Grab – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 01 Apr 2024 14:13:56 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 สิงคโปร์เตรียมสอบสวนดีล Grab และ Delivery Hero แม้จะล่มไปแล้วก็ตาม กังวลผูกขาดการแข่งขันธุรกิจส่งอาหาร https://positioningmag.com/1468607 Mon, 01 Apr 2024 14:13:46 +0000 https://positioningmag.com/?p=1468607 หน่วยงานกำกับดูแลด้านการแข่งขันของสิงคโปร์ เตรียมสอบสวนดีล Grab และ Delivery Hero แม้ดีลดังกล่าวนั้นจะล่มไปแล้วก็ตาม โดยให้เหตุผลถึงความกังวลผูกขาดการแข่งขันธุรกิจส่งอาหาร เนื่องจากทั้ง 2 บริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดรวมกันมากถึง 91%

หน่วยงานกำกับดูแลด้านการแข่งขันของสิงคโปร์ (CCCS) ได้เตรียมที่จะสอบสวนกรณีที่ Grab นั้นสนใจที่จะซื้อกิจการของ Delivery Hero ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยให้เหตุผลว่าอาจทำให้การแข่งขันในธุรกิจส่งอาหารของประเทศนั้นเกิดการผูกขาดได้ แม้ว่าดีลดังกล่าวจะล่มลงไปก็ตาม

CCCS ยังได้กล่าวในแถลงการณ์ว่า “ในช่วงเวลาดังกล่าวนั้น CCCS มีเหตุผลให้สงสัยว่าธุรกรรมที่เป็นไปได้ดังกล่าวนั้นอาจส่งผลให้การแข่งขันในตลาดลดลงอย่างมากสำหรับการจัดหาบริการสั่งอาหารออนไลน์และจัดส่งอาหารในสิงคโปร์ ซึ่งมีผู้เล่นรายใหญ่เพียงไม่กี่ราย ผู้เล่นรายใหม่มีอุปสรรคในการเข้าตลาดดังกล่าวสูง”

การสอบสวนดีลดังกล่าวนั้นเนื่องจากมีความเป็นไปได้จะละเมิดมาตรา 54 ของพระราชบัญญัติการแข่งขันปี 2024 ของประเทศสิงคโปร์ ซึ่งห้ามควบรวมกิจการที่ส่งผลหรืออาจคาดว่าจะส่งผลให้การแข่งขันในประเทศลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

ดีลดังกล่าวเริ่มต้นตั้งแต่ในช่วงปลายไตรมาส 3 ของปี 2023 ที่ผ่านมาซึ่งมีสื่อในประเทศเยอรมันรายงานข่าวว่า Delivery Hero ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ foodpanda ได้กำลังเจรจาในการขายกิจการให้กับ Grab ซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่าถึง 1,000 ล้านยูโรในช่วงเวลานั้น

ในช่วงเวลาของการเจรจาซื้อกิจการ CCCS ได้ออกมาตรการคุ้มครองในช่วงที่มีข่าวของทั้ง 2 ฝ่ายอาจซื้อกิจการกันช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการห้ามไม่ให้ควบรวมบริการสั่งอาหารหรือส่งอาหารในสิงคโปร์ หรือแม้แต่การห้ามไม่ให้สร้างผลกระทบที่สำคัญต่อความอยู่รอดของกิจการ foodpanda ในสิงคโปร์ ซึ่งอาจกระทบกับการแข่งขัน

แต่ในท้ายที่สุดดีลดังกล่าวได้ล่มลง โดย Niklas Östberg ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Delivery Hero ได้แถลงการณ์ยุติเจรจาซื้อขายธุรกิจในทวีปเอเชีย และมองว่าตลาดภูมิภาคนี้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในปี 2023 และบริษัทยังเชื่อว่าภูมิภาคนี้จะยังเป็นตลาดที่สร้างการเติบโตและกำไรได้อย่างแข็งแกร่ง

และหลังจากดีลดังกล่าวล่มลง ทาง CCCS ก็ได้ยุติมาตรการคุ้มครองดังกล่าว ก่อนที่จะมีข่าวในการเตรียมสอบสวนดีล Grab และ Delivery Hero ในครั้งนี้ตามมา

ข้อมูลจาก Momentum Works ได้ชี้ว่า Grab และ foodpanda ได้ครองตลาดบริการส่งอาหารมูลค่า 2,500 ล้านเหรียญสหรัฐรวมกันถึง 91% ซึ่งถ้าหากมีการควบรวมกิจการกันจริงหลายฝ่ายคาดว่าหน่วยงานกำกับดูแลของสิงคโปร์รายนี้อาจต้องออกมาขวางดีลดังกล่าวไว้ 

ที่มา – Reuters, The Strait Times

]]>
1468607
มองเกมยาว จับลูกค้ากระเป๋าหนัก! จุดสำคัญพา ‘แกร็บ’ กำไร 2 ปีติด https://positioningmag.com/1467870 Wed, 27 Mar 2024 08:04:57 +0000 https://positioningmag.com/?p=1467870 หากพูดถึงตลาด Ride-Hailing และ Food Delivery เชื่อว่าหลายคนก็รู้ดีว่าเป็นตลาดที่แข่งขันสูง โดยเฉพาะการทำโปรโมชั่น อย่างไรก็ตาม มีเพียงแพลตฟอร์มเดียวในตลาดที่สามารถทำกำไรได้ 2 ปีติดต่อกันก็คือ แกร็บ (Grab) ที่ทำตลาดในไทยมาแล้ว 10 ปีเต็ม อะไรเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ทำให้แกร็บทำกำไรได้ และสร้างการเติบโตจากนี้

มองเกมยาว เน้นลูกค้าคุณภาพ

ย้อนไปปี 2022 แกร็บ มีรายได้ 15,197 ล้านบาท กำไร 576 ล้านบาท ส่วนในปี 2023 แม้บริษัทจะยังไม่เปิดเผยแต่ วรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย เกริ่นว่า มีกำไรที่มากขึ้นเล็กน้อย ซึ่งหนึ่งในจุดที่ทำให้แกร็บสามารถทำกำไรได้ 2 ปีติดต่อกันก็คือ การมองเกมระยะยาว นั่นก็คือ การคัด ลูกค้าคุณภาพ

“หากมองอะไรระยะสั้น จะยิ่งทำให้ต้องเปลี่ยนกลยุทธ์บ่อย ซึ่งต้องชมทีมที่ไม่เปลี่ยนใจกับสิ่งเร้ารอบตัวเวลา โดยเฉพาะเวลามีแพลตฟอร์มใหม่กระโดดเข้ามา หรือพอคู่แข่งลดราคาแบบนี้ แล้วเราไม่เป็นลดตาม เราต้องอดทนเยอะมากนะ”

วรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย

หนึ่งในกลยุทธ์ที่แกร็บวางไว้สำหรับคัดลูกค้าคุณภาพก็คือ GrabUnlimited โปรแกรมสมาชิกแพ็กเกจรายเดือนที่ให้ส่วนลดและข้อเสนอพิเศษประจำเดือน ที่แกร็บออกมาตั้งแต่ปี 2020 โดยสามารถช่วยดันให้มูลค่าออเดอร์เติบโตขึ้น +17% มีมูลค่าคำสั่งซื้อเฉลี่ยที่กว่า 200 บาท/ครั้ง และมีความถี่ในการสั่งมากกว่าลูกค้าทั่วไป 20% และปีนี้ก็จะพยายามเพิ่มเมมเบอร์ในฝั่งเรียกรถ

