K-Pop – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Fri, 10 May 2024 13:50:03 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 แฟนคลับทะลัก “BTS POP-UP : MONOCHROME IN BANGKOK” เปิดแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่สยามพารากอน https://positioningmag.com/1473001 Fri, 10 May 2024 06:00:50 +0000 https://positioningmag.com/?p=1473001

“BTS POP-UP : MONOCHROME IN BANGKOK” แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดให้บริการแล้ว ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน ตั้งแต่วันที่ 10 พฤษภาคม 2567 – 23 มิถุนายน 2567 งานนี้แฟนคลับให้การต้อนรับอย่างท่วมท้นจากเหล่าแฟนคลับกลุ่มศิลปิน K-Pop ระดับโลกอย่าง BTS เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น ณ  สยามพารากอน อีกครั้ง ตอกย้ำความเป็นที่หนึ่งในใจนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติจากทั่วทุกมุมโลก

“BTS POP-UP : MONOCHROME IN BANGKOK” แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดให้บริการแล้ว ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน ตั้งแต่วันที่ 10 พฤษภาคม 2567 – 23 มิถุนายน 2567 งานนี้แฟนคลับให้การต้อนรับอย่างท่วมท้นจากเหล่าแฟนคลับกลุ่มศิลปิน K-Pop ระดับโลกอย่าง BTS เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น ณ  สยามพารากอน อีกครั้ง ตอกย้ำความเป็นที่หนึ่งในใจนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติจากทั่วทุกมุมโลก โดยการร่วมมือจากกลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ และ INNOCEAN เอเจนซี่ระดับโลก


BTS POP-UP : MONOCHROME IN BANGKOK
อยู่ชั้น 3 ของศูนย์การค้าสยามพารากอน มีขนาดพื้นที่ 330 ตารางเมตร  มาในธีม “Exclusive & Luxury Modern Warehouse” ต้อนรับแฟนๆ ของ BTS ที่กำลังตื่นเต้นกับการกลับมาของจิน ที่จะปลดประจำการ ในเดือนมิถุนายนนี้

ภายใน Pop-up Store ได้จัดแสดงภาพถ่ายของสมาชิก BTS แบบเอ็กซ์คลูซีฟที่ท่ามกลางบรรยากาศแกลเลอรี่หรู มีดีไซน์โดยนำสายพานลำเลียงสินค้าที่ตั้งอยู่ตรงกลางร้าน สะท้อนธีมกล่องพัสดุจากทีเซอร์ล่าสุดของวง เปรียบเสมือนกล่องของขวัญพิเศษจาก BTS ที่มอบให้กับแฟนคลับ

พบกับสินค้าและของสะสมสุดพิเศษ ที่ออกแบบโดย INNOCEAN มีวางจำหน่ายหลากหลายประเภท แบ่งเป็น 3 หมวด ได้แก่ ภาพบุคคล ไลฟ์สไตล์ และแฟชั่น

  • ภาพบุคคล – มีทั้งภาพถ่ายเดี่ยวและกลุ่ม โฟโต้การ์ด โปสการ์ด นอกจากนี้ ยังมีภาพพิมพ์บนแคนวาสแบบ Limited Edition อีกด้วย
  • ไลฟ์สไตล์ – มีโซน DIY ที่แฟนคลับสามารถสร้างสรรค์พวงกุญแจตามสไตล์ของตัวเอง และยังมีกล้องถ่ายภาพแบบ Instant Print Camera ดีไซน์พิเศษวางจำหน่ายอีกด้วย
  • แฟชั่น – พิเศษเฉพาะที่กรุงเทพฯ พบกับเสื้อกันลมและหมวกที่ได้รับลิขสิทธิ์ ซึ่งออกแบบโดย INNOCEAN วางจำหน่าย นอกจากนี้ ยังมีเครื่องประดับ อาทิ สร้อยคอและแหวน ที่สลักวันเดบิวต์ของ BTS และวันก่อตั้งกลุ่มแฟนคลับ ARMY อีกด้วย พร้อมพวงกุญแจรุ่นที่มีเฉพาะที่สยามพารากอน เป็นอีกหนึ่งไอเท็มที่ห้ามพลาด

นอกจากนี้เตรียมพบกับความน่าตื่นตาตื่นใจอย่างต่อเนื่อง พร้อมเซอร์ไพรส์สุดพิเศษอีกมากมาย รอเหล่าแฟนคลับอยู่ในวันที่ 13 มิถุนายน 2567 ซึ่งตรงกับวันครบรอบ 11 ปี การเดบิวต์ของ BTS

“BTS POP-UP : MONOCHROME IN BANGKOK” จะเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 10 พฤษภาคม 2567 – 23 มิถุนายน 2567 ตั้งแต่เวลา 10.00 – 21.00 น. ที่ชั้น 3 ศูนย์การค้าสยามพารากอน ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook: Siam Paragon และบน X @innopopup


#BTS #방탄소년단 #BTS_POPUP #MONOCHROME #MNCR #BTS_POPUP #BANGKOK #SiamParagon

]]>
1473001
OREO x BLACKPINK แคมเปญเบิกทางให้ “โอรีโอ” เจาะกลุ่ม “วัยรุ่น” ได้มากขึ้น https://positioningmag.com/1414743 Fri, 06 Jan 2023 07:11:48 +0000 https://positioningmag.com/?p=1414743 ตลาดครอบครัวและเด็กคือแกนหลัก แต่จะเติบโตได้เร็วต้องจับตลาดอื่นได้ด้วย! “โอรีโอ” ขนมคุกกี้ในเครือมอนเดลีซ เปิดแคมเปญใหญ่ที่สุดที่เคยมีมา OREO x BLACKPINK ทำการตลาดผ่านวง K-Pop ระดับซูเปอร์สตาร์ เพื่อดันยอดขายในกลุ่มวัยรุ่น Gen Z เป็นใบเบิกทางสำหรับการตลาดตลอดปีนี้ที่จะสื่อสารกับวัยรุ่นสูงขึ้น

โอรีโอสีชมพูลายใหม่จากการคอลแลป OREO x BLACKPINK เริ่มวางจำหน่ายมาตั้งแต่ 15 ธันวาคม 2565 แต่การเปิดตัวแคมเปญแบบแกรนด์โอเพนนิ่งจะเริ่มตั้งแต่วันนี้ (6 มกราคม 2566) และจะโหมโปรโมตต่อเนื่องไปอีก 3 เดือนจนถึงสิ้นเดือนมีนาคม

แคมเปญดังกล่าวเป็นแคมเปญการตลาดระดับภูมิภาคที่จะจัดขึ้นใน 7 ประเทศเอเชีย คือ 6 ประเทศอาเซียน และเกาหลีใต้ โดย “ไทย” กับ “อินโดนีเซีย” เป็น 2 ประเทศแรกที่เริ่มจัดก่อน ตอบรับการทัวร์คอนเสิร์ตของสาวๆ วง BLACKPINK

“ธานัท อนุตระกูลชัย” ผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์โอรีโอ และขนมขบเคี้ยวขนาดเล็ก และ “ณัฐธิดา อนันต์นาท” ผู้จัดการฝ่ายการตลาดกลุ่มสินค้าบิสกิตและชีส บริษัท มอนเดลีซ อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) จำกัด

