Instagram – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 21 Oct 2024 03:17:07 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 เลย์ออฟอีก!  “Meta” เลิกจ้าง-โยกย้ายพนักงาน “WhatsApp” – “Instagram” เพื่อลดต้นทุน https://positioningmag.com/1495167 Sun, 20 Oct 2024 05:05:39 +0000 https://positioningmag.com/?p=1495167 Meta (เมตา) บริษัทโซเชียลมีเดียเจ้าของแพลตฟอร์ม Facebook เลิกจ้าง โยกย้ายสถานที่ทำงาน โยกย้ายตำแหน่งงาน ในกลุ่มพนักงานบริษัท Instagram, WhatsApp และ Reality Labs ที่ Meta เป็นเจ้าของ โดยยังไม่ระบุจำนวนพนักงานที่ได้รับผลกระทบแน่ชัด

โฆษกของ Meta ระบุในแถลงการณ์ว่า บริษัทฯ ทําการเปลี่ยนแปลงองค์กรเพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ระยะยาวและกลยุทธ์ด้านสถานที่ที่ได้วางไว้ โดยจะมีการย้ายทีมงานบางทีมไปยังสถานที่อื่น และมีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งงานของพนักงานบางคนไปทำหน้าที่ส่วนอื่น รวมถึงการช่วยเหลือและมองหาโอกาสใหม่ๆ ให้กับพนักงานที่ได้รับผลกระทบจากการถูกเลิกจ้าง

ตามรายงานข่าวระบุว่า ยังไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมจาก Meta ว่า จำนวนพนักงานที่ถูกเลิกจ้างในครั้งนี้มีจํานวนเท่าใด และ Meta ก็ยังไม่ได้ออกมาแสดงความเห็นใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน 

โดยก่อนหน้านั้นในเดือนพฤศจิกายน ปี 2022 Meta ได้ลดจำนวนพนักงานลงประมาณ 21,000 คน เพื่อลดต้นทุนของบริษัทฯ ไปรอบหนึ่งแล้วตามที่ มาร์ค ซักเกอร์เบิร์ก ซีอีโอบริษัทฯ เรียกว่าเป็นกลยุทธ์ “ปีแห่งประสิทธิภาพ”

ทั้งนี้ ผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ Meta สามารถสร้างรายได้ได้ดีกว่าความคาดหวังของตลาดโดยหุ้นของ บริษัทฯ พุ่งขึ้นมากกว่า 60% และมีการคาดการณ์ว่าในไตรมาสที่ 3 รายได้ของบริษัทฯ มีแนวโน้มเติบโตขึ้น บ่งชี้ว่าการใช้จ่ายด้านการโฆษณาแบบดิจิทัลที่แข็งแกร่งบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียสามารถครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการลงทุนด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้

นอกจากนั้น Financial Times ยังรายงานว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา Meta ได้ปลดพนักงานจำนวน 24 คนในลอสแองเจลิสออก เนื่องจากพบว่าพนักงานกลุ่มดังกล่าวมีการใช้เครดิตอาหารรายวันมูลค่า 25 ดอลลาร์ (ประมาณ 830 บาท) เพื่อซื้อของใช้ในครัวเรือน เช่น แผ่นแปะสิว แก้วไวน์ และน้ํายาซักผ้า แทนอาหาร ซึ่งการเลิกจ้างส่วนนี้ เป็นการเลิกจ้างที่แยกจากการปรับโครงสร้างทีมและทาง Meta ได้ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการปลดพนักงานกลุ่มดังกล่าว

ที่มา : Reuters 

 

]]>
1495167
อวสานสตอรี่สวยด้วยฟิลเตอร์! ‘Meta’ ประกาศถอด ‘ฟิลเตอร์ AR’ ของเหล่า ‘ครีเอเตอร์’ เหลือแค่เอฟเฟกต์ของบริษัท https://positioningmag.com/1488064 Thu, 29 Aug 2024 12:16:36 +0000 https://positioningmag.com/?p=1488064 หลายคนเวลาถ่ายสตอรี่ลงใน Instagram หรือ Facebook ก็คงจะมี ฟิลเตอร์ (Filter) ที่ถูกใจไว้ใช้บ่อย ๆ กันแน่นอน แต่นับตั้งแต่วันที่ 14 มกราคม 2025 เป็นต้นไป Meta จะถอดฟิลเตอร์จากเหล่าครีเอเตอร์ออกทั้งหมด เหลือเพียงแต่ฟิลเตอร์ของบริษัทให้ใช้งานเท่านั้น

หากพูดดถึงการใช้งาน ฟิลเตอร์ AR บนแพลตฟอร์ม Facebook, Instagram และ Messenger เชื่อว่าส่วนใหญ่จะใช้เพื่อถ่ายลง สตอรี่ (Story) และถ่ายคลิป Reels หน้าเป๊ะ และไม่ใช่แค่ฟิลเตอร์แต่งหน้าสวย ๆ แต่ยังมีฟิลเตอร์อื่น ๆ อีกมาก เช่น เปลี่ยนเป็นตัวการ์ตูนน่ารัก ๆ รวมถึงฟิลเตอร์อินเตอร์แอคทีฟ

แต่แล้วจู่ ๆ Meta ประกาศว่าจะถอดตัว ฟิลเตอร์และเอฟเฟกต์ AR ที่สร้างโดยครีเอเตอร์ทั้งหมด ออกจากแพลตฟอร์ม Facebook, Instagram และ Messenger รวมถึงเครื่องมืออย่าง Meta Spark ที่ใช้สร้างฟิลเตอร์เหล่านั้นภายในวันที่ 14 มกราคม 2025 เหลือเพียงเอฟเฟกต์ AR ที่พัฒนาโดย Meta ที่จะยังใช้งานได้ตามปกติ

อย่างไรก็ตาม การที่ Meta ยกเลิกการใช้งานฟีลเตอร์นั้นถือเป็นเรื่องแปลกมาก เพราะฟิลเตอร์จากเหล่าครีเอเตอร์เป็นปัจจัยสำคัญในการ รักษาฐานผู้ใช้ รวมถึงใช้เพื่อ หารายได้ เช่น ให้แบรนด์ต่าง ๆ สร้างฟิลเตอร์ของตัวเองเพื่อโปรโมตสินค้า นอกจากนี้ ยังเป็นสิ่งที่ทำให้เหล่าครีเอเตอร์หารายได้ได้อีกด้วย

