Honda – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Sun, 15 Sep 2024 13:07:51 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ‘Honda’ สั่งหยุดการผลิตรถใน ‘จีน’ หลังยอดขายหดเกือบครึ่ง พร้อมเล็งเลิกจ้างงาน 2,000 ตำแหน่ง https://positioningmag.com/1490162 Sun, 15 Sep 2024 10:56:37 +0000 https://positioningmag.com/?p=1490162 อย่างที่รู้ว่าปัจจุบันการแข่งขันของตลาดรถยนต์ในจีนนั้นรุนแรงมาก เนื่องจากค่ายรถจีนจำนวนมาก โดยเฉพาะ รถอีวี ทำให้ค่ายรถยนต์สันดาปสัญชาติญี่ปุ่นกำลังตกที่นั่งลำบาก รวมไปถึง ฮอนด้า (Honda)

ล่าสุด Honda Motor ได้ หยุดการผลิตชั่วคราว ที่โรงงานทั้ง สามแห่ง ที่ดําเนินงานในกิจการร่วมค้ากับ Dongfeng Motor ในเมืองอู่ฮั่นตอนกลางของจีน เพื่อลดการผลิตท่ามกลางยอดขายรถยนต์ใหม่ที่ลดลง สวนทางกับสินค้าคงคลังสูง เพราะรวมแล้วโรงงานมีกําลังการผลิตปีละ 720,000 คัน

Honda เริ่มเห็นยอดขายที่ลดลงอย่างมากในประเทศจีน ซึ่งถือเป็นตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ท่ามกลางสงครามราคาที่ทวีความรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มซึ่งยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งเกิดจากเงินอุดหนุนจากรัฐบาล โดยในเดือนสิงหาคม ยอดขายของ Honda ในประเทศจีน ลดลง 44.3% และนับเป็นการลดลง 7 เดือนติดต่อกัน 

นอกจากนี้ Dongfeng Honda เริ่มให้คําปรึกษาแก่คนงานที่อาจยินดีที่จะ ลาออกโดยสมัครใจ โดยมีสื่อจีนรายงานว่า บริษัทวางแผนที่จะลดพนักงานประมาณ 2,000 คน

Source

]]>
1490162
รวมกันเราอยู่! “Honda – Nissan” ร่วมมือกันพัฒนาองค์ความรู้ “รถอีวี” จุดหมายเพื่อสู้ในตลาด “จีน” https://positioningmag.com/1484988 Fri, 02 Aug 2024 08:23:53 +0000 https://positioningmag.com/?p=1484988 “Honda Motor” และ “Nissan Motor” ประกาศความร่วมมือกันพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับ “รถอีวี” เช่น ซอฟต์แวร์ แบตเตอรี เพื่อลดต้นทุนการพัฒนาของทั้งสองฝ่ายและทำให้แข่งขันในตลาดต่างๆ ได้ดีขึ้น โดยเฉพาะ “จีน” ซึ่งยอดขายของทั้งสองบริษัทกำลังตกต่ำ

ขณะที่ “Mitsubishi Motors” ซึ่งมีดีลความร่วมมือกับ “Nissan” มาตั้งแต่ปี 2016 จะเข้ามาร่วมเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์รวม 3 บริษัท ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการเจรจาเป็นพันธมิตรด้านเงินทุนระหว่าง Honda และ Nissan หรือไม่ โทชิฮิโร มิเบะ ประธานบริษัท Honda กล่าวว่า “เรายังไม่ได้หารือเกี่ยวกับการเป็นพันธมิตรด้านเงินทุนในขณะนี้ แต่ก็ไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้”

เมื่อร่วมกัน 3 บริษัทแล้วจะทำให้ต้นทุนการพัฒนาลดลง และสามารถแข่งขันกับคู่แข่งญี่ปุ่นด้วยกันได้ เพราะก่อนหน้านี้มี 4 บริษัทญี่ปุ่น ได้แก่ Toyota Motor, Subaru, Suzuki Motor และ Mazda Motor ที่ประกาศสร้างกิจการร่วมค้า ผนึกกำลังกันพัฒนาผลิตภัณฑ์ไปแล้ว

“แม้ว่าเราจะมีวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน แต่เรามีความท้าทายเหมือนกัน” มาโกโตะ อูชิดะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Nissan กล่าวในงานแถลงข่าวร่วมกับมิเบะ “ประเด็นหลักของความร่วมมือของเราจะเป็นด้านซอฟต์แวร์”

Honda
Honda Ye GT Concept รถอีวีของแบรนด์ที่จะเข้าทำตลาดในจีนเท่านั้น

บริษัทรถญี่ปุ่นนั้นกำลังสูญเสียส่วนแบ่งตลาดใน “จีน” อย่างต่อเนื่อง หลังจากรถยนต์ไฟฟ้าจีน เช่น BYD ได้รับความนิยมสูงขึ้น และกินส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มรถยนต์พรีเมียม เฉพาะเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ยอดขายของ Honda ในจีนตกลงถึง 40% และของ Nissan ก็ตกลง 27% เมื่อสัปดาห์ก่อน Honda เพิ่งจะตัดสินใจลดการผลิตรถสันดาปในฐานผลิตที่จีนลง 19% ส่วน Mitsubishi Motors ถึงกับถอนฐานผลิตออกจากจีนไปแล้วตั้งแต่ปีก่อน

“Honda และ Nissan กำลังเผชิญกับความยากลำบากในจีน และพวกเขาจะต้องผลิตรถยนต์ไฟฟ้าให้มากขึ้นถึงจะยังอยู่ในตลาดที่นั่นได้” ทัตซูโอะ โยชิดะ นักวิเคราะห์ยานยนต์อาวุโสจาก Bloomberg Intelligence กล่าว ดังนั้น การเป็นพันธมิตรนี้จึง “มีเหตุผล”

