Honda – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 18 Mar 2024 04:00:54 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ถึงเวลาสู้ศัตรูคนเดียวกัน! ‘ฮอนด้า’ ผนึก ‘นิสสัน’ พัฒนารถอีวีเพื่อสู้กับ ‘ค่ายจีน’ https://positioningmag.com/1466580 Mon, 18 Mar 2024 03:58:19 +0000 https://positioningmag.com/?p=1466580 หากเป็นรถยนต์สันดาป ผู้ที่ครองตลาดก็จะเป็น ค่ายรถญี่ปุ่น แต่ถ้าเป็นตลาดรถอีวี ค่ายจีน ได้กลายเป็นผู้นำของตลาดไปเรียบร้อยแล้ว แม้แต่แบรนด์สุดแข็งอย่าง Tesla ยังต้องพ่ายแพ้ให้กับค่ายจีน ดังนั้น แบรนด์ญี่ปุ่นจึงต้องเลิกสู้กันเอง หันมาจับมือกันเพื่อสู้ค่ายจีน

ในอดีตค่ายรถยนต์ของญี่ปุ่นอาจจะต้องแข่งกับค่ายรถจากฝั่งยุโรปและแข่งขันกันเอง แต่ตอนนี้ทุกค่ายคงตระหนักได้ว่า คู่แข่งที่น่ากลัวที่สุดในตลาดก็คือ ค่ายรถอีวีจีน ทำให้ นิสสัน (Nissan) ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจแบบไม่ผูกมัด (Memorandum of Understanding – MoU) กับ ฮอนด้า (Honda) ค่ายรถยนต์คู่แข่ง เพื่อร่วมมือกันในการผลิตส่วนประกอบสำคัญสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าและปัญญาประดิษฐ์ในแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ยานยนต์

โดยความร่วมมือดังกล่าวจะช่วยให้ทั้งสองบริษัทประหยัดต้นทุนในการผลิต เพราะทำให้มี Economy of scale ที่มากขึ้น ซึ่งจะยิ่งช่วยให้ผู้ผลิตรถยนต์ของญี่ปุ่นสามารถแข่งขันกับค่ายรถอีวีจากจีน โดยเฉพาะ บีวายดี (BYD) จากจีนที่เพิ่งบุกตลาดประเทศญี่ปุ่น รวมถึง เทสลา (Tesla) ด้วย

“ผู้เล่นหน้าใหม่มีความก้าวร้าวมากและกำลังบุกเข้ามาด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง เราไม่สามารถชนะการแข่งขันได้ ตราบใดที่เรายึดมั่นในแนวคิดและแนวทางแบบดั้งเดิม” มาโกโตะ อุชิดะ ซีอีโอของนิสสัน กล่าว

อย่างไรก็ตาม นิสสันและฮอนด้า ยังไม่ได้หารือเกี่ยวกับการลงทุนร่วมกัน แต่ก็เปิดรับความเป็นไปได้ในอนาคต รวมถึงยัง เปิดกว้างในการร่วมมือกับพันธมิตร ที่มีอยู่หากมีโอกาสเกิดขึ้น

“เราถูกจำกัดด้วยเวลา ดังนั้น จำเป็นต้องทำให้เร็ว เพื่อที่ภายในปี 2030 เราจะอยู่ในตำแหน่งที่ดี เราจึงต้องตัดสินใจตั้งแต่ตอนนี้”

ทั้งนี้ ฮอนด้าตั้งเป้าที่จะเพิ่มอัตราส่วนรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์เซลล์เชื้อเพลิงเป็น 100% ของยอดขายทั้งหมดภายในปี 2040 ส่วนนิสสันถือเป็นผู้บุกเบิกด้านรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ด้วยรุ่น Leaf

ที่ผ่านมา ทั้งฮอนด้าและนิสสัน ได้พิจารณาเตรียมลดกำลังการผลิตในประเทศจีน โดยสาเหตุสำคัญคือผู้ผลิตรถยนต์จากญี่ปุ่นต้องแข่งขันกับค่ายรถยนต์ไฟฟ้าของจีน โดยนิสสันเตรียมลดกำลังการผลิตในจีนสูงสุดถึง 30% เหลือ 1.6 ล้านคัน/ปี ส่วนฮอนด้านั้นจะลดกำลังการผลิตราว 20% เหลือ 1.2 ล้านคันต่อปี

Source

]]>
1466580
Nissan และ Honda พิจารณาลดกำลังการผลิตรถยนต์ในจีน หลังผู้ผลิตในแดนมังกรแข่งขันดุเดือดมากขึ้น https://positioningmag.com/1466084 Tue, 12 Mar 2024 17:29:13 +0000 https://positioningmag.com/?p=1466084 ‘นิสสัน’ และ ‘ฮอนด้า’ ผู้ผลิตรถยนต์จากประเทศญี่ปุ่น ได้พิจารณาลดกำลังการผลิตรถยนต์ในจีน หลังเจอแรงกดดันจากผู้ผลิตในประเทศหลายรายจากการแข่งขันที่รุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสงครามรถยนต์ไฟฟ้าจากหลายแบรนด์

Nikkei Asia รายงานข่าวว่า นิสสัน (Nissan) และ ฮอนด้า (Honda) ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่จากประเทศญี่ปุ่น ได้พิจารณาเตรียมลดกำลังการผลิตในประเทศจีน โดยสาเหตุสำคัญคือผู้ผลิตรถยนต์จากญี่ปุ่นต้องดิ้นรนเพื่อไล่ตามการแข่งขันรถยนต์ไฟฟ้ากับผู้ผลิตแดนมังกร

