Insurance – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 16 Apr 2024 09:49:21 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 กรุงเทพประกันภัย เตรียมส่ง 5 ผลิตภัณฑ์ประกันตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกค้า ตั้งเป้าเบี้ยประกันปี 2024 ที่ 32,500 ล้านบาท https://positioningmag.com/1470117 Sun, 14 Apr 2024 08:27:06 +0000 https://positioningmag.com/?p=1470117 กรุงเทพประกันภัย ประกาศแผนธุรกิจในปี 2024 โดยเตรียมส่งผล 5 ผลิตภัณฑ์ประกันตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกค้า ขณะเดียวกันคาดว่าเบี้ยประกันในปีนี้จะเติบโตถึง 32,500 ล้านบาท แต่ก็ยังมองว่าการเติบโตเบี้ยประกันของบริษัทนั้นเติบโตมากกว่าตลาดในปีนี้ได้

อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI ได้กล่าวถึงแผนธุรกิจในปีที่ผ่านมาว่าบริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับรวมเติบโต 12.1% ถือว่าเติบโตเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรม แม้ว่าในปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมจะเติบโตแค่ 4.1% ก็ตาม

ผลการดำเนินงานของกรุงเทพประกันภัยในปี 2023 ที่ผ่านมา บริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับรวม 29,915.7 ล้านบาท และมีผลกำไรสุทธิ 3,043.8 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นกำไรสูงที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทเป็นต้นมา

สำหรับแนวโน้มของธุรกิจประกันวินาศภัยในปี 2024 สมาคมประกันวินาศภัยไทยประเมินว่าจะมีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงเติบโต 5-6% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นจากปี 2023 ที่ผ่านมา

สาเหตุสำคัญมาจากประกันภัยสุขภาพที่ยังคงเติบโตต่อเนื่อง รวมถึงประกันภัยที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางที่มีแนวโน้มขยายตัวได้ดีตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นักท่องเที่ยวต่างชาติ และชาวไทยที่เดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศ

ในส่วนของประกันภัยภาคอสังหาริมทรัพย์ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ได้เปิดโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับกลุ่มเป้าหมายที่มีรายได้สูงมากขึ้น ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีอัตราการถูกปฏิเสธสินเชื่อน้อยกว่า ทำให้มูลค่าที่อยู่อาศัยต่อหน่วยที่เข้าสู่ระบบประกันภัยปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลบวกต่อเนื่องไปยังเบี้ยประกันอัคคีภัย แม้ว่าตลาดอสังหาฯ จะได้รับผลกระทบจากหนี้ครัวเรือนและอัตราดอกเบี้ยที่ยังคงอยู่ในระดับสูงจนส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคก็ตาม

ทางด้านประกันภัยรถยนต์นั้น แม้ยอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่โดยรวมจะมีแนวโน้มหดตัวลงต่อเนื่องจากปีที่แล้ว แต่ในส่วนของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) คาดว่าจะยังคงเติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งรถยนต์ EV มีอัตราเบี้ยประกันภัยโดยเฉลี่ยที่สูงกว่ารถยนต์ใช้เชื้อเพลิง ส่งผลให้ปริมาณเบี้ยประกันภัยรถยนต์โดยรวมน่าจะยังคงเติบโตได้ อย่างไรก็ดีผู้บริหารสูงสุดของ BKI กล่าวว่าเบี้ยประกันภัย EV ของบริษัทยังถือว่าสูงเมื่อเทียบกับเจ้าอื่นๆ

ขณะที่การเติบโตของเบี้ยประกันภัยของกรุงเทพประกันชีวิตนั้นคาดว่าจะเติบโตได้ 8% ในปีนี้ ประธานคณะผู้บริหารของ BKI ชี้ว่าบริษัทจะต้องคิดเรื่องเติบโตควบคู่กับความสามารถในการทำประกันภัยด้วย และมองว่าเป้าตัวเลขดังกล่าวถือว่าเติบโตพอประมาณ

โดยบริษัทเตรียมที่จะส่งประกันภัย 5 รูปแบบออกสู่ท้องตลาด ได้แก่

  1. ประกันภัยรถยนต์ ประเภท 1 อุ่นใจวัยเก๋า โดยบริษัทฯ ได้พัฒนาแผนประกันภัยรถยนต์ ประเภท 1 อุ่นใจวัยเก๋า เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าวัย 55 – 75 ปี ที่ชื่นชอบขับรถด้วยตนเอง นอกจากจะได้รับความคุ้มครองประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 แล้ว ยังเพิ่มเติมความคุ้มครองอื่นๆ เช่น เงินชดเชยในกรณีทำกายภาพบำบัด ฯลฯ
  2. ประกันภัยรถยนต์ ประเภท 1 เพิ่มความคุ้มครองสัตว์เลี้ยง (สุนัขและแมว) โดยไม่เพิ่มเบี้ยประกันภัย บริษัทได้เห็นเทรนด์การเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเพิ่มมากขึ้น เสมือนเป็นหนึ่งในสมาชิกของครอบครัวที่ต้องทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกันมากขึ้น โดยจะมีความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลของสัตว์เลี้ยง (สุนัขและแมว) ที่อยู่ภายในรถยนต์เมื่อเกิดอุบัติเหตุจากการชน 10,000 บาท/ตัว/ครั้ง และกรณีเสียชีวิตจะได้รับความคุ้มครอง 10,000 บาท/ตัว/ครั้ง
  3. ประกันภัยสุขภาพ (เพิ่มความคุ้มครองจิตเวช) ประกันดังกล่าวจะมีการเพิ่มความคุ้มครอง เช่น การตรวจรักษาอาการหรือโรคที่เกี่ยวเนื่องกับภาวะทางจิตใจ โดยมีแผนประกันที่เหมาะกับความต้องการลูกค้าแต่ละราย โดย ประธานคณะผู้บริหารของ BKI ชี้ว่าปัญหาซึมเศร้าเป็นปัญหาระดับชาติ ส่งผลต่อบุคลากรของประเทศไม่น้อย
  4. ประกันภัยสุขภาพ ผ่าน Telemedicine ในแผนประกันภัยสุขภาพดังกล่าวจะเป็นการปรึกษาแพทย์ทางออนไลน์ ผ่านแอปพลิเคชัน Clicknic ที่รองรับถึง 55 อาการของโรคที่สามารถรับคำปรึกษาจากแพทย์ทางไกลได้ เช่น ปวดท้อง ท้องเสีย มีไข้ เจ็บคอ ผื่นคัน ตาเจ็บ ฯลฯ พร้อมช่วยลดความกังวลด้วยบริการจัดส่งยาให้ถึงบ้านภายใน 1 ชั่วโมงสำหรับในเขตกรุงเทพฯ และจะรองรับถึงอาการหรือโรคที่เกี่ยวเนื่องกับภาวะทางจิตใจในภายหลังด้วย
  5. ประกันภัยสำหรับคอนโด บริษัทได้มองเห็นโอกาสเนื่องจากผู้คนอยู่อาศัยภายในคอนโดมิเนียมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ บริษัทฯ จึงได้พัฒนาแผนประกันภัยสำหรับคอนโดให้ความคุ้มครองความเสียหายต่อทรัพย์สินภายในคอนโดมิเนียมอันมีสาเหตุจากไฟไหม้ ฟ้าผ่า ระเบิด ภัยเนื่องจากน้ำ ภัยจากลมพายุ ลูกเห็บ หรือน้ำท่วม รวมถึงคุ้มครองความสูญเสียหรือความเสียหายต่อ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่เกิดเหตุภายในคอนโดมิเนียม และยังครอบคลุมถึง ความรับผิดตามกฎหมายต่อบุคคลภายนอก เช่น กรณีน้ำรั่วซึมไปยังห้องอื่นๆ จนเกิดความเสียหาย ฯลฯ

