กลุ่มเซ็นทรัลทุ่ม 20,000 ล้าน สยายปีกสู่เวียนนา – โอซากา – ตูริน

กลุ่มเซ็นทรัลยังคงเดินหน้ายุทธศาสตร์ขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ทุ่มงบ 20,000 ล้านบาท เปิดบิ๊กโปรเจกต์ใน 3 เมืองท่องเที่ยวยอดนิยม เวียนนา, โอซากา และตูริน

ไม่ใช่แค่ลงทุนผุดโครงการแค่ในประเทศไทย แต่ตอนนี้ยังสยายปีกไปยังต่างประเทศมากขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดกลุ่มได้สยายปีกการลงทุนในต่างประเทศ กับ 3 โปรเจกต์ยักษ์ ใน 3 ทำเลยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั่วโลก เวียนนา – โอซากา – ตูริน

ทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มเซ็นทรัล กล่าวว่า

“กลุ่มเซ็นทรัลได้สานต่อยุทธศาสตร์ขยายการลงทุนในต่างประเทศ ตามเทรนด์การท่องเที่ยวโลก (Global Tourism Trend) ด้วยการพัฒนาโครงการแฟลกชิพที่มีศักยภาพสูงในเมืองท่องเที่ยวสำคัญต่างๆ ล่าสุดได้ลงทุนโครงการครั้งยิ่งใหญ่ 3 แห่ง ได้แก่ โครงการมิกซ์ยูสที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย, โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ โอซากา ประเทศญี่ปุ่น และห้างสรรพสินค้ารีนาเชนเต เมืองตูริน โฉมใหม่ ด้วยงบลงทุนรวมกว่า 2 หมื่นล้านบาท”

1. มิกซ์ยูสโปรเจกต์สุดหรูกลางกรุงเวียนนา

โครงการขนาด 58,000 ตร.ม. ประกอบด้วยห้างสรรพสินค้าและโรงแรมสุดหรูขนาด 150-165 ห้องพัก ร้านค้า พร้อมด้วยร้านอาหารชั้นนำและสวนสาธารณะลอยฟ้า โดยให้เป็นจุดหมายใหม่แห่งการพบปะสังสรรค์ ด้วยรูปแบบที่ทันสมัยและคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมอันเป็นเอกลักษณ์ของเมือง

โครงการนี้ ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพสูงใจกลางถนนมาเรียฮิลเฟอร์ สตราเซ (MariahilferStraße) แหล่งช้อปปิ้งยอดนิยมและยังอยู่ในละแวกใกล้เคียงย่านพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงของกรุงเวียนนา โดยเป็นการร่วมลงทุนระหว่างกลุ่มเซ็นทรัล และกลุ่มซิกน่า (SIGNA Group) บริษัทชั้นนำในประเทศออสเตรีย โดยมีแผนที่จะเปิดให้บริการภายในปี 2566

2. โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ โอซากา

โรงแรมภายใต้แบรนด์เซ็นทาราแห่งแรกในประเทศญี่ปุ่น ใจกลางย่านนัมบะ ศูนย์กลางการท่องเที่ยวของเมืองโอซากาและภูมิภาคคันไซ โดยโอซากาถือเป็นจุดหมายปลายทางอันดับที่ 2 ของประเทศญี่ปุ่นที่นักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมมามากที่สุด ด้วยกลิ่นอายของวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่มีความโดดเด่น และทำเลของเมืองที่ใกล้กับเมืองเกียวโต โกเบ และนารา

โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ โอซากา เป็นโรงแรมแฟลกชิพระดับ 5 ดาว ใจกลางเมือง เทียบเท่ากับโรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ เป็นโรงแรมหรู 34 ชั้น ขนาด 515 ห้องพัก สามารถมองเห็นทัศนียภาพอันสวยงามของสวนสาธารณะนัมบะได้เต็มวิสัยทัศน์ 360 องศา ชั้นบนสุดของโรงแรมจะมีทั้งเลานจ์ และพื้นที่สำหรับจัดงานอีเวนต์และประชุมสัมมนา รวมถึงร้านอาหารชั้นดาดฟ้า และสกาย บาร์ พร้อมทัศนียภาพอันงดงามของเมืองโอซากาในแบบพาโนรามา

โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ โอซากา เป็นการร่วมทุนระหว่างโรงแรมแ ละรีสอร์ตในเครือเซ็นทารา กับสองบริษัทก่อสร้างและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น Taisei Corporation และ Kanden Realty & Development เมื่อแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2566 เซ็นทารา แกรนด์ โอซากา จะเป็นโรงแรมแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของเมืองโอซากาอย่างแน่นอน