โดย Nissan จะเริ่มพูดคุยกับบริษัทร่วมทุนในท้องถิ่นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เพื่อลดกำลังการผลิตในจีนสูงสุดถึง 30% ขณะที่ Honda นั้นจะลดกำลังการผลิตราวๆ 20% กำลังการผลิตที่ลดลงจะทำให้ Nissan เหลือจำนวนรถยนต์ที่ผลิตในจีนเหลือแค่ 1.6 ล้านคันต่อปี ซึ่งผลิตในโรงงาน 8 แห่งทั่วประเทศจีน ขณะที่ Honda จะเหลือแค่ 1.2 ล้านคันต่อปีเท่านั้น

ในปี 2023 ที่ผ่านมา ปริมาณการผลิตรถยนต์ของ Nissan ในประเทศจีนลดลง 24% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เหลือ แค่ 793,000 คันเท่านั้น ซึ่งตัวเลขดังกล่าวนั้นถือเป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดครั้งแรกในรอบ 14 ปีของบริษัทอีกด้วย

ในช่วงทศวรรษ 2000 ผู้ผลิตรถยนต์ของญี่ปุ่นหลายรายได้เริ่มให้ความสำคัญกับการผลิตและการขายรถยนต์ในจีนแผ่นดินใหญ่ผ่านการร่วมทุนกับบริษัทในแดนมังกร เพื่อตอบสนองต่อคำขอของรัฐบาลจีนที่ขอให้ช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศ

รถยนต์ญี่ปุ่นได้รับความนิยมในหมู่ชาวจีนเนื่องจากมีคุณภาพสูง ในช่วงปี 2020 ผู้ผลิตจากญี่ปุ่นได้ครองตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลซึ่งมีสัดส่วนมากถึง 20% แต่อย่างไรก็ดีเมื่อเวลาผ่านไป บริษัทในประเทศจีนหลายรายได้หันมาผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นซึ่งเราจะเห็นได้จากหลากหลายแบรนด์

ขณะที่ผู้ผลิตจากญี่ปุ่นเองนั้นไม่สามารถที่จะไล่ตามเทคโนโลยีการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของผู้ผลิตในประเทศจีนได้ นอกจากนี้ยังรวมถึงการแข่งขันทางด้านราคา หรือแม้แต่การเพิ่มลูกเล่นต่างๆ เข้ามา เพื่อดึงดูดลูกค้า

จีนยังมีผู้เล่นหน้าใหม่ที่เป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าไม่ว่าจะเป็น Nio หรือ Xpeng หรือแม้แต่ผู้ผลิตสินค้าไอทีอย่าง Xiaomi ที่ลงมาลุยตลาดดังกล่าว รวมถึง Huawei เองก็ได้ร่วมทุนกับผู้ผลิตยานยนต์ในประเทศจีนก็มีแผนที่จะออกรถยนต์ไฟฟ้ามาสู่ท้องถนนให้ได้เช่นกัน

นอกจากนี้ยอดขายรถไฟฟ้าในประเทศจีนชะลอตัวลง แบรนด์จีนหลายแห่งยิ่งต้องแข่งขันเพิ่มมากขึ้น ก็ยิ่งสร้างแรงกดดันให้กับผู้ผลิตรถยนต์จากแดนอาทิตย์อุทัยเพิ่มมากขึ้น จนทำให้ท้ายที่สุดต้องมีการปรับลดการผลิต

]]>
1466084
ค่ายรถตะวันตกเปลี่ยนแผนชะลอการผลิต เมื่อตลาด “รถอีวี” ในสหรัฐฯ ไม่เปรี้ยงอย่างที่คาด https://positioningmag.com/1449677 Mon, 30 Oct 2023 04:05:21 +0000 https://positioningmag.com/?p=1449677 ค่ายรถยนต์ฟากตะวันตกหลายรายเปลี่ยนเป้าหมายการผลิตและยอดขาย “รถอีวี” หลังเสียงสะท้อนจากดีลเลอร์พบว่า ดีมานด์รถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐฯ ไม่ได้เปรี้ยงต่อเนื่องอย่างที่คาด สต็อกรถอีวีเหลือเพียบ

สำนักข่าว Business Insider รายงาน ผู้บริหารระดับสูงจากค่ายรถยนต์หลายค่ายพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า การเติบโตในตลาดรถยนต์ไฟฟ้ามีสภาวะที่น่ากังวล และความผันผวนนี้กำลังทำให้กลยุทธ์การทุ่มลงทุนเพื่อพัฒนา “รถอีวี” ของพวกเขาเกิดความเสี่ยง

ตัวอย่างเช่น General Motors (GM) บริษัทที่เป็นหนึ่งในทัพหน้าเข้าสู่ตลาดรถอีวี โดยส่งรถรุ่น Chevrolet Bolt เข้าสู่ตลาดมาแล้ว 7 ปี และวางเป้าหมายว่าจะเปลี่ยนบริษัทให้หันมาผลิตเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้ามานานแล้ว ก่อนที่คู่แข่งคนอื่นจะขยับตัว อย่างไรก็ตาม ด้วยผลประกอบการไตรมาส 3 ที่ออกมาล่าสุด ทำให้ GM ต้องผ่อนคันเร่งเรื่องรถยนต์ไฟฟ้าลง

Marry Barra ซีอีโอของ GM ประกาศว่า บริษัทจำต้องเลื่อนเป้าหมายการผลิตรถอีวี 100,000 คันภายในครึ่งปีหลังปี 2023 และเป้าผลิตรถอีวีอีก 400,000 คันภายในครึ่งปีแรกปี 2024 ออกไปอย่างไม่มีกำหนดก่อน

“เมื่อเรากำลังก้าวไปบนเส้นทางการทรานส์ฟอร์มสู่ยุครถอีวีมากขึ้น เส้นทางก็เริ่มมีสะดุดบ้าง” Barra กล่าว