นอกจากการทำเมมเบอร์แล้ว การมี Grab ThumbsUp หรือร้านการันตี และ Only at Grab ซึ่งปัจจุบันมีร้านรวมกว่าพันร้าน ก็ช่วยการันตีถึงคุณภาพ ช่วยให้ลูกค้าเลือกใช้บริการแกร็บ

“ยอดสั่งซื้อสูงแต่มูลค่าต่อคำสั่งซื้อต่ำแปลว่ายิ่งขาดทุน ดังนั้น เราจึงพยายามผลักดันการโฟกัสที่ลูกค้าคุณภาพ โดยเรานำเงินจากโปรโมชั่นมาใช้กับลูกค้า GrabUnlimited ทำให้ไม่ต้องทำโปรแรงตลอดเวลา ไม่ต้องลดค่ารอบไรเดอร์ ช่วยให้เรามีกำไร เกิดบาลานซ์ ไม่มีใครเสียประโยชน์ แพลตฟอร์มมีความยั่งยืน เพราะลูกค้าจะไม่ได้เปลี่ยนแบรนด์ง่ายขนาดนั้น” วรฉัตร อธิบาย

ยอมรับว่าราคาเป็นอุปสรรคต่อการเติบโต

แม้การที่มีลูกค้าคุณภาพจะช่วยให้ทำกำไร แต่การจะขยายฐานลูกค้าให้เติบโต ปัจจัยด้าน ราคา ก็ยังเป็นสิ่งสำคัญ โดยจากการสำรวจของแกร็บในเดือนที่ผ่านมาพบว่า 62% ของผู้บริโภค มีความกังวลค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ทำให้สั่งอาหารหรือเรียกรถไม่โตเท่าที่ควร เพราะผู้บริโภคมองว่า ราคาสูงเกินไป

สอดคล้องกับที่ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่าในปีนี้ มูลค่าตลาด Food Delivery จะอยู่ที่ประมาณ 8.6 หมื่นล้านบาท หรือ หดตัว 1.0% จากปี 2566 จากปริมาณการสั่งอาหารผ่านแอปพลิเคชั่นหรือ Food Delivery ที่คาดว่าจะยังลดลง เนื่องจากความจำเป็นในการสั่งที่ลดลง และราคาอาหารเฉลี่ยที่ปรับสูงขึ้น

ดังนั้น ราคาจับต้องได้ จะช่วยขยายตลาดให้แกร็บขยายไปยังเซกเมนต์ใหม่ ๆ อาทิ นักศึกษาและผู้ใช้ต่างจังหวัด โดยแกร็บได้ออกแคมเปญ Hot Deals โดยจะรวมเมนูลดราคาพิเศษจากหลากหลายร้านอาหาร พร้อมส่วนลดออนท็อป และ SAVER Delivery ตัวเลือกค่าส่งแบบประหยัด ในส่วนของบริการเรียกลดจะมีบริการ  GrabCar SAVER สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์ขนาดเล็กที่ถูกลงกว่าปกติ 15% และบริการ GrabBike SAVER ในระยะทางไม่เกินสี่กิโลเมตร เริ่มต้น 26 บาท

“แน่นอนว่าเราทำราคาถูกลง แต่ก็ต้องบาลานซ์กับรายได้ของไรเดอร์ ดังนั้น บริการเหล่านี้จะเปิดในช่วงที่ไม่เร่งด่วนหรือช่วงกลางคืน ซึ่งคนขับเลือกได้จะขับในเวลาถูกลง หรือจะปิดรับ หรืออย่างในต่างจังหวัดที่งานน้อย เราก็ต้องหาทางเพิ่มรอบ เพื่อให้ไรเดอร์มีรายได้มากขึ้น”

แกร็บบุกสนามบิน

หลังจากการท่องเที่ยวกลับมา การเรียกรถก็กลับมาเติบโต โดยในปีที่ผ่านมา ยอดใช้บริการเรียกรถผ่านแกร็บในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติเติบโตขึ้นถึง 139% หรือ 1.4 เท่า เมื่อเทียบกับปี 2022 และการเรียกรถไป-กลับจากสนามบินเติบโตขึ้น 2 เท่า

ที่ผ่านมา แกร็บได้เปิดบริการที่สนามบินภูเก็ต, สนามบินเชียงใหม่, สนามบินเชียงราย และสนามบินดอนเมือง ล่าสุด แกร็บกำลังจะเปิดบริการที่สนามบินสุวรรณภูมิภายในสิ้นเดือนนี้

“ยอมรับว่าบริการเรียกรถที่ถูกกว่าแกร็บมีเยอะมาก และแกร็บก็ต้องเสียลูกค้าบางส่วนให้กับแพลตฟอร์มนั้น ๆ แต่เพราะคุณภาพทำให้แกร็บยังสามารถยืนในขณะนี้ได้อยู่ ดังนั้น ด้วยคุณภาพที่สูงทำให้แกร็บไม่สามารถลดราคาได้”

ยังไม่มีแผนเพิ่มบริการหรือธุรกิจใหม่ ๆ

วรฉัตร ยืนยันว่า ปีนี้ยังไม่มีแผนเพิ่มบริการหรือธุรกิจใหม่ แต่บริการใหม่ที่เปิดในปีที่ผ่านมา อาทิ Dine-in ซึ่งจะเป็นลักษณะของการขายคูปอง จะทำอย่างเต็มรูปแบบในปีนี้ ซึ่งจะช่วยให้แกร็บเข้าถึงร้านที่ไม่เปิดบริการ Food Delivery ได้มากขึ้น ส่วนการทำ Virtual Bank ก็ยังไม่มีแผนจะทำ แม้ว่าแกร็บจะมีบริการ Grab Finance มีแผนจะเพิ่มวงเงินการปล่อยกู้จากหลัก 5,000-500,000 บาท เป็น หลักล้านบาท ให้กับเจ้าของธุรกิจร้านอาหาร

Virtual bank ทำได้ยาก เพราะว่าแบงก์ไทยแข็งแรงมาก และนอน-แบงก์ก็ทำธุรกิจเกี่ยวกับการเงินได้เยอะมาก เช่น ประกัน, ลงทุน, ปล่อยกู้ ดังนั้น เลยรู้สึกว่าสู้กับแบงก์ไทยยาก คนที่จะเป็นดิจิทัลแบงกิ้งก็คือ แบงก์นั่นแหละ”

มองโฆษณาธุรกิจดาวรุ่งทำกำไร

แน่นอนว่าปีนี้ กลุ่มธุรกิจที่คาดว่าจะเติบโตมากที่สุดยังคงเป็นการเรียกรถ เนื่องจากการเติบโตของการท่องเที่ยว ตามด้วยธุรกิจ Food Delivery และธุรกิจโฆษณา หรือ Grab Ads ซึ่งในอนาคต วรฉัตร มองว่า ธุรกิจโฆษณาจะเป็นธุรกิจสำคัญในการสร้างกำไรให้กับบริษัท เนื่องจากเห็นเทรนด์ในหลายประเทศ