โดย Meta Spark เปิดตัวครั้งแรกในปี 2017 จนถึงปัจจุบัน ฟีลเตอร์บนแพลตฟอร์มของ Meta ได้ถูกใช้ไปแล้ว กว่า หลายพันล้านครั้ง โดยจากการสำรวจของบริษัทพบว่า มีจำนวนถึง 68% ของผู้ใช้งานทั้ง 3 แพลตฟอร์มของ Meta มีการใช้ฟีเจอร์สตอรี่อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง และผู้ใช้ Instagram กว่าครึ่งใช้ฟีเจอร์สตอรี่และฟีดทุกวัน

นอกเหนือจากการสร้างเอฟเฟกต์สำหรับ Facebook และ Instagram แล้ว โปรแกรมยังได้ขยายออกไปในปี 2021 ด้วยความสามารถในการสร้างเอฟเฟกต์ AR สำหรับแฮงเอาต์วิดีโอบน Messenger และ Instagram นอกจากนี้ Meta ยังเปิดเผยอีกว่า มีครีเอเตอร์มากกว่า 600,000 รายจากกว่า 190 ประเทศได้สร้างเอฟเฟกต์ AR โดยใช้เครื่องมือของบริษัท

ทั้งนี้ Meta ไม่ได้บอกถึงสาเหตุที่แน่ชัดถึงการยกเลิกใช้ฟิลเตอร์ โดยระบุเพียงแค่ว่า “หลังจากการประเมินอย่างละเอียด เราจะเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์ที่เราเชื่อว่าจะตอบสนองความต้องการในอนาคตของผู้บริโภคและธุรกิจของเราได้ดีที่สุด” ซึ่งหลายคนคาดการณ์ว่าอาจจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับเครื่องมือ AI

นอกจากนี้ Meta อาจมีข่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งต่อไปสำหรับนักพัฒนาในงาน Meta Connect ที่กำลังจะจัดขึ้นในวันที่ 25 กันยายน ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจเป็นพิเศษคือ ข่าวลือว่า Meta กำลัง พัฒนาแว่นตาอัจฉริยะ AR เวอร์ชันอัปเดต ซึ่งจะแตกต่างจากแว่นตาอัจฉริยะ Ray-Ban ในปัจจุบัน

ก็อาจจะต้องรอดูว่าระหว่างที่ยังใช้งานฟิลเตอร์ได้อยู่ ทาง Meta จะมีเครื่องมืออะไรใหม่ ๆ มาให้ได้ลองใช้หรือไม่

techcrunch / theverge

]]>
1488064
ผลสำรวจพบ Gen Z 45.6% ขออยู่บ้านมากกว่าออกไปข้างนอก โดย 38.8% อยากใช้เวลานอนดูซีรีส์ https://positioningmag.com/1469941 Thu, 11 Apr 2024 09:39:03 +0000 https://positioningmag.com/?p=1469941 Meta ร่วมกับ The Standard Life สำรวจพฤติกรรมและความชอบของชาว Gen Z ไทย ระหว่างช่วงอายุ 22 – 27 ปีในช่วงก่อนเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึง มาลองมาดูกันว่าคน Gen Z ใช้เวลาช่วง สงกรานต์ อย่างไรกันบ้างในปี 2024

ผลการสำรวจจาก The Standard Life ชี้ให้เห็นว่า 45.6% ของคน Gen Z นิยมอยู่บ้าน สบาย ๆ ช่วงเทศกาลสงกรานต์ และหากิจกรรมทำในบ้านมากกว่าออกไปฉลองข้างนอก โดย 38.8% อยากใช้เวลานั่ง ดูซีรีส์เรื่องโปรด หรือติดต่อกับเพื่อน ๆ ผ่านทางโซเชียลมีเดีย

แม้ Gen Z ส่วนใหญ่จะอยากอยู่บ้านเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ยังมีบางส่วนที่ยังอยากออกไปสนุกให้เต็มที่ ได้แก่ 29.1% อยากไปเที่ยวต่างประเทศ หรือต่างจังหวัด และอีก 26.2% ขอฉลองสงกรานต์สักวันเดียวก็ยังดี เช่น ออกไปเล่นน้ำกับเพื่อน เป็นต้น

อย่าไงไรก็ตาม Gen Z ยังให้ความสำคัญกับครอบครัวก็ในวันหยุดสงกรานต์ เห็นได้จาก 44.7% ที่ต้องการจะ ใช้เวลากับครอบครัว และญาติพี่น้องในช่วงหยุดยาวนี้

Instagram ถือเป็นช่องทางที่ได้รับความนิยมเป็นพิเศษสำหรับติดตามความเป็นไปของเพื่อนและคนรอบข้าง หาที่กินที่เที่ยว และสนุกกับบรรยากาศเทศกาลผ่านการแชร์ประสบการณ์ของคนอื่น โดย Gen Z มีความสนใจ ติดตามคอนเทนต์รีวิวร้านดัง ดีลเด็ด มากพอ ๆ กับ Stories ของเพื่อน ๆ หรือคนที่ชอบ พอ ๆ กัน

โดย คอนเทนต์บรรยากาศสงกรานต์ เป็นสิ่งที่พวกเขาสนใจ โดย 35.9% ของผู้ตอบแบบสอบถามอยากจะกดหัวใจให้กับโพสต์ดังกล่าว ด้านคอนเทนต์เกี่ยวกับการท่องเที่ยวทั้งในและนอกประเทศก็มีคนที่ชื่นชอบถึง 32% นอกจากนี้ 50.5% ของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่าพวกเขาเพลิดเพลินกับการโพสต์เรื่องราวลงบน Stories และอีก 21.4% ตั้งใจจะแชร์ช่วงเวลาดี ๆ ของเทศกาลสงกรานต์ใน Close Friends หรือส่งข้อความ Direct Messages