การปรับเป้าของ GM เป็นสถานการณ์ที่ค่อนข้างจะคาดไม่ถึงสำหรับนักลงทุน แต่ GM ไม่ใช่ค่ายเดียวที่เห็นสัญญาณเตือนในตลาดรถอีวี

ภาพจาก Shutterstock

แม้แต่เจ้าตลาดอย่าง Tesla ของมหาเศรษฐี Elon Musk ก็ยังกล่าวเตือนถึงสถานการณ์ตลาดรถอีวีหลังผลประกอบการรอบล่าสุดออกมา โดยบริษัทมองว่าความกังวลด้านเศรษฐกิจจะทำให้ดีมานด์ความต้องการรถยนต์ลดลง และจะมีผลกระทบแม้แต่กับ Tesla

ขณะที่ Mercedes-Benz ค่ายรถยนต์ที่ที่ผ่านมาลดราคารถอีวีหนักมากเพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ค่ายนี้ก็ไม่ได้ปิดบังว่าตลาดกำลังผันผวน

“พื้นที่นี้ (ตลาดรถอีวี) แข่งขันกันรุนแรงมาก” Harald Wilhelm ซีเอฟโอของ Mercedes-Benz กล่าวกับนักลงทุน “ผมจินตนาการแทบไม่ออกเลยว่าตลาดแบบที่เป็นอยู่นี้จะยั่งยืนสำหรับทุกคนได้อย่างไร”

 

“รถอีวี” เริ่มขายออกยากขึ้นในสหรัฐฯ

ไม่ใช่แค่ Mercedes-Benz ที่ต้องลดราคารถยนต์ไฟฟ้าเพื่อให้ขายออก ค่ายรถอีวีหลายค่ายก็ทำแบบเดียวกัน

ถึงอย่างนั้นก็ตาม ดีลเลอร์รถกลับพบว่ารถอีวีเริ่มจะใช้เวลาขายออกนานขึ้น มีรถสต็อกเหลือในมือดีลเลอร์มากขึ้น เมื่อเทียบกับรถสันดาปปกติ

เหตุเพราะวัฏจักรผู้บริโภคขณะนี้ได้เลยจากกลุ่ม Early-Adopters เข้าสู่กลุ่มลูกค้าทั่วไปที่มีการเปรียบเทียบหลายด้าน ทั้งด้านราคา โครงสร้างพื้นฐานที่รองรับรถอีวี และไลฟ์สไตล์ของตนเองที่อาจจะไม่เหมาะกับรถอีวี

Ford Mustang Mach-E รถเอสยูวีไฟฟ้า

หลายเดือนก่อนหน้านี้ ดีลเลอร์เริ่มส่งเสียงบอกผู้ผลิตแล้วว่าความต้องการในตลาดเริ่มจะชะลอลง ซึ่งทางผู้ผลิตเองก็ดูจะรับฟังความเป็นจริง

Ford เป็นเจ้าแรกที่รีบปรับเปลี่ยนตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2023 โดยขยายกรอบระยะเวลาที่จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของบริษัทให้ครบ 600,000 คันภายใน 1 ปีออกไป และล้มเลิกเป้าการผลิตรถอีวี 2 ล้านคันภายในปี 2026 ออกไปอย่างไม่มีกำหนด

ด้าน Honda ก็ล้มแผนความร่วมมือกับ GM ที่จะผลิตรถอีวีตลาดแมสในราคาต่ำกว่า 30,000 เหรียญสหรัฐต่อคันออกไปก่อน โดย Toshihiro Mibe ซีอีโอ Honda มองว่าสภาพแวดล้อมในตลาดรถอีวีนั้นผันผวนจนยากเกินกว่าจะวัดได้

“หลังจากศึกษาเรื่องนี้มานาน 1 ปี เราตัดสินใจกันว่าโครงการนี้จะเป็นไปได้ยากในเชิงธุรกิจ เพราะฉะนั้นตอนนี้เราจึงหยุดโครงการพัฒนารถอีวีในราคาเข้าถึงได้ไปก่อน” Mibe กล่าวในการสัมภาษณ์กับ Bloomberg เมื่อช่วงสัปดาห์ที่แล้ว

แต่สำหรับบางคน การชะลอตัวของตลาดรถอีวีก็ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจ

“ในที่สุดคนก็เริ่มเห็นความเป็นจริง” Akio Toyoda ประธานกรรมการ Toyota Motor กล่าวในงาน Japan Mobility Show ตามการรายงานของ Wall Street Journal โดยค่ายรถญี่ปุ่น Toyota ถือเป็นหนึ่งในค่ายรถที่แสดงออกถึงความกังวลและไม่ค่อยเห็นด้วยมาตลอดต่อการเปลี่ยนไปสู่รถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่ค่ายรถอื่นๆ กำลังมุ่งหน้าไป

Source

]]>
1449677
4 ผู้ผลิตรถจักรยานยนต์รายใหญ่ของญี่ปุ่น จับมือพัฒนา “เครื่องยนต์พลังงานไฮโดรเจน” รับเทรนด์พลังงานสะอาด https://positioningmag.com/1430863 Thu, 18 May 2023 05:00:58 +0000 https://positioningmag.com/?p=1430863 ในขณะที่ จีน ได้ขึ้นแท่นเป็นผู้นำตลาด รถยนต์ไฟฟ้า หรือ รถอีวี ไม่ว่าจะ 2 ล้อหรือ 4 ล้อ ส่วน ญี่ปุ่น เจ้าแห่งรถยนต์สันดาป ก็ขอเน้นไปพัฒนาที่ รถยนต์พลังงานไฮโดรเจน ล่าสุด 4 แบรนด์รถจักรยานยนต์ชั้นนำก็ผนึกกำลังกันผลิตเครื่องยนต์พลังงานไฮโดรเจน

