้า

    ธีระยุทธ์เสริมว่า บริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับพาร์ทเนอร์ร่วมทุนเพื่อลงทุนขยายเฟส 2 ของโรงแรมเซ็นทารา มิราจ บีช รีสอร์ท ดูไบ อีก 200 ห้อง รวมถึงกำลังศึกษาความเป็นไปได้ที่จะก่อสร้างโรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ หัวหินในที่ดินที่ได้ต่อสัญญาเช่ากับ ร.ฟ.ท. หากแผนเหล่านี้เป็นไปตามเป้าจะทำให้งบลงทุนใน 3 ปีของ CENTEL ขึ้นไปแตะ 20,000 ล้านบาทได้

    (ซ้าย) “กันย์ ศรีสมพงษ์” ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ หรือ CENTEL และ (ขวา) “ธีระยุทธ์ จิราธิวัฒน์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงแรมและรีสอร์ตในเครือเซ็นทารา

     

    พร้อมเปิดบริการใหม่ 6 แห่งในปีนี้ ตั้งเป้าโต 15%

    ด้านโรงแรมใหม่ที่จะก่อสร้างเสร็จและพร้อมให้บริการของเซ็นทาราในปี 2567 มีทั้งหมด 6 แห่ง ดังนี้

    1. เซ็นทารา มิราจ ลากูน มัลดีฟส์ จำนวน 145 ห้อง
    2. เซ็นทารา ไลฟ์ ละไม รีสอร์ท สมุย จำนวน 40 ห้อง
    3. เซ็นทารา ไลฟ์ สุราษฎร์ธานี จำนวน 110 ห้อง
    4. เซ็นทารา วิลลา เกาะพีพี จำนวน 40 ห้อง
    5. เซ็นทารา พลูมเมอเรีย รีสอร์ท ปากเซ
    6. โคซี่ เวียงจันทน์ น้ำพุ

    ธุรกิจโรงแรมเซ็นทาราปี 2567 วางเป้ารายได้ไว้ที่ 12,500 ล้านบาท​ (รวมโครงการร่วมทุน) เติบโตประมาณ 14-15% จากปีก่อนหน้า

    เซ็นทารา
    โคซี่ เวียงจันทน์ น้ำพุ พร้อมเปิดบริการวันที่ 25 มีนาคม 2567

    กันย์กล่าวว่า เป้าหมายบริษัทปีนี้ไม่เน้นการเพิ่มอัตราเข้าพัก (Occupancy Rate) มากนัก โดยวางเป้าไว้ที่ 70-73% แต่จะเน้นการเพิ่มอัตราราคาห้องพักเฉลี่ยต่อวัน (ADR) ของทั้งพอร์ต จากปีก่อนอยู่ที่ 5,100 บาทต่อวัน ปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 5,500-6,000 บาทต่อวัน เพราะเซ็นทาราต้องการมุ่งเน้นลูกค้าในระดับกลางบนถึงไฮเอนด์มากขึ้น สอดคล้องกับเทรนด์การท่องเที่ยวขณะนี้ที่ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าท่องเที่ยวเองมากกว่ากรุ๊ปทัวร์

    “ปีนี้ประเทศไทยตั้งเป้าดึงดูดนักท่องเที่ยวแตะ 35 ล้านคน ซึ่ง 2 เดือนแรกมีเข้ามาเฉลี่ยเดือนละ 3 ล้านคน เทรนด์ในภาคใต้ เช่น ภูเก็ต เกาะสมุย กระบี่ ถือว่าดีมากๆ อาจจะต้องรอลุ้นปลายปีในช่วงไตรมาส 4 ว่าจะดึงนักท่องเที่ยวได้มากขึ้นหรือไม่” ธีระยุทธ์มองภาพธุรกิจท่องเที่ยวของปีนี้ “ดูไบและโอซาก้าก็ไปได้ดี ส่วนมัลดีฟส์ต้องรอลุ้นการเปิดสนามบินเฟสใหม่ที่จะทำให้มัลดีฟส์รับนักท่องเที่ยวได้เพิ่มขึ้นเป็นปีละ 7 ล้านคน คาดว่าปลายปีนี้อาจจะเริ่มเปิดใช้บริการ”