สำหรับรายได้จากโฆษณาของแกร็บจะมาจาก Self-serve ads เครื่องมือโฆษณาสำหรับพาร์ตเนอร์ร้านค้า เพื่อช่วยเพิ่มยอดขาย ที่ผ่านมาพบว่า ร้านอาหารสามารถทำรายได้เพิ่มขึ้น 6 เท่า จากเม็ดเงินโฆษณา อีกส่วนคือ Grab Ads ปีนี้แกร็บพยายามจะเชื่อมระหว่างออนไลน์และออฟไลน์ ให้มีความครบวงจรโดยจะโฟกัสไปที่ลูกค้าในกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว สินค้าสุขภาพ-ความงาม และสินค้าอุปโภคบริโภค

“จุดแข็งของ Grab Ads คือ เรารู้ว่าลูกค้าใช้จ่ายเท่าไหร่ ใช้บัตรเครดิตอะไร อยู่แถวไหน ทำให้เราสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้ชัดเจน และปีนี้เราจะทำโฆษณาทั้งในรถ นอกรถ เชื่อมต่อกับในแอปฯ ด้วยเพื่อให้ครบวงจร ทำให้เราใช้พื้นที่ทำโฆษณาให้ได้มากกว่าเดิม”

]]>
1467870
สยบข่าวลือ! ‘GoTo’ ออกมาปฏิเสธว่ากำลังเจราจากับ ‘Grab’ เรื่องควบรวมกิจการ ย้ำ บริษัทมีสถานะการเงินที่แข็งแรง https://positioningmag.com/1462624 Wed, 14 Feb 2024 04:55:11 +0000 https://positioningmag.com/?p=1462624 เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา มีหลายสำนักข่าวรายงานว่า Grab แพลตฟอร์ม ride-hailing สัญชาติสิงคโปร์ได้กลับมาเจรจา ควบรวมกิจการ กับ GoTo อีกครั้ง เพื่อแก้ปัญหาการขาดทุนเนื่องจากการแข่งขันที่รุนแรง แต่ล่าสุด GoTo ก็ออกมายืนยันเองว่าไม่ได้มีการเจรจาดังกล่าว

GoTo บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของอินโดนีเซีย ได้ออกมาปฏิเสธว่ากําลังหารือเรื่องการควบรวมกิจการกับคู่แข่งอย่าง Grab หลังจากมีข่าว Grab ได้ยื่นข้อเสนอซื้อกิจการ GoTo โดยมีแผนทั้งการจ่ายเงินสด, จ่ายเป็นหุ้น หรือรวมสองบริษัทเข้าด้วยกัน รวมถึงการทำข้อตกลงแยกแบรนด์ทำตลาดแต่ละแบรนด์เอง

“บริษัทยังต้องการเน้นย้ำว่าขณะนี้ บริษัทไม่มีการเจรจาในเรื่องดังกล่าว บริษัทขอเน้นย้ำว่า บริษัทมีพื้นฐานและฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ GoTo กล่าว

โดยในช่วงไตรมาส 4 ที่ผ่านมา GoTo สามารถบรรลุเป้าหมาย EBITDA ในเชิงบวก อย่างไรก็ตาม บริษัทมีกําหนดจะเปิดเผยผลประกอบการปี 2023 ในเดือนมีนาคมนี้

สำหรับ GoTo Group ก่อตั้งขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2021 ซึ่งเป็นการควบรวมกิจการระหว่างสองบริษัทสตาร์ทอัพที่ใหญ่ที่สุดของอินโดนีเซีย ได้แก่ Gojek และ Tokopedia และเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม GoTo และ TikTok ประกาศว่า Tokopedia และ TikTok Shop Indonesia จะควบรวมกิจการ ซึ่ง TikTok จะถือหุ้นควบคุม 75.01%

โดยข้อตกลงของ TikTok และ Tokopedia เกิดขึ้นหลังจากอินโดนีเซียสั่งห้ามธุรกรรมอีคอมเมิร์ซบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เช่น TikTok Shop และ Facebook ซึ่งส่งผลกระทบต่อแผนการรุกตลาดอีคอมเมิร์ซของ TikTok ในภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้

Source

]]>
1462624
Grab รายงานผลประกอบการล่าสุด กระแสเงินสดกลับมาเป็นบวกครั้งแรกนับตั้งแต่ก่อตั้งกิจการ https://positioningmag.com/1451341 Fri, 10 Nov 2023 03:39:59 +0000 https://positioningmag.com/?p=1451341 Grab รายงานผลประกอบการล่าสุดในไตรมาส 3 ของปี 2023 บริษัทมีกระแสเงินสดกลับมาเป็นบวกครั้งแรกนับตั้งแต่ก่อตั้งกิจการอยู่ที่ 29 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยคาดว่าในปีนี้กระแสเงินสดของบริษัทจะติดลบน้อยลงกว่าที่คาดไว้

Grab รายงานผลประกอบการในไตรมาส 3 ของปี 2023 โดยบริษัทมีกระแสเงินสดถึง 29 ล้านเหรียญสหรัฐ และเป็นกระแสเงินสดเป็นบวกครั้งแรกนับตั้งแต่ก่อตั้งกิจการ ซึ่งถือเป็นสัญญาณของบริษัทเทคโนโลยีในอาเซียนว่าบริษัทสามารถเข้าสู่เส้นทางของการทำกำไรได้จริง ๆ

ยอดขายสินค้าออนไลน์รวม หรือ GMV ของ Grab ในไตรมาส 3 ที่ผ่านมานั้นอยู่ที่ 5,341 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโตจากปีที่ผ่านมา 5% ส่งผลทำให้รายได้รวมของบริษัทนั้นอยู่ที่ 615 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโตมากถึง 61% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา จากปัจจัยรายได้ของธุรกิจการส่งอาหารที่เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา Grab ยังรายงานว่าผู้ใช้งานทำธุรกรรมผ่านแพลตฟอร์มนั้นทำสถิติสูงสุดใหม่คือ 36 ล้านคน

กระแสเงินสดที่กลับมาบวก 29 ล้านเหรียญสหรัฐ ได้ปัจจัยมากจากธุรกิจส่งอาหารเป็นหลัก รองลงมาคือธุรกิจขนส่ง และบริการทางการเงิน ตามลำดับ

Peter Oey ประธานฝ่ายบริหารการเงินของ Grab ยังกล่าวว่า GMV ของธุรกิจส่งอาหารและธุรกิจขนส่งนั้นคาดว่าจะกลับมามีรายได้เท่ากับช่วงก่อนโควิดได้ภายในสิ้นปีนี้ได้

อย่างไรก็ดีในไตรมาส 3 ที่ผ่านมานี้ Grab ยังขาดทุนจากการดำเนินงาน 99 ล้านเหรียญสหรัฐ ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2022 ที่ผ่านมา ซึ่งบริษัทขาดทุนมากถึง 342 ล้านเหรียญสหรัฐ

เป้าหมายของบริษัทที่วางไว้ในปีนี้คือรายได้ของบริษัทจะอยู่ในช่วง 2,310-2,330 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ขณะที่กระแสเงินสดของบริษัททั้งปี 2023 จะติดลบอยู่ในช่วง 20-25 ล้านเหรียญสหรัฐ ดีกว่าคาดการณ์ครั้งก่อน