ในส่วนของสิ่งที่ Gen Z จะโพสต์บน Instagram พบว่า 30.1% อยากแชร์ช่วงเวลาอันมีค่ากับครอบครัว เป็นอันดับแรก ตามมาด้วยการทำ กิจกรรมแปลกใหม่ ที่ไม่ค่อยมีโอกาสได้ทำ 25.2% คอนเทนต์ท่องเที่ยว 23.3% และการเล่นน้ำในสงกรานต์ที่ 21.4%

นอกจากนี้ชาว Gen Z ก็ยังใช้ Facebook แชร์เรื่องราว และติดตามข่าวสารช่วงวันหยุด โดย 50.5% ตั้งใจจะส่งต่อ Stories ที่โพสต์ใน Instagram ไปยัง Facebook อีก 38.8% คิดว่าพวกเขาควรจะเลือกโพสต์รูปปัง ๆ บน Facebook มากกว่า

อีกสิ่งที่ Gen Z ขาดไม่ได้ คือการเสพมีม (Memes) โดยพวกเขามักจะพูดคุยกันทาง Facebook Messenger โดยแชร์ภาพตลก ๆ หรือสิ่งที่สนใจให้กัน โดยเทศกาลสงกรานต์นี้คน Gen Z 31.1% อยากจะเห็นภาพมีมหรือคอนเทนต์ที่ชอบบนแชตกับเพื่อน 27.2% อยากติดตามเรื่องราวที่อยู่บนฟีดของชาวแก๊งและครอบครัว และอีก 25.2% เผยว่าพวกเขาสนใจข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่แฮงเอาท์ใหม่ ๆ มากขึ้น

]]>
1469941
รู้หรือไม่ Instagram สร้างรายได้ให้ Meta มากกว่า 1 ใน 4 ของรายได้ทั้งหมด แถมยังมากกว่า YouTube ในปีเดียวกันด้วยซ้ำ https://positioningmag.com/1469445 Tue, 09 Apr 2024 03:50:55 +0000 https://positioningmag.com/?p=1469445 ปกติแล้ว Meta ซึ่งเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มแชร์รูปภาพอย่าง Instagram จะไม่มีการเปิดเผยรายได้ของแพลตฟอร์มดังกล่าวแต่อย่างใด แต่ล่าสุดในการขึ้นศาลของบริษัทนั้นบริษัทได้กล่าวถึงรายได้ในส่วนดังกล่าวในปี 2021 นั้นบริษัททำรายได้มากกว่า 1.1 ล้านล้านบาท ซึ่งเทียบแล้วมากกว่า YouTube ในปีเดียวกันด้วยซ้ำ

Business Insider ได้รายงานข่าวโดยอ้างอิงข้อมูลที่ Meta ได้ยื่นข้อมูลกับศาลในสหรัฐอเมริกา ชี้ว่ารายได้ของ Instagram ในปี 2021 ที่ผ่านมานั้นทำรายได้ให้กับบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่นั้นมากกว่า 1 ใน 4 ของรายได้รวมบริษัท ซึ่งถือว่าแพลตฟอร์มแชร์รูปดังกล่าวถือเป็นเครื่องจักรผลิตเงินที่สำคัญของบริษัท

Meta ได้ยื่นข้อมูลกับศาลของสหรัฐอเมริกาในคดีความกับ FTC ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแล รายได้ในปี 2018 อยู่ที่ 11,300 ล้านเหรียญสหรัฐ รายได้ในปี 2019 อยู่ที่ 17,900 ล้านเหรียญสหรัฐ รายได้ในปี 2020 อยู่ที่ 22,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ปี 2021 อยู่ที่ 32,400 ล้านเหรียญสหรัฐ และครึ่งปีแรกของปี 2022 อยู่ที่ 16,500 ล้านเหรียญสหรัฐ

หากนำรายได้ของปี 2021 ของ Instagram ที่คิดเป็นเงินไทยระดับ 1.1 ล้านล้านบาท มาเทียบรายได้รวมทั้งหมดของ Meta นั้นรายได้จะคิดเป็นสัดส่วนมากถึง 27% เลยทีเดียว และยังมีโอกาสที่สัดส่วนจะเพิ่มมากขึ้นด้วยซ้ำในอนาคต

ปกติแล้วบริษัทแม่ของแพลตฟอร์มอย่าง Facebook และ Instagram จะไม่มีการรายงานรายได้รวมของแต่ละหน่วยธุรกิจแต่อย่างใดในรายงานผลประกอบการแต่ละไตรมาส แต่บริษัทจะรายงานแค่รายได้จากส่วนของแอปพลิเคชันซึ่งรวมธุรกิจลูกทั้งหมด และส่วนรายได้ของ Reality Labs ซึ่งเป็นรายได้จากกลุ่ม Metaverse หรือ VR รวมกัน

และถ้าหากนำรายได้ของ Instagram ในช่วงเวลาปี 2021 นักวิเคราะห์ยังคาดว่าจะมีมากกว่ารายได้ของ YouTube ในปีเดียวกันด้วยซ้ำ โดยนักวิเคราะห์จาก MoffettNathanson คาดว่ารายได้ของแพลตฟอร์มวิดีโอดังกล่าวจะมีรายได้ 28,800 ล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น หรือคิดเป็นเงินไทยราวๆ 1 ล้านล้านบาท

อย่างไรก็ดี Alphabet บริษัทแม่ของ YouTube และ Google เองก็ไม่ได้รายงานรายได้ของแต่ละธุรกิจ ซึ่งรวมถึง YouTube ด้วยเช่นกัน

ในช่วงที่ผ่านมา Instagram ได้ปรับเปลี่ยนทิศทางการดำเนินการไม่น้อย เช่น เน้นการแชร์วิดีโอสั้นเพิ่มมากขึ้น เพื่อที่จะต่อสู้กับคู่แข่งอย่าง TikTok หรือแม้แต่การเปิดตัว Threads ซึ่งเป็นบริการที่คล้ายคลึงกับ Twitter หรือ X ในปัจจุบัน รวมถึงการหาช่องทางรายได้ใหม่ๆ จากผู้ลงโฆษณาที่เพิ่มมากขึ้น