“ณัฐธิดา อนันต์นาท” ผู้จัดการฝ่ายการตลาดกลุ่มสินค้าบิสกิตและชีส และ “ธานัท อนุตระกูลชัย” ผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์โอรีโอ และขนมขบเคี้ยวขนาดเล็ก บริษัท มอนเดลีซ อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่าแคมเปญนี้มอนเดลีซทุ่มงบไป 200 ล้านบาท สูงที่สุดที่โอรีโอภูมิภาคเอเชียเคยทำมา และคาดว่าจะทำให้ยอดขายโอรีโอในรอบ 3 เดือนแรกปีนี้พุ่งขึ้นเป็นเท่าตัว

รายละเอียดแคมเปญใหญ่ OREO x BLACKPINK ที่จะดันให้ยอดขายพุ่ง ได้แก่

  • แพ็กเกจสินค้าใหม่ลาย BLACKPINK พร้อมลายเซ็นสมาชิกวง
  • สินค้ารสชาติพิเศษ คุกกี้สีชมพูสอดไส้ครีมดาร์กช็อกโกแลต
  • สินค้าแบบซอง Slug (แบบแท่งราคา 30 บาท) สุ่ม QR CODE แสกนชมคลิปวิดีโอทักทายจากสมาชิกวง
  • สินค้าขนาด MP9 (แพ็กใหญ่ราคา 59 บาท) สุ่มแถมโฟโต้การ์ดรูปสมาชิกวง มีทั้งหมด 10 ลาย
  • ซื้อสินค้าครบ 199 บาท ผ่านช่องทางออนไลน์หรือโมเดิร์นเทรด แลกรับหมอนคุกกี้สีชมพู (มีจำนวนจำกัด)
  • ส่งซองสินค้าชิงรางวัลอัลบัม Born Pink พร้อมลายเซ็นจริงของสมาชิกครบ 4 คน มีทั้งหมด 8 รางวัล
  • จัดทำ TVC โปรโมตแคมเปญ
  • กิจกรรมอีเวนต์ ณ สยามสแควร์ วันที่ 6-7 มกราคม 2566 พร้อมมินิคอนเสิร์ตจากวง LAZ1
  • ระดมพล KOLs เพื่อโปรโมตแคมเปญตลอด 3 เดือน
OREO BLACKPINK
สินค้าลายพิเศษ และรสชาติพิเศษเฉพาะแคมเปญนี้ในแพ็กเกจสีชมพู

 

พลัง K-Pop ดึง Gen Z เลือกแบรนด์

อย่างไรก็ตาม ยอดขายระยะสั้นไม่ใช่สิ่งเดียวที่โอรีโอต้องการ สิ่งสำคัญอีกส่วนคือ แคมเปญนี้จะเป็นใบเบิกทางให้โอรีโอเข้าไปอยู่ในใจวัยรุ่น Gen Z มากขึ้น

จากปกติโอรีโอมีฐานลูกค้าหลักคือกลุ่ม ‘Family with Kids’ ซึ่งถึงแม้ตลาดจะยังไม่ได้อิ่มตัว แต่ณัฐธิดากล่าวว่า แบรนด์ก็ต้องหาทางขยายตลาดอื่นๆ เพิ่มอีก ทำให้มาลงตัวที่กลุ่ม Gen Z น้องๆ วัยมัธยมปลาย มหาวิทยาลัย จนถึงบางส่วนเป็นผู้ใหญ่ตอนต้นเริ่มทำงานแล้วระยะหนึ่ง ที่เลือกกลุ่มนี้เพราะเป็นกลุ่มที่กำลังซื้อเติบโตขึ้นเรื่อยๆ

OREO BLACKPINK

เมื่อจะเลือก Gen Z ปฏิเสธไม่ได้ว่าวัฒนธรรมที่มีอิทธิพลกับคนวัยนี้มากคือ K-Pop ข้อมูลจาก มูลนิธิเกาหลีใต้เพื่อแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมสากล เก็บสถิติทั่วโลกพบว่า ประเทศไทยเป็นประเทศอันดับ 3 ที่ชมคอนเทนต์เกี่ยวกับ K-Pop มากที่สุด และเป็นอันดับ 5 ที่ใช้จ่ายเฉลี่ยต่อเดือนไปกับ K-Pop มากที่สุดในโลก (หากวัดเฉพาะตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศไทยเป็นอันดับ 1)

ทั้งสนใจและยังพร้อมจ่ายด้วย โอรีโอจึงเลือกที่จะใช้คอนเทนต์ K-Pop ในการเจาะตลาด และเลือกวง BLACKPINK ในฐานะเกิร์ลกรุ๊ประดับซูเปอร์สตาร์ รวมถึงมีคาแรกเตอร์ “สนุกสนาน” เหมือนกับแบรนด์โอรีโอ

OREO BLACKPINK
ตัวอย่างการ์ดสะสมในแคมเปญ

ณัฐธิดากล่าวว่า ตลอดปีนี้จะได้เห็นแคมเปญการตลาดของโอรีโอมีการสื่อสารที่ไปถึงกลุ่ม Gen Z มากขึ้น แต่จะไม่ทิ้งกลุ่มครอบครัวและเด็กอย่างแน่นอน โดยอนาคตจะแบ่งสัดส่วนการทำตลาดเป็นกลุ่มครอบครัวและเด็ก 60% ขณะที่กลุ่ม Gen Z จะคิดเป็น 40%

 

ตลาดบิสกิตฟื้นตัว “โอรีโอ” ลุยคอลแลปแบรนด์เพิ่ม

ด้านข้อมูลตลาดบิสกิต อ้างอิงจากนีลเส็น รอบเดือนพ.ย.64 – ต.ค. 65 ตลาดบิสกิตมีมูลค่า 14,182 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 6% ซึ่งณัฐธิดามองว่าเป็นการเติบโตที่ดีมาก เพราะปกติตลาดนี้มักจะโตไม่เกิน 3% ต่อปี อย่างไรก็ตาม ตลาดบิสกิตโดยรวมยังมีมูลค่าต่ำกว่าช่วงปี 2562 (ก่อนโควิด-19) อยู่เล็กน้อย

ตลาดบิสกิตนั้นจะประกอบด้วยหมวดย่อยๆ 4 หมวด คือ คุกกี้ แครกเกอร์ เวเฟอร์ และไบต์ไซส์ ซึ่งโอรีโอเกือบทุก SKUs ถูกจัดอยู่ในกลุ่มคุกกี้

เฉพาะตลาดคุกกี้ในรอบปีที่ผ่านมานั้นติดลบเล็กน้อย -1% แต่โอรีโอยังสามารถโตสวนตลาดได้ โดยเติบโต 5% มาจากการโปรโมตการตลาดตลอดปี

เมนูคอลแลปของโอรีโอกับแบรนด์ขนม-เครื่องดื่ม ปี 2566 จะบุกตลาดนี้เพิ่มขึ้นอีก

นอกจากการขายผ่านรีเทลแล้ว ในระยะหลังโอรีโอยังหันมาเน้นการ “คอลแลป” กับแบรนด์ขนม/เครื่องดื่มเพิ่มขึ้น เราจะคุ้นเคยกันดีกับเมนูโอรีโอในร้านของหวานอย่าง “แดรี่ควีน” และ “สเวนเซ่นส์” ซึ่งโอรีโอเริ่มนำโมเดลนี้มาใช้มากขึ้นกับแบรนด์อื่นๆ