อูชิตะ ซีอีโอของ Nissan กล่าวด้วยว่า แบตเตอรีรถยนต์ไฟฟ้าและมอเตอร์ไฟฟ้าต้องใช้การลงทุนมหาศาล ดังนั้น การที่บริษัทรถตกลงร่วมมือกันพัฒนาในประเด็นดังกล่าวจึงเป็นการสร้างความมั่นใจมากขึ้นว่าจะได้ผลตอบแทนจากการทุ่มทรัพยากรลงไป

Nissan
Nissan LEAF เจนเนอเรชันใหม่ที่คาดว่าจะเริ่มผลิตได้ในปี 2025

สำหรับผลงานในช่วงครึ่งปีแรก 2024 ทั้ง 3 บริษัทในความร่วมมือนี้คือ Honda, Nissan และ Mitsubishi สร้างยอดขายรถยนต์ไป 4 ล้านคันทั่วโลก ซึ่งยังน้อยกว่า Toyota แค่บริษัทเดียวที่สามารถขายได้ 5.2 ล้านคัน

การต่อสู้ของบริษัทรถญี่ปุ่นในตลาดโลกนั้นมีแรงหนุนจากรัฐบาลด้วย โดยรัฐบาลญี่ปุ่นได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่ารถญี่ปุ่นจะต้องได้ส่วนแบ่งตลาด 30% ในตลาดโลกภายในปี 2030

“รัฐบาลและบริษัทรถญี่ปุ่นมีการเปลี่ยนแปลงทัศนคติแล้วว่า ญี่ปุ่นจะไม่ชนะในตลาดถ้าสถานะยังเป็นแบบนี้ต่อไป” ทาเครุ อิโตะ ผู้อำนวยการที่สำนักงานการเปลี่ยนแปลงดิจิทัลด้านการเคลื่อนที่ของกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมกล่าวในการสัมภาษณ์เมื่อเดือนที่แล้ว

Source

]]>
1484988
มอเตอร์ไซค์ก็ไม่รอด! ‘ฮอนด้า’ ประเมินตลาดปี’67 หดตัว 10% เร่งเข็นรถ 8 รุ่นใหม่กระตุ้นตลาดครึ่งปีหลัง https://positioningmag.com/1483732 Wed, 24 Jul 2024 04:12:22 +0000 https://positioningmag.com/?p=1483732 หากพูดถึงภาพของตลาด รถยนต์ ในไทยครึ่งปีแรก บอกเลยว่า หืดขึ้นคอ เพราะมียอดขายรวมอยู่ที่ 307,995 คัน เท่านั้น โดยปัจจัยลบหลัก ๆ หนีไม่พ้นเรื่องของเศรษฐกิจที่ไม่ดี อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่แค่ตลาดรถยนต์ แต่ตลาด รถจักรยานยนต์ ก็ได้รับผลกระทบ แม้จะไม่หนักเท่า

ครึ่งปีแรกหดตัว 10%

ยูอิจิ ชิมิซุ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า แม้ว่าช่วงครึ่งปีแรกจะมีปัจจัยบวกอย่าง ปัจจัยนักท่องเที่ยวที่เติบโตขึ้น 35% หรืออยู่ที่ 17.5 ล้านคน และภาคการส่องออกเริ่มฟื้นตัว แต่จากปัจจัยลบทั้ง ภาวะเงินเฟ้อและหนี้ครัวเรือนสูง และ GDP ที่เติบโตเพียง 1.5% รวมไปถึงมาตรการควบคุมสินเชื่อที่จำกัดไม่เกิน 130% และมีอัตราการปล่อยเพียง 70%

ส่งผลให้ภาพรวมตลาดรถจักรยานยนต์ในช่วงเดือนมกราคม-มิถุนายน ปี 2567 มียอดขายอยู่ที่ 9 แสนคัน ลดลง 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับ ฮอนด้า (Honda) มียอดขายที่ 7.9 แสนคัน ลดลงประมาณ 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม ถ้านับเฉพาะตลาด A.T. หรือเกียร์อัตโนมัติ ที่มีสัดส่วนมากที่สุด (ราว 52% ของตลาด) ฮอนด้ามียอดขาย 3.4 แสนคัน เติบโตประมาณ 1% ขณะที่ภาพรวมตลาดในกลุ่มนี้ หดตัว 5% รวม 4.6 แสนคัน

“เรามองว่าภาพรวมตลาดทั้งปีจะมียอดอยู่ที่ 1.7-17.5 ล้านคัน หดตัว 10% ส่วนฮอนด้าเองคาดว่าจะมียอดรวมที่ 1.36-1.4 ล้านคัน ลดลง 7% และด้วยความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ มองว่าตลาดยังซึมยาวไปอีก 2-3 ปี”

ครึ่งปีหลังอัดรถเพิ่ม 8 รุ่น หวังกระตุ้นตลาด

เพื่อเป็นการกระตุ้นตลาดช่วงครึ่งปีหลัง ฮอนด้าได้เปิดตัวรถจักรยานยนต์ 2 รุ่นใหม่ ได้แก่ New Honda Forza 350 และ Honda Scoopy Hello Kitty Limited Edition และมีแผนจะเปิดตัวใหม่อีก 6 รุ่น ไม่รวมกับรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ (บิ๊กไบค์) ที่จะได้เห็นในช่วงครึ่งปีหลังนี้ เพื่อตอบสนองความต้องการตลาดมากขึ้น

ในส่วนของ โปรโมชั่นส่งเสริม ยังไม่มี เพราะมองว่าในสถานการณ์แบบนี้ การลดราคาไม่ได้ช่วยอะไร อย่างไรก็ตาม แต่ละดีลเลอร์จะมีโปรโมชั่นส่งเสริมการของตัวเอง ดังนั้น แนวทางจึงเป็นการเพิ่มความหลากหลายของรุ่นเพื่อเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้า และเสริมในส่วนบริการ