การยื่นข้อมูลกับศาลของสหรัฐอเมริกาของ Meta ครั้งนี้ทำให้เราได้ทราบถึงความคุ้มค่าในการซื้อกิจการ โดย Facebook (ก่อนที่บริษัทจะเปลี่ยนชื่อ) ได้ซื้อกิจการของ Instagram ในปี 2012 ด้วยมูลค่าเพียงแค่ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ก่อนที่บริษัทจะสร้างรายได้อย่างงดงามและเป็นเครื่องจักรผลิตเงินให้กับ Meta ในทุกวันนี้

นอกจากนี้ Business Insider ได้เทียบว่าถ้าหากนำรายได้มาคำนวณสัดส่วนเมื่อเทียบกับมูลค่าตลาดของ Meta ในปัจจุบันนั้น Instagram จะมีมูลค่ากิจการอย่างน้อย 440,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยมากกว่า 16 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นดีลที่คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้มในระยะเวลาเพียงแค่ 12 ปีเท่านั้น

]]>
1469445
เอไอก็เอาไม่อยู่! ‘Meta’ รับ ยังดีไม่พอจัดการ ‘มิจฉาชีพ’ วอนผู้ใช้ช่วย ‘รีพอร์ต’ บัญชีสแกมอีกแรง https://positioningmag.com/1449412 Thu, 26 Oct 2023 11:51:58 +0000 https://positioningmag.com/?p=1449412 หลังจากคนไทยคุ้นเคยกับการใช้อินเทอร์เน็ต การช้อปออนไลน์ก็กลายเป็นอีกสิ่งที่ทำติดอันดับโลก รวมถึงการใช้ QR Payment ไทยถือเป็น Top5 ของโลกเลยทีเดียว และเมื่อคนไทยคุ้นเคยกับการใช้เทคโนโลยีก็คือ มิจฉาชีพ

อาชญากรรมออนไลน์ไทยเฉลี่ย 2.5 แสนคดี/ปี

พ.ต.อ.เจษฎา บุรินทร์สุชาติ ผู้กำกับการ กลุ่มงานรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์จากกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า นับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2565 ที่เปิดให้มีการแจ้งอาชญากรรมทางออนไลน์พบว่า มีการแจ้งรวมกว่า 3 แสนคดี หรือเฉลี่ยกว่า 700 คดี/วัน

รูปแบบอาชญากรรมออนไลน์ สามารถแยกได้เป็น 14 ประเภท แต่ที่มีจำนวนเยอะสุดอันดับ 1 คือ การซื้อขายออนไลน์ เช่น ได้ของไม่ตรงปก คิดเป็น 40% หรือกว่า 130,000 คดี ตามด้วย

  • หลอกทำภารกิจหรือเล่นเกม
  • หลอกทำงานออนไลน์
  • แก๊งคอลเซ็นเตอร์
  • หลอกลงทุน

“ในแต่ละปีความเสียหายจากมิจฉาชีพในไทยมีมูลค่าหลายหมื่นล้านบาท ซึ่งมิจฉาชีพก็เอาเงินไปลงทุนเทคโนโลยี และคนเพิ่มเติม ทำให้เครือข่ายมีความซับซ้อนและกระจายในหลายประเทศ ทำให้จับได้ยากขึ้น มีกลโกงรูปแบบใหม่ ๆ มากขึ้น โอกาสหลงเชื่อก็เยอะขึ้น” พ.ต.อ.เจษฎา กล่าว

พ.ต.อ.เจษฎา บุรินทร์สุชาติ ผู้กำกับการ กลุ่มงานรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์จากกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

98% ของบัญชีสแกมที่เจอถูกปิดโดยเอไอ

เฮเซเลีย มาร์กาเรต้า ผู้จัดการฝ่ายนโยบายสาธารณะด้านนโยบายเศรษฐกิจจาก Meta ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า การป้องกันไม่ให้โฆษณาบนแพลตฟอร์มถูกใช้งานเพื่อการหลอกลวงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งแพลตฟอร์มก็ได้ กำหนดมาตรฐานการโฆษณาที่ได้รับอนุญาต และหากตรวจจับโฆษณาที่ละเมิดมาตรฐานการโฆษณา แพลตฟอร์มก็จะดำเนินการ ไม่อนุมัติ โฆษณาดังกล่าวในทันที

โดย Meta ได้ใช้ เอไอ เพื่อตรวจสอบเนื้อหาและบัญชีที่ละเมิดนโยบายของแพลตฟอร์ม โดยไตรมาสที่ 2 ของปี 2566 Meta ได้เดินหน้าลบบัญชีปลอมออกกว่า 676 ล้านบัญชีทั่วโลก โดย 98.8% ถูกตรวจพบและลบออกไปโดยเอไอก่อนที่จะมีการรายงานจากผู้ใช้

นอกจากนี้ Meta ก็มี คน ที่คอยตรวจสอบ 24 ชั่วโมง ตลอด 7 วัน อย่างไรก็ตาม ทาง Meta ไม่ได้เปิดเผยว่ามีเจ้าหน้าที่ที่ดูแลส่วนนี้มากน้อยเพียงใด

เฮเซเลีย มาร์กาเรต้า ผู้จัดการฝ่ายนโยบายสาธารณะด้านนโยบายเศรษฐกิจจาก Meta ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ซ้ายของภาพ) อิง ศิริกุลบดี ผู้จัดการฝ่ายนโยบายสาธารณะประจำ Facebook ประเทศไทยจาก Meta (ขวาของภาพ)