เมื่อปี 2565 โอรีโอได้เซ็นสัญญาเมนูคอลแลประยะยาวเพิ่มได้อีก 2 ราย คือ “คาเฟ่ อเมซอน” และ “เต่าบิน” รวมถึงมีคอลแลปเมนูระยะสั้นขายตามเทศกาล 5 ราย คือ คริสปี้ ครีม, Captain Squid, O-li-no, Gram และ Beard Papa

สัดส่วนยอดขายโอรีโอมาจากการขายให้คอลแลปแบรนด์เหล่านี้ประมาณ 5-10% แม้จะยังน้อยอยู่แต่ปีที่ผ่านมาเติบโตเป็นเท่าตัว และทำให้แบรนด์เห็นโอกาสที่จะทำยอดในกลุ่ม B2B แบบนี้เพิ่มขึ้นอีกในปี 2566 โดยแย้มมาแล้วว่า จำนวนการคอลแลป ‘ต้องมากกว่า’ ปีที่แล้วแน่นอน!

]]>
1414743
“ตันซันซู” พระเอก Non-Tea ความหวังใหม่ของ “อิชิตัน” ทำลายกำแพงรายได้หมื่นล้าน! https://positioningmag.com/1410129 Sun, 27 Nov 2022 06:26:00 +0000 https://positioningmag.com/?p=1410129 เมื่อเทรนด์เกาหลีที่มาแรงแบบเกินต้าน เป็น Soft Power ที่ทำให้ในไทยมีร้านอาหารเกาหลี คาเฟ่เกาหลีเปิดใหม่มากขึ้น แบรนด์เครื่องดื่มก็จำเป็นต้องจับเทรนด์นี้ให้อยู่หมัด “อิชิตัน” จึงขอบุกตลาด K-pop เป็นครั้งแรก ส่ง “ตันซันซู” โซจูแบบไร้แอลกอฮอล์จับเซ็กเมนต์น้ำอัดลม พ่วงความหวังเป็นพระเอกกลุ่ม Non-Tea ช่วยอัพรายได้สู่หมื่นล้าน

บุกหนัก Non-Tea เปิดตลาดน้ำอัดลม

ถ้าพูดถึงแบรนด์ “อิชิตัน” หลายคนจะนึกถึงสินค้าชาเขียวเป็นหลัก เนื่องจากมีภาพจำต่อเนื่องกับ “ตัน ภาสกรนที” ที่อยู่ในตลาดชาเขียวมาอย่างยาวนาน แต่ตลาดชาเขียวเริ่มมีความผันผวน ไม่ได้เติบโตมากมายเหมือนช่วง 10 ปีก่อน อีกทั้งยังโดนพิษการตลาด ภาษีน้ำตาล ทำให้ตลาดมีการสะดุดไปเล็กน้อย

อิชิตันจึงต้องบุกตลาดอื่นที่เป็นกลุ่ม Non-Tea เพื่อกระจายความเสี่ยง และสร้างรายได้ให้มากขึ้น ตั้งแต่แรกที่สร้างแบรนด์ได้มีสินค้ากลุ่ม “น้ำด่าง” ออกมาตีตลาดคนรักสุขภาพ มีการเพิ่มรสชาติใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง แต่แค่กลุ่มน้ำด่างคงไม่เพียงพอต่อการสร้างพอร์ตกลุ่มนี้ให้โตให้ได้ดั่งใจ อิชิตันจึงต้องแตกไลน์ไปกลุ่มใหม่ นั่นก็คือ “น้ำอัดลม”

อิชิตันได้เปิดตัวแบรนด์ “ตันซันซู” เมื่อช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เป็นเครื่องดื่มโซดารสชาติเหมือนโซจู หรือเหล้าเกาหลี มีรสผลไม้ แต่ไม่มีแอลกอฮอล์ และน้ำตาล ประเดิมด้วย 2 รสชาติโซจูบอมบ์ และโยเกิร์ต ขนาด 360 มิลลิลิตร ราคา 20 บาท เป็นการวาง Positioning ในกลุ่ม “น้ำอัดลม” หรือกลุ่มน้ำสีนั่นเอง

เหตุผลในการบุกตลาดน้ำอัดลมนั้น ง่ายๆ เลยก็คือ ตลาดใหญ่มาก มูลค่าการตลาดสูง มีมูลค่าใหญ่เป็นอันดับ 2 ของตลาดเครื่องดื่ม ปัจจุบันมีมูลค่า 42,695 ล้านบาท เติบโต 5.5% แบ่งเป็นน้ำดำ 36,000 ล้านบาท หรือมีสัดส่วน 72% เติบโต 6.2% ส่วนน้ำสีมีมูลค่า 12,000 ล้านบาท มีสัดส่วน 28% เติบโต 3.8%

ที่น่าสนใจคือตลาดไม่มีน้ำตาล หรือ Sugar Free แม้จะยังมีขนาดเล็ก แต่มีการเติบโตสูง เพราะด้วยเทรนด์การดูแลสุขภาพมากขึ้น น้ำดำแบบไม่มีน้ำตาล มีการเติบโต 20.2% ส่วนน้ำสีแบบไม่มีน้ำตาล เติบโต 57.2%

ด้วยตลาดที่ใหญ่ขนาดนี้ จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้อิชิตันต้องแตกไลน์สินค้าใหม่ จะอยู่เพียงแค่ชาเขียวแบบเดิมไม่ได้ อีกทั้ง ตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ได้บอกว่า จริงๆ อยากทำน้ำอัดลมตั้งแต่ 3 ปีก่อนแล้ว แต่มาติดช่วง COVID-19 พอดี ปีนี้ได้ลงทุนเครื่องจักรที่สามารถทำน้ำอัดลมได้ เลยทำสินค้าใหม่ขึ้นมา

นอกใจญี่ปุ่น จับเทรนด์เกาหลีครั้งแรก

ในการเปิดตัวตันซันซูครั้งนี้ คุณตันถึงเอ่ยปากเลยว่า “รู้สึกเขิลๆ” เพราะต้องนอกใจญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก หลังจากทำตลาดญี่ปุ่นมากว่า 20 ปี แล้วต้องมาทำตลาดเกาหลีในปีนี้ แต่คุณตันก็บอกว่าเป็นไปตามเทรนด์ เพราะตนเองไม่สามารถเป็น CEO ได้ตลอด ต้องมีสินค้าที่จับคนรุ่นใหม่เข้ามาบ้าง

“อยู่กับญี่ปุ่นมา 20 ปี เป็นครั้งแรกที่เดินออกจากญี่ปุ่นมาเกาหลี ยังเขินๆ อยู่ ต้องยอมรับว่าเกิดจากสังคมของลูกหลาน แฟนคลับที่เรียกร้อง ถ้าอยากจับ K-pop แต่มาทำญี่ปุ่นก็ทำไม่ได้ แต่วัฒนธรรมญี่ปุ่นกับเกาหลีก็ใกล้เคียงกันอยู่ ตอนนี้ต้องโฟกัสธุรกิจคนรุ่นใหม่ แต่ก่อนทำธุรกิจชาญี่ปุ่นมาตลอด แต่ตอนนี้ต้องหาเทรนด์ใหม่ๆ” 