]]>
1451341
‘แกร็บ’ กับการปรับภาพสู่ “ผู้ให้บริการเรื่องกินครบวงจร” ที่สะท้อนว่าตลาด ‘ฟู้ดเดลิเวอรี่’ กำลังมาเกือบสุดทาง https://positioningmag.com/1446744 Thu, 05 Oct 2023 00:46:52 +0000 https://positioningmag.com/?p=1446744 ปฏิเสธไม่ได้ว่าการระบาดของ COVID-19 กลายตัวเร่งให้ตลาด “ฟู้ดเดลิเวอรี่” เติบโตกว่าที่ควรจะเป็น ดังนั้น ในวันที่ผู้คนกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ บริการฟู้ดเดลิเวอรี่กลายเป็นทางเลือกเหมือนที่เคยเป็น ‘แกร็บ’ (Grab) เองก็ต้องปรับตัว ซึ่งสิ่งที่สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนก็คือ ‘ฟีเจอร์’ ใหม่ ๆ ที่ออกมามากกว่าบริการส่งอาหาร

แน่นอนว่าตลาดฟู้ดเดลิเวอรี่ไทยที่มีมูลค่าถึง 8.6 หมื่นล้านบาท แม้ว่าตลาดจะทรงตัวนับตั้งแต่การระบาดของโควิดคลี่คลายลง แต่ก็ยังถือเป็นตลาดที่ใหญ่อยู่ดี อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าพฤติกรรมผู้บริโภคกลับมาสู่แบบเดิมแล้ว ดังนั้น คนก็ยังใช้งานอยู่ดี เพียงแต่การใช้งานอาจจะลดความถี่ลง

ในเมื่อตลาดมันทรงตัว การแข่งขันก็ยังคงดุเดือด แต่จะให้อัดโปรโมชันก็ไม่ใช่ทางออกที่ดี โดยเฉพาะกับ แกร็บ ที่ออกตัวเเล้วว่าต้องการจะคืนทุนให้ได้ภายในปีนี้ ดังนั้น แกร็บเองก็ต้องปรับฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่สอดรับไปกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่กลับสู่ภาวะปกติ พร้อมใช้คำว่าการเป็น “ผู้ให้บริการเรื่องกินครบวงจร” ไม่ใช่ผู้ให้บริการส่งอาหาร

หนึ่งในฟีเจอร์ใหม่ของแกร็บที่หลายคนน่าจะผ่านตามาเเล้วก็คือ Dine-in ซึ่งจะเป็นลักษณะของการ ขายคูปอง ซึ่งแปลว่าบริการนี้จะไม่ได้อยู่ในตลาดฟู้ดเดลิเวอรี่ แต่เป็นตลาดร้านอาหารซึ่งมีมูลค่าถึง 4.35 ล้านล้านบาท มีการเติบโตที่ 7.1% ซึ่งฟีเจอร์นี้จะยิ่งช่วยให้แกร็บสามารถต่อยอดไปสู่บริการ เรียกรถยนต์ ได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นทางลูกค้าเรียกใช้เองเพื่อไปร้านอาหาร หรือทางร้านอาหารใช้บริการเรียกรถเป็นโปรโมชันให้ลูกค้านั่งมาฟรีก็ได้

เบื้องต้น แกร็บยังไม่ได้ให้บริการกับร้านอาหารทุกร้านในระบบ ส่วนใหญ่จะเป็นร้าน Fine-Dining และแกร็บจะ ยังไม่ข้ามไปขายคูปองวัลเชอร์อื่น ๆ เช่น ขายคูปองที่พัก โดย วรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย ให้เหตุผลว่ายังอยากโฟกัสที่ธุรกิจอาหารซึ่งเป็นความถนัดของแกร็บ ยังไม่อยากข้ามอุตสาหกรรม

“ตลาดฟู้ดเดลิเวอรี่เกือบสุดเเล้ว เราก็มาคิดว่าจะทำยังไงให้เราโตต่อได้ ก็ต้องเปิดตลาดใหม่ ๆ ตอนนี้อาจยังไม่สร้างการเปลี่ยนเเปลงนัก แต่ถ้าจุดติดเราเชื่อว่ามันจะสเกลได้เร็ว เพราะ 2 สัปดาห์ที่ทดลอง เราเห็นคนที่ไม่เคยใช้บริการฟู้ดเดลิเวอรี่มาใช้งาน Dine-in” วรฉัตร อธิบาย

ในส่วนของฟู้ดเดลิเวอรี่ แกร็บก็ยังต้องรักษาการเติบโต โดยแบ่งฟีเจอร์ออกเป็น 2 แกน คือ ความสะดวก ได้แก่ฟีเจอร์ Self Pick-Up ที่มาตอบโจทย์พฤติกรรมผู้ใช้ที่กลับมาสู่ปกติ โดยฟีเจอร์นี้จะช่วยให้ผู้ใช้ไม่ต้องต่อคิวซื้ออาหาร ช่วยให้ประหยัดเวลา ขณะที่ร้านอาหารก็มีทราฟฟิกมากขึ้น โดยหลังจากทดลองใช้จุดที่ใช้มากสุดคือ ห้างสรรพสินค้าและอาคารสำนักงาน

ฟีเจอร์ Group Order ที่ช่วยตอบโจทย์พนักงานออฟฟิศและกลุ่มครอบครัว โดยผู้ใช้บริการหลายคนสามารถสั่งอาหารจากร้านเดียวกันรวมกันได้ผ่านออเดอร์เดียว สามารถ แชร์ค่าส่ง ได้ทำให้ประหยัดมากขึ้น ส่วนร้านเองก็จะได้มูลค่าคำสั่งซื้อที่มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ไรเดอร์อาจต้องรับมือกับจำนวนอาหารที่มากขึ้นใน 1 คำสั่งซื้อ ซึ่งทางแกร็บเองก็มองมุมนี้เหมือนกัน ดังนั้น ในอนาคตแกร็บอาจมีการจำกัดจำนวนชิ้นเพื่อไม่ให้เกิดอันตราย หรืออาจเป็นการให้ไรเดอร์แชร์สินค้าในการจัดส่ง

ฟีเจอร์ สั่งอาหารล่วงหน้า (Order for later) ฟีเจอร์ที่ให้ผู้ใช้บริการสั่งอาหารได้ล่วงหน้าได้มากสุดภายใน 7 วัน โดยสามารถระบุวันและเวลาที่ต้องการรับอาหารตามความสะดวก โดย 58% ของผู้ใช้ฟีเจอร์นี้คือคนที่ยุ่งกับการทำงานระหว่างวันจนไม่มีเวลาสั่งอาหาร ขณะที่ 20% ต้องการหลีกเลี่ยงการสั่งอาหารในช่วงเวลา peak hours เช่น มื้อเที่ยงและมื้อเย็น