ยอมรับว่ายังมีช่องโหว่เพราะมิจฉาชีพเก่งขึ้น

เฮเซเลีย ยอมรับว่า แม้บัญชีหรือโพสต์สแกมจะถูกเอไอสกัดกั้นนับล้านบัญชีแต่ก็ยังมีบางส่วนที่หลุดรอดมาได้ ซึ่งแพลตฟอร์มไม่ได้พอใจ และจะพยายามหาทางสกัดกั้นเพิ่มเติม รวมถึงอยากขอให้ ผู้ใช้งานช่วยกันรีพอร์ตบัญชีสแกม ซึ่งเพียงแค่คนเดียวรีพอร์ตทาง Meta ก็เทคแอคชั่นทันที แต่ไม่สามารถระบุระยะเวลาในการดำเนินการได้ เพราะขึ้นอยู่กับระยะเวลาการตรวจสอบ ซึ่งการตรวจสอบเบื้องต้นจะใช้เอไอ และมีมนุษย์คอยตรวจสอบอีกครั้ง

“เราพยายามเต็มที่ และต้องพยายามเพิ่ม ระบบก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบเสมอไป และต้องยอมรับว่ามิจฉาชีพพยายามหาช่องโหว่เพื่อให้หลุดรอดการตรวจสอบ เช่น ใช้สัญลักษณ์แปลก ๆ แทนพยัญชนะ ซึ่งเราก็พยายามสอนเอไอให้ฉลาดขึ้นเพื่อตรวจจับให้ได้ และใช้มนุษย์คอยตรวจซ้ำ”

ปัจจุบัน Meta มีผู้ใช้งานกว่า 3.88 พันล้านคน/เดือน มีมากกว่า 10 ล้านธุรกิจทั่วโลกใช้โฆษณาบน Meta และมากกว่า 200 ล้านธุรกิจ ใช้เทคโนโลยีของ Meta ในการทำธุรกิจ

พร้อมร่วมมือกับทุกฝ่ายเพื่อสกัดกั้น

อิง ศิริกุลบดี ผู้จัดการฝ่ายนโยบายสาธารณะประจำ Facebook ประเทศไทยจาก Meta กล่าวว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Meta ได้ร่วมทำงานใกล้ชิดกับพันธมิตรหลายภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากกระทรวงดีอีเอส สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยเมื่อทางหน่วยงานแจ้งข้อมูลเข้ามาก็พร้อมดำเนินการปิดกั้น

นอกจากนี้ Meta ยังสร้างการตระหนักรู้และแคมเปญการให้ความรู้ต่าง ๆ เพื่อให้ผู้คนสามารถรู้เท่าทันกลลวงและรู้วิธีการรายงานเนื้อหาเข้ามาได้ อาทิ แคมเปญ #StayingSafeOnline ภายใต้โครงการ We Think Digital Thailand โครงการหลักในการเสริมทักษะดิจิทัลของ Meta โดยแคมเปญดังกล่าวได้เข้าถึงชาวไทยเป็นจำนวนกว่า 30 ล้านคนแล้วในปัจจุบัน ตั้งแต่มีการเปิดตัวในปี 2564

ปัจจุบัน ตำรวจไซเบอร์ได้เปิดสายด่วน 1441 เพื่อขอความช่วยเหลือหรือปรึกษาปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี รวมถึงแจ้งเบาะแสได้ทันที

]]>
1449412
งานเข้า ‘Meta’ หลังทนาย 42 คนยื่นฟ้องข้อหาออกแบบอัลกอริทึมที่ทำให้ “เยาวชนเสพติด” การใช้งาน https://positioningmag.com/1449277 Wed, 25 Oct 2023 11:37:21 +0000 https://positioningmag.com/?p=1449277 แม้จะมีข้อมูลว่า Facebook อาจไม่ได้เป็นที่นิยมของ วัยรุ่น แต่ไม่ใช่กับ Instagram เพราะถือว่ายังคงเป็นแพลตฟอร์มยอดนิยมของวัยรุ่น อย่างไรก็ตาม ด้วยจุดนี้เองทำให้กลุ่มทนาย 42 คน ร่วมกันฟ้องร้อง Meta ว่าทำให้ วัยรุ่นเสพติดการใช้ Facebook และ IG

ปัจจุบัน จำนวนผู้ใช้งานแพลตฟอร์มของ Meta อยู่ที่ 3.88 พันล้านคน/เดือน หรือคิดเป็นประชากร ครึ่งโลก ที่ใช้งาน แน่นอนว่ากลุ่ม วัยรุ่น ก็ต้องรวมอยู่ในจำนวนดังกล่าวแน่นอน ส่งผลให้ กลุ่มทนายทั่วไป 42 คน ฟ้อง Meta โดยอ้างว่า ฟีเจอร์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของ Facebook และ Instagram นั้น ดึงดูดและมุ่งเป้าไปที่เด็กและวัยรุ่น

ส่งผลให้ขณะนี้ Meta กำลังเผชิญกับการฟ้องร้องหลายคดีเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าวในหลายเขต โดยอัยการสูงสุดจาก 33 รัฐ ได้ยื่นฟ้อง Meta ซึ่งคดีดังกล่าวถือเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของรัฐที่มีลำดับความสำคัญในการปกป้องเด็กและวัยรุ่นจากอันตรายทางออนไลน์

โดยกลุ่มทนายระบุว่า Meta ได้ออกแบบผลิตภัณฑ์ Facebook และ Instagram เพื่อให้วัยรุ่นใช้งานได้นานขึ้นและกลับมาซ้ำหลายครั้ง ผ่านการออกแบบอัลกอริทึม การแจ้งเตือนมากมาย ส่งผลให้เกิดการเลื่อนฟีดแพลตฟอร์มอย่างไม่สิ้นสุด นอกจากนี้ กลุ่มทนายยังรวมฟีเจอร์ที่มองว่า ส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตของวัยรุ่นผ่านการเปรียบเทียบทางสังคมหรือส่งเสริมความผิดปกติของร่างกาย เช่น “การถูกใจ” ​​หรือฟิลเตอร์รูปภาพ

อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่กลุ่มพันธมิตรอัยการสูงสุดของรัฐได้ร่วมมือกันเพื่อติดตาม Meta แต่ในปี 2020 มีรัฐจำนวน 48 รัฐได้ฟ้องร้องบริษัทในเรื่อง การต่อต้านการผูกขาด นอกจากนี้ รัฐบาลกลางยังกล่าวหาว่า Meta ละเมิดพระราชบัญญัติคุ้มครองความเป็นส่วนตัวออนไลน์ของเด็ก หรือ COPPA โดยการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ที่มีอายุต่ำกว่า 13 ปีโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง โดยรัฐต่าง ๆ กำลังหาทางยุติสิ่งที่พวกเขามองว่าเป็นแนวทางปฏิบัติที่เป็นอันตรายของ Meta เช่นเดียวกับบทลงโทษและการชดใช้ค่าเสียหาย