เบื้องหลังในการพัฒนาตันซันซูขึ้นมา ใช้เวลาประมาณ 1 ปี เริ่มต้นจากคุณตันพบเห็นบรรยากาศรอบตัว ทั้งเวลาจัดงานเลี้ยงที่บ้าน ลูกๆ ก็ชอบซื้อโซจูมาสังสรรค์ หรือเวลาไปสนามบิน ก็จะเจอแฟนคลับกลุ่มศิลปินเกาหลีมาเฝ้ารอศิลปินกันอย่างเนืองแน่น พร้อมกับบอกคุณตันว่าอยากให้คุณตันทำสินค้าที่เกี่ยวกับเกาหลี หรือดึงศิลปินเกาหลีมาเป็นพรีเซ็นเตอร์

คุณตันจึงเริ่มเห็นโอกาสอันมหาศาลของ K Wave หรือคลื่นของ K-pop ที่ถาโถมในไทย และทั่วโลก มีข้อมูลว่าปัจจุบันตลาด K-POP Community ประเทศไทยสูงเป็นอันดับ 6 ของโลกด้วยมูลค่าสินค้าและบริการกว่า 9.63 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 350 ล้านบาท เป็นตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยกลุ่ม Gen Z ซึ่งมีความเป็นกลุ่มก้อนเหนียวแน่นชัดเจน

เห็นได้จากการรวมพลังเพื่อสนับสนุนศิลปินที่รักเต็มที่ เช่น การ sold out ของแทบทุกคอนเสิร์ต การสร้างปรากฏการณ์ห้างแตก การมีด้อมระดับนานาชาติที่ทรงพลังในโซเชียลมีเดียเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและทรงพลัง เมื่อมองในภาพรวมสัดส่วนประชากรไทย Gen Z มีสัดส่วนถึง 23% มีบทบาทสำคัญในตลาดอุปโภคบริโภค มีอำนาจในการตัดสินใจเลือกและจับจ่ายสินค้าที่เหมาะกับตนเอง ดังนั้น การเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมใหม่นี้จึงส่งผลให้อิชิตันพัฒนาเครื่องดื่มที่ตอบสนองพลังร่วมสมัย และเป็นการพลิกโฉมยุคใหม่ของอิชิตันด้วย

นอกจากนี้ไทยยังได้รับอิทธิพลจากเกาหลีในหลายๆ ด้าน ทั้งแฟชั่น เครื่องสำอาง อาหาร ซีรีส์ บันเทิง รวมไปถึงการท่องเที่ยว คนไทยไปเที่ยวเกาหลีมากขึ้นถึง 12.1% ในช่วงก่อน COVID-19 ทุกอย่างล้วนเป็นอิทธิพลจากเทรนด์ของเกาหลีทั้งสิ้น

โดยเฉพาะ K-drink จะเห็นได้ว่าช่วงปีที่ผ่านมาเราได้เห็นโซจูเป็นหนึ่งในวงสังสรรค์มากขึ้น ตลาดโซจูโตมากกว่า 100% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา มีมูลค่า 1,000 ล้านบาท และยังไม่เคยมีที่ไหนพัฒนาโซจูแบบไม่มีแอลกอฮอล์เลยด้วย

ส่วนชื่อตันซันซู แปลว่า น้ำซ่า คุณตันเล่าว่าก่อนจะเป็นชื่อนี้มีการคิดด้วยกันหลายชื่อ ทั้งอิชิตันโซดา, อิชิตันบอมบ์ แต่ตันซันซูก็ชนะในที่สุด เพราะได้ฟีลเกาหลีเกาใจ และยังสื่อถึงอิชิตันด้วย

เป้าหมายใหญ่ กับรายได้หมื่นล้าน!

ตลาดชาพร้อมดื่มในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา มีการเติบโต 23% มีมูลค่า 10,380 ล้านบาท คาดการณ์ว่าทั้งปี 2022 จะมีมูลค่า 13,000 เติบโต 20% เรียกว่าเป็นการเติบโต 2 หลักในรอบ 5 ปี โดยในช่วงก่อน COVID-19 เคยมีมูลค่า 16,000 ล้านบาท ปัจจัยหลักที่ทำให้ตลาดชาพร้อมดื่มมีการเติบโต ส่วนใหญ่มาจากการคลายล็อกดาวน์ มาตรการเปิดเมือง เปิดเศรษฐกิจ ทำให้ยอดขายในร้านสะดวกซื้อเติบโตได้ดี แต่ในปีหน้าคาดการณ์ว่าตลาดจะเติบโต 15-20%

ในการออกตันซันซูในครั้งนี้ คุณตันคาดหวังว่าตัวนี้จะเป็นตัวเอกหลักของกลุ่ม Non-Tea ในการสร้างรายได้ให้มากขึ้น เรียกว่าเป็น “ความหวังใหม่” ก็ว่าได้ เพราะตอนนี้กลุ่ม Non-Tea มีสัดส่วนรายได้แค่ 4% เท่านั้น เพราะก่อนหน้านี้มีสินค้าเพียงแค่น้ำด่างแค่ตัวเดียว ตั้งเป้าให้มีสัดส่วน 12% ในปีหน้า

โดยคุณตันมีเป้าหมายใหญ่ก็คือรายได้ทะลุ 10,000 ล้านบาท เคยตั้งเป้ามา 4-5 ปีแล้ว แต่ที่ผ่านมามีสะดุดทั้งเรื่องภาษีน้ำตาล เรื่องโปรโมชัน และ COVID-19 ในปีนี้เริ่มมีสัญญาที่ดีขึ้น เป็นปีแรกที่รายได้ของไตรมาส 3 ชนะช่วงไตรมาส 2 หลังจากล้มลุกคลุกคลานมาหลายปี

อีกหนึ่งสัญญาณที่คุณตันมองว่าตันซันซูจะเป็นความหวังใหม่ได้นั้น เนื่องจากหลังที่วางตลาดได้ไม่นาน สินค้าก็ได้ขาดตลาด อิชิตันเคยเกิดปรากฏการณ์นี้ก็ตอนออก “เย็นเย็น” เมื่อ 6-7 ปีที่แล้ว ขาดตลาดเช่นเดียวกัน จึงมองว่าสินค้าน่าจะได้รับการตอบรับดี

สำหรับตันซันซูจะทำการตลาดแนว Real Korean นอกจากจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อ และโมเดิร์นเทรดทั่วไปแล้ว มีแผนจะเข้าร้านอาหารเกาหลี และซูเปอร์มาร์เก็ตเกาหลีเพิ่มเติม ส่วนถ้าจะมีพรีเซ็นเตอร์ ก็ต้องเป็นคนเกาหลีจริงๆ จะเป็นศิลปิน หรือนักแสดง ยังคงเป็นความลับ อาจจะได้เห็นในช่วงปีหน้าก็เป็นได้