“ตลาดอาจไม่ได้โตเหมือนในอดีต เพราะขึ้นอยู่กับเรื่องของเศรษฐกิจ ซึ่งเราทำอะไรไม่ได้ ดังนั้น เราจึงเน้นที่ความพอใจของลูกค้าเป็นหลัก เราจะทำเต็มที่เพื่อตอบสนองความต้องการผู้ใช้ให้พึงพอใจ ทั้งในแง่ผลิตภัณฑ์ การบริการ”

เชื่อมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ายังไม่บูม

ในส่วนของ มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า อาจไม่ได้เติบโตเร็วเหมือนรถอีวี โดยปีที่ผ่านมามียอดขายที่ 22,600 คัน และปีนี้คาดว่าจะมียอดขายราว 30,000 คัน ขณะที่สัดส่วนของมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าในตลาดยังอยู่ที่ประมาณ 2% เท่ากับในปี 2021 ดังนั้น จะเห็นว่ามีการเติบโตแต่ไม่ก้าวกระโดด ซึ่งส่วนหนึ่งมองว่าเป็นเพราะเรื่องเทคโนโลยีที่ยังไม่ตอบโจทย์การใช้งาน และรถจักรยานยนต์ในปัจจุบันก็ค่อนข้างประหยัดอยู่แล้ว

“มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าวิ่งได้ 80-100 กม./การชาร์จ แต่รถจักรยานยนต์ทุกวันนี้เติมน้ำมัน 1 ลิตรวิ่งได้ 60 กม. ดังนั้น ค่อนข้างประหยัดอยู่แล้ว”

อย่างไรก็ตาม ฮอนด้าเองก็มีแผนการเพื่อรองรับตลาดมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า โดยยังคงศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภค และการ สวอปแบตเตอรี่ และจะขยายตู้สวอปแบตรุ่นใหม่เป็น 40 ตู้ ภายในปีนี้

ยืนยัน 2 ล้อยังไม่ปรับการผลิต

หลังจากที่มีข่าวว่า ฮอนด้ามีแผนลดกำลังการผลิตรถยนต์ในไทยลงมากกว่า 50% อันเป็นผลมาจากการเข้ามาของผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีน แต่ในส่วนของรถจักรยานยนต์ ยังไม่มีการปรับ โดย ยูอิจิ ย้ำว่า แม้ตลาดจะไม่เติบโตก้าวกระโดดเหมือนอดีตแต่ ยังไปได้ โดยปัจจุบัน กำลังการผลิตรถจักรยานยนต์สูงสุดของฮอนด้าอยู่ที่ 1.6-1.7 ล้านคัน/ปี รวมทั้งจำหน่ายในประเทศและส่งออก ปัจจุบัน ผลิตอยู่ที่ประมาณ 85% ของกำลังการผลิตสูงสุด

]]>
1483732
ถึงเวลาสู้ศัตรูคนเดียวกัน! ‘ฮอนด้า’ ผนึก ‘นิสสัน’ พัฒนารถอีวีเพื่อสู้กับ ‘ค่ายจีน’ https://positioningmag.com/1466580 Mon, 18 Mar 2024 03:58:19 +0000 https://positioningmag.com/?p=1466580 หากเป็นรถยนต์สันดาป ผู้ที่ครองตลาดก็จะเป็น ค่ายรถญี่ปุ่น แต่ถ้าเป็นตลาดรถอีวี ค่ายจีน ได้กลายเป็นผู้นำของตลาดไปเรียบร้อยแล้ว แม้แต่แบรนด์สุดแข็งอย่าง Tesla ยังต้องพ่ายแพ้ให้กับค่ายจีน ดังนั้น แบรนด์ญี่ปุ่นจึงต้องเลิกสู้กันเอง หันมาจับมือกันเพื่อสู้ค่ายจีน

ในอดีตค่ายรถยนต์ของญี่ปุ่นอาจจะต้องแข่งกับค่ายรถจากฝั่งยุโรปและแข่งขันกันเอง แต่ตอนนี้ทุกค่ายคงตระหนักได้ว่า คู่แข่งที่น่ากลัวที่สุดในตลาดก็คือ ค่ายรถอีวีจีน ทำให้ นิสสัน (Nissan) ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจแบบไม่ผูกมัด (Memorandum of Understanding – MoU) กับ ฮอนด้า (Honda) ค่ายรถยนต์คู่แข่ง เพื่อร่วมมือกันในการผลิตส่วนประกอบสำคัญสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าและปัญญาประดิษฐ์ในแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ยานยนต์

โดยความร่วมมือดังกล่าวจะช่วยให้ทั้งสองบริษัทประหยัดต้นทุนในการผลิต เพราะทำให้มี Economy of scale ที่มากขึ้น ซึ่งจะยิ่งช่วยให้ผู้ผลิตรถยนต์ของญี่ปุ่นสามารถแข่งขันกับค่ายรถอีวีจากจีน โดยเฉพาะ บีวายดี (BYD) จากจีนที่เพิ่งบุกตลาดประเทศญี่ปุ่น รวมถึง เทสลา (Tesla) ด้วย

“ผู้เล่นหน้าใหม่มีความก้าวร้าวมากและกำลังบุกเข้ามาด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง เราไม่สามารถชนะการแข่งขันได้ ตราบใดที่เรายึดมั่นในแนวคิดและแนวทางแบบดั้งเดิม” มาโกโตะ อุชิดะ ซีอีโอของนิสสัน กล่าว

อย่างไรก็ตาม นิสสันและฮอนด้า ยังไม่ได้หารือเกี่ยวกับการลงทุนร่วมกัน แต่ก็เปิดรับความเป็นไปได้ในอนาคต รวมถึงยัง เปิดกว้างในการร่วมมือกับพันธมิตร ที่มีอยู่หากมีโอกาสเกิดขึ้น