อีกแกนก็คือ ความคุ้มค่า ด้านโปรโมชันก็ยังต้องมี แต่จะทำอย่างไรให้ไม่กระทบกับแผนที่จะต้องถึงจุดคุ้มทุนในช่วงปลายไตรมาส 3 ของปีนี้ และเริ่มทำกำไร รวมถึงบาลานซ์ระหว่างรายได้และค่ารอบของไรเดอร์ ทำให้เกิดเป็นตัวเลือก ส่งแบบประหยัด ที่จะถูกการจัดส่งมาตรฐานประมาณ 50% แต่ก็ต้องเเลกกับระยะเวลาจัดส่งที่นานขึ้น

นอกจากนี้ ก็มีฟีเจอร์ ดีลลดฟ้าผ่า (Flash Sale) ฟีเจอร์ที่นำเสนอดีลส่วนลดขั้นกว่าสำหรับผู้ใช้บริการ ที่จะให้แบบ Personalize และมีระบบแพ็กเกจสมาชิก GrabUnlimited เพื่อสร้าง Loyalty ผ่านการมอบส่วนลดให้สมาชิก

จะเห็นว่าแกร็บยังคงต้องรักษาการเติบโตในขาของฟู้ดเดลิเวอรี่ ผ่านฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ทั้งความสะดวกสบายและพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้ใช้ ขณะที่โปรโมชันก็ยังคงมี แต่จะมีความเฉพาะเจาะจงกับกลุ่มผู้ใช้ที่ต้องการมากขึ้น เพื่อบาลานซ์ทั้งการเติบโตและการสร้างกำไร รวมไปถึงการขยับไปสู่ตลาดอาหารใหม่ ๆ โดยไม่จำกัดว่าเป็นผู้ให้บริการส่งอาหาร แต่เป็น “ผู้ให้บริการเรื่องกินครบวงจร”

]]>
1446744
บริษัทแม่ foodpanda กำลังเจรจาขายกิจการในทวีปเอเชีย คาด Grab อาจควักเงิน 1,000 ล้านยูโรซื้อกิจการ https://positioningmag.com/1444969 Thu, 21 Sep 2023 02:24:30 +0000 https://positioningmag.com/?p=1444969 Delivery Hero บริษัทแม่ของ foodpanda กำลังเจรจาขายกิจการในทวีปเอเชีย คาด Grab อาจควักเงิน 1,000 ล้านยูโรซื้อกิจการ

สื่อธุรกิจหลายแห่งได้รายงานข่าวว่า Delivery Hero บริษัทแม่ของ foodpanda บริการส่งอาหารรายใหญ่ ได้ยืนยันว่ากำลังอยู่ในการเจรจาขายกิจการในทวีปเอเชีย และผู้ที่สนใจซื้อกิจการคือ Grab ซึ่งเป็นคู่แข่ง คาดว่าจะใช้เงินราวๆ 1,000 ล้านยูโร หรือราวๆ 38,500 ล้านบาท ซึ่งข่าวดังกล่าวอ้างอิงมาจาก The Wirtschaftswoche สื่อธุรกิจในเยอรมัน

ปัจจุบันแผนธุรกิจของ Delivery Hero คือมุ่งเน้นไปที่การทำกำไรในขณะที่ยังคงรักษาการเติบโตไว้ เนื่องจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนในบริษัทเริ่มลดลงเนื่องจากการขาดทุนของบริษัท

บริษัทแม่ของ foodpanda ได้ชี้ว่าบริษ้ทได้บรรลุผลกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย หรือ EBITDA ในผลประกอบการช่วงหกเดือนแรกของปี แม้ว่าจะไม่ได้ระบุเป็นจำนวนก็ตาม หลังจากที่บริษัทได้มรผลขาดทุน 323 ล้านยูโรในปี 2022 ที่ผ่านมา

foodpanda มีบริการในประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย พม่า ฟิลิปปินส์ ไทย ลาว กัมพูชา ซึ่งธุรกิจในทวีปเอเชียนั้นทำรายได้เป็นสัดส่วนมีนัยสำคัญของบริษัทอย่างมาก โดยก่อนหน้านี้ CEO ของ Delivery Hero ได้กล่าวว่าบริษัทได้ลดโมเมนตัมของธุรกิจในเอเชียลง หลังจากลงทุนอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา

โดย Delivery Hero ได้เปิดเผยต่อตลาดหุ้นในเยอรมันโดยยืนยันว่ามีการเจรจากับหลายฝ่ายเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการขายธุรกิจ foodpanda บางตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การพูดคุยเจรจา ยังอยู่ในระยะเบื้องต้น

ที่มา – Reuters, The Strait Times

Note: อัพเดต 16:11 เพิ่มเติมแถลงการณ์ของบริษัทว่ามีการเจรจาเกี่ยวกับความเป็นไปได้ดังกล่าว

]]>
1444969
‘Grab’ เริ่มทดลองฟีเจอร์ “ทานที่ร้าน” รับพฤติกรรมผู้บริโภคที่ทานอาหารนอกบ้านมากขึ้น https://positioningmag.com/1439735 Thu, 03 Aug 2023 08:16:48 +0000 https://positioningmag.com/?p=1439735 เนื่องจากการระบาดของ COVID-19 ที่ไม่ได้ร้านแรงเหมือนช่วง 3 ปีที่แล้ว บริการ ฟู้ดเดลิเวอรี่ เลยไม่ได้เติบโตอย่างร้อนแรงเหมือนช่วงที่คนออกจากบ้านไปทานอาหารที่ร้านไม่ได้ ดังนั้น แกร็บ (Grab) และ ฟู้ดแพนด้า (Foodpanda) เลยเพิ่มบริการ ทานที่ร้าน ในรูปแบบการซื้อคูปองผ่านแพลตฟอร์ม

Grab กำลังทดสอบฟีเจอร์ การรับประทานที่ร้าน ในสิงคโปร์ ไทย และอินโดนีเซีย รวมทั้งหมด 15 เมือง โดยให้ผู้ใช้ซื้อเป็น คูปอง หรือ บัตรกำนัล สำหรับรับประทานที่ร้านล่วงหน้า โดยจะมี ส่วนลดสูงสุดถึง 50% ซึ่ง Grab มีแผนจะเปิดตัวฟีเจอร์ดังกล่าวนี้ในอีก 3 ประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม

Tay Chuen Jein หัวหน้าฝ่ายจัดส่งของ Grab ในสิงคโปร์ กล่าวว่า ฟีเจอร์บริการนั่งทานในร้านของ GrabFood “ทำให้การรับประทานอาหารนอกบ้านมีราคาที่ย่อมเยามากขึ้น” เนื่องจากแพลตฟอร์มได้เสนอส่วนลดให้กับลูกค้า สำหรับ Grab เองก็จะได้ค่า คอมมิชชั่น จากการขายคูปองทานอาหารแต่ละครั้ง

โดย Jonathan Woo นักวิเคราะห์อาวุโสของ Phillip Securities Research กล่าวว่า ค่าใช้จ่ายในการรับประทานอาหารนอกบ้านเพิ่มขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ทำให้ผู้บริโภคมองหาข้อเสนอเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในทุกที่ที่ทำได้ และแทบไม่มีความรู้สึกใดที่ดีไปกว่าการได้รับประทานอาหารดี ๆ ในราคาประหยัด