4 แบรนด์ผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ของญี่ปุ่น ประกอบด้วย Honda, Kawasaki, Suzuki และ Yamaha กล่าวว่า พวกเขาจะจัดตั้งองค์กรที่อุทิศตนเพื่อการวิจัยและพัฒนา เครื่องยนต์พลังงานไฮโดรเจน ในเดือนหน้า ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของญี่ปุ่นที่ต้องการส่งเสริมพลังงานไฮโดรเจนให้เป็นแหล่งพลังงานรุ่นต่อไป เพื่อลดมลพิษ

นอกจาก 4 บริษัทผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ชั้นนำจะเข้าร่วมเเล้ว บริษัทอย่าง Toyota ซึ่งพัฒนารถยนต์เครื่องยนต์ไฮโดรเจน และบริษัท Kawasaki Heavy Industries Ltd ซึ่งมีความรู้ความชำนาญในการขนส่งไฮโดรเจนเหลว ก็จะเข้าร่วมเป็นสมาชิกพิเศษในองค์กรเช่นกัน

ไม่ได้มีแค่บริษัทญี่ปุ่นเท่านั้นที่ร่วมในสมาคม แต่ยังมีองค์กรที่เรียกว่า Hydrogen Small mobility & Engine technology Association ที่จะเชิญผู้ผลิตในสหรัฐอเมริกาและยุโรปเข้าร่วมในการส่งเสริมยานยนต์ที่ใช้พลังงานไฮโดรเจนทั่วโลกด้วย โดยองค์กรดังกล่าวกำลังพิจารณาติดตั้งเครื่องยนต์ดังกล่าวบนยานพาหนะขนาดเล็ก เรือขนาดเล็ก และโดรน

ความเคลื่อนไหวดัง กล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางกฎระเบียบที่เข้มงวดเกี่ยวกับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันและการเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ของญี่ปุ่นซึ่งแต่เดิมแข่งขันกันในด้านของเครื่องยนต์สันดาป กำลังพยายามส่งเสริมไฮโดรเจนให้เป็นทางเลือก เนื่องจากพวกเขายังใช้เครื่องยนต์ที่มีอยู่ ซึ่งมีความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากมอเตอร์ไซค์ที่ใช้ไฟฟ้า 100%

“ไฮโดรเจนเป็นพลังงานสะอาดรุ่นต่อไปที่มีศักยภาพมหาศาล” Yoshihiro Hidaka ประธาน Yamaha กล่าว

ปัจจุบัน ยังไม่มีมอเตอร์ไซค์พลังงานไฮโดรเจน เนื่องจากปัญหาทางเทคนิคในการสร้างยานพาหนะดังกล่าว ซึ่งเกิดจากการที่ไฮโดรเจนติดไฟได้ดีกว่าน้ำมันเบนซิน และรถสองล้อมีพื้นที่จำกัดสำหรับเครื่องยนต์และถังเชื้อเพลิง ขณะที่ สมาคมจะร่วมมือกันในการวิจัยพื้นฐานสำหรับเครื่องยนต์ที่ใช้พลังงานไฮโดรเจน ส่วนการตัดสินใจพัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับใช้ในเชิงพาณิชย์ซึ่งจะขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัท

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงไปสู่รถยนต์ไฟฟ้าอย่างรวดเร็ว แต่ Yoshihiro Hidaka เชื่อว่า สิ่งสำคัญของตลาด คือ ต้องมียานยนต์สีเขียวที่หลากหลายเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ดียิ่งขึ้น

ก่อนหน้านี้ ทั้ง 4 บริษัทเคยจับมือกันกำหนดมาตรฐานแบตเตอรี่แบบถอดเปลี่ยนได้ เพื่อให้สามารถใช้แบตฯ ร่วมกันได้แม้จะต่างยี่ห้อรถ โดยหวังว่ามาตรฐานดังกล่าวจะส่งเสริมมอเตอร์ไซค์อีวีให้เป็นที่แพร่หลาย

]]>
1430863
เคาะแล้ว! รถอีวีของ ‘Sony’ และ ‘Honda’ จะวางขายปี 2026 ในสหรัฐฯ เป็นประเทศแรก https://positioningmag.com/1404274 Fri, 14 Oct 2022 06:55:11 +0000 https://positioningmag.com/?p=1404274 หลังจากในช่วงต้นปีที่ผ่านมา บริษัทโซนี่ กรุ๊ป คอร์ป (Sony) ได้เปิดตัวต้นแบบรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น Vision-S 02 พร้อมเตรียมจัดตั้งบริษัทลูก Sony Mobility Inc. เพื่อพัฒนารถอีวี พร้อมทั้งได้ประกาศความร่วมมือกับ ฮอนด้า (Honda) บริษัทผู้ผลิตรถรายใหญ่ ล่าสุด ทางบริษัทร่วมทุนของทั้งคู่ก็ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ พร้อมเคาะประเทศแรกที่จะวางขาย

บริษัทรถยนต์ไฟฟ้าแห่งใหม่ที่เกิดจากการร่วมทุนของ 2 บริษัทยักษ์ใหญ่สัญชาติญี่ปุ่น ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยใช้ชื่อว่า Sony Honda Mobility Inc หลังจากที่ในเดือนมีนาคม ทั้ง 2 บริษัทตกลงที่จะจัดตั้งบริษัทร่วมทุน 50-50 ด้วยแนวคิดที่จะนำความเชี่ยวชาญของ Honda ในด้านยานยนต์ เทคโนโลยีการขับเคลื่อน รวมถึงการขาย บวกเข้ากับความเชี่ยวชาญด้านการถ่ายภาพ เครือข่าย เซ็นเซอร์ และความบันเทิงของ Sony มาพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า