“เราถูกจำกัดด้วยเวลา ดังนั้น จำเป็นต้องทำให้เร็ว เพื่อที่ภายในปี 2030 เราจะอยู่ในตำแหน่งที่ดี เราจึงต้องตัดสินใจตั้งแต่ตอนนี้”

ทั้งนี้ ฮอนด้าตั้งเป้าที่จะเพิ่มอัตราส่วนรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์เซลล์เชื้อเพลิงเป็น 100% ของยอดขายทั้งหมดภายในปี 2040 ส่วนนิสสันถือเป็นผู้บุกเบิกด้านรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ด้วยรุ่น Leaf

ที่ผ่านมา ทั้งฮอนด้าและนิสสัน ได้พิจารณาเตรียมลดกำลังการผลิตในประเทศจีน โดยสาเหตุสำคัญคือผู้ผลิตรถยนต์จากญี่ปุ่นต้องแข่งขันกับค่ายรถยนต์ไฟฟ้าของจีน โดยนิสสันเตรียมลดกำลังการผลิตในจีนสูงสุดถึง 30% เหลือ 1.6 ล้านคัน/ปี ส่วนฮอนด้านั้นจะลดกำลังการผลิตราว 20% เหลือ 1.2 ล้านคันต่อปี

Source

]]>
1466580
Nissan และ Honda พิจารณาลดกำลังการผลิตรถยนต์ในจีน หลังผู้ผลิตในแดนมังกรแข่งขันดุเดือดมากขึ้น https://positioningmag.com/1466084 Tue, 12 Mar 2024 17:29:13 +0000 https://positioningmag.com/?p=1466084 ‘นิสสัน’ และ ‘ฮอนด้า’ ผู้ผลิตรถยนต์จากประเทศญี่ปุ่น ได้พิจารณาลดกำลังการผลิตรถยนต์ในจีน หลังเจอแรงกดดันจากผู้ผลิตในประเทศหลายรายจากการแข่งขันที่รุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสงครามรถยนต์ไฟฟ้าจากหลายแบรนด์

Nikkei Asia รายงานข่าวว่า นิสสัน (Nissan) และ ฮอนด้า (Honda) ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่จากประเทศญี่ปุ่น ได้พิจารณาเตรียมลดกำลังการผลิตในประเทศจีน โดยสาเหตุสำคัญคือผู้ผลิตรถยนต์จากญี่ปุ่นต้องดิ้นรนเพื่อไล่ตามการแข่งขันรถยนต์ไฟฟ้ากับผู้ผลิตแดนมังกร

โดย Nissan จะเริ่มพูดคุยกับบริษัทร่วมทุนในท้องถิ่นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เพื่อลดกำลังการผลิตในจีนสูงสุดถึง 30% ขณะที่ Honda นั้นจะลดกำลังการผลิตราวๆ 20% กำลังการผลิตที่ลดลงจะทำให้ Nissan เหลือจำนวนรถยนต์ที่ผลิตในจีนเหลือแค่ 1.6 ล้านคันต่อปี ซึ่งผลิตในโรงงาน 8 แห่งทั่วประเทศจีน ขณะที่ Honda จะเหลือแค่ 1.2 ล้านคันต่อปีเท่านั้น

ในปี 2023 ที่ผ่านมา ปริมาณการผลิตรถยนต์ของ Nissan ในประเทศจีนลดลง 24% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เหลือ แค่ 793,000 คันเท่านั้น ซึ่งตัวเลขดังกล่าวนั้นถือเป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดครั้งแรกในรอบ 14 ปีของบริษัทอีกด้วย

ในช่วงทศวรรษ 2000 ผู้ผลิตรถยนต์ของญี่ปุ่นหลายรายได้เริ่มให้ความสำคัญกับการผลิตและการขายรถยนต์ในจีนแผ่นดินใหญ่ผ่านการร่วมทุนกับบริษัทในแดนมังกร เพื่อตอบสนองต่อคำขอของรัฐบาลจีนที่ขอให้ช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศ

รถยนต์ญี่ปุ่นได้รับความนิยมในหมู่ชาวจีนเนื่องจากมีคุณภาพสูง ในช่วงปี 2020 ผู้ผลิตจากญี่ปุ่นได้ครองตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลซึ่งมีสัดส่วนมากถึง 20% แต่อย่างไรก็ดีเมื่อเวลาผ่านไป บริษัทในประเทศจีนหลายรายได้หันมาผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นซึ่งเราจะเห็นได้จากหลากหลายแบรนด์

ขณะที่ผู้ผลิตจากญี่ปุ่นเองนั้นไม่สามารถที่จะไล่ตามเทคโนโลยีการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของผู้ผลิตในประเทศจีนได้ นอกจากนี้ยังรวมถึงการแข่งขันทางด้านราคา หรือแม้แต่การเพิ่มลูกเล่นต่างๆ เข้ามา เพื่อดึงดูดลูกค้า

จีนยังมีผู้เล่นหน้าใหม่ที่เป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าไม่ว่าจะเป็น Nio หรือ Xpeng หรือแม้แต่ผู้ผลิตสินค้าไอทีอย่าง Xiaomi ที่ลงมาลุยตลาดดังกล่าว รวมถึง Huawei เองก็ได้ร่วมทุนกับผู้ผลิตยานยนต์ในประเทศจีนก็มีแผนที่จะออกรถยนต์ไฟฟ้ามาสู่ท้องถนนให้ได้เช่นกัน

นอกจากนี้ยอดขายรถไฟฟ้าในประเทศจีนชะลอตัวลง แบรนด์จีนหลายแห่งยิ่งต้องแข่งขันเพิ่มมากขึ้น ก็ยิ่งสร้างแรงกดดันให้กับผู้ผลิตรถยนต์จากแดนอาทิตย์อุทัยเพิ่มมากขึ้น จนทำให้ท้ายที่สุดต้องมีการปรับลดการผลิต