อย่างไรก็ตาม Grab ไม่ใช่ผู้เล่นรายแรกในตลาดที่ทำ แต่ Foodpanda ถือเป็นรายแรก โดยเปิดฟีเจอร์การรับประทานในร้านในปี 2021 โดยปัจจุบัน Foodpanda มีบริการทานที่ร้าน ในสิงคโปร์ ไทย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย ฮ่องกง ปากีสถาน และบังกลาเทศ มีร้านอาหารที่ร่วมกับแพลตฟอร์มกว่า 8,000 แห่งทั่วประเทศเหล่านี้ และมีส่วนลดในการรับประทานอาหารตั้งแต่ 15% ถึง 25%

Jakob Sebastian Angele ซีอีโอประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ Foodpanda กล่าวว่า บริษัทมองเห็น ศักยภาพมหาศาลในการรับประทานที่ร้าน อย่างไรก็ตาม รายได้จากบริการฟู้ดเดลิเวอรี่จัดส่งอาหารยังคงเป็นธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดของ Foodpanda รองลงมาคือ การจัดส่งของชำ

ทั้งนี้ จากรายงานโดย Benchmark ที่เผยแพร่เมื่อเดือนเมษายนระบุว่า การจัดส่งอาหารมีการเติบโตอย่างมากในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยมีการเติบโตถึง 50% ต่อปี แต่ในปัจจุบัน บริการส่งอาหารยังมีการเติบโตอยู่แต่ไม่สูงเหมือนช่วง 3 ปีก่อน เนื่องจากผู้บริโภคกลับมาใช้กิจวัตรประจำวันตามปกติและออกไปรับประทานอาหารนอกบ้านบ่อยขึ้น

“ด้วยสิ่งจูงใจที่ลดลง เนื่องจากแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่ให้ความสำคัญกับการเก็บรักษาเงินสด อาจส่งผลให้ผู้บริโภคสั่งอาหารน้อยลง และร้านค้ามีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนไปเน้นการดึงดูดลูกค้าหน้าร้านมากขึ้น ซึ่งอาจชะลอการเติบโตของปริมาณการสั่งซื้ออาหารเดลิเวอรี่ในระยะสั้น”

Source

]]>
1439735
Grab ประกาศปลดพนักงาน 1,000 ตำแหน่ง CEO ชี้เป็นการปรับโครงสร้างภายในองค์กร https://positioningmag.com/1434767 Wed, 21 Jun 2023 00:54:19 +0000 https://positioningmag.com/?p=1434767 แพลตฟอร์มเรียกรถและส่งอาหารอย่าง Grab ล่าสุดได้มีการปลดพนักงานอีก 1,000 ตำแหน่ง คิดเป็น 11% ของจำนวนพนักงานทั้งหมด โดยสาเหตุสำคัญที่ CEO ของบริษัทได้กล่าวคือเป็นการปรับโครงสร้างองค์กร ไม่ใช่ในเรื่องของการลดต้นทุนเพื่อที่จะเข้าสู่เส้นทางสร้างกำไรในอนาคตแต่อย่างใด

สำนักข่าว Reuters ได้รายงานข่าวว่า Grab แพลตฟอร์มเรียกรถ รวมถึงบริการส่งอาหาร ประกาศปลดพนักงานเป็นจำนวนมากถึง 1,000 คน คิดเป็นสัดส่วน 11% ของพนักงานทั้งหมดของบริษัท หลังจากในช่วงที่ผ่านมาที่บริษัทได้ใช้มาตรการรัดเข็มขัดแล้วก็ตาม

ในจดหมายที่ส่งให้กับพนักงาน Anthony Tan ได้ชี้ว่าการปลดพนักงานครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งใหญ่สุดหลังจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และเขาชี้ว่าการปลดพนักงานไม่ใช่เส้นทางสู่การสร้างกำไรในอนาคต แต่เป็นการปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อที่จะรับมือกับสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนไป

เขากล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงไม่เคยรวดเร็วขนาดนี้มาก่อน ซึ่ง CEO รายดังกล่าวได้ชี้ถึงการเข้ามาของ AI ที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันต้นทุนทางการเงินก็เพิ่มสูงมากขึ้น ปัจจัยดังกล่าวส่งผลต่อการแข่งขัน โดยบริษัทจะต้องเป็นผู้นำด้านต้นทุน เพื่อที่จะแข่งขันและนำเสนอบริการต่างๆ ที่ย่อมเยา ซึ่งจะทำให้เข้าถึงคนทั่วไปมากขึ้น

ก่อนหน้านี้ในช่วงปลายปี 2022 บริษัทได้พยายามควบคุมค่าใช้จ่ายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพนักงานระดับอาวุโสจะไม่มีการขึ้นเงินเดือน ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลงอีก 20% แม้ว่าในช่วงก่อนหน้านี้บริษัทจะยืนยันว่าไม่มีการปลดพนักงานจำนวนมากเหมือนบริษัทเทคโนโลยีอื่น

ไม่ใช่แค่ Grab เท่านั้นที่มีการปลดพนักงาน แต่ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทคู่แข่งอย่าง GoTo (หรือ Gojek เดิม) ได้ประกาศปลดพนักงานรอบใหม่ เพื่อที่จะลดค่าใช้จ่าย เนื่องจากสภาวะในการประกอบธุรกิจเปลี่ยนไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัจจัยของเศรษฐกิจโลกที่มีความเสี่ยงจะชะลอตัวลง

]]>
1434767
Grab ตั้งเป้าปี 66 ลดการขาดทุน หารายได้จากกลุ่มธุรกิจ Enterprise เพิ่มมากขึ้น https://positioningmag.com/1422634 Thu, 09 Mar 2023 12:43:35 +0000 https://positioningmag.com/?p=1422634 แกร็บ ประเทศไทย (Grab) ได้แถลงแผนธุรกิจในปี 2566 ซึ่งหลังจากนี้บริษัทจะเน้นในเรื่องประสิทธิภาพของแต่ละธุรกิจ รวมถึงหันมาเน้นการทำธุรกิจแบบ B2B กับองค์กรต่างๆ ซึ่งล่าสุดมีลูกค้าบ้างแล้ว และกล่าวว่าบริษัทจะลดการขาดทุนและเข้าสู่เส้นทางการทำกำไรได้หลังจากนี้

วรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย ได้กล่าวถึงว่าครบรอบ 10 ปีการก่อตั้ง Grab ในประเทศไทย โดยสำหรับปีนี้ทางบริษัทจะเติบโตแบบที่ผ่านมาไม่ได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการใช้โปรโมชันเพื่อเพิ่มลูกค้าและในปีนี้หยุดเรื่องการขาดทุนให้ได้ก่อน โดยในปีนี้บริษัทมีผลประกอบการที่ขาดทุนลดลง

เขาได้กล่าวถึงผลประกอบการในปี 2565 ที่ผ่านมาของกลุ่ม (รวมทุกประเทศในอาเซียน) ว่าจำนวนผู้ใช้งานของ Grab ไม่ได้ลดลง รายได้เติบโต 112% (เป็นรายได้ Net จริงๆ) ขาดทุนลดลง 51% เมื่อเทียบกับปี 2021 และทางบริษัทคาดว่าจะมีกำไรได้ภายในสิ้นปี 2023 นี้ เขาชี้ว่าเป้าหมายของบริษัทแม่ส่งผลทำให้บริษัทลูกในแต่ละประเทศต้องปรับตัวทำให้มีกำไร