อภิสิทธิ์ ได้กล่าวว่าผลิตภัณฑ์ประกันข้างต้นที่จะมีการเปิดตัวในปีนี้นั้นได้พัฒนาจากปัญหาที่เกิดขึ้นของลูกค้าที่มีไลฟ์สไตล์เปลี่ยนไป ขณะเดียวกันในกรณีของธุรกิจประกันภัยนั้นจะมองแต่เรื่องกำไรอย่างเดียวไม่ได้ เพราะความเสี่ยงนั้นเกิดเมื่อไหร่ก็ได้

สำหรับการปรับโครงสร้างบริษัทไปเป็น ‘โฮลดิ้ง คอมพานี’ นั้นเขามองว่าการขยายไปยังธุรกิจอื่นๆ เพื่อกระจายความเสี่ยง และดูว่าลงทุนอะไรนั้นคุ้มค่าหรือไม่

เป้าหมายการเติบโตในปี 2024 นี้กรุงเทพประกันภัยวางเป้าเบี้ยประกันอยู่ที่ 32,500 ล้านบาท

]]>
1470117
‘อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย’ ตั้งเป้าเบี้ยรับรวมแตะ 1.2 หมื่นล้าน ชู ‘ประกันสุขภาพ’ เป็นหัวหอกหลักในปีนี้ https://positioningmag.com/1465056 Tue, 05 Mar 2024 01:43:12 +0000 https://positioningmag.com/?p=1465056 อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย ประกาศกลยุทธ์ในการดำเนินงานในปี 2024 โดยชูประกันสุขภาพเป็นหัวหอกหลัก ขณะเดียวกันบริษัทยังเน้นเจาะไปยังตลาดลูกค้าองค์กรเพิ่มมากขึ้น โดยตั้งเป้าเบี้ยรับรวมแตะ 12,000 ล้านบาทให้ได้

ลาร์ส ไฮบุทสกี้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย ได้กล่าวถึงผลประกอบการของกลุ่มอลิอันซ์นั้นมีกำไรมากถึง 14,700 ล้านยูโร เติบโต 6.7% เมื่อเทียบกับปี 2022 ที่ผ่านมา ขณะที่ อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย มีมูลค่าเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่กว่า 10,000 ล้านบาท กำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 527 ล้านบาท

เขายังกล่าวว่า การเติบโตอย่างยั่งยืนของบริษัทประกันภัยคือ การบริหารพอร์ตอย่างสมดุล และการควบคุมค่าใช้จ่าย ไม่ใช่การลดราคาเบี้ยประกัน หรือให้ค่าคอมมิชชั่นกับตัวแทนมากๆ เพราะระยะยาวเขามองว่าไม่ยั่งยืน

ปัจจุบันสัดส่วนพอร์ตประกันภัยของบริษัท ประกอบไปด้วย ประกันภัยรถยนต์ ประกันภัยที่ไม่ใช่รถยนต์ รวมถึงประกันสุขภาพ อย่างละ 1 ใน 3 ของพอร์ต ซึ่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย มองว่ามีความสมดุล

สำหรับกลยุทธ์ในปี 2024 ของ อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย ประกอบไปด้วย

  1. ช่องทางขายที่ตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นลูกค้ารายย่อยหรือบุคคล ด้วยผลิตภัณฑ์ประกันคุ้มครองสุขภาพ คุ้มครองทรัพย์สิน บ้าน รถยนต์ และวินาศภัยต่างๆ ลูกค้า SME ด้วยผลิตภัณฑ์คุ้มครองการดำเนินธุรกิจ ทั้งทรัพย์สินในการประกอบอาชีพ หรือแม้แต่คุ้มครองการหยุดชะงักของรายได้หากเกิดภัยใดใด รวมถึงลูกค้าบริษัทขนาดใหญ่ที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญ
  2. ใช้แพลทฟอร์มดิจิทัลเพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงบริการได้สะดวก ที่ทันสมัยให้ลูกค้าได้เข้าถึงการบริการได้อย่างรวดเร็ว ฉับไว ใช้งานง่าย
  3. สร้างองค์กรแห่งความเป็นเลิศ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาความเป็นมืออาชีพของพนักงาน การให้พนักงานสามารถที่จะ Reskill หรือแม้แต่การสร้างการมีส่วนร่วมและความผูกพันกับองค์กร

สำหรับกลุ่มลูกค้าที่ อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย ต้องการเจาะตลาดในปีนี้ คือ ลูกค้ากลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ เช่น กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง โครงการสาธารณูปโภคระดับชาติ ประกันภัยทางทะเล ประกันภัยความรับผิดบุคคลภายนอก เป็นต้น โดยบริษัทมองว่ากลุ่มลูกค้าดังกล่าวเป็นตลาดที่มีความเชี่ยวชาญ

ขณะที่ผลิตภัณฑ์ที่บริษัทเตรียมเจาะกลุ่มลูกค้าทั่วไปมากขึ้นคือประกันสุขภาพ โดยมองว่าหลังจากการซื้อกิจการของ AETNA ในประเทศไทยจะทำให้บริษัทสามารถออกผลิตภัณฑ์ได้เพิ่มมากขึ้น

โดยประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย ตั้งเป้าเบี้ยรับรวมแตะ 1.2 หมื่นล้านภายในสิ้นปี 2024 นี้ รวมถึงเป้าหมายอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ประกันรับสุทธิหรือ Combined Ratio ต่ำกว่า 95%

]]>
1465056
คุยกับผู้บริหาร ‘กรุงเทพประกันชีวิต’ ในวันที่เน้นเจาะลูกค้ากลุ่มวัยรุ่น ใช้ KOL ในการทำการตลาด เพื่อเป็น Top Of Mind อีกครั้ง https://positioningmag.com/1464839 Sun, 03 Mar 2024 15:07:33 +0000 https://positioningmag.com/?p=1464839 คุยกับผู้บริหารหญิงของ ‘กรุงเทพประกันชีวิต’ โดยเธอจะมาเล่าถึงการเปลี่ยนแปลงของแบรนด์ประกันชีวิต ที่ในอดีตนั้นผู้คนจะจดจำว่าเป็นแบรนด์ ‘ผู้ใหญ่’ แต่ล่าสุดประกันชีวิตรายนี้ได้หันมาเน้นลูกค้ากลุ่มวัยรุ่นมากขึ้น และตั้งเป้าที่จะเป็น Top of Mind อีกครั้ง

สำหรับแบรนด์ ‘กรุงเทพประกันชีวิต’ หลายคนที่มีอายุมากกว่า 30 ปีขึ้นไปอาจได้ยินชื่อเสียงของบริษัทประกันชีวิตรายนี้มาบ้าง ซึ่งแบรนด์ดังกล่าวก่อตั้งในปี 1951 (หรือ พ.ศ. 2494) ซึ่งปัจจุบันวัยรุ่นหลายคนอาจไม่รู้จักแบรนด์นี้แล้ว หรืออาจลืมไปแล้วบ้าง

Positioning ได้พูดคุยกับ อรนาฎ นชะพงษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส สายกลยุทธ์การตลาดและบริหารจัดการลูกค้า บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) จะมาเปิดเผยกลยุทธ์ของกรุงเทพประกันชีวิตหลังจากนี้ว่าอะไรคือจุดเปลี่ยนของแบรนด์ที่หันมาเจาะกลุ่มวัยรุ่น และกลยุทธ์การตลาดในการเจาะกลุ่มลูกค้าวัยรุ่น ซึ่งบริษัทตั้งเป้าที่จะเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ลูกค้านึกถึง

จุดเปลี่ยนสำคัญของบริษัท

อรนาฎ ได้เล่าถึงการที่ต้องเจาะกลุ่มวัยรุ่น เนื่องจากการทำสำรวจของบริษัทพบว่าในมุมมองของคนทั่วไปนั้นแบรนด์ กรุงเทพประกันชีวิต มีความมั่นคง แต่อาจมีเรื่องความเข้าถึงยาก ทำให้มีช่องว่างในการเข้าถึงยาก และแบรนด์นั้นยังดูไม่กันเองมากพอ