     

    คาดขึ้น “Top 100” เมื่อเปิดครบในไปป์ไลน์

    ณ สิ้นปี 2566 เครือเซ็นทารามีโรงแรมที่เปิดบริการแล้ว 51 แห่ง รวมกว่า 11,600 ห้อง และมีโรงแรมอยู่ในไปป์ไลน์ (ระหว่างก่อสร้างหรือเซ็นสัญญาแล้ว) 44 แห่ง รวมกว่า 9,800 ห้อง ทำให้ในพอร์ตโฟลิโอขณะนี้เครือเซ็นทารามีโรงแรมในมืออยู่ 95 แห่ง รวมมากกว่า 21,000 ห้อง

    กันย์กล่าวต่อว่า เมื่อเปิดบริการโรงแรมครบ 95 แห่งในอนาคต เชื่อว่าจะทำให้เครือเซ็นทาราขึ้นไปติด “Top 100” เชนโรงแรมชั้นนำระดับโลกได้ จากปัจจุบันอยู่ในอันดับที่ 111

    ทั้งนี้ เซ็นทารายังมีเป้าหมายการเซ็นสัญญารับบริหารโรงแรมเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ในปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มอีก 10-15 แห่ง ทั้งในไทย เวียดนาม และตลาดใหม่ๆ ที่ต้องการจะเปิดตลาด เช่น ยุโรป แอฟริกา

    สำหรับเป้าหมายรายได้รวมของ CENTEL ปี 2567 รวมทั้งฝั่งโรงแรมและฝั่งร้านอาหาร กันย์ระบุว่าบริษัทตั้งเป้าไว้ที่ 29,000 ล้านบาท เติบโตประมาณ 15% จากปีก่อนหน้า

    ]]>
    1466111
    โรงแรมฟื้นตัว! “เซ็นทารา” วางแผนเปิด 100 แห่งใน 5 ปี สงคราม “รัสเซีย” อาจกระทบระยะยาว https://positioningmag.com/1376586 Mon, 07 Mar 2022 09:45:05 +0000 https://positioningmag.com/?p=1376586
  • ธุรกิจโรงแรมปีนี้เป็นไปในเชิงบวก “เซ็นทารา” วางเป้ารายได้ 5,900 ล้านบาท คิดเป็น 70% ของรายได้ที่เคยทำได้ในปี 2562 (ก่อนเกิด COVID-19) เตรียมกลับมาให้บริการครบทุกโรงแรม และเปิดบริการเพิ่ม 8 แห่ง
  • เดินหน้าต่อตามแผนระยะยาว 5 ปี มีโรงแรมในพอร์ตเพิ่ม 100 แห่ง (รวมทั้งสัญญาจ้างบริหารและลงทุนเอง) หรือเฉลี่ยเพิ่มปีละ 20 แห่ง วางทำเลหลัก ไทย เวียดนาม ดูไบ จีน และมัลดีฟส์
  • ปัจจัยลบใหม่ที่เข้ามาคือ สงครามรัสเซีย-ยูเครน ระยะสั้นยังไม่กระทบ ลูกค้ายังเดินทางเข้าพักปกติ แต่ระยะยาวอาจเกิดปัญหาจากค่าเงินรูเบิลตกต่ำ และอาจมีผลให้การฟื้นตัวเต็มที่ของธุรกิจโรงแรมเลื่อนจากปี 2567 เป็น 2568
  • คาดหวังภาครัฐสนับสนุนท่องเที่ยว เปิดโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” เฟสใหม่ และยกเลิกระบบ Test & Go นักท่องเที่ยวต่างชาติตรวจครั้งเดียวจากต้นทาง เพื่อลดค่าใช้จ่ายจูงใจการเดินทาง
  • หนึ่งในเครือโรงแรมรายใหญ่ของไทยเปิดแผนและวิสัยทัศน์ธุรกิจหลัง COVID-19 มีทิศทางดีขึ้น “ธีระยุทธ จิราธิวัฒน์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา และ “กันย์ ศรีสมพงษ์” ประธานเจ้าหน้าที่การเงินและรองประธานฝ่ายการเงินและบริหาร บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) ร่วมแถลงแผนปี 2565 และแผนระยะยาว 5 ปี (2565-2569)