]]>
1410129
“สเวนเซ่นส์” คอลแลปส์ BLACKPINK ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ขอดึง K-Pop ปรับลุคให้วัยรุ่น https://positioningmag.com/1395723 Wed, 10 Aug 2022 13:00:28 +0000 https://positioningmag.com/?p=1395723

คอลแลปส์ BLACKPINK ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ 

แน่นอนว่า สเวนเซ่นส์ก็ต้องไปให้สุดด้วยการ Collaboration กับวง BLACKPINK นั่นเอง ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของแบรนด์ที่มีการคอลแลปส์กับวง K-Pop ใช้พลังของ K-Pop สร้างการรับรู้ให้มากขึ้น และปรับลุคแบรนด์ให้เด็กลง ด้วยแคมเปญ BLACKPINK LOVE SWENSEN’S

การคอลแลปส์ร่วมกันในครั้งนี้จะแตกต่างจากแคมเปญอื่นๆ ที่เราเคยเห็น ทางสเวนเซ่นส์นำ “คาแรคเตอร์” ของสมาชิกวง BLACKPINK มาใช้ในการดีไซน์สินค้าเมอร์เชนไดร์ส ของพรีเมียมต่างๆ ไม่ได้ดึงตัวศิลปินตัวจริงๆ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์

สเวนเซ่นส์ได้นำคาแรคเตอร์ของ BLACKPINK มาสวมชุดยูนิฟอร์มเป็นสาวสเวนเซ่นส์ สินค้าเมอร์เชนไดร์สมีตั้งแต่พวงกุญแจ, แก้วน้ำ, หมอน, กระเป๋าผ้า, กระเป๋าเก็บความเย็น, บัตรสเวนเซ่นส์ 4 ลาย และ Special Box ที่พิเศษด้วยบัตรสเวนเซ่นส์ลายพิเศษอีก 1 ใบ พร้อมกับโปสการ์ดที่มาคู่กับลายเซ็นของทั้ง 4 สาว สินค้ามีราคาเริ่มต้นที่ 249 บาท ไปจนถึง 1,200 บาท

เหตุผลที่ทางสเวนเซ่นส์เลือกวง BLACKPINK นั้น ทางอนุพนธ์ นิธิยานันท์ ผู้จัดการทั่วไปบริษัท สเวนเซ่นส์ (ไทย) จำกัด บอกว่า

ถ้าดูวงแบรนด์เกาหลีในระดับท็อปๆ ก็คือ BLACKPINK มีความหวานๆ เข้ากับไอศกรีมอยู่ด้วย และมีลิซ่าที่เป็นคนไทยอยู่ในวง ผู้บริโภคเอาตุ๊กตาไปตั้งก็ยังเห็นแบรนด์สเวนเซ่นส์อยู่

การทำแคมเปญนี้ถือว่าหลุดจากความเป็นสเวนเซ่นส์อย่างมาก ก่อนหน้านี้อาจจะเคยขายสินค้าเมอร์เชนไดร์ส เคยทำแคมเปญร่วมกับเซเลบริตี้ แต่ยังไม่เคยร่วมงานกับศิลปิน หรือเซเลประดับอินเตอร์ อนุพนธ์พูดติดตลกว่า

“เป็นการหลุดกรอบจากเมนูข้าวเหนียวมะม่วง และข้าวเหนียวทุเรียน”


ต้องขยายฐานกลุ่มใหม่ 

โจทย์ใหญ่ที่สำคัญของสเวนเซ่นส์อีกอย่างหนึ่งก็คือ การทำให้แบรนด์เด็กลง ขยายฐานสู่ลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ มากขึ้นเรื่อยๆ โดยที่กลุ่มลูกค้าหลักในปัจจุบันส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มครอบครัวที่มาพร้อมกับเด็กๆ

ต้องดีไซน์สินค้าให้ตอบโจทย์ทุกกลุ่มเป้าหมายด้วย อย่างกลุ่มเด็กๆ ได้มีการดีไซน์ถ้วยไอศกรีมสำหรับเด็กมากขึ้น มีการขายเป็นคอลเล็กชั่นใหม่ๆ หรืออย่างก่อนหน้านี้ที่สเวนเซ่นส์ได้เปิดตัว “สเวนเซ่นส์ คราฟท์ บาร์” บาร์ทำไอติมสดในร้าน ก็เพื่อจับกลุ่มนิวเจนคนรุ่นใหม่มากขึ้น ปัจจุบันมีทั้งหดม 3 สาขาแล้ว ได้แก่ สยามพารากอน, เซ็นทรัลเวิลด์ และแฟชั่นไอส์แลนด์

สำหรับกลุ่มเป้าหมายหลักที่เป็นกลุ่มครอบครัว ก็มีเมนู “ข้าวเหนียมมะม่วง” และข้าวเหนียวทุเรียนเป็นตัวชูโรง พร้อมกับมีเมนูใหม่ๆ ที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเร็วขึ้น จากเดิมที่เปลี่ยนทุก 3 เดือน ตอนนี้เปลี่ยนทุก 2 เดือน เพื่อสร้างความตื่นเต้นมากขึ้น

สำหรับแคมเปญนี้ สเวนเซ่นส์คาดว่าจะสามารถดึงดูดกลุ่มลูกค้าอายุ 15-25 ปี ให้เข้าร้านมากขึ้น สินค้าเมอร์เชนไดร์สต่างๆ จะสร้างพลังให้แบรนด์ดูเด็กลงได้

สินค้าต่างๆ จะเริ่มจำหน่ายในวันที่ 10 ส.ค. 2565 ที่ร้านสเวนเซ่นส์ทุกสาขา สินค้ามีจำนวนจำกัด และ Limited ในช่วง 2 เดือนนี้เท่านั้น หรือจนกว่าสินค้าจะหมด

]]>
1395723
เปิดเส้นทาง JOOX Thailand Music Awards เวทีประกาศรางวัลทางดนตรีสุดยิ่งใหญ่แห่งปีของไทยและเป็นหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญที่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเพลงไทย https://positioningmag.com/1381437 Tue, 12 Apr 2022 11:00:42 +0000 https://positioningmag.com/?p=1381437

ต้องบอกว่าวิวัฒนาการฟังเพลงของคนไทยมีการเปลี่ยนแปลงตามยุคสมัยตลอดเวลา จากการฟังเพลงจากเทป ซีดี หรือวิทยุก็เริ่มฟัฒนาสู่แพลตฟอร์มออนไลน์ มาจนถึงแพลตฟอร์มสตรีมมิงต่างๆ ซึ่งหลายคนต้องนึกถึง JOOX เป็นหนึ่งในใจอันดับต้นๆ

JOOX เป็นแพลตฟอร์มมิวสิคสตรีมมิงภายใต้ เทนเซ็นต์ ประเทศไทย ที่ปัจจุบันก้าวขึ้นมาเป็น “แอปคอมมูนิตี้ของคนรักเสียงเพลงและความบันเทิงอันดับ 1 ของไทย”  ที่มีความแมสและครองใจคนไทยมาตั้งแต่วันแรกจนปัจจุบัน คงเป็นเพราะจุดเด่นด้วยเพลงและกิจกรรมที่หลากหลาย โดยเฉพาะเพลงไทย รวมไปถึงเพลงสากล K-Pop และอีกมากมายทั้งเพลงในกระแส นอกกระแส ทุกยุค ทุกแนว