“Meta ตระหนักดีถึงผลกระทบด้านลบที่การออกแบบอาจมีต่อผู้ใช้รุ่นเยาว์” ทนายความ กล่าว

ที่ผ่านมา เคยมีการรั่วไหลของเอกสารภายในของบริษัท ที่เปิดเผยการวิจัยภายในเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของตนเกี่ยวกับ ผลกระทบของ Instagram ที่มีต่อวัยรุ่น โดยพบว่า “เด็กสาววัยรุ่น 32% รู้สึกแย่เกี่ยวกับร่างกายของตนเอง โดย Instagram ยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกแย่ลง” 

สื่อแฉ ‘Facebook’ ศึกษาผลด้านลบของ ‘Instagram’ ต่อวัยรุ่นกว่า 3 ปีแต่ไม่เปิดเผย

ทั้งนี้ จากการสำรวจของ Pew Research Center ระบุว่า วัยรุ่นจำนวนมากเลิกใช้งาน Facebook แต่ Instagram ยังคงได้รับความนิยมในสหรัฐฯ โดยวัยรุ่นที่ใช้ Instagram ในสหรัฐฯ มีประมาณ 22 ล้านคน/วัน

Source

]]>
1449277
ยอมจ่ายไหม? ‘Facebook’ และ ‘Instagram’ เตรียมเพิ่มแพ็กเกจ ‘ไร้โฆษณา’ ในยุโรปราคา 400 บาท/เดือน https://positioningmag.com/1446835 Thu, 05 Oct 2023 06:48:39 +0000 https://positioningmag.com/?p=1446835 เชื่อว่าหลายคนน่าจะเบื่อกับโฆษณาที่ต้องเห็นในหลาย ๆ แพลตฟอร์มรวมไปถึง Facebook และ Instagram ล่าสุด ทาง Meta ก็ได้เปิดตัวแพ็กเกจแบบเสียเงินรายเดือน เพื่อที่จะ “ไม่เห็นโฆษณา” ในยุโรป

Meta วางแผนที่จะให้ผู้ใช้ Facebook และ Instagram ในยุโรปมีตัวเลือกในการชําระเงินเพื่อใช้งานแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียแบบไม่มีโฆษณา เนื่องจากยุโรปได้ออกกฎหมายความเป็นส่วนตัวของข้อมูลที่เข้มงวด เบื้องต้น คาดว่าค่าบริการ เวอร์ชั่นเดสก์ท็อป จะอยู่ประมาณ 10 ยูโรต่อเดือน (ราว 390 บาท) และหากผู้ใช้มีบัญชีอื่น ๆ ที่เชื่อมกันก็จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มประมาณ 6 ยูโรต่อบัญชี

ส่วนถ้าเป็นการใช้ผ่านมือถือ ค่าแพ็กเกจจะแพงกว่า โดยอยู่ที่ประมาณ 13 ยูโร (ราว ๆ 500 บาทต่อเดือน) เนื่องจากต้องหักส่วนแบ่งบางส่วนให้กับทั้ง Apple App Store และ Google Play Store

อย่างไรก็ตาม Meta ยังไม่ได้กำหนดวันเปิดตัวชัดเจน แต่คาดว่าจะเปิดให้ใช้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เพื่อให้สอดคล้องกับกฎความเป็นส่วนตัวของข้อมูลของสหภาพยุโรป ที่ต้องได้รับการยินยอมจากผู้ใช้ก่อนจะแสดงโฆษณาตามความสนใจของผู้ใช้

ทั้งนี้ Meta ระบุว่า แพลตฟอร์มไม่ได้บังคับให้ผู้ใช้งานต้องจ่ายเงินแต่อย่างใด โดยผู้ใช้ยังสามารถใช้งานได้ฟรีตามปกติ แต่ก็ยังต้องเห็นโฆษณาตามเดิม

Meta ยังเชื่อในรูปแบบการให้บริการฟรี อย่างไรก็ตาม เรายังคงสํารวจทางเลือกต่าง ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าเราปฏิบัติตามข้อกําหนดด้านกฎระเบียบที่กําลังพัฒนา”

Source

]]>
1446835
Meta ฆ่าไม่ตาย! ฟันรายได้ Q2 ทะลุ 3 หมื่นล้านโต 11% ผู้ใช้รวมกันกว่า 3.88 พันล้าน/เดือน https://positioningmag.com/1439201 Thu, 27 Jul 2023 04:43:40 +0000 https://positioningmag.com/?p=1439201 ดูเหมือนขาลงของ Meta จะหมดไปแล้ว เพราะล่าสุด หุ้นของบริษัทพุ่งขึ้นเกือบ 7% ในการซื้อขายระยะยาวในวันพุธหลังจากผลประกอบการดีกว่าที่คาดไว้ โดยกลับมาเติบโตได้ 2 หลัก ขณะที่จำนวนผู้ใช้งาน Facebook ก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน

สำหรับรายได้ของ Meta ใน Q2/2023 อยู่ที่ 31,999 ล้านดอลลาร์ เติบโต 11% มีกำไรสุทธิ 7,788 ล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม รายได้ในส่วนของ Reality Labs ซึ่งเป็นส่วนของการพัฒนา Metaverse อยู่ที่ 276 ล้านดอลลาร์ ลดลง 39% ซึ่งอาจไม่น่าแปลกใจ เพราะที่ผ่านมาส่วนในการพัฒนาด้าน Metaverse นั้นขาดทุนมาอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว

ด้านจำนวนผู้ใช้งานแพลตฟอร์มของตระกูล Meta ทั้งหมด ได้แก่ Facebook, WhatsApp, Instagram, Messenger และ Threads มีผู้ใช้งานรวมกันกว่า 3.88 พันล้านคนต่อเดือน หรือ เกือบครึ่งหนึ่งของประชากรโลก โดยเฉพาะแพลตฟอร์ม Facebook มีผู้ใช้งานมากกว่า 3 พันล้านคนต่อเดือน

อย่างไรก็ตาม แพลตฟอร์ม Facebook ที่ดูจะเสื่อมความนิยมในกลุ่มวัยรุ่น แต่ปัจจุบันแพลตฟอร์มนี้ก็ยังห่างไกลจากความตาย จากที่จำนวนผู้ใช้รายวันลดลงทุกไตรมาสนับตั้งแต่ Q4/2021 แต่ใน Q2/2023 จำนวนผู้ใช้ที่ใช้งานรายวันก็เติบโตอย่างต่อเนื่องจาก 2.037 พันล้านคนต่อวัน เป็น 2.064 พันล้านคนต่อวัน

ที่น่าสนใจคือ การเติบโตดังกล่าวอาจถูกขับเคลื่อนโดย Reels ซึ่งเป็นฟีเจอร์วิดีโอสั้นเหมือนกับของ TikTok ที่ Meta พยายามผลักดันอย่างหนักทั่วทั้งในแพลตฟอร์ม Instagram และ Facebook โดย Mark Zuckerberg CEO ของ Meta เปิดเผยว่า Reels มีการใช้ถึง 2 แสนล้านครั้งต่อวัน

ด้านแพลตฟอร์มใหม่ถอดด้ามอย่าง Threads ก็มีผู้ใช้ถึง 100 ล้านคนภายใน 5 วัน และ ผู้ใช้ราว 10 ล้านคนเข้ามาใช้งานทุกวัน ซึ่ง Mark Zuckerberg มองว่าตัวเลขดังกล่าวค่อนข้างน่าประทับใจ

ในส่วนของต้นทุนและค่าใช้จ่ายของ Meta ใน Q2/2023 ทั้งหมดอยู่ที่ 2.221 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 10% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนจำนวนพนักงานในปัจจุบันอยู่ที่ 71,469 คน ลดลง 14% เมื่อเทียบเป็นรายปี

ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา หุ้นของ Meta เติบโตขึ้นกว่า 160%

TechCrunch/CNBC

]]>
1439201
ทรงไม่ดี! เอ็นเกจเมนต์ ‘Threads’ ลดฮวบ แม้จะมีผู้ใช้ 100 ล้านรายใน 5 วัน https://positioningmag.com/1437796 Fri, 14 Jul 2023 06:49:46 +0000 https://positioningmag.com/?p=1437796 เปิดตัวมา 5 วัน ผู้ใช้ Threads ก็ทะยานถึง 100 ล้านแอคเคาท์เลยทีเดียว แต่แพลตฟอร์มที่ถูกมองว่าจะมาแทนที่ Twitter นี้ อาจจะมาไวไปไวไม่ยั่งยืนหรือเปล่า เพราะยอด Engagement หรือการมีส่วนร่วมบนแพลตฟอร์มกลับลดลงอย่างรวดเร็ว

จากข้อมูลของ Sensor Tower บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลการตลาด เปิดเผยว่า Threads แม้จะมีการเติบโตของจำนวนผู้ใช้ที่รวดเร็ว แต่ การมีส่วนร่วม บนแพลตฟอร์มก็ ลดลงอย่างรวดเร็ว เช่นกัน โดยจำนวนผู้ใช้ที่ใช้งานรายวันของแพลตฟอร์ม ลดลงประมาณ 20% และเวลาเฉลี่ยในการใช้งานก็ ลดลงครึ่งหนึ่ง จาก 20 นาที เหลือ 10 นาที

ข้อมูลของ Sensor Tower นั้นใกล้เคียงกับบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลรายอื่น ๆ ที่ชี้ให้เห็นว่า เวลาในการใช้งานของ Threads ลดลงมากกว่าครึ่ง โดยระยะเวลาเฉลี่ยที่ผู้ใช้ในสหรัฐฯ ลดลงจากประมาณ 20 นาที ในวันที่ 6 กรกฎาคมเหลือเพียง 8 นาทีในวันที่ 10 กรกฎาคม

ขณะที่บางบริษัทให้ข้อมูลว่า นับเฉพาะผู้ใช้ในระบบปฏิบัติการ Android ระหว่างวันที่ 7 ก.ค. จนถึงวันที่ 10 ก.ค. จำนวนผู้ใช้ประจำ ลดลงกว่า 25% เหลือประมาณ 36.6 ล้านราย เนื่องจากผู้ใช้ยังไม่ติด Threads เท่ากับแพลตฟอร์มโซเชียลอื่น ๆ ที่ต้องเข้าใช้งานบ่อย ๆ

“การที่ Meta เปิดให้ผู้ใช้สร้างบัญชี Threads จาก Instagram มันช่วยให้ปริมาณผู้ใช้งานเติบโตอย่างรวดเร็วกว่าบริการอื่น ๆ มาก แต่จะทำให้ผู้ใช้อยู่กับแพลตฟอร์ม ก็ต้องนำเสนอคุณค่าที่น่าสนใจมากกว่าเพียงแค่เป็น Twitter เวอร์ชันที่ไม่มี Elon Musk” Anthony Bartolacci กรรมการผู้จัดการของ Sensor Tower

ด้วยความที่ Threads ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ดังนั้น หลายคนจึงมองว่าถือเป็นเรื่องปกติที่จะมีจำนวนผู้สมัครเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่การใช้งานก็จะลดลงถ้าแพลตฟอร์มไม่มีอะไรใหม่ ๆ รวมถึงหัวข้อการสนทนาของชุมชนนั้นไม่มีแรงมากพอที่จะช่วยขับเคลื่อนการใช้งาน

อย่างไรก็ตาม Meta ออกมาระบุว่า “การเติบโตของผู้ใช้งาน Threads นั้นเกินความคาดหมายมาก และตอนนี้เรามุ่งเน้นที่การรับประกันประสิทธิภาพที่เสถียร นำเสนอฟีเจอร์ใหม่ ๆ และปรับปรุงประสบการณ์อย่างต่อเนื่องในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า” โดยนับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม Threads ภายในหนึ่งวันมีจำนวนโพสต์บนแพลตฟอร์มถึง 95 ล้านโพสต์ และมีการกดถูกใจถึง 190 ล้านไลก์