Yasuhide Mizuno ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ระบุว่า รถยนต์รุ่นแรกจะเปิดพรีออเดอร์ภายในปี 20215 และจะส่งมอบให้ สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศแรก ภายในช่วงต้นปี 2026 ตามด้วยตลาด ญี่ปุ่น ในปีเดียวกัน ต่อจากนั้นจึงเป็นตลาดของประเทศในทวีปยุโรป ขณะที่สายการผลิตรถจะดำเนินการผ่าน หนึ่งในโรงงาน 12 แห่งของฮอนด้าในสหรัฐอเมริกา

อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทยังไม่เปิดเผยถึงรายละเอียดถึงราคา และชนิดของแบตเตอรี่ที่จะใช้ รวมถึงยังไม่ได้ระบุปริมาณการผลิต แต่เปิดเผยเพียงว่า รถรุ่นดังกล่าวเป็น รุ่นพิเศษ และ ไม่ได้มีไว้สำหรับการขายจำนวนมาก

“การร่วมมือครั้งนี้เป็นการรวมตัวกันของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เพื่อมอบประสบการณ์ที่น่าพึงพอใจในขณะเดินทาง ดังนั้น เราจำเป็นต้องใช้แนวทางใหม่โดยสิ้นเชิง”

ด้าน Izumi Kawanishi ผู้บริหารของ Sony ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Sony Mobility กล่าวว่า จะมีการเพิ่มพันธมิตรในโครงการ พร้อมทั้งมองว่า โลกกำลังมีความต้องการรถยนต์ที่ ปลอดมลพิษ เพิ่มขึ้นทั่วโลก เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความยั่งยืน

ปัจจุบัน Honda ได้พัฒนารถยนต์ไฟฟ้าอยู่บ้าง แต่ไม่ได้มีมากมายเท่ากับคู่แข่งบางราย เช่น Ford หรือ Nissan โดยที่ผ่านมา Honda ได้ร่วมมือกับ General Motors เพื่อแชร์แพลตฟอร์มสำหรับพัฒนารถอีวีในเมริกาเหนือ แต่ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวยังไม่ได้วางจำหน่าย

Source

]]>
1404274
‘ฮอนด้า’ ทุ่ม 4 หมื่นล้านดอลล์ พัฒนารถยนต์ EV ลุยเปิดตัว 30 รุ่น ภายในปี 2030 https://positioningmag.com/1381387 Tue, 12 Apr 2022 06:39:44 +0000 https://positioningmag.com/?p=1381387 ฮอนด้า’ (Honda) ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของญี่ปุ่น เตรียมเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ 30 รุ่น ภายในปี 2030 เเละจะมีกำลังการผลิตมากกว่า 2 ล้านคันต่อปี

บริษัทวางเเผนจะทุ่มเงินลงทุน 4 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 5 ล้านล้านเยน) ในการพัฒนาเเละผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในอีก 10 ปีข้างหน้า ซึ่งจะรวมไปถึงการสร้างเทคโนโลยีระบบไฟฟ้าและซอฟต์แวร์ของตนเองขึ้นมา พร้อมสำรวจโอกาสใหม่ๆ ในการเติบโตทั้งด้านการสำรวจอวกาศ , eVTOL (แท็กซี่บินได้) , หุ่นยนต์และอื่นๆ

ในช่วงทศวรรษหน้า ฮอนด้ามีการเตรียมเเผนลงทุนทั้งหมดกว่า 6.3 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 8 ล้านล้านเยน) และอีก 80 ล้านดอลลาร์ (ราว 1 หมื่นล้านเยน) ต่อปีในการเริ่มต้นธุรกิจใหม่ เพื่อนำเสนอโซลูชั่นแบบผสมผสาน แสวงหาความร่วมมือและพันธมิตรระหว่างอุตสาหกรรม เเละใช้นำเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

เมื่อเดือนที่ผ่านมา ฮอนด้าได้ร่วมมือกับบริษัทเทคฯ ยักษ์ใหญ่อย่างโซนี่พัฒนาและผลิตรถยนต์ไฟฟ้าร่วมกัน ซึ่งจะเริ่มมีการลงทุนอย่างเป็นทางการในปี 2022 นี้ โดยทางโซนี่จะดูเเลเรื่องของระบบเซนเซอร์เครือข่ายและความบันเทิงภายในรถยนต์ขณะที่ฮอนด้าจะดูแลการจัดการเกี่ยวกับเทคโนโลยีรถยนต์

หากเป็นไปตามเเผนที่วางไว้ คาดว่ารถยนต์รุ่นเเรกภายใต้การผลิตของโซนี่และฮอนด้า จะวางจำหน่ายได้ในปี 2025 เเละฮอนด้ายังจับมือกันกับ General Motors (GM) ร่วมกันผลิตรถ EV ‘ครอสโอเวอร์’ ในราคาต่ำ เพื่อตีตลาดสหรัฐฯ คืนจาก Tesla โดยคาดว่าจะเริ่มผลิตหลักหลายล้านคันได้ภายในปี 2027

ฮอนด้า ตั้งเป้าที่จะเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 30 รุ่นทั่วโลกให้ได้ภายในปี 2030 เเละตั้งเป้าผลิตรถยนต์ไฟฟ้าให้ได้มากกว่า 2 ล้านคันต่อปี

ท่ามกลางเเนวโน้มการแข่งขันที่ดุเดือดทั้งเเบรนด์เล็กเเบรนด์ใหญ่ บริษัทจะเพิ่มสัดส่วนการผลิตรถยนต์ EV และเซลล์เชื้อเพลิงให้ได้ 100% ของยอดขายทั้งหมดภายในปี 2040

 