    สำหรับปี 2565 เซ็นทาราวางเป้ารายได้ 5,900 ล้านบาท (รวมรายได้ทั้งหมดของโรงแรมเซ็นทารา มิราจ บีช รีสอร์ต ดูไบ ซึ่งเครือถือหุ้นอยู่ 40%) และเป้าอัตราเข้าพัก 40-50% เป้าหมายรายได้จากห้องที่ขายได้ (ADR) เฉลี่ย 4,100-4,200 บาท และเป้าหมายรายได้เฉลี่ยจากห้องที่มีทั้งหมด (RevPar) วางไว้ที่ 1,700-1,900 บาท

    เซ็นทารา
    เซ็นทารา โฮเทล โคราช เตรียมเปิดบริการปี 2565

    ถือเป็นการฟื้นตัวที่ดีขึ้นมากเทียบกับปี 2564 ซึ่งมีอัตราเข้าพักเพียง 19% และถ้าเทียบกับปี 2562 ซึ่งยังไม่เกิดโรคระบาด ถือว่ารายได้ฟื้นขึ้นมาคิดเป็น 70% ของปี 2562

    ด้านการให้บริการโรงแรม เซ็นทารากำลังจะกลับมาเปิดบริการครบทุกแห่งเดือนเมษายนนี้ โดย 2 แห่งสุดท้ายที่จะกลับมาเปิดอยู่ในภูเก็ต

    ขณะที่การเปิดบริการโรงแรมแห่งใหม่ปี 2565 คาดว่าจะมี 8-10 แห่ง รวมห้องพักราว 1,000 ห้อง ทำเลทั้งในไทยและต่างประเทศ เช่น อุบลราชธานี, นครราชสีมา, กาตาร์, โอมาน, สปป.ลาว

     

    ปีนี้หวังพึ่งโรงแรมต่างประเทศ ในไทยลุ้นชาวจีนกลับมา

    หากเจาะลึกในประมาณการของปีนี้ กันย์ระบุว่ารายได้จะมาจากโรงแรมในมัลดีฟส์ 22% โรงแรมในดูไบ 20% และโรงแรมในไทยส่วนที่เหลือ 58%

    เมื่อเทียบกับปี 2562 ปีนั้นรายได้จากโรงแรมในไทยจะมีสัดส่วน 70% และจากต่างประเทศ 30% เห็นได้ว่าปีนี้โรงแรมในต่างประเทศฟื้นตัวได้มากกว่า

    เซ็นทารา แกรนด์ ไอส์แลนด์ รีสอร์ท แอนด์ สปา มัลดีฟส์

    “ดาวรุ่งของเราปีนี้จะเป็นโรงแรมต่างประเทศทั้งในมัลดีฟส์และดูไบ โดยเฉพาะมัลดีฟส์ที่ล่าสุดมีอัตราเข้าพัก 100% ในช่วงสุดสัปดาห์แล้ว เฉลี่ยแล้วดีกว่าช่วงเดียวกันเมื่อปี 2562” ธีระยุทธกล่าว

    ตลาดประเทศไทยนั้นมองว่าช่วงครึ่งปีแรก 2565 จะยังต้องเน้นนักท่องเที่ยวในประเทศก่อน คิดเป็นอัตรา 80-90% ของทั้งหมด ส่วนครึ่งปีหลังนั้นคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามามากขึ้น จากนักท่องเที่ยวยุโรปที่มักจะเข้ามาช่วงไตรมาส 4 และนักท่องเที่ยวจีนที่คาดว่าจะเริ่มเดินทางได้ไตรมาส 3