เธอยังได้เล่าว่าเมื่ออดีต บริษัทได้ทำเรื่องแบรนด์ดิ้ง แต่เวลาผ่านไปอาจทำให้คนลืมแบรนด์ กรุงเทพประกันชีวิต หรือแม้แต่ลูกค้าที่เข้าธนาคารกรุงเทพเอง ได้เห็นแบรนด์บ้าง แต่ก็ไม่ได้นึกถึงแบรนด์มากนัก และการปรับตัวครั้งนี้เพื่อที่จะปิดช่องว่างที่ลูกค้ามองว่าแบรนด์เข้าถึงยากด้วย

นอกจากนี้ยังรวมถึงเสียงตอบรับจากช่องทางตัวแทนขาย ที่หาทีมงานเพิ่มเติม นั้นต้องการวัยรุ่นเพิ่มมากขึ้น เลยทำให้บริษัทเลยตัดสินใจที่จะปรับตัวเอง

Refresh แบรนด์ด้วย นาย ณภัทร

ผู้บริหารหญิงของกรุงเทพประกันชีวิต ได้เล่าว่าก่อนหน้าที่กรุงเทพประกันชีวิตได้เลือก ‘นาย’ ณภัทร เสียงสมบุญ มาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ในช่วงปี 2019 ซึ่งทำให้มุมมองของลูกค้ากับแบรนด์นั้นดีขึ้นอย่างมาก ขณะเดียวกันก็ยังทำให้แบรนด์กรุงเทพประกันชีวิตนั้นดูเด็กลงด้วย

เธอยังกล่าวว่าการเลือก ‘นาย’ ยังส่งผลทำให้แบรนด์เข้าถึงมากขึ้น และยังทำให้เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้กรุงเทพประกันชีวิตเจาะตลาดวัยรุ่นเพิ่มมากขึ้นด้วย

ไม่เพียงเท่านี้การเลือกนาย ณภัทร เองยังเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้กลุ่มธนาคารกรุงเทพได้เลือกเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์อีกด้วย

ทำไมถึงต้องเจาะกลุ่มวัยรุ่น

ผู้อำนวยการอาวุโสฯ ของ กรุงเทพประกันชีวิต ยังได้เล่าว่า การที่เจาะกลุ่มวัยรุ่นเนื่องจากมีมูลค่า (Lifetime value) ที่ยาวกว่า เมื่อเทียบกับวัยกลางคน นอกจากนี้หลังจากการเป็นวัยรุ่นมีการเปลี่ยนแปลงชีวิต เช่น การมีครอบครัว หรือแม้แต่การงานที่ดีขึ้น ย่อมทำให้ต้องการผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ตอบโจทย์

ขณะเดียวกันการแพร่ระบาดของโควิดเองนั้นยังทำให้มุมมองทัศนคติของวัยรุ่นเปลี่ยนไปว่าประกันสุขภาพสำคัญกับชีวิตของเขามาก ขณะเดียวกันวัยรุ่นอายุ 25 ปีขึ้นมานั้นต้องการประกันบ้างแล้ว ซึ่งบริษัทมองว่าถ้าหากเจาะตลาดด้วยการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มนี้ก่อน ก็สามารถที่จะอยู่ในใจลูกค้าด้วย

และยังมีเรื่องของการลดหย่อนภาษี เนื่องจากการซื้อประกันชีวิตหรือประกันสุขภาพ ซึ่งเป็นการกระจายความเสี่ยงด้วย

นาย ณภัทร แบรนด์แอมบาสเดอร์ของกรุงเทพประกันชีวิต / ภาพจากบริษัท

มองแบรนด์แข็งแกร่ง เจาะลูกค้าวัยรุ่นได้

อรนาฎ ยังกล่าวถึงการซื้อประกันชีวิต หรือแม้แต่ประกันสุขภาพ ปัจจัยที่ทำให้คนเลือกแบรนด์นั้นๆ คือความน่าเชื่อถือคือสิ่งสำคัญ แล้วก็สิ่งที่ได้มาคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปไหม นอกจากนี้ยังรวมถึงบริการโดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาเคลมประกันนั้นทำได้สะดวก ง่าย หรือไม่

นอกจากนี้สิ่งที่สำคัญก็คือช่องทางตัวแทนขาย ถ้าหากหาคนไว้ใจได้แล้ว ก็ยากที่จะเปลี่ยน เนื่องจากการหาตัวแทนขายคนใหม่นั้นถือว่าเป็นความเสี่ยงไม่น้อยว่าจะไว้ใจได้หรือไม่

เธอยังกล่าวว่า แม้วัยรุ่นเองจะสามารถเปลี่ยนไปใช้แบรนด์สินค้าอื่นๆ ได้ง่าย แต่สำหรับประกันถ้าหากซื้อกรมธรรม์แล้วการเปลี่ยนประกันนั้นมีความยุ่งยาก โดยเฉพาะเรื่องของคำถามสุขภาพ เบี้ยประกัน ฯลฯ ทำให้ถ้าหากแบรนด์สามารถเจาะกลุ่มลูกค้าได้แล้ว ยากที่จะมีการเปลี่ยน

การตลาดนำโดย KOL เน้นเรื่องจริง

ผู้อำนวยการอาวุโสฯ ของ กรุงเทพประกันชีวิต ยังกล่าวว่า การทำการตลาดในการที่จะเจาะกลุ่มวัยรุ่นก็คือจะต้องเน้นที่เรื่องเกิดขึ้นจริง เนื่องจากวิธีการเข้าถึงหรือเสพสื่อของแต่ละวัยนั้นแตกต่างกัน อย่างวัยรุ่นเองส่วนใหญ่นั้นจะเป็นช่องทางออนไลน์

ทางบริษัทจะใช้ Key Opinion Leader หรือ KOL มาบอกเล่าถึงแบรนด์ผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งทำให้แบรนด์สามารถเจาะเข้าถึงวัยรุ่นได้มากขึ้น

กรุงเทพประกันชีวิตยังมีการใช้ลูกค้าของบริษัทมาเล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งจะทำให้เกิดความเข้าใจ และสร้างความผูกพันธ์กับแบรนด์มากขึ้น และทำให้เกิด Impact แบบ Organic โดยเธอได้กล่าวว่าแคมเปญนี้น่าจะเปิดตัวได้ในช่วงเดือนมิถุนายน

เธอยังกล่าวว่าปัจจุบันวัยรุ่นเองได้ทำการบ้านในการหากรมธรรม์ที่เหมาะสมกับตัวเอง ซึ่งทำให้มีข้อเปรียบเทียบได้หลายอย่าง ซึ่งบริษัทเองก็ได้ออกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับวัยรุ่นออกมาเพิ่มด้วย

ขณะที่ช่องทางผ่านตัวแทนจำหน่ายที่เป็นวัยรุ่นจะเน้นไปยังเรื่องจริง และใช้งานได้จริง ไม่ว่าจะเป็นการเลือกประกันชีวิตที่ดีควรจะเลือกคุณสมบัติอะไรบ้าง ฯลฯ ซึ่งแตกต่างกับการขายให้กับลูกค้าวัยอื่นๆ เนื่องจากการพูดคุยนั้นในวัยเดียวกันย่อมที่จะเข้าใจกันมากกว่า

นอกจากนี้ยังรวมถึงการนำ CRM เข้ามาดูแลลูกค้า รวมถึงทำสิทธิประโยชน์ให้ตอบโจทย์ลูกค้ามากขึ้นกว่าเดิม

ตั้งเป้าเป็น Top Of Mind 1 ใน 5

ปัจจุบันสัดส่วนลูกค้ากรุงเทพประกันชีวิต มากถึง 51% นั้นมีอายุมากกว่าหรือเท่ากับ 45 ปี ขณะที่วัยรุ่นต่ำกว่า 25 ปีลงมานั้นอยู่ที่ 19.5% เท่านั้น ทำให้หลังจากบริษัทปรับกลยุทธ์นั้นคาดหวังว่าลูกค้ากลุ่มวัยรุ่นจะมีสัดส่วนเพิ่มมากขึ้นมาเป็น 25% ให้ได้