]]>
1466084
ค่ายรถตะวันตกเปลี่ยนแผนชะลอการผลิต เมื่อตลาด “รถอีวี” ในสหรัฐฯ ไม่เปรี้ยงอย่างที่คาด https://positioningmag.com/1449677 Mon, 30 Oct 2023 04:05:21 +0000 https://positioningmag.com/?p=1449677 ค่ายรถยนต์ฟากตะวันตกหลายรายเปลี่ยนเป้าหมายการผลิตและยอดขาย “รถอีวี” หลังเสียงสะท้อนจากดีลเลอร์พบว่า ดีมานด์รถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐฯ ไม่ได้เปรี้ยงต่อเนื่องอย่างที่คาด สต็อกรถอีวีเหลือเพียบ

สำนักข่าว Business Insider รายงาน ผู้บริหารระดับสูงจากค่ายรถยนต์หลายค่ายพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า การเติบโตในตลาดรถยนต์ไฟฟ้ามีสภาวะที่น่ากังวล และความผันผวนนี้กำลังทำให้กลยุทธ์การทุ่มลงทุนเพื่อพัฒนา “รถอีวี” ของพวกเขาเกิดความเสี่ยง

ตัวอย่างเช่น General Motors (GM) บริษัทที่เป็นหนึ่งในทัพหน้าเข้าสู่ตลาดรถอีวี โดยส่งรถรุ่น Chevrolet Bolt เข้าสู่ตลาดมาแล้ว 7 ปี และวางเป้าหมายว่าจะเปลี่ยนบริษัทให้หันมาผลิตเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้ามานานแล้ว ก่อนที่คู่แข่งคนอื่นจะขยับตัว อย่างไรก็ตาม ด้วยผลประกอบการไตรมาส 3 ที่ออกมาล่าสุด ทำให้ GM ต้องผ่อนคันเร่งเรื่องรถยนต์ไฟฟ้าลง

Marry Barra ซีอีโอของ GM ประกาศว่า บริษัทจำต้องเลื่อนเป้าหมายการผลิตรถอีวี 100,000 คันภายในครึ่งปีหลังปี 2023 และเป้าผลิตรถอีวีอีก 400,000 คันภายในครึ่งปีแรกปี 2024 ออกไปอย่างไม่มีกำหนดก่อน

“เมื่อเรากำลังก้าวไปบนเส้นทางการทรานส์ฟอร์มสู่ยุครถอีวีมากขึ้น เส้นทางก็เริ่มมีสะดุดบ้าง” Barra กล่าว

การปรับเป้าของ GM เป็นสถานการณ์ที่ค่อนข้างจะคาดไม่ถึงสำหรับนักลงทุน แต่ GM ไม่ใช่ค่ายเดียวที่เห็นสัญญาณเตือนในตลาดรถอีวี

ภาพจาก Shutterstock

แม้แต่เจ้าตลาดอย่าง Tesla ของมหาเศรษฐี Elon Musk ก็ยังกล่าวเตือนถึงสถานการณ์ตลาดรถอีวีหลังผลประกอบการรอบล่าสุดออกมา โดยบริษัทมองว่าความกังวลด้านเศรษฐกิจจะทำให้ดีมานด์ความต้องการรถยนต์ลดลง และจะมีผลกระทบแม้แต่กับ Tesla

ขณะที่ Mercedes-Benz ค่ายรถยนต์ที่ที่ผ่านมาลดราคารถอีวีหนักมากเพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ค่ายนี้ก็ไม่ได้ปิดบังว่าตลาดกำลังผันผวน

“พื้นที่นี้ (ตลาดรถอีวี) แข่งขันกันรุนแรงมาก” Harald Wilhelm ซีเอฟโอของ Mercedes-Benz กล่าวกับนักลงทุน “ผมจินตนาการแทบไม่ออกเลยว่าตลาดแบบที่เป็นอยู่นี้จะยั่งยืนสำหรับทุกคนได้อย่างไร”

 

“รถอีวี” เริ่มขายออกยากขึ้นในสหรัฐฯ

ไม่ใช่แค่ Mercedes-Benz ที่ต้องลดราคารถยนต์ไฟฟ้าเพื่อให้ขายออก ค่ายรถอีวีหลายค่ายก็ทำแบบเดียวกัน

ถึงอย่างนั้นก็ตาม ดีลเลอร์รถกลับพบว่ารถอีวีเริ่มจะใช้เวลาขายออกนานขึ้น มีรถสต็อกเหลือในมือดีลเลอร์มากขึ้น เมื่อเทียบกับรถสันดาปปกติ

เหตุเพราะวัฏจักรผู้บริโภคขณะนี้ได้เลยจากกลุ่ม Early-Adopters เข้าสู่กลุ่มลูกค้าทั่วไปที่มีการเปรียบเทียบหลายด้าน ทั้งด้านราคา โครงสร้างพื้นฐานที่รองรับรถอีวี และไลฟ์สไตล์ของตนเองที่อาจจะไม่เหมาะกับรถอีวี

Ford Mustang Mach-E รถเอสยูวีไฟฟ้า

หลายเดือนก่อนหน้านี้ ดีลเลอร์เริ่มส่งเสียงบอกผู้ผลิตแล้วว่าความต้องการในตลาดเริ่มจะชะลอลง ซึ่งทางผู้ผลิตเองก็ดูจะรับฟังความเป็นจริง

Ford เป็นเจ้าแรกที่รีบปรับเปลี่ยนตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2023 โดยขยายกรอบระยะเวลาที่จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของบริษัทให้ครบ 600,000 คันภายใน 1 ปีออกไป และล้มเลิกเป้าการผลิตรถอีวี 2 ล้านคันภายในปี 2026 ออกไปอย่างไม่มีกำหนด