    “พาร์ตเนอร์ธุรกิจในจีนแจ้งว่านโยบายรัฐขณะนี้น่าจะผ่อนคลายการเดินทางช่วงไตรมาส 3 ที่จริงแล้วการเดินทางออกไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาคือขากลับเข้าประเทศจีนซึ่งยังต้องกักตัว 14-21 วัน ทำให้ชาวจีนไม่สะดวก ถ้าหากจีนปลดล็อกจุดนี้หรือลดเหลือไม่เกิน 7 วัน น่าจะได้เห็นชาวจีนกลับมาประเทศไทยซึ่งเป็นจุดหมายอันดับต้นๆ ที่คนจีนชื่นชอบอยู่แล้ว” ธีระยุทธกล่าว

     

    แผนลงทุน-เซ็นดีลบริหาร รวม 100 แห่งภายใน 5 ปี

    ณ สิ้นปี 2564 เซ็นทารามีโรงแรมภายใต้การบริหาร 85 โรงแรม (17,448 ห้อง) แบ่งเป็นโรงแรมที่เปิดดำเนินการแล้ว 46 โรงแรม (9,410 ห้อง) และโรงแรมที่อยู่ระหว่างพัฒนา 39 โรงแรม (8,038 ห้อง)

    ธีระยุทธกล่าวว่า “เซ็นทารา” ตั้งเป้าที่จะมีโรงแรมภายใต้การบริหารเพิ่มอีก “100 โรงแรม ภายใน 5 ปี” หรือเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 20 โรงแรม ซึ่งรวมทั้งการลงทุนพัฒนาโรงแรมเอง (own property) และสัญญารับบริหาร (managed property)

    ภาพร่างโรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ โอซาก้า ร่วมทุนกับบริษัทญี่ปุ่น Taisei Corporation และ Kaden Realty & Development

    ในรอบ 5 ปีนี้ เซ็นทารามีแผนที่จะลงทุนพัฒนาโรงแรมเองอยู่แล้วอย่างน้อย 5 แห่ง (รวมที่มีการจอยต์เวนเจอร์กับทุนท้องถิ่นของประเทศนั้นๆ ด้วย) ได้แก่ ทำเลเกาะลันตา จ.กระบี่, ทำเลเขาเต่า หัวหิน, โรงแรมในมัลดีฟส์เพิ่มอีก 2-3 แห่ง และโรงแรมในโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งก่อสร้างไปแล้ว 38% จะพร้อมเปิดบริการปี 2566

    ส่วนที่เหลือที่จะมองหาดีลเซ็นสัญญารับจ้างบริหาร เซ็นทารามีโลเคชันหลัก คือ “เวียดนาม” ซึ่งตั้งเป้าจะเปิดเพิ่ม 20 แห่ง จากปัจจุบันมีอยู่แล้ว 1 แห่งที่เซ็นทารา มิราจ รีสอร์ท มุยเน่ โดยปีนี้มีดีลระหว่างเจรจาแล้ว 7-8 แห่ง

    เซ็นทารา มิราจ รีสอร์ท มุยเน่ โรงแรมแรกของเครือในเวียดนาม

    อีกประเทศหนึ่งคือ “จีน” ซึ่งมีดีลเจรจาอยู่ 3 แห่ง และในประเทศ “ไทย” เองก็มีเจรจาดีลกับเจ้าของโรงแรม 3 แห่ง ส่วนทำเลที่คาดหวังอื่นๆ จะเกาะกลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชียและตะวันออกกลางเป็นหลัก

    ด้านความมั่นใจในการลงทุนของเจ้าของโปรเจกต์ ผู้บริหารเซ็นทารามองว่าธุรกิจโรงแรมเป็นธุรกิจที่มองระยะยาว และนักลงทุนยังคงมั่นใจการกลับมาของการท่องเที่ยว จึงยังลงทุนต่อเนื่อง

     