3. ห้างสรรพสินค้ารีนาเซนเต สาขาตูริน

กลุ่มเซ็นทรัลเห็นศักยภาพของการค้าและการท่องเที่ยวของเมืองตูริน ซึ่งเปรียบเสมือนเพชรเม็ดงามของประเทศอิตาลี ที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรม และประวัติศาสตร์สุดคลาสสิก ด้วยงบลงทุนกว่า 2,000 ล้านบาท กลุ่มเซ็นทรัลได้เข้าซื้อที่ดินอาคารเมื่อปี พ.ศ. 2560 และออกแบบพัฒนาโครงการใหม่ทั้งหมด แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของกลุ่มเซ็นทรัลที่ตั้งใจจะยกระดับเมืองตูริน สู่ประสบการณ์ช้อปปิ้งนำสมัย

ห้างสรรพสินค้าถูกปรับปรุงอย่างเต็มรูปแบบ และขยายพื้นที่ขายสุทธิเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว อาคารห้างได้รับการออกแบบโดย Gianmatteo Romegialli นักออกแบบชื่อดังระดับโลก ผู้ตกแต่งเปลือกอาคาร (Façade) ของห้างด้วยหินอ่อน Travertine สุดหรู และสร้างเอกลักษณ์ที่โดดเด่นให้ชั้น G ด้วยเสาขนาดใหญ่ 4 ต้น และโคมระย้า (Chandelier) สุดอลังการใจกลางห้าง โดยมีทีมดีไซเนอร์มืออาชีพที่ร่วมรับผิดชอบในโครงการนี้ด้วย ได้แก่ Paolo Luccetta, Fabio Fantolino, David Lopez และ Fanny Bauer

ความพิเศษของห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ คือ โซนเครื่องประดับโฉมใหม่ – รองเท้า กระเป๋า จิวเวลรี่ และแบรนด์ ลักชัวรี่ใหม่ๆ อาทิ Bottega Venetta, Burberry, Alexander McQueen และ Marni นอกจากนี้ยังมี ร้านอาหาร เทมาคินโฮ ที่ประสบความสำเร็จมาแล้วที่สาขาโรม เสิร์ฟอาหารสไตล์ฟิวชั่นญี่ปุ่น-บราซิล พร้อมที่นั่งโซนเอาต์ดอร์สุดพิเศษ โดยในวันเปิดห้างสรรพสินค้า เคียรา อัปเปนดิโน นายกเทศมนตรีเมืองตูรินให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธีเปิดห้างอย่างเป็นทางการ ร่วมกับผู้บริหารเซ็นทรัล และรีนาเชนเต พร้อมด้วยเซเลบริตี้ และลูกค้าที่มาร่วมเฉลิมฉลองอย่างคับคั่ง

การแข็งค่าของเงินบาทและอัตราภาษีนำเข้าสูง

ยุทธศาสตร์การขยายธุรกิจในต่างประเทศของกลุ่มเซ็นทรัลยังได้แรงหนุนจากค่าเงินบาทแข็ง ซึ่งช่วยให้การพัฒนาธุรกิจในต่างประเทศเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยรายได้ของธุรกิจในต่างประเทศของกลุ่มเซ็นทรัล ในปี 2561 ประกอบด้วย เวียดนาม ยุโรป และมัลดีฟส์ คิดเป็นสัดส่วนถึง 30% ของรายได้ทั้งหมดของกลุ่มเซ็นทรัล และจะเติบโตขึ้นต่อเนื่องในอีก 5 ปีข้างหน้าจากการพัฒนาโครงการใหม่ๆ ที่ได้เปิดตัวไป

ถึงแม้ว่าภาพรวมของเศรษฐกิจยุโรปจะชะลอตัว แต่ธุรกิจของกลุ่มเซ็นทรัลในยุโรป ได้แก่ อิตาลี เดนมาร์ก และเยอรมนี ยังคงเห็นแววการเติบโตที่สดใส โดยมาจาก ยอดขายจากนักท่องเที่ยวที่เพิ่มสูงขึ้น 12-20% จากปีที่แล้ว รวมถึงยอดใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวไทยที่ไปช้อปปิ้งตามห้างของกลุ่มเซ็นทรัลในยุโรปที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทุกแห่ง

โดยเฉพาะห้างโอเบอร์โพลลิงเกอร์ ที่นครมิวนิก และห้างรีนาเชนเต ประเทศอิตาลี ที่ ยอดขายจากนักท่องเที่ยวไทยในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2562 เติบโตขึ้นอย่างน่าประทับใจถึง 30% และ 50% ตามลำดับ

การเติบโตของธุรกิจสะท้อนให้เห็นถึงไลฟ์สไตล์การท่องเที่ยวของลูกค้าไทยยุคใหม่ที่เปลี่ยนไป คนไทยนิยมไปเที่ยวต่างประเทศมากขึ้น โดยแรงจูงใจมาจากราคาสินค้าที่ต่ำกว่าเนื่องจากไม่มีภาษีนำเข้า และเมื่อค่าเงินบาทไทยแข็งค่าขึ้นทำให้สินค้าและบริการมีราคาถูกลง