นอกจากเพลง JOOX ยังพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆ มาสร้างสีสันความบันเทิงอย่างต่อเนื่อง อย่าง คาราโอเกะ พอดแคสต์ วิทยุออนไลน์ JOOX BUZZ รวมถึงห้องแชทแบบเห็นหน้าอย่าง JOOX ROOMS เป็นต้น

ยังไม่หมดเท่านี้ JOOX ยังมุ่งมั่นขับเคลื่อนศิลปินและอุตสาหกรรมเพลงของไทยให้เติบโตไปด้วยกัน ผ่านการริเริ่มจัดงานสำคัญของวงการ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ JOOX Thailand Music Awards งานประกาศรางวัลทางดนตรี เพื่อคนดนตรี เพื่อผู้ฟัง และเพื่อทุกคน

 


เวทีเพื่อคนดนตรีที่แท้ทรู

JOOX Thailand Music Awards หรือ JTMA ถือเป็นงานประกาศรางวัลทางดนตรีที่เรียกได้ว่าใหญ่ที่สุดของประเทศ เริ่มจัดครั้งแรกในปี 2017 และยืนหยัดจัดงานจนก้าวสู่ปีที่ 6 นั่นเพราะ JOOX ต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับอุตสาหกรรมเพลงไทยให้พัฒนาขึ้นอย่างมีศักยภาพ ไปพร้อมๆ กับเป็นสื่อกลางที่คอยเชื่อมโยงศิลปินเข้ากับแฟนเพลงอย่างเหนียวแน่น


เส้นทางความปังต่อเนื่อง 6 ปี

การจัดงานแฟล็กชิพอีเวนต์ต่อเนื่องถึง 6 ปีไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์ความไม่แน่นอนจากวิกฤติโควิด-19 แต่ JOOX กลับขอยืนหนึ่งจัด JOOX Thailand Music Awards อย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม JOOX ก็มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในแต่ละปีพร้อมวางคอนเซ็ปต์ และแนวคิดการจัดงานในแต่ละครั้งให้สดใหม่ ไม่ซ้ำกัน

ถ้างานประกาศรางวัลด้านภาพยนตร์มีการเดินพรมแดง งาน JOOX Thailand Music Awards ก็มีกิมมิกเก๋ๆ เป็นการเดิน “พรมเขียว” หรือ Green Carpet Walk จากเหล่าศิลปิน และคนดังที่มาร่วมงาน เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก

ลองมาย้อนไทม์ไลน์ในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา JOOX Thailand Music Awards

เริ่มจัดตั้งแต่ปีแรก 2017 ก็ได้ศิลปินจากทั่วฟ้าเมืองไทยเหล่าคนบันเทิงทางดนตรีเข้าร่วมงานเดินพรมเขียวกันอย่างคับคั่ง พร้อมโชว์สุดพิเศษจากศิลปินจากทุกแนวเพลง เช่น เก่ง ธชย, ปราโมทย์ ปาทาน, ก้อง ห้วยไร่ เป็นต้น

ปีที่ 2 ในปี 2018 ถูกจัดขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ VERY THAI ENTERTAINMENT ที่แตกยอดความคิดมาจากการแสดง การละเล่น และกีฬาของไทย มาดัดแปลงแล้วผสมให้เข้ากับดนตรี และเทคนิคแสง สี เสียงด้วยความลงตัว พร้อมสุดยอดโชว์จากสุดยอดศิลปินมากมายที่แสดงให้เห็น “สีสันความเป็นไทย” อาทิ การโซโลเมดเลย์เพลงฮิตโดย ฮาย – อาภาพร นครสวรรค์, โชว์สุดยิ่งใหญ่จาก Slot Machine

ปี 2019 มาพร้อมคอนเซปต์ “ดนตรีไร้พรมแดน” Music Without Boundaries ซึ่งทำให้ในปีนี้ได้มีโชว์ที่ศิลปินต่างสไตล์มาผสานแนวเพลงที่แตกต่างบนเวทีอย่างลงตัว โดยภายในงานเต็มไปด้วยศิลปินจากหลากค่ายกว่า 200 ชีวิตมาร่วมงานรวมไปถึงสองศิลปินจากต่างประเทศที่ได้มาร่วมงานอย่าง Hollaphonic และ Honne

ปี 2020 กับคอนเซ็ปต์ Music Connects ให้ดนตรีเชื่อมต่อกับทุกสิ่ง และได้พลิกรูปแบบการจัดงานสู่รูปแบบ Online Only เต็มตัวเป็นครั้งแรก ด้วยการประกาศรางวัลผ่านไลฟ์สตรีมมิง ซึ่งยังคงได้รับกระแสตอบรับจากแฟนเพลงอย่างถล่มทลาย

ปี 2021 ถูกเนรมิตขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ Make it BUZZ และยังคงจัดงานเป็นรูปแบบออนไลน์ แต่ฉีกกรอบความสนุกแบบเดิม กับครั้งแรกของการประกาศรางวัลผ่านฟีเจอร์วิดีโอสั้น JOOX BUZZ ที่ JOOX นำมาใช้ในการจัดงานตั้งแต่การประกาศรายชื่อศิลปินที่เข้าชิง การโปรโมทงาน การโหวต ไปจนถึงการประกาศผลรางวัล

ปีนี้มาในคอนเซ็ปต์ ‘Live Your Music’ ผ่านแนวคิด ‘เพราะดนตรีคือชีวิต ไม่ว่าจะอยู่โมเมนต์ไหนของชีวิต เราทุกคนมีเสียงดนตรีที่คอยเป็นพลังให้อยู่เสมอ’ พลิกโฉมจัดงานประกาศรางวัลในรูปแบบ Hybrid โดยแฟนเพลงรับชมได้จากไลฟ์การประกาศรางวัลทางแอปพลิเคชัน JOOX


การันตีการเป็นเวทีประกาศรางวัลอันทรงคุณค่าเพื่อคนดนตรี และเพื่อคนไทยทุกคน 

ตัวตนและจุดเด่นของงาน JTMA คือ การเป็นเวทีมอบรางวัลเพื่อคนดนตรี ที่มีผลงานโดดเด่น และโดนใจผู้ฟังในด้านต่างๆ ซึ่งคนไทยทุกคนเป็นส่วนหนึ่งของผลการตัดสิน เพราะผลการตัดสินมาจากยอดการสตรีมบน JOOX ตลอดระยะเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา และจากแรงโหวตของแฟนเพลงทั่วประเทศ คนเบื้องหน้า และเบื้องหลังวงการเพลง ตลอดจนสื่อมวลชน เพื่อให้ทุกคนได้มีส่วนร่วม สนุก ส่งแรงเชียร์ และเสียงโหวตไปให้ศิลปินคนโปรด

ทุกรางวัลจึงสามารถสะท้อนให้เห็นถึงความสามารถของศิลปินที่สร้างสรรค์เพลงได้โดนใจผู้ฟังได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญได้ร่วมเชิดชูศักยภาพ และความสามารถของศิลปิน เพื่อให้มีกำลังใจในการสร้างสรรค์ผลงานเพลงที่มีคุณภาพต่อไป