    “รัสเซีย” ระยะสั้นยังปกติ แต่อาจส่งผลระยะยาว

    ขณะที่ประเด็นร้อนในช่วงนี้อย่างสงครามรัสเซีย-ยูเครน ธีระยุทธกล่าวว่า ระยะสั้นยังไม่เห็นผลกระทบ เนื่องจากเข้าสู่ช่วงโลว์ซีซันของนักท่องเที่ยวรัสเซียที่จะออกต่างประเทศอยู่แล้ว ส่วนที่ยังเดินทางมาก็ไม่มีการยกเลิก และยังไม่มีข้อติดขัดด้านการชำระเงิน เนื่องจากส่วนใหญ่เซ็นทาราจะรับจองแบบชำระเงินล่วงหน้า (pre-paid)

    สัดส่วนของนักท่องเที่ยวรัสเซียในเครือเซ็นทาราเฉพาะช่วงไฮซีซัน (ช่วงปลายปีจนถึงต้นปี) ในภูเก็ตจะอยู่ที่ 20% ดูไบ 11% และมัลดีฟส์ 6-7%

    โรงแรมในภูเก็ตเป็นพอร์ตที่มีสัดส่วนแขกชาวรัสเซียมากที่สุดในเครือ (ภาพจากโรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ บีช รีสอร์ท ภูเก็ต)

    ธีระยุทธมองว่า ชาวรัสเซียอาจจะไม่ใช่สัดส่วนพอร์ตใหญ่แต่ก็ต้องจับตามองระยะยาวว่าสงครามจะยาวนานแค่ไหน และผลกระทบต่อเศรษฐกิจรัสเซียหลังค่าเงินรูเบิลร่วงลงไปแล้ว 40% จะทำให้ชาวรัสเซียมีกำลังซื้อน้อยลงแน่นอน ซึ่งเซ็นทารากำลังหานักท่องเที่ยวทดแทน

    กลุ่มที่เป็นเป้าหมายคือ “อินเดีย” ซึ่งนิยมเดินทางเข้าทั้งมัลดีฟส์และไทย “ออสเตรเลีย” ซึ่งเริ่มเปิดประเทศเดินทางได้สะดวกแล้ว และ “ยุโรป” ซึ่งจะต้องจัดโปรโมชันมากขึ้นสำหรับกลุ่มนี้ เนื่องจากปัญหาปิดน่านฟ้าอาจทำให้ค่าตั๋วเครื่องบินแพงขึ้น

    ธีระยุทธยังกล่าวถึงโอกาสใน “ซาอุดีอาระเบีย” จากการฟื้นความสัมพันธ์ เซ็นทาราจะเริ่มเจาะตลาดเพื่อดึงนักท่องเที่ยวซาอุฯ เข้าไทยและดูไบ และอนาคตอาจหาโอกาสการลงทุนในซาอุฯ เนื่องจากเป็นประเทศขนาดใหญ่ของตะวันออกกลางที่มีการเดินทางเข้าออกมาก และประชาชนมีกำลังซื้อสูง

     

    อ้อนภาครัฐจัด “เราเที่ยวด้วยกัน” ยกเลิก Test & Go

    จากการเกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครน ธีระยุทธมองว่าน่าจะทำให้การฟื้นตัวเต็มที่เท่ากับปี 2562 ของธุรกิจโรงแรม เลื่อนจากที่คาดไว้ปี 2567 เป็นปี 2568

    “ธีระยุทธ จิราธิวัฒน์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา และ “กันย์ ศรีสมพงษ์” ประธานเจ้าหน้าที่การเงินและรองประธานฝ่ายการเงินและบริหาร บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน)

    หากจะกระตุ้นให้โรงแรมฟื้นตัวได้ดีขึ้น มองว่านโยบายภาครัฐจะช่วยสนับสนุนได้ดี ยกตัวอย่างเช่น โครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” ซึ่งประสบความสำเร็จมาก รายได้ถึง 20% ของเซ็นทาราเมื่อปี 2564 เกิดจากโครงการนี้ และหากมีเฟสใหม่เพิ่มขึ้นจะช่วยให้การท่องเที่ยวในประเทศคึกคัก