ที่มา : techcrunch , japantimes

]]>
1381387
GM x Honda เซ็นดีลร่วมกันผลิต “รถอีวี” ราคาต่ำ หวังตีตลาดคืนจาก Tesla https://positioningmag.com/1380681 Wed, 06 Apr 2022 08:50:51 +0000 https://positioningmag.com/?p=1380681 General Motors (GM) ร่วมกับ Honda Motor จับมือกันต่อเนื่อง ดีลรอบนี้จะร่วมกันผลิต “รถอีวี” ครอสโอเวอร์ในราคาต่ำ เพื่อตีตลาดสหรัฐฯ คืนจาก Tesla โดยคาดว่าจะเริ่มผลิตหลักหลายล้านคันได้ภายในปี 2027

ก่อนหน้านี้ GM และ Honda มีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิดมานาน โดยมีการพัฒนาแบตเตอรี่ร่วมกันตั้งแต่ปี 2018 ทาง Honda ยังเข้าไปถือหุ้นในบริษัท Cruise บริษัทลูกของ GM ที่พัฒนารถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ และมีบริษัทร่วมทุนเพื่อพัฒนาระบบรถฟิวเซลล์ไฮโดรเจนในรัฐมิชิแกน

รวมถึงการพัฒนา “รถอีวี” ก่อนหน้านี้ก็มีดีลร่วมกันผลิตรถ SUV ไฟฟ้า ภายใต้แบรนด์ Honda Prologue และ Acura ซึ่งคาดจะออกจำหน่ายจริงปี 2024

ส่วนดีลใหม่ครั้งนี้ จะเป็นการผลิตรถอีวีในตลาด “เข้าถึงได้ง่าย” โดยหนึ่งในนั้นจะมีรถครอสโอเวอร์ขนาดเล็ก ใช้เทคโนโลยีแบตเตอรี่ Ultium ของ GM ทั้งนี้ รถครอสโอเวอร์ขนาดเล็กคือประเภทรถที่ขายดีที่สุดในโลก โดยมีการขายปีละกว่า 13 ล้านคัน

ทั้งสองบริษัทไม่เปิดเผยเม็ดเงินลงทุนในดีลใหม่นี้แต่อย่างใด

แมรี่ บาร์ร่า ประธานกรรมการของ GM กล่าวว่า ล่าสุดบริษัทเตรียมออกจำหน่าย Chevrolet Equinox เป็นรถ SUV ใช้พลังงานไฟฟ้าที่น่าจะตั้งราคาต่ำกว่า 30,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1 ล้านบาท) รถอีวีที่จะร่วมผลิตกับ Honda ในราคาต่ำดังกล่าว จะกดราคาลงไปต่ำกว่านี้อีก

เธอยังกล่าวด้วยว่า รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่นี้เป็นส่วนหนึ่งในแผนของ GM ที่จะเอาชนะ Tesla ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า

“เรามีเป้าหมายที่สำคัญมาก นั่นคือภายในกลางทศวรรษนี้คือปี 2025 เราจะขายรถอีวีในสหรัฐฯ มากกว่าทุกๆ เจ้า และจะทำอย่างนั้นได้ คุณจะต้องมีพอร์ตรถยนต์ในมือจำนวนมาก” บาร์ร่ากล่าว และเสริมว่า GM มีแผนพัฒนารถอีวีทุกขนาดตั้งแต่เล็กจนถึงใหญ่ “เราสามารถขยายตัวได้อย่างแน่นอน และจะทำได้เร็วด้วย”

“Honda และ GM จะร่วมกันสร้างความสำเร็จทางเทคโนโลยี เพื่อช่วยกันทำตามเป้าหมายขยายตัวอย่างมหาศาลเพิ่มยอดขายในกลุ่มรถอีวี” โตชิฮิโระ มิเบะ ซีอีโอของ Honda กล่าว

Source

]]>
1380681
เดินหน้าเต็มที่! Sony ประกาศผนึก Honda ก่อตั้งบริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเริ่มจำหน่ายในปี 2025 https://positioningmag.com/1376612 Mon, 07 Mar 2022 11:14:06 +0000 https://positioningmag.com/?p=1376612 เมื่อช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา บริษัทโซนี่ กรุ๊ป คอร์ป (Sony) บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอิเล็กทรอนิกส์ของญี่ปุ่น ได้เปิดตัวต้นแบบรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น Vision-S 02 ภายในงาน Consumer Electronics Show (CES) 2022 หรืองาน CES พร้อมเตรียมจัดตั้งบริษัทลูกใหม่ชื่อว่า ‘Sony Mobility Inc.’ เพื่อพัฒนารถ EV ในอนาคต

ล่าสุด Sony ก็ได้ออกมาประกาศความร่วมมือกับ ฮอนด้า (Honda) บริษัทผู้ผลิตรถรายใหญ่ในการร่วมทุนกันเพื่อผลิตและจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า โดยทั้ง 2 บริษัทตั้งเป้าที่จะก่อตั้งบริษัทใหม่ในปีนี้ และเริ่มจำหน่ายรถยนต์คันแรกในปี 2025

โดยบริษัทใหม่นี้ Sony จะทำหน้าที่ ออกแบบ พัฒนา และจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า โดยเฉพาะการพัฒนาระบบและบริการต่าง ๆ ยังไม่ชัดเจนว่า ณ จุดนี้จะเป็นอย่างไร แต่ Sony เป็นผู้จัดหาเซ็นเซอร์ภาพสำหรับสมาร์ทโฟนรายใหญ่และกำลังออกแบบชิปเหล่านี้สำหรับรถยนต์มากขึ้น และในส่วนของการผลิตนั้นจะมอบหมายให้ Honda เป็นผู้รับผิดชอบเนื่องจากมีความเชี่ยวชาญด้านการผลิตรถยนต์มานานหลายปี รวมถึงใช้โรงงานของ Honda เองในการผลิต