ตลอดระยะเวลา 6 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2017-2022 เวที JTMA ได้มอบรางวัลให้เหล่าศิลปินรวม 72 รางวัลโดยในแต่ละปีได้รับการตอบรับจากแฟนเพลงถล่มทลาย ตั้งแต่ช่วงเริ่มประกาศการจัดงาน การเปิดโหวต และช่วงการประกาศรางวัล นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งงานประกาศรางวัลที่ทั้งตัวศิลปิน และแฟนเพลงทุกคนรอคอย


กลับมาสร้างความประทับใจอีกครั้ง! กับงาน JTMA 2022 กับคอนเซ็ปต์ ‘Live Your Music’

เพราะดนตรีคือชีวิต ไม่ว่าจะอยู่โมเมนต์ไหนของชีวิต เราทุกคนมีเสียงดนตรีที่คอยเป็นพลังให้อยู่เสมอ JOOX จึงยืนหยัดจัด JTMA 2022 เพื่อนำเสียงเพลงไปมอบความสุข และรอยยิ้มให้คนไทยอีกครั้ง โดยงานจัดขึ้นเมื่อวันที่ 5 เมษายนที่ผ่านมา

เป็นอีกหนึ่งปีที่ JOOX สร้างความประทับใจและส่งต่อกำลังใจให้ศิลปิน ด้วยรางวัลอันทรงเกียรติถึง 12 สาขา โดยศิลปินที่มีผลงานโดดเด่น โดนใจคนไทยมากที่สุดแห่งปี 2022 ได้แก่

1.รางวัลศิลปินแห่งปี (Artist of the Year) Three Man Down 

2.รางวัลเพลงแห่งปี (Song of the Year) พิง Ost. กระเช้าสีดาศิลปิน NONT TANONT

3.รางวัลศิลปินหน้าใหม่แห่งปี (Best New Artist) 4EVE

4.รางวัลเพลงต่างประเทศแห่งปี (International Song of the Year) Leave The Door Open ศิลปิน Bruno Mars, Anderson. Paak, Silk Sonic

5.รางวัลเพลงลูกทุ่ง l ไทบ้านแห่งปี รักควรมีสองคนศิลปิน พร จันทพร, เนย ภัสวรรณ พอดีม่วน

6.รางวัลเพลงเกาหลีแห่งปี (Korean Song of the Year) MONEY ศิลปิน LISA

7.รางวัลเพลงป๊อปแห่งปี (Pop Song of the Year) พิง Ost. กระเช้าสีดาศิลปิน NONT TANONT

8.รางวัลเพลงอินดี้แห่งปี (Indie Song of the Year) แฟนเก่าคนโปรดศิลปิน SLAPKISS

9.รางวัล Best Collaboration Song of the Year เพื่อนเล่น ไม่เล่นเพื่อน (Just Being Friendly) ศิลปิน Tilly Birds ft. MILLI

10.รางวัล Top Social Thai Artist of the Year เป๊ก ผลิตโชค

11.รางวัล Top Social Global Artist of the Year Xiao Zhan

12.รางวัลTop ROOMS of the Year นุ๊ก ปาย

ต้องยอมรับว่า JOOX Thailand Music Awards เป็นเวทีการประกาศรางวัลทางดนตรีของไทย ที่คนทั้งประเทศเฝ้ารอคอย และติดตามจริงๆ เพราะปีนี้ก็สามารถสร้างปรากฎการณ์และสร้างการมีส่วนร่วมจากแฟนๆ ได้อย่างถล่มทลาย โดยมีแฟนๆ เข้ามาร่วมทำกิจกรรมบนฟีเจอร์ JOOX ROOMS ถึงกว่า 100,000 คนต่อวัน มีการให้ของขวัญ (Gift) แก่ศิลปินมากกว่า 2 ล้านครั้ง ร่วมคอมเมนต์บนฟีเจอร์ถึงกว่า 500,000 ครั้ง และมียอดการเข้าชมช่วงไลฟ์ประกาศรางวัลเกือบ 200,000 ครั้ง

ปีนี้ JOOX ยังคงจัดเต็มความสนุกอัดแน่นไปด้วยไฮไลท์เด็ด ทั้งคอนเสิร์ตจากศิลปินที่ผลัดกันมาแสดงและร่วมลุ้นรางวัลไปพร้อมกันภายในงานตลอด 3 ชั่วโมง และมีศิลปินแถวหน้าของประเทศไทยเข้าร่วมงาน และเปิดเวทีสร้างความสนุกให้ทุกคนอย่างคับคั่ง ไม่ว่าจะเป็น นนท์ ธนนท์ , หยิ่น-วอร์, AR3NA, Mirrr, SLAPKISS, Patrickananda

ปีหน้า JOOX Thailand Music Awards จะเตรียมอะไรมาเซอร์ไพรส์ และสร้างสีสันให้กับคนดนตรี และคนไทยอีก เราคงต้องติดตาม แต่เชื่อว่าไม่ผิดหวังแน่นอน

]]>
1381437
Squid Game ฮิตจัดจนคนเรียน “ภาษาเกาหลี” พุ่งทะยานในแอปฯ Duolingo https://positioningmag.com/1356312 Tue, 12 Oct 2021 12:03:56 +0000 https://positioningmag.com/?p=1356312 Soft Power วัฒนธรรมเกาหลีเบ่งบานหลังกระแสสุดฮิตของ ‘Squid Game’ ล่าสุดแอปฯ สอนภาษา “Duolingo” มีผู้ใช้จากสหรัฐฯ และอังกฤษเข้าเรียน “ภาษาเกาหลี” พุ่งทะยาน

หลัง Squid Game ซีรีส์เกมเอาตัวรอดเพื่อชิงรางวัลมหาศาลเกิดกระแสฟีเวอร์ทั่วโลก ทำให้วัฒนธรรมเกาหลีได้รับแสงสปอตไลท์จากโลกตะวันตกมากขึ้น ล่าสุดคือเรื่อง “ภาษาเกาหลี” ที่มีผู้สนใจเรียนสูงขึ้น

สำนักข่าว Reuters รายงานกระแสในสถาบันติวเตอร์ พบว่าผู้เรียนสนใจเรียนภาษาเกาหลีสูงขึ้นมาก “ตอกย้ำความคลั่งไคล้ไปทั่วโลกของวัฒนธรรมเกาหลี ตั้งแต่อุตสาหกรรมบันเทิงจนถึงผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง”

แอปพลิเคชัน Duolingo ซึ่งเป็นแอปฯ ฝึกเรียนภาษาต่างๆ พบว่า มีผู้เรียนอเมริกันสนใจเรียนภาษาเกาหลีเพิ่มขึ้นราว 40% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งการเติบโตค่อนข้างจะราบเรียบ

ขณะที่ผู้เรียนชาวอังกฤษสนใจภาษาเกาหลีเพิ่มขึ้นถึง 76% และแม้ว่าข้อมูลจะยังไม่เป็นทางการ แต่ Duolingo คาดว่าขณะนี้ภาษาเกาหลีเป็นภาษาอันดับ 2 ที่มีการเติบโตของผู้เรียนมากที่สุดรองจากภาษาฮินดี ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะแรงบันดาลใจจากซีรีส์ Squid Game