ธุรกิจเรียกรถในปีที่ผ่านมา เขาได้ยกรายงานของ Bain Google และ Temasek ที่ได้จัดทำร่วมกัน ชี้ว่าธุรกิจเรียกรถนั้นเติบโตแบบทบต้นปีละ 40% จนถึงปี 2567 ได้ ขณะเดียวกันเขาก็ชี้ว่าตัวเลขการเรียกรถของ Grab เติบโตมากถึง 152% จากปีที่ผ่านมา แม้ว่าไทยจะยังไม่มีนักท่องเที่ยวจีนกลับเหมือนกับช่วงก่อนโควิด-19 ก็ตาม

เขายังชี้ว่าการมีบริการหลายตัวทำให้บริษัทผ่านช่วงเวลาต่างๆ ได้ เห็น Trend นักท่องเที่ยวกลับมาตั้งแต่ครึ่งปีที่แล้ว

ขณะที่ธุรกิจส่งอาหาร (Food Delivery) เติบโต 15% จากปี 2564 ลูกค้ามีปริมาณ Order เพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบกับ 2562 นอกจากนี้ตลาดต่างจังหวัดกำลังเติบโตอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นภูเก็ต เชียงใหม่ ชลบุรี เป็นต้น รวมถึง GrabMart ที่เติบโต 28% เมื่อเทียบกับ 2563 การสั่งปริมาณและราคาต่อ Order เพิ่มขึ้นยังทำให้ผลขาดทุนที่ลดลงด้วย และยังมี Grab Unlimited ที่เป็นบริการ Subscriptions และลูกค้ากว่า 50% เป็น Membership และลูกค้าเหล่านี้สั่งอาหารมากกว่าลูกค้าขาจรมากถึง 3 เท่า

ด้านการเงิน วรฉัตรชี้ว่าส่วนใหญ่ Grab ได้ปล่อยกู้ดอก 0% ให้กับคนขับ เพื่อนำไปผ่อนสินค้า เขายังกล่าวเสริมว่าบริการการเงินคือเหมือนวงจรความสุข ทำยังไงให้คนขับกับร้านอาหารให้ได้เงินเร็วที่สุด เพราะมีคนขับหลายแสนราย  รวมถึงร้านอาหารต่างๆ ที่ต้องใช้เงินวันต่อวัน นอกจากนี้ยังมีบริการอื่นๆ เช่น ประกันภัย ทำให้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงบริการเหล่านี้ได้ รวมถึงการเข้าถึงสินเชื่อ ทดแทนการกู้เงินนอกระบบ ทำให้คนขับหรือร้านอาหารสามารถทำงานอย่างมีความสุขได้

ภาพจาก Shutterstock

กลยุทธ์ระยะยาวของ Grab

กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย ได้กล่าวถึงกลยุทธ์ 3P ที่จะนำมาใช้ และเป็นเส้นทางในการเติบโตระยะยาวของบริษัท ได้แก่

Profit เขาชี้ถึงการสร้างผลกำไรนั้นทำให้ บริษัทสามารถยืนได้ในระยะยาว และยังสร้าง Ecosystem ที่ยั่งยืน ไม่ขาดทุน วรฉัตรได้ชี้ว่าช่วงที่ผ่านมาแพลตฟอร์มส่งอาหารขนาดใหญ่จำนวนมากขาดทุนมากแล้วก็ปิดตัวไป ส่งผลทำให้คนตกงานหลายคน รวมถึงร้านอาหารได้รับผลกระทบ ถ้าไม่ยืนด้วยตัวเองให้ได้ก็อาจสร้างผลกระทบต่อคนอื่น

Planet ทำยังไงไม่ให้เป็นปัญหาของสังคม ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้ออกแคมเปญ Grab for good สร้างโอกาสในการหารายได้ของคนในสังคม การเข้าถึงแพลตฟอร์มดิจิทัล หรือแม้แต่เรื่องของการรักษ์โลก ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ไปจนถึงการลดใช้ภาชนะพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียว

People วรฉัตรได้กล่าวถึงว่าทำยังไงให้คนรักเรา เขาชี้ว่าการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่การเข้าตลาดหุ้นในสหรัฐอเมริกาคือเน้นเรื่องความโปร่งใส มีธรรมาภิบาล มีการประกอบกิจการที่ดี ซึ่งทุกอย่างเริ่มต้นที่คนทั้งสิ้น

ภาพจาก Shutterstock

 

แผนธุรกิจในปีนี้

วรฉัตร ได้กล่าวถึงแผนธุรกิจของ Grab ประเทศไทยคือ การสร้าง Ecosystem ของแพลตฟอร์มผ่านนวัตกรรมใหม่ๆ และปีนี้เขาเองได้กล่าวว่าบริษัทจะเน้นไปยังบริการสำหรับ Enterprise Services (B2B) ก็คือ Grab for Business และ Grab Ad ซึ่งเป็นบริการโฆษณา

ซึ่งแต่ละบริการย่อยๆ ของ Grab นั้นมีรายละเอียดดังนี้

บริการเรียกรถ จะมีบริการพรีเมี่ยมมากขึ้น เช่น รถราคาแพง หรือ SUV ซึ่งตอบโจทย์คนขับและคนเรียกใช้บริการ ขณะเดียวกันปีนี้ก็เน้นไปยังกลุ่มนักท่องเที่ยว โดยจับมือกับสนามบินใหญ่ๆ ทำให้นักท่องเที่ยวใช้บริการได้สะดวกมากขึ้น รวมถึงมีบริการให้กับนักท่องเที่ยว เช่น สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ใส่เข้าไปยังบริการมากขึ้น และมีบริการแปลภาษาสำหรับนักท่องเที่ยวอีกด้วย

นอกจากนี้ Grab จะมีการกลับเข้าไปดูว่า ปริมาณของคนขับรถพอหรือไม่ และหลายประเทศที่เจอเหมือนกันก็คือคนไม่พอ และเข้าไปรับคนขับเพื่อที่จะมีคนขับเพียงพอตามเมืองใหญ่ๆ นอกกรุงเทพฯ เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ ชลบุรี เป็นต้น

ขณะเดียวกันในระบบของแผนที่นั้น Grab สามารถบอกลูกค้าได้ละเอียดมากกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นตึกต่างๆ มีบอกจุดรับส่ง ซึ่งทำให้ประสบการณ์ของผู้ใช้งานดีขึ้น และยังทำให้ค่าใช้จ่ายโปร่งใสมากขึ้น ขณะที่ความปลอดภัย ก็มีระบบตรวจสอบ เช่น รถจอดนานผิดปกติจะมี Call Center โทรถามว่าเกิดอะไรขึ้น ลดการเกิดปัญหาของลูกค้าที่จะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ปลอดภัย

บริการส่งอาหาร เขากล่าวว่าจะเน้นเรื่องของประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นคนขับที่รออาหารรวดเร็วกว่าเดิม 30% ด้วยการพัฒนาระบบการรองานให้ดีกว่าเดิม และทำให้รายได้ของคนขับต่อชั่วโมงได้มากกว่าเดิม 15% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้า นอกจากนี้ยังรวมถึงการขยาย Grab Unlimited รวมทุกบริการของ Grab เข้ามาด้วยในปีนี้