โดยผู้อำนวยการอาวุโสฯ ของ กรุงเทพประกันชีวิต ตั้งเป้าว่ากรุงเทพประกันชีวิตจะเป็น 1 ใน 5 ของแบรนด์ประกันฯ ที่ลูกค้าจดจำได้ภายใน 5 ปีหลังจากนี้

]]>
1464839
กรุงเทพประกันภัย ปรับโครงสร้างบริษัทเป็น “โฮลดิ้ง คอมพานี” เพิ่มความคล่องตัวในธุรกิจและการลงทุน https://positioningmag.com/1446609 Tue, 03 Oct 2023 14:55:58 +0000 https://positioningmag.com/?p=1446609 บมจ. กรุงเทพประกันภัย (BKI) ได้ประกาศปรับโครงสร้างบริษัท โดยตั้ง บมจ.บีเคไอ โฮลดิ้งส์ (BKIH) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแทน เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการลงทุนรวมถึงการทำธุรกิจ โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 2 ของปี 2024

อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ. กรุงเทพประกันภัย ได้กล่าวถึงสาเหตุของการปรับโครงสร้างบริษัทว่า BKI มีแผนที่จะสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนและดำเนินธุรกิจตามทิศทางเชิงกลยุทธ์ที่เหมาะสมต่อภาวะอุตสาหกรรมและการแข่งขัน ขณะเดียวกันก็ต้องการที่จะเพิ่มความคล่องตัวในการทำธุรกิจของบริษัทมากขึ้น

กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ของ BKI ได้กล่าวเสริมว่าหลายบริษัทในอุตสาหกรรมประกันภัย ได้เปลี่ยนโครงสร้างบริษัทเช่นกัน หรือแม้แต่ธนาคารรายใหญ่ก็เช่นกัน ทำให้ BKI ได้ปรับโครงสร้างโดยตั้งโฮลดิ้ง คอมพานี อย่าง BKIH ขึ้นมา

สำหรับการปรับโครงสร้างครั้งนี้คือผู้ถือหุ้นของ BKI จะได้รับหุ้น BKIH ในสัดส่วน 1:1 ซึ่งแผนดังกล่าวจะต้องได้รับไฟเขียวจากผู้ถือหุ้นรวมถึงทางคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ คาดว่าแผนการดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 2 ของปี 2024 และจะมีการนำ BKI ออกจากการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยหลังแล้วเสร็จธุรกรรมดังกล่าว

ข้อมูลจาก BKI

การดำเนินธุรกิจภายหลังการปรับโครงสร้างแล้วนั้น บริษัทวางแผนจะดำเนินธุรกิจผ่าน 2 กลุ่มธุรกิจ ประกอบไปด้วย

  1. กลุ่มธุรกิจหลัก ดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการประกันภัยโดยจะมีขนาดสินทรัพย์รวมกันไม่น้อยกว่า 75% ของสินทรัพย์รวมของ BKIH ประกอบด้วย 3 สายงานธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจประกันวินาศภัยในประเทศไทย ธุรกิจประกันภัยในต่างประเทศ และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจประกันภัย
  2. กลุ่มธุรกิจอื่น จะมีดำเนินธุรกิจนอกเหนือจากการประกันภัย โดยจะมีขนาดของสินทรัพย์รวมกันไม่เกิน 25% ของสินทรัพย์รวมของ BKIH ซึ่งบริษัทโฮลดิ้งส์จะพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการลงทุนในธุรกิจที่มีแนวโน้มจะส่งเสริมธุรกิจประกันภัย และหรือธุรกิจที่จะสร้างประโยชน์ให้แก่นักลงทุนและผู้บริโภค

ปัจจุบัน BKIH กำลังอยู่ระหว่างการศึกษาในธุรกิจต่างๆ ที่มีศักยภาพเพื่อเป็นแนวทางการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจ อาทิ การเข้าไปลงทุนด้านการพัฒนาแพลตฟอร์มเทคโนโลยีและนวัตกรรมในอุตสาหกรรมประกันภัย หรือแม้แต่การลงทุนในศูนย์ตรวจสภาพรถยนต์

Note: ในรูปภาพด้านซ้าย อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ. กรุงเทพประกันภัย ขณะที่ด้านขวาคือ ชัย โสภณพนิช ประธานกรรมการ บมจ. กรุงเทพประกันภัย

]]>
1446609
LINE BK ลุยธุรกิจนายหน้าประกันชีวิต จับมือ MTL ส่งประกันชีวิตและสุขภาพ ราคาเข้าถึงได้ https://positioningmag.com/1445636 Tue, 26 Sep 2023 18:54:52 +0000 https://positioningmag.com/?p=1445636 LINE BK ได้เปิดตัวธุรกิจนายหน้าประกันชีวิต ภายใต้บริษัท กสิกร ไลน์ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด โดยบริษัทได้จับมือกับ บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต นำเสนอประกันที่ซื้อกรมธรรม์ได้ตลอด 24 ชั่วโมงผ่านแอปพลิเคชัน LINE โดยจับจุดเด่นในเรื่องราคาที่เข้าถึงได้

ธนา โพธิกำจร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กสิกร ไลน์ จำกัด ได้กล่าวว่า LINE BK ตั้งเป้าที่จะเข้ามาทำให้เรื่องเงินเป็นเรื่องง่ายในแอปพลิเคชัน LINE โดยมุ่งพัฒนาบริการให้ตอบโจทย์ความต้องการด้านการเงินของลูกค้า เช่น การออม สินเชื่อ การป้องกันความเสี่ยง และการลงทุน โดยบริษัทได้เปิดตัวบริการ LINE BK Insurance Broker ภายใต้ บริษัท กสิกร ไลน์ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ LINE BK มองถึงตลาดประกันฯ ก็คือ ประกันฯ เป็นหนึ่งผลิตภัณฑ์ทางการเงินพื้นฐาน ที่จะเข้ามาช่วยให้ลูกค้าสามารถวางแผนบริหารจัดการทางการเงิน เมื่อเกิดเหตุไม่คาดคิดเกี่ยวกับสุขภาพและอุบัติเหตุได้ดีมากยิ่งขึ้น

ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ LINE BK มองว่า ขณะเดียวกันก็มองว่าธุรกิจประกันชีวิต ยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก จากปัจจัยต่าง ๆ เช่น ประชาชนเริ่มให้ความสำคัญของการทำประกันชีวิตและสุขภาพมากขึ้น แนวโน้มค่ารักษาพยาบาลที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงการสนับสนุนจากภาครัฐเรื่องมาตรการลดหย่อนภาษีของประกันชีวิตและประกันสุขภาพ เป็นต้น

สาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นการผสานความแข็งแกร่งของทั้งสององค์กรในการเป็นช่องทางที่จะช่วยทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงแบบประกันชีวิตและความคุ้มครองสุขภาพ ซึ่งสามารถเลือกความคุ้มครองที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของตนเองได้อย่างเหมาะสม

ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเมืองไทยประกันชีวิต ยังได้กล่าวเสริมว่า การออกแบบผลิตภัณฑ์กับ LINE BK ยังมองว่าสามารถเจาะตลาดใหม่ได้มากขึ้น ซึ่งเขาเห็นโอกาสจากข้อมูลที่ว่าวัยรุ่นที่มีอายุต่ำกว่า 35 ปี เริ่มสนใจในการซื้อประกันมากยิ่งขึ้น ซึ่งแตกต่างกับอดีต โดยมีปัจจัยเรื่องของราคาเข้ามาด้วย

ในเบื้องต้น LINE BK ได้นำ 5 ผลิตภัณฑ์ ของ บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต กับแพ็กเกจประกันชีวิตและสุขภาพมานำเสนอบนช่องทาง LINE BK ดังนี้