ด้าน Honda ก็ล้มแผนความร่วมมือกับ GM ที่จะผลิตรถอีวีตลาดแมสในราคาต่ำกว่า 30,000 เหรียญสหรัฐต่อคันออกไปก่อน โดย Toshihiro Mibe ซีอีโอ Honda มองว่าสภาพแวดล้อมในตลาดรถอีวีนั้นผันผวนจนยากเกินกว่าจะวัดได้

“หลังจากศึกษาเรื่องนี้มานาน 1 ปี เราตัดสินใจกันว่าโครงการนี้จะเป็นไปได้ยากในเชิงธุรกิจ เพราะฉะนั้นตอนนี้เราจึงหยุดโครงการพัฒนารถอีวีในราคาเข้าถึงได้ไปก่อน” Mibe กล่าวในการสัมภาษณ์กับ Bloomberg เมื่อช่วงสัปดาห์ที่แล้ว

แต่สำหรับบางคน การชะลอตัวของตลาดรถอีวีก็ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจ

“ในที่สุดคนก็เริ่มเห็นความเป็นจริง” Akio Toyoda ประธานกรรมการ Toyota Motor กล่าวในงาน Japan Mobility Show ตามการรายงานของ Wall Street Journal โดยค่ายรถญี่ปุ่น Toyota ถือเป็นหนึ่งในค่ายรถที่แสดงออกถึงความกังวลและไม่ค่อยเห็นด้วยมาตลอดต่อการเปลี่ยนไปสู่รถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่ค่ายรถอื่นๆ กำลังมุ่งหน้าไป

Source

]]>
1449677
4 ผู้ผลิตรถจักรยานยนต์รายใหญ่ของญี่ปุ่น จับมือพัฒนา “เครื่องยนต์พลังงานไฮโดรเจน” รับเทรนด์พลังงานสะอาด https://positioningmag.com/1430863 Thu, 18 May 2023 05:00:58 +0000 https://positioningmag.com/?p=1430863 ในขณะที่ จีน ได้ขึ้นแท่นเป็นผู้นำตลาด รถยนต์ไฟฟ้า หรือ รถอีวี ไม่ว่าจะ 2 ล้อหรือ 4 ล้อ ส่วน ญี่ปุ่น เจ้าแห่งรถยนต์สันดาป ก็ขอเน้นไปพัฒนาที่ รถยนต์พลังงานไฮโดรเจน ล่าสุด 4 แบรนด์รถจักรยานยนต์ชั้นนำก็ผนึกกำลังกันผลิตเครื่องยนต์พลังงานไฮโดรเจน

4 แบรนด์ผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ของญี่ปุ่น ประกอบด้วย Honda, Kawasaki, Suzuki และ Yamaha กล่าวว่า พวกเขาจะจัดตั้งองค์กรที่อุทิศตนเพื่อการวิจัยและพัฒนา เครื่องยนต์พลังงานไฮโดรเจน ในเดือนหน้า ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของญี่ปุ่นที่ต้องการส่งเสริมพลังงานไฮโดรเจนให้เป็นแหล่งพลังงานรุ่นต่อไป เพื่อลดมลพิษ

นอกจาก 4 บริษัทผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ชั้นนำจะเข้าร่วมเเล้ว บริษัทอย่าง Toyota ซึ่งพัฒนารถยนต์เครื่องยนต์ไฮโดรเจน และบริษัท Kawasaki Heavy Industries Ltd ซึ่งมีความรู้ความชำนาญในการขนส่งไฮโดรเจนเหลว ก็จะเข้าร่วมเป็นสมาชิกพิเศษในองค์กรเช่นกัน

ไม่ได้มีแค่บริษัทญี่ปุ่นเท่านั้นที่ร่วมในสมาคม แต่ยังมีองค์กรที่เรียกว่า Hydrogen Small mobility & Engine technology Association ที่จะเชิญผู้ผลิตในสหรัฐอเมริกาและยุโรปเข้าร่วมในการส่งเสริมยานยนต์ที่ใช้พลังงานไฮโดรเจนทั่วโลกด้วย โดยองค์กรดังกล่าวกำลังพิจารณาติดตั้งเครื่องยนต์ดังกล่าวบนยานพาหนะขนาดเล็ก เรือขนาดเล็ก และโดรน

ความเคลื่อนไหวดัง กล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางกฎระเบียบที่เข้มงวดเกี่ยวกับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันและการเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ของญี่ปุ่นซึ่งแต่เดิมแข่งขันกันในด้านของเครื่องยนต์สันดาป กำลังพยายามส่งเสริมไฮโดรเจนให้เป็นทางเลือก เนื่องจากพวกเขายังใช้เครื่องยนต์ที่มีอยู่ ซึ่งมีความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากมอเตอร์ไซค์ที่ใช้ไฟฟ้า 100%

“ไฮโดรเจนเป็นพลังงานสะอาดรุ่นต่อไปที่มีศักยภาพมหาศาล” Yoshihiro Hidaka ประธาน Yamaha กล่าว

ปัจจุบัน ยังไม่มีมอเตอร์ไซค์พลังงานไฮโดรเจน เนื่องจากปัญหาทางเทคนิคในการสร้างยานพาหนะดังกล่าว ซึ่งเกิดจากการที่ไฮโดรเจนติดไฟได้ดีกว่าน้ำมันเบนซิน และรถสองล้อมีพื้นที่จำกัดสำหรับเครื่องยนต์และถังเชื้อเพลิง ขณะที่ สมาคมจะร่วมมือกันในการวิจัยพื้นฐานสำหรับเครื่องยนต์ที่ใช้พลังงานไฮโดรเจน ส่วนการตัดสินใจพัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับใช้ในเชิงพาณิชย์ซึ่งจะขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัท

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงไปสู่รถยนต์ไฟฟ้าอย่างรวดเร็ว แต่ Yoshihiro Hidaka เชื่อว่า สิ่งสำคัญของตลาด คือ ต้องมียานยนต์สีเขียวที่หลากหลายเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ดียิ่งขึ้น