    อีกส่วนหนึ่งคือการดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ มองว่าควรจะยกเลิกระบบ Test & Go เหลือเพียงการตรวจจากประเทศต้นทางครั้งเดียว ซึ่งจะทำให้ค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวลดลงมากและมีไทยเป็นตัวเลือกการเดินทางมากขึ้น

    ]]>
    1376586
    CENTEL เจอพิษ COVID-19 ขาดทุน 45 ล้าน มองการท่องเที่ยวฟื้นได้เร็วสุดไตรมาส 3 https://positioningmag.com/1278664 Thu, 14 May 2020 13:14:34 +0000 https://positioningmag.com/?p=1278664 ผลประกอบการเป็นไปตามคาดหลังวิกฤตโรคระบาด COVID-19 พังธุรกิจโรงแรม-ร้านอาหาร “CENTEL” เจ้าของเชนโรงแรมเซนทาราและร้านอาหารเครือ CRG รายงานรายได้ไตรมาสแรกลดลง -18.5% และขาดทุนสุทธิ 45.1 ล้านบาท พลิกกลับจากปีก่อนที่เคยทำกำไรอู้ฟู่ มองอนาคตการท่องเที่ยวปี 2563 กรณีที่ดีที่สุดจะกลับมาเริ่มฟื้นตัวไตรมาส 3

    บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL รายงานผลประกอบการต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ไตรมาส 1/63 ทำรายได้ 4,601 ล้านบาท ลดลง -18.5% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน ด้านผลกำไรพบว่า ขาดทุนสุทธิ 45.1 ล้านบาท พลิกกลับจากปีไตรมาส 1 ปีก่อนที่เคยมีกำไรสุทธิถึง 826 ล้านบาท

    ทั้งนี้ CENTEL มีธุรกิจสองส่วนหลักคือ รายได้ธุรกิจโรงแรม และรายได้ธุรกิจอาหาร โดยได้รับผลกระทบจากไวรัส COVID-19 ระบาดทั้งสองกลุ่มธุรกิจ แต่ธุรกิจโรงแรมได้รับผลกระทบรุนแรงกว่า วัดจากรายได้ธุรกิจโรงแรมที่ลดลง -34.8% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่ธุรกิจอาหารลดลงเล็กน้อยที่ -2.9% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากบริษัทสามารถปรับไปบริการจัดส่งเดลิเวอรี่ช่วยพยุงรายได้ได้บ้าง

    โรงแรมในกรุงเทพฯ อ่วมสุด

    สำหรับธุรกิจโรงแรมในเครือเซ็นทรัลที่เปิดบริการแล้วมีทั้งหมด 42 แห่ง (7,808 ห้อง) ในจำนวนนี้เป็นโรงแรมที่บริษัทเป็นเจ้าของ 18 แห่ง (4,457 ห้อง) ส่วนที่เหลือเป็นสัญญาจ้างบริหาร

    ในกลุ่มโรงแรมที่บริษัทเป็นเจ้าของ มีอัตราการเข้าพักลดลง -24.6% และทำรายได้ต่อห้องพักเฉลี่ย (RevPar) ลดลง -31.7% โดยโลเคชันที่หนักที่สุดคือโรงแรมในกรุงเทพฯ เทียบกับโรงแรมในต่างจังหวัดของไทยและที่หมู่เกาะมัลดีฟส์ เนื่องจากโรงแรมที่ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ มีอัตราการเข้าพักลดลง -34.3% และ RevPar ลดลงถึง -51.9% สูงกว่าค่าเฉลี่ยรวม

    โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์และบางกอก คอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์

    สาเหตุเป็นเพราะไวรัส COVID-19 ส่งผลให้งานสัมมนาในกรุงเทพฯ เลื่อนการจัดงานไปก่อน ขณะที่โรงแรมต่างจังหวัดและที่มัลดีฟส์ยังมีนักท่องเที่ยวอยู่จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ และนักท่องเที่ยวบางกลุ่มกลับปรับเพิ่มขึ้นด้วย เช่น มัลดีฟส์มีนักท่องเที่ยวรัสเซียเพิ่มขึ้น 10% ในไตรมาสที่ผ่านมา