  1. ผู้ป่วยนอกเบาเบา ช่วยแบ่งเบาค่ารักษาพยาบาลแบบผู้ป่วยนอก
  2. โรคร้ายเจอจ่าย รับเงินก้อนเมื่อตรวจเจอโรคร้ายทั้งระยะเริ่มต้นและระยะรุนแรง
  3. ผู้ป่วยในท็อปอัพ ช่วยเติมเต็มค่ารักษาส่วนเกินจากประกันหรือสวัสดิการที่มีอยู่เมื่อนอนโรงพยาบาล
  4. ผู้ป่วยในเหมาเหมา เหมาจ่ายค่าห้องเดี่ยวมาตรฐานและค่ารักษาตามจริง
  5. ชดเชยไม่ขาดเงิน ให้ความคุ้มครองค่าชดเชยรายวัน

สำหรับรายละเอียดอื่นๆ ของผลิตภัณฑ์สามารถดูรายละเอียดได้จาก LINE BK ได้ ซึ่งในแต่ละผลิตภัณฑ์จะมีค่าเบี้ยที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละคน โดยทุกแบบประกันสามารถสมัครได้โดยไม่ต้องตรวจสุขภาพ เพียงตอบคำถามสุขภาพตามความเป็นจริง และไม่ต้องสำรองจ่ายเมื่อเข้ารักษาที่โรงพยาบาลคู่สัญญาของเมืองไทยประกันชีวิต

ความท้าทายในการดำเนินธุรกิจประกันชีวิต ในฐานะโบรกเกอร์ของ LINE BK คงหนีไม่พ้นเรื่องของภาวะเศรษฐกิจในประเทศ เรื่องปัญหาปากท้อง ที่ต้องคอยติดตามว่ามีแนวโน้มดีขึ้นมากน้อยแค่ไหน อย่างไรก็ตาม ในอนาคตตั้งเป้าหมายที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ออนไลน์ร่วมกับพันธมิตร เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น

ธนา ยังได้กล่าวว่า การส่งประกันออกมานั้นต้องการที่จะเจาะลูกค้าของ LINE BK ซึ่งเขายังไม่ได้ตั้งเป้าหมายในปีนี้ แค่อยากรู้ว่าผู้บริโภคสนใจเข้ามาดูผลิตภัณฑ์มากแค่ไหนแล้วค่อยมาปรับแผนธุรกิจอีกที เหมือนเป็นการทดลอง และถ้าหากแก้ปัญหา Pain Point ของคนตัวเล็กได้ ก็สามารถทำให้เข้าถึงผู้บริโภคทั่วไปได้มากขึ้น

]]>
1445636
“รู้ใจ” มองโอกาสขยายช่องทางจัดจําหน่ายกรมธรรม์เพิ่ม หลังปิดดีล FWDGI ได้ ตั้งเป้า IPO ภายใน 5 ปี https://positioningmag.com/1445120 Thu, 21 Sep 2023 15:29:04 +0000 https://positioningmag.com/?p=1445120 ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฯ ของ “รู้ใจ” ได้กล่าวถึงโอกาสของการซื้อกิจการของ เอฟดับบลิวดีประกันภัย ว่าจะช่วยให้บริษัทมีช่องทางจำหน่ายกรมธรรม์มากกว่าเดิม และจะเจาะตลาดตามต่างจังหวัดได้เพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ตั้งเป้าที่จะเข้า IPO ในตลาดหลักทรัพย์ให้ได้ภายใน 5 ปี

นิโคลัส ฟาร์เกต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้งรู้ใจกรุ๊ป ได้กล่าวถึงการระดมทุนในรอบ Series B ผลการดำเนินงาน และกลยุทธ์ของบริษัทหลังจากที่เข้าซื้อกิจการของบริษัท เอฟดับบลิวดีประกันภัย จำกัด มหาชน (FWDGI) เสร็จสมบูรณ์ว่าจะสร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นให้กับลูกค้าเพิ่มขึ้นได้

เขาได้กล่าวว่า ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา รู้ใจ ได้ระดมทุนรอบ Series B ซึ่งมีผู้ลงทุนนำโดย HDI International ซึ่งเป็นบริษัทประกันภัยระหว่างประเทศในเครือ ทาแลงซ์ กรุ๊ป จากเยอรมนี ลงทุนเป็นเม็ดเงิน 35 ล้านเหรียญสหรัฐ รวมถึงบรรษัทเงินทุนระหว่างประเทศ (IFC) ที่อยู่ภายใต้เครือธนาคารโลกอีก 7 ล้านเหรียญสหรัฐ

รู้ใจได้เม็ดเงินลงทุน Series B ทั้งสิ้น 42 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไทย 1,509 ล้านบาท ทำให้บริษัทนำเม็ดเงินส่วนหนึ่งมาซื้อกิจการ FWDGI และเอาไปขยายธุรกิจในประเทศอินโดนีเซียที่กำลังเติบโต

ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฯ ของรู้ใจ ยังได้กล่าวถึงผลประกอบการบริษัทในงบประจำปี 2022/2023 ซึ่งสิ้นสุดเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาว่า บริษัทมีผู้ถือกรมธรรม์มีทั้งหมด 149,248 ราย เติบโต 15% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ทางด้านที่เบี้ยประกัน (Premium) นั้นอยู่ที่ 1329.6 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เบี้ยประกันมาจากประกันประเภทยานยนต์ถึง 95% ที่เหลือคือมาจากประกันประเภทอื่นๆ

กลยุทธ์หลังจากปิดดีลซื้อกิจการ FWDGI สำเร็จ

หลังจากที่เข้าซื้อกิจการ FWDGI นั้น นิโคลัสกล่าวว่าจะใช้กระบวนการเปลี่ยนผ่าน 1-2 ปี จากนายหน้าประกันภัยซึ่งบริษัทได้เป็นพาร์ตเนอร์กับกรุงไทยพาณิชย์ในปัจจุบัน จะเปลี่ยนไปเป็นรู้ใจประกันภัย เขากล่าวว่ากรมธรรม์ที่มาจากรู้ใจประกันภัยจะเริ่มเห็นได้ช่วงต้นปี 2024 ทันที

การที่บริษัทได้เข้าซื้อ FWDGI เป็นเพราะว่าต้องการควบคุมตั้งแต่การออกผลิตภัณฑ์อย่างกรมธรรม์ ไปจนถึงปลายน้ำอย่างช่องทางขาย หรือแม้แต่การบริการลูกค้า เมื่อการออกกรมธรรม์ได้โดยตรงยังมีข้อดีอีกเรื่องคือบริษัทมีมาร์จิ้นดีมากขึ้น

นอกจากนี้หลังจากที่ปิดดีลกับ FWDGI ก็จะมีการจัดพอร์ตกรมธรรม์ใหม่ โดยกรมธรรม์ที่ไม่ใช่จุดแข็งของบริษัทอย่าง กรมธรรม์ประกันมือถือ กรมธรรม์ประกันภัยทางทะเล ก็จะยกเลิกไป แต่จะไปเน้นจุดแข็งของรู้ใจที่ขายกรมธรรม์ที่เน้นด้านยานยนต์ หรือสิ่งที่บริษัทถนัด

ขณะเดียวกันเขาก็ยืนยันว่าการเปลี่ยนผ่านลูกค้าของบริษัทจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ และจะทำให้การเปลี่ยนผ่านเป็นไปอย่างราบรื่นมากที่สุด ถ้าหากมีอะไรก็จะแจ้งลูกค้าให้ทราบ ทางด้านของนายหน้าประกันภัยเขาชี้ว่าใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ของทางบริษัท จะทำให้นายหน้าหรือโบรกเกอร์รายอื่นขายประกันได้สะดวกมากขึ้น