ทั้งนี้ Threads แม้จะมีความคล้ายกับ Twitter อย่างมาก แต่จุดที่แตกต่างคือสามารถโพสต์ได้ยาวสูงสุด 500 ตัวอักษร และรองรับลิงก์ รูปภาพ และวิดีโอสูงสุด 5 นาที แต่ยังไม่สามารถส่งข้อความโดยตรง ยังไม่มีเวอร์ชันเดสก์ท็อป นอกจากนี้ยังขาดฟังก์ชันแฮชแท็กและการค้นหาคำหลัก ซึ่งถือเป็นข้อจำกัดอย่างมากสำหรับใช้ติดตามเหตุการณ์แบบเรียลไทม์เหมือนกับ Twitter

อย่างไรก็ตาม หาก Threads ต้องการจะแซง Twitter ขอแค่มีผู้ใช้เพียง 1 ใน 4 ของ Instagram ก็จะมีจำนวนผู้ใช้เทียบเท่ากับ Twitter และนับตั้งแต่ที่ Threads เปิดตัว จำนวนผู้ใช้ Twitter ก็ลดลงประมาณ 11%

Source

]]>
1437796
พร้อมย้ายหรือยัง? Instagram เตรียมปล่อย ‘Threads’ แอปที่เหมือน ‘Twitter’ พร้อมให้โหลด 6 ก.ค. https://positioningmag.com/1436426 Tue, 04 Jul 2023 03:31:09 +0000 https://positioningmag.com/?p=1436426 หลังจากที่ อีลอน มัสก์ (Elon Musk) เจ้าของ Twitter ได้ทวีตยืนยันว่า Twitter จะจำกัดการมองเห็นโพสต์โดยจะขึ้นอยู่กับบัญชีของผู้ใช้ โดยสูงสุดที่ 6,000 โพสต์/วัน และน้อยสุด 300 โพสต์/วัน ซึ่งมาตรการดังกล่าวก็คงจะสร้างความหงุดหงิดให้ผู้ใช้อยู่พอควร อย่างไรก็ตาม Meta ก็เตรียมเปิดตัวแพลตฟอร์ม Threads ที่คล้าย ๆ กับ Twitter ให้ใช้กันในเดือนนี้

อ้างอิงข้อมูล Q1/2023 พบว่า ในทุก ๆ วันมีผู้คนมากกว่า 3 พันล้านคนทั่วโลก ที่ใช้งานแพลตฟอร์มในเครือของ Meta ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram และ WhatsApp แต่ล่าสุด Meta ก็เตรียมเปิดให้คนได้ใช้แพลตฟอร์มใหม่ Threads โดยพร้อมให้โหลด 6 ก.ค. นี้บน App Store

สำหรับแอป Threads นี้จะทำงาน คล้ายกับ Twitter โดยแนวคิดของแพลตฟอร์มคือ การสร้างพื้นที่สำหรับสื่อสารกับเพื่อนสนิท ดังนั้น แพลตฟอร์มดังกล่าวจึงเป็นพื้นที่ที่มีความ เป็นส่วนตัวมาก โดยผู้ใช้สามารถส่งข้อความ แชร์รูปภาพ วิดีโอ สตอรี่ และข้อมูลอื่น ๆ ให้กับเพื่อนที่อยู่ในรายการเพื่อนสนิทได้ และยังสามารถเลือกได้ว่าจะให้ใครเข้าถึงข้อมูลบนแอปได้บ้าง

เบื้องต้น มีรายงานว่าผู้ใช้ Threads จะสามารถติดตามบัญชีที่พวกเขาติดตามบน Instagram และคงชื่อผู้ใช้เดิมไว้ได้ โดยสามารถเลือกติดตามผู้ใช้งาน Threads จากบัญชีที่ติดตามอยู่แล้วบน Instagram ส่วนหน้าเขียนโพสต์จะแสดงจำนวนตัวอักษรที่เป็นโควตาของข้อความ และใต้โพสต์จะมีไอคอนสำหรับ กดถูกใจ รีโพสต์, ตอบกลับ, แชร์

หลายคนมองว่าที่ Meta เปิดตัว Threads ให้ใช้ในช่วงนี้ก็เป็นเพราะแพลตฟอร์ม Twitter กำลังมีปัญหา ทั้งจากเมื่อเร็ว ๆ นี้ที่มีการจำกัดการเห็นโพสต์ ซึ่งยังไม่รวมกับปัญหาอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นก่อนหน้า นับตั้งแต่ที่ อีลอน มัสก์ เข้ามาเป็นเจ้าของ

อย่างไรก็ตาม Twitter ยังมีแพลตฟอร์มคู่แข่งอีกหลายราย เช่น Mastodon และ Bluesky อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 แพลตฟอร์มอาจจะยังเพิ่งตั้งไข่ ดังนั้น จึงยังไม่ได้สร้างเครือข่ายของตนเพื่อเป็นทางเลือกที่ทำงานได้ แต่ไม่ใช่กับ Instagram ที่มีผู้ใช้งานทั่วโลกกว่า 1,300 ล้านคน

ทั้งนี้ Meta ถือเป็นบริษัทที่ขึ้นชื่อในการใช้ แรงบันดาลใจจากคู่แข่ง ในการพัฒนาฟีเจอร์หรือแพลตฟอร์มใหม่ ๆ อย่างฟีเจอร์ Story ถือเป็นหนึ่งในฟีเจอร์ที่คล้ายกับ Snapchat แต่ปัจจุบันผู้คนจำนวนมากใช้งานฟีเจอร์ดังกล่าวมากกว่าใช้งาน Snapchat นอกจากนี้ก็มี Reels ที่คล้ายกับ TikTok แต่ปัจจุบันก็ยังไม่ประสบความสำเร็จเท่ากับต้นฉบับ

Source

]]>
1436426