ก่อนหน้านี้ ทั้ง 4 บริษัทเคยจับมือกันกำหนดมาตรฐานแบตเตอรี่แบบถอดเปลี่ยนได้ เพื่อให้สามารถใช้แบตฯ ร่วมกันได้แม้จะต่างยี่ห้อรถ โดยหวังว่ามาตรฐานดังกล่าวจะส่งเสริมมอเตอร์ไซค์อีวีให้เป็นที่แพร่หลาย

]]>
1430863
เคาะแล้ว! รถอีวีของ ‘Sony’ และ ‘Honda’ จะวางขายปี 2026 ในสหรัฐฯ เป็นประเทศแรก https://positioningmag.com/1404274 Fri, 14 Oct 2022 06:55:11 +0000 https://positioningmag.com/?p=1404274 หลังจากในช่วงต้นปีที่ผ่านมา บริษัทโซนี่ กรุ๊ป คอร์ป (Sony) ได้เปิดตัวต้นแบบรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น Vision-S 02 พร้อมเตรียมจัดตั้งบริษัทลูก Sony Mobility Inc. เพื่อพัฒนารถอีวี พร้อมทั้งได้ประกาศความร่วมมือกับ ฮอนด้า (Honda) บริษัทผู้ผลิตรถรายใหญ่ ล่าสุด ทางบริษัทร่วมทุนของทั้งคู่ก็ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ พร้อมเคาะประเทศแรกที่จะวางขาย

บริษัทรถยนต์ไฟฟ้าแห่งใหม่ที่เกิดจากการร่วมทุนของ 2 บริษัทยักษ์ใหญ่สัญชาติญี่ปุ่น ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยใช้ชื่อว่า Sony Honda Mobility Inc หลังจากที่ในเดือนมีนาคม ทั้ง 2 บริษัทตกลงที่จะจัดตั้งบริษัทร่วมทุน 50-50 ด้วยแนวคิดที่จะนำความเชี่ยวชาญของ Honda ในด้านยานยนต์ เทคโนโลยีการขับเคลื่อน รวมถึงการขาย บวกเข้ากับความเชี่ยวชาญด้านการถ่ายภาพ เครือข่าย เซ็นเซอร์ และความบันเทิงของ Sony มาพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า

Yasuhide Mizuno ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ระบุว่า รถยนต์รุ่นแรกจะเปิดพรีออเดอร์ภายในปี 20215 และจะส่งมอบให้ สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศแรก ภายในช่วงต้นปี 2026 ตามด้วยตลาด ญี่ปุ่น ในปีเดียวกัน ต่อจากนั้นจึงเป็นตลาดของประเทศในทวีปยุโรป ขณะที่สายการผลิตรถจะดำเนินการผ่าน หนึ่งในโรงงาน 12 แห่งของฮอนด้าในสหรัฐอเมริกา

อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทยังไม่เปิดเผยถึงรายละเอียดถึงราคา และชนิดของแบตเตอรี่ที่จะใช้ รวมถึงยังไม่ได้ระบุปริมาณการผลิต แต่เปิดเผยเพียงว่า รถรุ่นดังกล่าวเป็น รุ่นพิเศษ และ ไม่ได้มีไว้สำหรับการขายจำนวนมาก

“การร่วมมือครั้งนี้เป็นการรวมตัวกันของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เพื่อมอบประสบการณ์ที่น่าพึงพอใจในขณะเดินทาง ดังนั้น เราจำเป็นต้องใช้แนวทางใหม่โดยสิ้นเชิง”

ด้าน Izumi Kawanishi ผู้บริหารของ Sony ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Sony Mobility กล่าวว่า จะมีการเพิ่มพันธมิตรในโครงการ พร้อมทั้งมองว่า โลกกำลังมีความต้องการรถยนต์ที่ ปลอดมลพิษ เพิ่มขึ้นทั่วโลก เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความยั่งยืน

ปัจจุบัน Honda ได้พัฒนารถยนต์ไฟฟ้าอยู่บ้าง แต่ไม่ได้มีมากมายเท่ากับคู่แข่งบางราย เช่น Ford หรือ Nissan โดยที่ผ่านมา Honda ได้ร่วมมือกับ General Motors เพื่อแชร์แพลตฟอร์มสำหรับพัฒนารถอีวีในเมริกาเหนือ แต่ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวยังไม่ได้วางจำหน่าย

Source

]]>
1404274
‘ฮอนด้า’ ทุ่ม 4 หมื่นล้านดอลล์ พัฒนารถยนต์ EV ลุยเปิดตัว 30 รุ่น ภายในปี 2030 https://positioningmag.com/1381387 Tue, 12 Apr 2022 06:39:44 +0000 https://positioningmag.com/?p=1381387 ฮอนด้า’ (Honda) ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของญี่ปุ่น เตรียมเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ 30 รุ่น ภายในปี 2030 เเละจะมีกำลังการผลิตมากกว่า 2 ล้านคันต่อปี

บริษัทวางเเผนจะทุ่มเงินลงทุน 4 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 5 ล้านล้านเยน) ในการพัฒนาเเละผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในอีก 10 ปีข้างหน้า ซึ่งจะรวมไปถึงการสร้างเทคโนโลยีระบบไฟฟ้าและซอฟต์แวร์ของตนเองขึ้นมา พร้อมสำรวจโอกาสใหม่ๆ ในการเติบโตทั้งด้านการสำรวจอวกาศ , eVTOL (แท็กซี่บินได้) , หุ่นยนต์และอื่นๆ

ในช่วงทศวรรษหน้า ฮอนด้ามีการเตรียมเเผนลงทุนทั้งหมดกว่า 6.3 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 8 ล้านล้านเยน) และอีก 80 ล้านดอลลาร์ (ราว 1 หมื่นล้านเยน) ต่อปีในการเริ่มต้นธุรกิจใหม่ เพื่อนำเสนอโซลูชั่นแบบผสมผสาน แสวงหาความร่วมมือและพันธมิตรระหว่างอุตสาหกรรม เเละใช้นำเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