นิโคลัส ชี้ว่าปัจจุบันลูกค้าของรู้ใจตอนนี้มาจากจังหวัดใหญ่ๆ เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต กรุงเทพมหานคร ทำให้บริษัทมองว่ามีโอกาสที่จะเจาะลูกค้าตามจังหวัดอื่นๆ สูงมาก โดยคาดว่า 40% ของโอกาสทางธุรกิจในอนาคตจะมาจากตัวแทนและนายหน้าประกันภัย และอีก 60% จะยังเป็นการดำเนินการขายโดยตรงให้กับลูกค้า

ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฯ ของรู้ใจยังได้กล่าวว่าหลังจากนี้จะมีกรมธรรม์ใหม่ๆ และเจาะกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น เช่น ประกันภัยบ้าน หรือ ประกันที่เกี่ยวกับ SME

ตั้งเป้า IPO ภายใน 5 ปี

สำหรับการทำกำไรในเครือรู้ใจ นิโคลัส ได้กล่าวว่าในประเทศไทยตั้งแต่เดือนพฤษภาคมนั้นบริษัทมีกำไรแล้ว ทางด้านประเทศอินโดนีเซียนั้นตอนนี้บริษัทได้เป็นพันธมิตรกับ Sompo ซึ่งเป็นบริษัทประกันรายใหญ่จากประเทศญี่ปุ่น โดยเขาได้กล่าวว่าถ้าหากจะทำให้กิจการที่อินโดนีเซียเติบโตนั้นจะต้องใช้เวลา 4-5 ปี

อย่างไรก็ดีสำหรับกำไรของทั้งกิจการเขาเองได้กล่าวว่ายังไม่ทราบ แต่มองถึงการขยายไปยังตลาดใหม่ๆ ในมาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ เวียดนาม หรือแม้แต่ ไต้หวัน มากกว่า

สำหรับเป้าหมายทางธุรกิจนั้น “รู้ใจ” ได้วางเป้าหมายเป็นผู้เล่น 1 ใน 10 ของประกันภัยด้านยานยนต์ ยานพาหนะ ในปี 2024 และจะเป็นผู้เล่น Top 3 ภายในอีก 5 ปีหลังจากนี้

ไม่เพียงเท่านี้ รู้ใจยังมีแผน IPO ภายใน 5 ปี ตั้งเป้าว่าจะมีเบี้ยประกันภัยแตะที่ 10,000 ล้านบาท นิโคลัสกล่าวว่าอาจดูตลาดหุ้นหลายที่ ซึ่งรวมถึงในประเทศไทย และพิจารณาเงื่อนไขทั้งการนำบริษัทในแต่ละประเทศเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แต่ละประเทศ หรือแม้แต่นำทั้งกลุ่มบริษัทเข้าระดมทุน รวมถึงอาจไประดมทุนที่ต่างประเทศด้วย อย่างไรก็ดีเขากล่าวว่ายังเป็นเรื่องของอนาคต

]]>
1445120
พรูเด็นเชียลฯ ออกแผนประกันใหม่ แชร์วงเงินคุ้มครองทั้งครอบครัว ตั้งเป้าชิงส่วนแบ่งตลาดในไทยเพิ่ม https://positioningmag.com/1433013 Sun, 04 Jun 2023 07:06:08 +0000 https://positioningmag.com/?p=1433013 พรูเด็นเชียล ประเทศไทย เปิดตัวแผนประกันใหม่ แชร์วงเงินคุ้มครองทั้งครอบครัว ขณะเดียวกันก็ตั้งเป้าชิงส่วนแบ่งตลาดในประเทศไทยเพิ่มเติม ซึ่งล่าสุดบริษัทเป็นอันดับ 6 ของตลาด เมื่อรวมกับทุกช่องทางการขาย

บัณฑิต เจียมอนุกูลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พรูเด็นเชียล ประเทศไทย ได้เปิดเผยผลประกอบการของธุรกิจว่า แม้ว่าแนวโน้มของเศรษฐกิจในประเทศและทั่วโลกยังต้องเผชิญกับความท้าท้ายด้านต่างๆ แต่ในปี 2022 ที่ผ่านมาบริษัทยังมีเบี้ยประกันภัยรับปีแรกเติบโตมากถึง 20% ขณะที่ในผู้เล่นในตลาดเติบโตเพียงแค่ 9-10% เท่านั้น

ขณะเดียวกันเขาได้ชี้ถึงช่องทางดิจิทัลเป็นอีกช่องทางที่มียอดเบี้ยประกันเติบโต เช่นกัน ในปี 2022 มียอดเติบโตมากถึง 445% ขณะที่ตลาดโตแค่ 20% เขาชี้ว่าเนื่องจากลูกค้าต้องการที่จะหากรมธรรม์ที่เหมาะสมกับตัวลูกค้าเอง

ผู้บริหารสูงสุดของพรูเด็นเชียล ประเทศไทย ยังได้กล่าวว่าบริษัทได้ปรับปรุงบริการเกี่ยวกับลูกค้าอย่างมาก เช่น การให้ความสำคัญกับบริการของ Call Center เนื่องจากลูกค้าบางคนใช้ช่องทางดิจิทัลไม่ได้ ความสำคัญอีกข้อคือต้องสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าไว้ใจ ผลที่ตามมาจะทำให้เกิดการบอกต่อในกลุ่มลูกค้า

สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พรูเด็นเชียล ประเทศไทย ได้กล่าวว่า ในไตรมาส 1 ของปี 2023 นั้นมีลูกค้าใหม่เข้ามา 105,000 คน โดยลูกค้าส่วนใหญ่ในไตรมาสนี้มาจากการขายประกันยผ่านธนาคาร (Bancassurance) ทำให้ลูกค้าทั้งหมดตอนนี้อยู่ที่ 1.93 ล้านราย

เขายังกล่าวว่าเบี้ยประกันภัยรับปีแรกในไตรมาสแรกของปีนี้อยู่ที่ 1,984 ล้านบาท และทำให้ล่าสุดบริษัทเป็น Top 6 ของตลาด เมื่อรวมกับทุกช่องทางการขาย

เตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่

ขณะเดียวกัน พรูเด็นเชียล ประเทศไทย ได้จับมือกับ ทีทีบี ได้เปิดตัวแผนประกันสุขภาพล่าสุด ประกันชีวิตและสุขภาพ ทีทีบี อีซี่ แคร์ พลัส สำหรับครอบครัว ประกันกองกลาง สำหรับครอบครัวทุกรูปแบบ โดยแชร์วงเงินค่ารักษาพยาบาลร่วมกันได้ใน 1 กรมธรรม์ เหมาจ่ายทั้งผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก คุ้มครองสูงสุด 5 ท่าน ต่อ 1 ครอบครัว

นอกจากนี้บริษัทยังได้เตรียมออกแผนประกันด้านต่างๆ ที่ตอบโจทย์ลูกค้า ไม่ว่าจะเป็น แผนประกันเพื่อการออม หรือ แผนประกันชีวิตควบการลงทุน (ยูนิต ลิงค์) หลังจากนี้เพิ่มเติมด้วย

แผนธุรกิจในปีนี้

บัณฑิต ยังได้กล่าวว่า แผนธุรกิจในปีนี้ได้ให้ความสำคัญกับลูกค้าอย่างมาก โดยได้เพิ่มประสิทธิภาพทั้งช่องทางการขายและช่องทางการให้สนับสนุนกับลูกค้า ขณะเดียวกันเขาก็ชี้ว่าวัฒนธรรมขององค์กรก็เป็นปัจจัยสำคัญในเรื่องดังกล่าว เขาได้ยกตัวอย่างว่าถ้าองค์กรเน้นการทำงานร่วมกัน ไม่เกี่ยงเรื่องหน่วยงาน โดยมองที่เรื่องทำยังไงให้รวดเร็ว และทำงานที่เน้นลูกค้าได้ประโยชน์มากสุด 

เขาชี้ว่าผลลัพธ์ขององค์กรที่ดีนั้นจะส่งผลทำให้มีผลประกอบการมีกำไร องค์กรมีความเข้มแข็ง เพื่อที่จะดูแลคนที่อ่อนแอหรือสังคมได้