ย้อนไปเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา Sony ได้แอบเปิดเผยว่าจะจัดตั้งบริษัทที่ชื่อว่า Sony Mobility เพื่อสำรวจการเข้าสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า นอกจากนี้ บริษัทยังได้นำรถเอนกประสงค์ต้นแบบที่เรียกว่า VISION-S 02 ออกมาให้ยลโฉมอีกด้วยในขณะเดียวกัน Honda ก็ได้ก้าวเข้าสู่การเป็นบริษัทรถยนต์ไฟฟ้า โดย Honda ได้ประกาศว่าจะเลิกผลิตรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยแก๊สภายในปี 2040 และปัจจุบันก็ได้มีการร่วมทุนกับ เจนเนอรัล มอเตอร์ส เพื่อพัฒนารถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่

การร่วมทุนระหว่าง Sony และ Honda ถือเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของ บริษัทเทคโนโลยีที่ก้าวเข้าสู่ภาคยานยนต์และผู้ผลิตรถยนต์ที่ต้องการเพิ่มขีดความสามารถทางเทคโนโลยี โดยก่อนหน้านี้ก็มีบริษัทเทคโนโลยีของจีนอย่าง Baidu และ Xiaomi ต่างก็ก่อตั้งบริษัทรถยนต์ไฟฟ้า ในขณะที่รายงานเมื่อปีที่แล้วชี้ให้เห็นว่า Apple กำลังเพิ่มความพยายามในยานยนต์ไร้คนขับ

Source

]]>
1376612
บริษัท ‘ยานยนต์’ ทั่วโลกแห่ ‘คว่ำบาตรรัสเซีย’ สั่งเบรกส่งออก-หยุดสายการผลิต https://positioningmag.com/1376249 Thu, 03 Mar 2022 08:20:23 +0000 https://positioningmag.com/?p=1376249 ดูเหมือนมาตรการคว่ำบาตรของนานาประเทศจะเริ่มรุนแรงมากขึ้น เริ่มจากที่ชาติตะวันตกได้ปิดธนาคารรัสเซียบางแห่งจากเครือข่ายการเงินทั่วโลกของ SWIFT ทำให้บริษัทระดับโลกหลายสิบแห่งหยุดการส่งออกและหยุดการดำเนินงานในประเทศชั่วคราว ทุบค่าเงินรูเบิล และบังคับให้ธนาคารกลางขึ้นอัตราดอกเบี้ย ล่าสุด บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลกก็เริ่มระงับการผลิตและส่งออกไปยังรัสเซียแล้ว

ผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของญี่ปุ่น เริ่มจาก โตโยต้า (Toyota) ได้ระงับสายการผลิตในรัสเซีย ส่วนหนึ่งมาจากการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกภายหลังการรุกรานยูเครน ทำให้กระทบต่อการขนส่งและตัดซัพพลายเชน โดยโตโยต้าระบุเพิ่มเติมว่า บริษัทยังได้ระงับการส่งออกรถยนต์ไปยังรัสเซียอย่าง ไม่มีกำหนด เช่นเดียวกันกับ ฮอนด้า (Honda) และ มาสด้า (Mazda)

โตโยต้า ถือเป็นแบรนด์ชั้นนำของญี่ปุ่นในรัสเซีย โดยสามารถผลิตรถยนต์ได้ประมาณ 80,000 คันที่โรงงานในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก โดยมีพนักงานรวมกว่า 2,000 คน

ในส่วนของผู้ผลิตรถยนต์จากฝั่งยุโรป ก็มี Volvo ถือเป็นบริษัทผู้ผลิตยานยนต์แรกที่ออกมาประกาศระงับการส่งออกไปยังรัสเซีย ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และตามมาด้วย General Motors (GM), Mercedes-Benz, Ford และ BMW ก็หยุดการผลิตและส่งออกรถยนต์ไปยังรัสเซีย

สำหรับ Mercedes-Benz ไม่ใช่แค่ระงับการผลิตและส่งออก แต่ยังเตรียมขายหุ้น 15% ของบริษัท Kamaz ผู้ผลิตรถบรรทุกสัญชาติรัสเซียให้เร็วที่สุดอีกด้วย

แทบทุกอุตสาหกรรมร่วมคว่ำบาตร

เรียกได้ว่าตอนนี้แทบทุกอุตสาหกรรมกำลังคว่ำบาตรรัสเซีย อย่างฝั่งของโลจิสติกส์ก็มี MSC สายการเดินเรือที่ใหญ่ที่สุดในโลก และ Maersk ระงับการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ไปและกลับจากประเทศรัสเซีย โดย Maersk ระบุว่า “การขนส่งอาหารและเวชภัณฑ์ไปยังรัสเซียมีความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายหรือเน่าเสียเนื่องจากความล่าช้าที่สำคัญที่ท่าเรือและศุลกากร”

ส่วน Amazon.com ก็ได้เปิดเผยว่าบริษัทกำลังใช้ความสามารถด้านโลจิสติกส์เพื่อจัดหาสิ่งของให้กับผู้ที่ต้องการและผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยในโลกไซเบอร์เพื่อช่วยเหลือรัฐบาลและบริษัทต่าง ๆ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนยูเครน นอกจากนี้ Japan Airline และ ANA Holdings ซึ่งปกติใช้น่านฟ้ารัสเซียสำหรับเที่ยวบินยุโรปก็ได้ออกมายกเลิกเที่ยวบินทั้งหมดไปและกลับจากยุโรป

ในส่วนของธุรกิจพลังงาน ก็มีบริษัทพลังงานสหรัฐฯ Exxon Mobil บริษัทพลังงานของอังกฤษ BP และ Shell ต่างก็ถอนการลงทุนในรัสเซีย