เมื่อเดือนที่ผ่านมา ฮอนด้าได้ร่วมมือกับบริษัทเทคฯ ยักษ์ใหญ่อย่างโซนี่พัฒนาและผลิตรถยนต์ไฟฟ้าร่วมกัน ซึ่งจะเริ่มมีการลงทุนอย่างเป็นทางการในปี 2022 นี้ โดยทางโซนี่จะดูเเลเรื่องของระบบเซนเซอร์เครือข่ายและความบันเทิงภายในรถยนต์ขณะที่ฮอนด้าจะดูแลการจัดการเกี่ยวกับเทคโนโลยีรถยนต์

หากเป็นไปตามเเผนที่วางไว้ คาดว่ารถยนต์รุ่นเเรกภายใต้การผลิตของโซนี่และฮอนด้า จะวางจำหน่ายได้ในปี 2025 เเละฮอนด้ายังจับมือกันกับ General Motors (GM) ร่วมกันผลิตรถ EV ‘ครอสโอเวอร์’ ในราคาต่ำ เพื่อตีตลาดสหรัฐฯ คืนจาก Tesla โดยคาดว่าจะเริ่มผลิตหลักหลายล้านคันได้ภายในปี 2027

ฮอนด้า ตั้งเป้าที่จะเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 30 รุ่นทั่วโลกให้ได้ภายในปี 2030 เเละตั้งเป้าผลิตรถยนต์ไฟฟ้าให้ได้มากกว่า 2 ล้านคันต่อปี

ท่ามกลางเเนวโน้มการแข่งขันที่ดุเดือดทั้งเเบรนด์เล็กเเบรนด์ใหญ่ บริษัทจะเพิ่มสัดส่วนการผลิตรถยนต์ EV และเซลล์เชื้อเพลิงให้ได้ 100% ของยอดขายทั้งหมดภายในปี 2040

 

ที่มา : techcrunch , japantimes

]]>
1381387
GM x Honda เซ็นดีลร่วมกันผลิต “รถอีวี” ราคาต่ำ หวังตีตลาดคืนจาก Tesla https://positioningmag.com/1380681 Wed, 06 Apr 2022 08:50:51 +0000 https://positioningmag.com/?p=1380681 General Motors (GM) ร่วมกับ Honda Motor จับมือกันต่อเนื่อง ดีลรอบนี้จะร่วมกันผลิต “รถอีวี” ครอสโอเวอร์ในราคาต่ำ เพื่อตีตลาดสหรัฐฯ คืนจาก Tesla โดยคาดว่าจะเริ่มผลิตหลักหลายล้านคันได้ภายในปี 2027

ก่อนหน้านี้ GM และ Honda มีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิดมานาน โดยมีการพัฒนาแบตเตอรี่ร่วมกันตั้งแต่ปี 2018 ทาง Honda ยังเข้าไปถือหุ้นในบริษัท Cruise บริษัทลูกของ GM ที่พัฒนารถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ และมีบริษัทร่วมทุนเพื่อพัฒนาระบบรถฟิวเซลล์ไฮโดรเจนในรัฐมิชิแกน

รวมถึงการพัฒนา “รถอีวี” ก่อนหน้านี้ก็มีดีลร่วมกันผลิตรถ SUV ไฟฟ้า ภายใต้แบรนด์ Honda Prologue และ Acura ซึ่งคาดจะออกจำหน่ายจริงปี 2024

ส่วนดีลใหม่ครั้งนี้ จะเป็นการผลิตรถอีวีในตลาด “เข้าถึงได้ง่าย” โดยหนึ่งในนั้นจะมีรถครอสโอเวอร์ขนาดเล็ก ใช้เทคโนโลยีแบตเตอรี่ Ultium ของ GM ทั้งนี้ รถครอสโอเวอร์ขนาดเล็กคือประเภทรถที่ขายดีที่สุดในโลก โดยมีการขายปีละกว่า 13 ล้านคัน

ทั้งสองบริษัทไม่เปิดเผยเม็ดเงินลงทุนในดีลใหม่นี้แต่อย่างใด

แมรี่ บาร์ร่า ประธานกรรมการของ GM กล่าวว่า ล่าสุดบริษัทเตรียมออกจำหน่าย Chevrolet Equinox เป็นรถ SUV ใช้พลังงานไฟฟ้าที่น่าจะตั้งราคาต่ำกว่า 30,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1 ล้านบาท) รถอีวีที่จะร่วมผลิตกับ Honda ในราคาต่ำดังกล่าว จะกดราคาลงไปต่ำกว่านี้อีก

เธอยังกล่าวด้วยว่า รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่นี้เป็นส่วนหนึ่งในแผนของ GM ที่จะเอาชนะ Tesla ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า

“เรามีเป้าหมายที่สำคัญมาก นั่นคือภายในกลางทศวรรษนี้คือปี 2025 เราจะขายรถอีวีในสหรัฐฯ มากกว่าทุกๆ เจ้า และจะทำอย่างนั้นได้ คุณจะต้องมีพอร์ตรถยนต์ในมือจำนวนมาก” บาร์ร่ากล่าว และเสริมว่า GM มีแผนพัฒนารถอีวีทุกขนาดตั้งแต่เล็กจนถึงใหญ่ “เราสามารถขยายตัวได้อย่างแน่นอน และจะทำได้เร็วด้วย”

“Honda และ GM จะร่วมกันสร้างความสำเร็จทางเทคโนโลยี เพื่อช่วยกันทำตามเป้าหมายขยายตัวอย่างมหาศาลเพิ่มยอดขายในกลุ่มรถอีวี” โตชิฮิโระ มิเบะ ซีอีโอของ Honda กล่าว

Source

]]>
1380681