เขายังได้ทิ้งท้ายว่าจุดแข็งของแบรนด์พรูเด็นเชียลคือ ความมั่นคงทางการเงิน ความเข้มแข็งในการทำธุรกิจ การดูแลสังคม หรือแม้แต่การปรับตัวให้เข้ากับสังคม เช่น การปรับตัวเข้ากับโลกดิจิทัล หรือแม้แต่การใส่ใจกับพนักงาน ไปจนถึง การยอมรับในความแตกต่างและการส่งเสริมความเสมอภาค

]]>
1433013
SCB Protect ลุยตลาดภูมิภาค เริ่มต้นที่เชียงใหม่ มองระยะยาวรายได้ต่างจังหวัดจะแซงกรุงเทพฯ ได้ https://positioningmag.com/1431151 Mon, 22 May 2023 11:07:04 +0000 https://positioningmag.com/?p=1431151 SCB Protect ประกาศแผนธุรกิจในปี 2023 นี้ โดยเน้นจุดหลักคือบริการไร้รอยต่อ มีช่องทางขายทั้ง Telesales ไปจนถึงช่องทางออนไลน์ ขณะเดียวกันก็ได้รุกตลาดตามภูมิภาค โดยมองโอกาสในอนาคตรายได้จากต่างจังหวัดจะมากกว่ากรุงเทพฯ

ปรมาศิริ มโนลม้าย รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจประกัน ธนาคารไทยพาณิชย์ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยพาณิชย์ โพรเทค จำกัด (SCB Protect) ได้กล่าวถึงการดำเนินงานของบริษัทว่า SCB Protect ได้เริ่มธุรกิจในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด เริ่มขายกรมธรรม์ประกันประเภทต่างๆ รวมถึงประกันชีวิตด้วย

อย่างไรก็ดีในปี 2021 สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ไม่เปิดให้ขอใบอนุญาตได้ ซึ่ง คปภ. ได้เปิดให้ขอใบอนุญาตอีกครั้งในปี 2022 โดยถือว่าเป็นปีแรกที่ดำเนินการธุรกิจ และมีการขยายธุรกิจเป็นอย่างที่น่าพอใจ 

ในปีที่ผ่านมา SCB Protect มีเบี้ยรับรวม 1,700 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 800 ล้านบาท และฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นกว่า 1.8 แสนราย โดยมีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น 77% เบี้ยรับรวมเพิ่มขึ้น 145% รายได้รวมเพิ่มขึ้น 139% ผู้บริหารสูงสุดของ SCB Protect ยังได้กล่าวว่าตอนนี้บริษัทมีกำไรแล้วด้วย

เน้น 3 กลยุทธ์เพิ่มยอดขาย

ปรมาศิริ ได้กล่าวถึงกลยุทธ์ในการรุกหาลูกค้ารายใหม่ว่าตอนนี้เน้นทีมขายแบบเจอหน้า (Face to face) ซึ่งเธอมองเห็นโอกาสในต่างจังหวัด แม้ว่าการทำงานช่วงโควิดจะทำให้เห็นพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปก็ตาม ทำให้บริษัทตั้ง SCB Protect Online ด้วย การเข้าถึงลูกค้าอีกทางคือช่องทางออนไลน์ มีเปรียบเทียบกรมธรรม์ สามารถดูได้จากต้นจนซื้อกรมธรรม์จนจบ

แต่จุดแข็งที่มีคือการติดต่อลูกค้าผ่านพนักงาน Telesales และมีบริการสนับสนุนผ่าน Teleservices เช่น ลูกค้าคนไหนกดเข้าไปดูกรมธรรม์แล้วสนใจ ก็จะมีทีมงานติดต่อเข้าไป และในตอนนี้บริษัทกำลังเทรนให้พนักงานสามารถออกไปขายประกันด้านนอกได้

ผู้บริหารสูงสุดของ SCB Protect ยังได้ชูกลยุทธ์สำคัญในปีนี้ได้แก่

1.Omni Channel บริการไร้รอยต่อ ไม่ว่าจะเป็นผ่านเว็บไซต์ หรือบริการการขายแบบเจอหน้า รวมถึงมีบริการ Call Center

2.นำ AI มาวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้า เช่น การนำเสนอโปรโมชัน หรือแม้แต่การใช้ช่องทางที่ติดต่อลูกค้าแบบเหมาะสม ไปจนถึงค่าเบี้ยที่เหมาะสมกับแต่ละคน

3.ขยายเครือข่ายสู่ภูมิภาค โดยบริษัทได้เตรียมขยายธุรกิจไปสู่ภูมิภาค เน้นการใช้คนในท้องที่ เพื่อที่จะเสนอกรมธรรม์ให้กับลูกค้าได้ดี

พนักงานของ SCB Protect ที่จังหวัดเชียงใหม่

เปิดศูนย์กลางการดำเนินงานประจำภูมิภาคแห่งแรกที่เชียงใหม่

ผู้บริหารสูงสุดของ SCB Protect ได้กล่าวถึงการเปิดศูนย์กลางการดำเนินงานประจำภูมิภาค โดยเลือกที่จังหวัดเชียงใหม่เป็นแห่งแรก เนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจ รวมถึงภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวกลับมา ส่งผลทำให้เศรษฐกิจของจังหวัดกลับมา นอกจากนี้ภาคเหนือซึ่งรวมถึงจังหวัดเชียงใหม่ยังมีแรงงานคืนถิ่นที่สูงมาก

ขณะเดียวกันจังหวัดเชียงใหม่ยังมีสาขาของ SCB พร้อมเปลี่ยนเป็นสำนักงานของ SCB Protect ทำให้มาเปิดสาขาที่นี่ก่อนเป็นที่แรก ซึ่งในช่วงการเปิดสำนักงานเพื่อให้ผู้ที่สนใจในตำแหน่งงานนั้นมีคนมาสมัครมากถึง 100 ตำแหน่ง ทำให้สร้างความมั่นใจในการเปิดสำนักงานที่นี่

การรุกศูนย์กลางการดำเนินงานประจำภูมิภาคของ SCB Protect ได้รุกตลาดประกันภัยกลุ่ม ประกันพื้นฐานความคุ้มครองสำหรับความเสี่ยงในการใช้ชีวิตประจำวันที่เกิดขึ้นได้บ่อยสำหรับทุกวัย โดยสามารถทำได้ทั้งพนักงานองค์กร สมาชิกในองค์กรและครอบครัวของคนในองค์กร และอาชีพอิสระสามารถมีประกันปกป้องได้ ซึ่งราคาเริ่มต้นปีละ 225 บาท 

หลังจากการเปิดศูนย์กลางการดำเนินงานประจำภูมิภาคที่เชียงใหม่แล้ว เป้าหมายต่อไปของ SCB Protect คือขอนแก่น ล่าสุดบริษัทได้เปิดรับพนักงานมากถึง 300 ตำแหน่ง หลังจากนี้เธอได้เปรยว่าอาจขยายไปยังภาคใต้หรือไม่ก็ภาคตะวันออก

ปรมาศิริยังมองตลาดประกันนั้นน่าจะโตดีกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากผู้บริโภคพยายามเริ่มมองหาประกันมากขึ้น ตั้งแต่วัยรุ่นที่เริ่มทำงานนั้นเริ่มหาประกันคุ้มครองบ้างแล้ว เธอได้ยกตัวอย่างง่ายสุดคือประกันเดินทางกลายเป็นกลุ่มวัยรุ่นได้ซื้อมากขึ้นและยังมองว่าเห็นความสำคัญ ขณะเดียวกันเธอก็มองว่าอัตราการทำประกันของคนไทยยังต่ำ ซึ่งยังเป็นโอกาสของบริษัทอีกด้วย