    เดลิเวอรี่พยุงยอดขายร้านอาหาร

    ด้านธุรกิจอาหารในเครือเซ็นทรัลทั้งหมด 14 แบรนด์ เช่น KFC, Mister Donut, Auntie Anne’s , โอโตยะ, Pepper Lunch, The Terrace ฯลฯ รวมทั้งหมด 1,060 สาขา รายได้รวมลดลง -2.9% แต่หากวัดยอดขายเฉพาะสาขาเดิม (Same Store Sales) มียอดขายลดลง -9.5%

    แม้ว่าเซ็นทรัลจะปรับไปรุกตลาดจัดส่งอาหารเดลิเวอรี่ แต่ก็ยังทดแทนรายได้นั่งทานในร้านไม่ได้ทั้งหมด โดยเฉพาะแบรนด์ร้านอาหารญี่ปุ่นและไทย

    ตัดงบลงทุนครึ่งหนึ่ง

    สถานการณ์ปัจจุบันของ CENTEL ในกลุ่มธุรกิจโรงแรมที่บริษัทเป็นเจ้าของ เหลือเพียง 2 แห่งที่ยังเปิดทำการคือ เซ็นทาราฯ เซ็นทรัลเวิลด์ และ เซ็นทราฯ ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ โดยบริษัทมีการลดต้นทุน ตัดงบลงทุนปี 2563 ลงครึ่งหนึ่งเหลือ 4 พันล้านบาท เพื่อลงทุนเฉพาะส่วนที่จำเป็นและเป็นงานต่อเนื่อง รวมถึงให้พนักงานลาโดยไม่ได้รับค่าจ้าง (leave without pay)

    บริษัทประเมินว่า จากสถานการณ์ปัจจุบันที่โรคระบาดค่อยๆ คลี่คลาย เชื่อว่าจะควบคุมได้ภายในเดือนมิถุนายนนี้ และหลังจากนั้นธุรกิจท่องเที่ยวจะฟื้นตัวในช่วงไตรมาส 3 เมื่อภาครัฐผ่อนคลายการจำกัดการเดินทางคาดว่านักท่องเที่ยวชาวไทยจะเริ่มมีดีมานด์เพิ่มขึ้น ติดตามมาด้วยนักท่องเที่ยวต่างชาติและงานสัมมนา อย่างไรก็ตาม คาดว่า RevPar ของปีนี้จะลดลงไป 40-50% เทียบกับปีก่อน

    ร้านอาหารโอโตยะ ในเครือเซ็นทรัล

    ส่วนธุรกิจอาหาร ประเมินยอดขายปี 2563 อยู่ที่ 1-1.5 หมื่นล้านบาท และคาดว่าได้ผ่านจุดต่ำสุดเมื่อเดือนเมษายนมาแล้ว อย่างไรก็ตาม ด้วยสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน บริษัทจะเริ่มขยายสาขาอีกครั้งในไตรมาส 3 และจะเน้นเฉพาะสาขาที่ขายแบบเดลิเวอรี่เป็นหลักคือ สาขารูปแบบ Cloud Kitchen, สแตนด์อะโลน และไดรฟ์ ทรู

    รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกเป็นการฉายภาพผลกระทบที่เกิดขึ้นเพียงเดือนเดียวคือเดือนมีนาคม ขณะที่ไตรมาส 2 ซึ่ง COVID-19 จะแผลงฤทธิ์เต็มไตรมาส เชื่อว่าผลกระทบจะรุนแรงยิ่งขึ้น หวังเพียงว่าสถานการณ์จะดีขึ้นโดยเร็วเพื่อกลับมาฟื้นธุรกิจได้ในช่วงครึ่งปีหลัง

    Source

    ]]>
    1278664