นอกจากนี้ แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งต่าง ๆ อาทิ Spotify ก็ได้ปิดสำนักงานในรัสเซียอย่างไม่มีกำหนด ส่วน Netflix ได้เบรกออริจินอลคอนเทนต์ 4 เรื่องที่ถ่ายทำในรัสเซีย ส่วนบริษัทด้านความบันเทิงยักษ์ใหญ่อย่าง Disney และ Warner Bros. ได้ประกาศระงับการฉายภาพยนตร์ทุกเรื่องในรัสเซีย

บริษัทยักษ์ใหญ่อื่น ๆ อาทิ H&M บริษัทสินค้าแฟชั่นสัญชาติสวีเดน ได้หยุดการขายในรัสเซียชั่วคราว ส่วน Apple ก็หยุดการขาย iPhone และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ในรัสเซียด้วย

Reuter / Japantoday / variety

]]>
1376249
‘ฮอนด้า’ ปิดโรงงานแม่ หั่นกำลังผลิตเหลือ 60% เพื่อมุ่งสู่รถอีวีเต็มตัว https://positioningmag.com/1373039 Mon, 07 Feb 2022 06:47:55 +0000 https://positioningmag.com/?p=1373039 ตอนนี้รถยนต์ไฟฟ้า หรือ รถอีวี กลายเป็นอนาคตใหม่ของตลาดยานยนต์ไปแล้ว และทาง ฮอนด้า (Honda) หนึ่งในบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของโลกก็ประกาศ ‘ปิดโรงงานแม่’ ในญี่ปุ่น พร้อมปรับลดกำลังการผลิตรถยนต์ในประเทศลงเหลือเพียง 800,000 คัน/ปี หรือลดลงประมาณ 40% เมื่อเทียบกับจำนวนสูงสุดในปี 2545 เพื่อปรับโครงสร้างบริษัทพร้อมมุ่งสู่รถยนต์ไฟฟ้า

ฮอนด้า ได้ปิดโรงงานผลิตรถยนต์ที่มีอายุกว่า 58 ปี ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองซายามะ จังหวัดไซตามะ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของโตเกียวเมื่อปลายปีที่แล้ว โดยโรงงานดังกล่าวถือเป็น 1 ใน 3 โรงงานผลิตรถยนต์ของบริษัทในญี่ปุ่น และถือเป็นโรงงานแม่ที่สามารถผลิตรถได้กว่า 2.5 แสนคัน/ปี นอกจากนี้ฮอนด้ายังได้ประกาศการลดต้นทุนอื่น ๆ ในปีที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการยกเลิกการแข่งขันรถยนต์ฟอร์มูล่าวัน เป็นต้น

สาเหตุที่บริษัทต้องปิดโรงงานลงเพราะนโยบายในอนาคตที่จะมุ่งสู่รถยนต์ไฟฟ้า โดยบริษัทได้ประกาศเมื่อช่วงเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมาว่า รถยนต์ของฮอนด้าทุกรุ่นจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าภายในปี 2583 อย่างไรก็ตาม โรงงานดังกล่าวจะยังไม่ปิดตัวโดยสมบูรณ์ แต่จะทำหน้าที่ผลิตชิ้นส่วนก่อนจะปิดถาวรภายใน 2-3 ปี สำหรับพนักงานที่เหลือจะถูกโอนย้ายไปที่โรงงานอื่น ๆ ของบริษัท

ก่อนหน้าที่ฮอนด้าจะตัดสินใจปิดโรงงานดังกล่าว บริษัทมีกำลังการผลิตรถยนต์ในประเทศประมาณ 1 ล้านคัน/ปี จากโรงงานทั้งหมด 3 แห่งในญี่ปุ่น โดยตั้งอยู่ในเมืองซายามะ, โยริอิ และซูซูกะ

ด้าน ‘โตโยต้า’ (Toyota Motor) ค่ายรถยนต์อันดับ 1 ของโลกยังไม่มีแผนที่จะลดกำลังการผลิตในญี่ปุ่น ในเร็ว ๆ นี้ โดยยังคงตรึงกำลังการผลิตในประเทศที่ 3 ล้านคัน/ปี ส่วนด้าน ‘นิสสัน’ (Nissan Motor) ในญี่ปุ่นยังคงอยู่ที่ 1.34 ล้านคัน/ปี ตามข้อมูลของ Fourin บริษัทวิจัยที่เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมยานยนต์

สาเหตุที่กำลังผลิตรถยนต์ของฮอนด้ามีน้อยกว่าอีก 2 แบรนด์ เป็นเพราะฮอนด้ามีส่วนแบ่งยอดขายภายในประเทศน้อยกว่าเมื่อเทียบกับคู่แข่ง โดยในปีงบประมาณ 2561 ฮอนด้าขายรถยนต์ได้ 740,000 คันในญี่ปุ่น หรือ 14% ของยอดขายทั่วโลก ขณะที่โตโยต้าขายได้ 2.29 ล้านคัน คิดเป็น 22% ของยอดรวมทั่วโลก

ขณะที่ตลาดต่างประเทศ ฮอนด้าสามารถทำยอดขายได้ดีกว่า อย่างในตลาดสหรัฐฯ ฮอนด้ามียอดขายถึง 1.61 ล้านคัน หรือ 30% ของยอดขายโดยรวม และ 1.46 ล้านคันในจีน หรือ 28% ทำให้ฮอนด้าจึงเน้นไปที่การผลิตในต่างประเทศมากกว่า

ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่า กำลังการผลิตของฮอนด้าทั่วโลกสิ้นสุด ณ ปีงบประมาณ (เดือนมีนาคม) จะเหลือ 5.14 ล้านคัน ลดลงจาก 5.59 ล้านคันในปีก่อนหน้า

Source

]]>
1373039