นอกจากนี้เธอมองว่าลูกค้าไม่ควรทำประกันเกินค่าเบี้ย ทำเท่าที่ความสามารถของแต่ละคนที่สามารถจ่ายได้ และเธอได้แนะนำว่าฝ่ายขายว่าไม่ควรขายประกันจนลูกค้าไม่สามารถจ่ายเบี้ยได้ 

ปัจจุบัน SCB Protect มีรายได้จากภูมิภาคตอนนี้ 10-20% ปีหน้าจะอยู่ที่ราวๆ 30% หลังจากนี้ 3 ปีผ่านไปสัดส่วนกรุงเทพฯ กับต่างจังหวัดจะอยู่ที่ 40% และ 60% ตามลำดับ โดยปี 2023 นี้บริษัทคาดหวังรายได้รวมจะเติบโตมากถึง 1,600-1,700 ล้านบาท

]]>
1431151
บริษัทประกันญี่ปุ่นไอเดียดี ออกกรมธรรม์คุ้มครองเด็กถูกเพื่อนกลั่นแกล้ง หลังกรณีดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น https://positioningmag.com/1430588 Tue, 16 May 2023 06:32:10 +0000 https://positioningmag.com/?p=1430588 บริษัทประกันในประเทศญี่ปุ่นได้ออกกรมธรรม์คุ้มครองเด็กที่ถูกเพื่อนกลั่นแกล้ง หลังจำนวนการถูกเพื่อนกลั่นแกล้งในช่วงปีที่ผ่านมาเพิ่มจำนวนมากขึ้น โดยค่าใช้จ่ายนั้นครอบคลุมในหลายมิติ เช่น การย้ายโรงเรียน ไปจนถึงการรักษาพยาบาล

Asahi Shimbun สื่อในประเทศญี่ปุ่นรายงานข่าวว่า บริษัทประกันภัยของญี่ปุ่นหลายแห่งได้ออกกรมธรรม์คุ้มครองเด็กที่ถูกเพื่อนกลั่นแกล้ง หลังจากประเด็นดังกล่าวกลายเป็นปัญหาสังคมเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการกลั่นแกล้งในโรงเรียนหรือแม้แต่ในอินเทอร์เน็ต

บริษัทประกันไม่ว่าจะเป็น Tokio Marine & Nichido Fire Insurance วางแผนที่จะขายกรมธรรม์ดังกล่าวตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไป โดยเน้นไปที่การแก้ปัญหาที่เด็กๆ ต้องเผชิญ ถ้าหากเด็กถูกรังแก คุกคาม หรือโดนสะกดรอยตาม

กรมธรรม์ของ Tokio Marine & Nichido Fire Insurance จะครอบคลุมค่าใช้จ่ายสำหรับการให้คำปรึกษาและรายการที่เกี่ยวข้องกับการย้ายโรงเรียนใหม่ เช่น ค่าลงทะเบียน ชุดเครื่องแบบใหม่ และอุปกรณ์การเรียน โดยมีวงเงินคุ้มครองมากถึง 200,000 เยน หรือคิดเป็นเงินไทยราวๆ 49,874 บาท

นอกจากนี้บริษัทยังมีกรมธรรม์เพิ่มเติมจ่ายเพิ่มอีกเดือนละ 120 เยน ซึ่งครอบคลุมการบาดเจ็บและการเจ็บป่วยของเด็กที่ถูกกลั่นแกล้งและคุกคาม รวมถึงผลประโยชน์พิเศษที่ชดเชยค่าธรรมเนียมทางกฎหมาย โดยการเคลมประกันนั้นจะต้องมีหลักฐานจากสถานีตำรวจด้วย

ขณะที่ AIG General Insurance ก็มีการเสนอกรมธรรม์ที่คุ้มครองเด็กที่ถูกเพื่อนกลั่นแกล้งมาตั้งแต่ปี 2022 ที่ผ่านมา โดยครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการให้คำปรึกษาและการย้ายโรงเรียนเมื่อเด็กถูกรังแกหรือคุกคามที่โรงเรียนหรือบนโซเชียลมีเดีย เช่นเดียวกัน แต่ไม่ต้องใช้หลักฐานจากสถานีตำรวจ

สื่อของญี่ปุ่นได้รายงานตัวเลขจากการสำรวจของกระทรวงศึกษาธิการ จำนวนกรณีการกลั่นแกล้งในโรงเรียนประถม มัธยมต้น และโรงเรียนอื่นๆ พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่มากกว่า 610,000 กรณีในปีการศึกษา 2021 ซึ่งสิ้นสุดในเดือนมีนาคม 2022 นั้นเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่านับตั้งแต่ปีการศึกษา 2016

โดยสาเหตุดังกล่าวคาดว่า นักเรียนกำลังประสบปัญหาสุขภาพจิตและร่างกาย รวมถึงความเครียด ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 

]]>
1430588
FWD ยื่นไฟลิ่งเพื่อ IPO รอบที่ 3 แล้ว สื่อนอกคาดอาจระดมทุนมากถึง 34,650 ล้านบาท https://positioningmag.com/1423010 Mon, 13 Mar 2023 11:34:48 +0000 https://positioningmag.com/?p=1423010 FWD บริษัทประกันรายใหญ่จากฮ่องกงรายนี้ได้ยื่นเอกสารต่อตลาดหลักทรัพย์เป็นครั้งที่ 3 เพื่อที่จะอัปเดตข้อมูลทางการเงิน และคาดว่าบริษัทจะระดมทุนมากถึง 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และจะเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกงได้ภายในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้

ในไฟลิ่งดังกล่าวนั้นบริษัทประกันรายนี้ได้ใช้ที่ปรึกษาการเงินอย่าง HSBC รวมถึงผู้จัดจำหน่ายหุ้น เช่น สถาบันการเงินจีนอย่าง China Merchant Bank และสถาบันการเงินจากสหรัฐอเมริกาเช่น Morgan Stanley J.P. Morgan และ Goldman Sachs ด้วย

สื่อธุรกิจอย่าง Bloomberg ได้อ้างอิงแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องว่า FWD นั้นคาดว่าจะระดมทุนมากถึง 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราวๆ 34,650 ล้านบาท ซึ่งก่อนหน้านี้คาดว่าบริษัทจะเข้าตลาดหุ้นของฮ่องกงได้ในช่วงไตรมาส 1 ของปีนี้ แต่ก็มีการเลื่อนการเข้าตลาดหลายครั้ง เนื่องจากสภาวะตลาดไม่เป็นใจ

ซึ่งเป้าในการระดมทุนของ FWD ถือว่าต่ำกว่าเป้าที่บริษัทเคยที่จะระดมทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์ที่ 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยที่จะ IPO ในตลาดสหรัฐอเมริกา แต่ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนเพิ่มมาขึ้น นอกจากนี้บริษัทประกันรายดังกล่าวต้องการที่จะเจาะตลาดประเทศจีน จึงทำให้พับแผนการเข้าตลาดหุ้นสหรัฐเพื่อระดมทุนลง

ทำให้ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา บริษัทประกันรายนี้ใช้วิธีระดมทุนนอกตลาดหลักทรัพย์จนได้เม็ดเงินมากถึง 1,800 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งมีผู้ลงทุนหลายราย รวมถึง SCBX ที่ได้ลงทุนในบริษัทประกันรายนี้ หลังจากที่ได้ขายธุรกิจประกันชีวิตให้กับ FWD ไปด้วยมูลค่าสูงถึง 92,700 ล้านบาท

เม็ดเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ บริษัทประกันรายดังกล่าวจะนำไปขยายธุรกิจต่อ ซึ่งในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา FWD ได้ซื้อหุ้นส่วนใหญ่ใน Gibraltar BSN Life กิจการประกันชีวิตในประเทศมาเลเซีย

แหล่งข่าวของ Bloomberg ยังคาดว่าบริษัทประกันรายนี้อาจได้เข้าซื้อขายหุ้นในตลาดฮ่องกงได้ช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้

ที่มา – HKEX, Bloomberg

]]>
1423010