บริการทางการเงิน ตอนนี้มีสินเชื่อครบแล้ว เริ่มให้สินเชื่อร้านอาหารขนาดใหญ่ 500,000 บาทแล้ว ขณะที่สินเชื่อคนขับสามารถผ่อนอยู่บนระบบรายวันที่ดอกเบี้ยต่ำ

Enterprise Business เขาชี้ว่าคือการเอาบริการของ Grab มาให้บริการให้กับบริษัทขนาดใหญ่มากขึ้น จากในอดีตบริษัทต่างๆ ต้องซื้อรถและจ้างคนขับ ที่มาใช้บริการเรียกรถของบริษัทแทน หรือแม้แต่บางองค์กรที่เคยใช้บริการบุฟเฟต์อาหาร ก็มาใช้ Code ของบริษัทให้พนักงานสั่งอาหารเอง ซึ่งลดภาระในการจัดเตรียมอาหารได้

กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทยชี้ว่านอกจากบริการของ Enterprise แล้วก็ยังมีบริการโฆษณา (Grab Ad) ซึ่งบริษัทที่สนใจลงโฆษณาสามารถทำการตลาดกับแพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานต่อเดือนมากกว่า 30 ล้านคนได้ โดยตอนนี้บริษัททำงานกับเอเจนซี่โฆษณาอยู่ และชี้ว่าระบบโฆษณาของบริษัทนั้นผูกโลกออนไลน์กับออฟไลน์เข้าด้วยกันได้ ซึ่งมีลูกค้าบางรายได้ใช้บริการแล้ว

]]>
1422634
รายงานชี้ ตลาด Food Delivery ในอาเซียนโตเหลือ 5% ในปีที่ผ่านมา อาจทำให้ธุรกิจนี้อยู่ยากขึ้น https://positioningmag.com/1415760 Tue, 17 Jan 2023 17:53:43 +0000 https://positioningmag.com/?p=1415760 รายงานเกี่ยวกับธุรกิจ Food Delivery ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้นในปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตของ GMV เพียงแค่ 5% เท่านั้น หลังจากที่มีการเติบโตทบต้นเป็นตัวเลข 2 หลักมาโดยแทบตลอด ซึ่งอาจทำให้ผู้เล่นในตลาดนี้อาจทำธุรกิจได้ยากมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันมาร์จิ้นในการทำธุรกิจดังกล่าวก็ไม่ได้สูงมากนัก

Momentum Works บริษัทที่ปรึกษาจากสิงคโปร์ ได้ออกรายงานเกี่ยวกับธุรกิจ Food Delivery ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยชี้ว่าอัตราการเติบโตของยอดขายทั้งหมด (GMV) เหลือเพียงแค่ 5% จากปี 2021 มายังปี 2022 ทำให้มูลค่าตลาดของ Food Delivery นั้นอยู่ที่ 16,300 ล้านเหรียญสหรัฐ

สำหรับข้อมูลมูลค่าตลาดของ Food Delivery ในอาเซียน ทาง Momentum Works ได้รวบรวมตัวเลขจากผู้เล่นรายสำคัญๆ ในตลาดไม่ว่าจะเป็น Grab และ Foodpanda ที่เป็นผู้เล่นรายใหญ่ในละแวกนี้ GoTo ของอินโดนีเซีย LINE MAN Wongnai และ Robinhood ของไทย รวมถึงผู้เล่นรายอื่นๆ ในอาเซียน

ตัวเลขการเติบโตของ GMV ที่ลดลงในปี 2022 อาจทำให้ตลาด Food Delivery ในอาเซียนนั้นอาจทำธุรกิจได้ยากมากขึ้น

รายงานของ Momentum Works  ชี้ว่าตลาดธุรกิจ Food Delivery ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียนก็คืออินโดนีเซีย มี GMV ขนาดใหญ่ถึง 4,500 ล้านเหรียญสหรัฐ รองลงมาคือประเทศไทย มีขนาด 3,600 ล้านเหรียญสหรัฐ ตามมาด้วยสิงคโปร์ที่มีขนาด 2,500 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่ง 3 ตลาดดังกล่าวนี้ GMV กลับลดลง จากหลายสาเหตุด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นเทรนด์กลับเข้าไปทานอาหารในร้าน ภัยน้ำท่วมในหลายพื้นที่ หรือแม้แต่การยกเลิกมาตรการสนับสนุนของรัฐบาล

แต่สำหรับตลาดอย่างมาเลเซียและฟิลิปปินส์เองก็มีขนาด GMV ที่กำลังเติบโตอย่างมากเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้ามารุกของผู้เล่นรายสำคัญอย่าง Shopee Food

ในประเทศไทยนั้นในปี 2022 ที่ผ่านมาผู้เล่นอันดับ 1 ที่ครองตลาด Food Delivery ได้แก่ Grab มีส่วนแบ่งตลาดมากถึง 54% รองลงมาคือ LINE MAN ที่ 24% และ Foodpanda 16% ขณะที่ Robinhood นั้นมีส่วนแบ่งตลาด 6% และ ShopeeFood มีส่วนแบ่งแค่ 3% เท่านั้น

ขณะที่มองภาพใหญ่ในอาเซียนนั้น Grab ยังคงครอง GMV มากที่สุดในอาเซียนที่ 54% ขณะที่ Foodpanda อยู่ที่ 19% และ GoTo ที่ 12% ขณะที่ LINE MAN และ ShopeeFood นั้นกลับมี GMV รวมเท่ากันในอาเซียนที่ 6%

อย่างไรก็ดีในปี 2022 ที่ผ่านมานั้นมีข่าวลือที่ว่า Delivery Hero บริษัทแม่ของ Foodpanda อาจถอนตัวออกจากบางประเทศในอาเซียน และสำหรับในประเทศไทยนั้นก็มีข่าวลือว่า LINE MAN Wongnai เองอาจซื้อกิจการคู่แข่งรายนี้ด้วยซ้ำ

โดยเทรนด์ธุรกิจ Food Delivery ที่ Momentum Works มองในปี 2023 นี้ได้แก่การกลับมาทานอาหารในร้าน เรื่องของ Cloud Kitchen หรือการส่งสินค้าสด ระบบ POS สำหรับร้านค้าที่มีหลากหลายมากเกินไปจนน่ารำคาญ อาจทำให้มีผู้เล่นด้าน POS เข้ามา

นอกจากนี้ในรายงานดังกล่าวยังมีเรื่องของมาร์จิ้นธุรกิจ Food Delivery นั้นไม่ได้สูงอย่างที่คิด โดยได้ยกตัวอย่างของ Meituan ซึ่งเป็นบริการในประเทศจีนมาและบริษัทได้มาร์จิ้นเพียงแค่ 6% เท่านั้น ท้ายที่สุดแล้วบริษัทจะต้องลดรวมถึงตัดต้นทุนลงมาเพื่อที่จะทำให้ธุรกิจนั้นสามารถอยู่รอดได้

Note: อัพเดต 18/01/2023 แก้ไขคำและข้อมูลที่ผิด

]]>
1415760