“ภาษาและวัฒนธรรมนั้นสัมพันธ์กันโดยธรรมชาติ และหลายครั้งที่เมื่อมีอะไรเกิดขึ้นในวัฒนธรรมป๊อปของโลกก็มักจะมีอิทธิพลต่อเทรนด์การเรียนภาษานั้นๆ ด้วย” แซม ดาลซีเมอร์ โฆษกของ Duolingo กล่าว

คลื่นวัฒนธรรมเกาหลีนั้นไม่ใช่เรื่องชั่วครู่ชั่วคราวอีกต่อไปแล้ว วัดได้จากกระแสสัปดาห์นี้ พจนานุกรม Oxford English Dictionary เพิ่งจะเพิ่มคำทับศัพท์จากภาษาเกาหลีลงในสารบบถึง 26 คำ เช่น คำว่า “hallyu” (ฮัลลิว) ซึ่งในที่นี้แปลว่า คลื่นวัฒนธรรมเกาหลี และมักจะใช้ในนิยามถึงความสำเร็จของป๊อปคัลเจอร์ของเกาหลีที่นิยมไปทั่วโลก

ซุนฮยอนวู ผู้ก่อตั้ง Talk To Me แพลตฟอร์มอี-เลิร์นนิ่งด้านภาษาเกาหลี บอกกับ Reuters ว่า ตอนนี้เขามีลิสต์ผู้เรียนที่รอต่อคิวอยู่อีกหลายพันคน ผลมาจากกระแส Squid Game ที่ยังฮิตไม่ขาดสาย และเขามองว่าปัจจุบัน “การเรียนภาษาเกาหลีกลายเป็นกิจกรรม ‘คูลๆ’ ไปแล้วเมื่อเทียบกับในอดีต”

Source

]]>
1356312
การอำลาของ GOT 7 อาจทำให้ JYP ค่ายเพลงใหญ่เกาหลี เสียส่วนเเบ่งตลาดในต่างประเทศ? https://positioningmag.com/1313771 Tue, 12 Jan 2021 13:39:30 +0000 https://positioningmag.com/?p=1313771 บีบหัวใจเเฟนคลับ K-Pop กับข่าวช็อกในช่วงวันที่ผ่านมา เมื่อ JYP Entertainment ค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้ ยืนยันว่า ‘GOT7’ วงบอยเเบนด์ยอดนิยม จะไม่ต่อสัญญาที่กำลังจะหมดลงในเดือนนี้ หลังประสบความสำเร็จเเละโลดเเล่นในวงการเพลงมานาน 7 ปี

ตลอด 7 ปีที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตของผม นี่ยังไม่ใช่จุดจบ เเต่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น พวกเราทั้ง 7 คนจะยังคงเดินหน้านำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดของพวกเราให้ทุกคนได้เห็นกันต่อไปอย่างแน่นอน #GOT7FOREVER” มาร์ค หนึ่งในสมาชิก GOT7 โพสต์ข้อความส่งถึงเเฟนๆ โดยทั้ง 7 คนกำลังจะแยกย้ายกันไปเริ่มต้นใหม่ตามเส้นทางของตัวเอง

  • คิมยูคยอม จะย้ายไปทำเพลงกับค่าย AOMG ซึ่งเป็นค่ายของศิลปินชื่อดังอย่าง Jay Park
  • ปาร์คจินยอง จะหันไปโฟกัสงานแสดง โดยมีข่าวว่าจะเซ็นสัญญากับ BH Entertainment ค่ายนักเเสดงใหญ่ของเกาหลีใต้
  • ชเวยองแจ ได้รับคำเชิญจาก Sublime Entertainment ค่ายที่มีศิลปินดังในสังกัดอย่าง ซงคังโฮ
    เรน ฮานิ EXID คิมฮีจอง ฯลฯ 
  • อิมแจบอม ได้รับการติดต่อจากหลายค่าย แต่ยังไม่คอนเฟิร์ม บางข่าวระบุว่าอาจได้รับการติดต่อจาก BH Entertainment
  • แจ็กสัน หวัง มีเเผนจะทำงานทั้งในเกาหลีใต้และจีน โดยมี Team Wang เป็นผู้ดูแล
  • มาร์ค ต้วน จะกลับบ้านเกิดที่สหรัฐฯ และอาจเปิดช่อง YouTube ของตัวเอง รวมไปถึงทำเพลงเองต่อไป
  • แบมแบม กันต์พิมุกต์ มีเเผนจะทำงานทั้งในไทยและเกาหลีใต้ โดยมีข่าวลือว่าอาจจะเซ็นสัญญากับค่าย Makeus Entertainment

การที่ค่ายเพลงต้องเสียศิลปินที่มีชื่อเสียงระดับโลกไปทั้ง 7 พร้อมๆ กันครั้งนี้ ทำให้หลายคนมองว่า JYP Entertainment ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นหนึ่งใน ‘เจ้าพ่อวงการบันเทิงเกาหลี’ อาจสูญเสียส่วนเเบ่งสำคัญในตลาดต่างประเทศ รวมไปถึงเม็ดเงินมหาศาลที่เคยได้จากฐานเเฟนคลับ ‘นานาชาติ’ 

JYP จะเสียส่วนเเบ่งการตลาดในต่างประเทศอย่างไร ?

ในสมัยก่อนวงการเพลงเกาหลี จะอยู่ภายใต้อิทธิพลของสามค่ายใหญ่อย่าง SM , JYP เเละ YG หรือที่เรียกกันติดหูว่า “Big 3” ก่อนถูกค่ายเล็กๆ ที่เติบโตเร็วอย่าง Big Hit เเซงหน้า ด้วยอานิสงส์ความสำเร็จของบอยเเบนด์ที่สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้วงการดนตรีโลกอย่าง BTS

JYP Entertainment ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1997 โดยปาร์คจินยองปัจจุบันมีมูลค่าบริษัทอยู่ที่ราว 30,000 ล้านบาท มีศิลปินชื่อดังในสังกัดที่ผ่านมา อย่าง Rain, g.o.d , Wonder Girls, 2PM, TWICE เเละ GOT7 โดยในช่วงต้นปี 2020 เเม้จะประสบวิกฤตโรคระบาด เเต่ค่าย JYP ก็โกยรายได้นำมาเป็นอันดับหนึ่ง

สำหรับ GOT7 เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรก เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2014 ด้วยคาเเร็กเตอร์ที่ชัดเจนของสมาชิกที่มาจากหลายเชื้อชาติ พร้อมเเนวเพลงที่เป็นสากล การเเสดงที่มีศักยภาพเเละมีส่วนร่วมในการทำเพลง ทำให้ชื่อเสียงของวงนี้ติดตลาดได้ไม่ยากนัก

ตลอด 7 ปีที่ผ่านมา GOT7 มียอดขายอัลบั้มทั้งเวอร์ชั่นเกาหลีเเละญี่ปุ่น รวมกันถึง 4.3 ล้านอัลบั้ม เเละมีหลายอัลบั้มสามารถขายได้เกิน 1-2 เเสนอัลบั้มภายใน 7 วันเเรก โดยในปี 2016 GOT7 มีคอนเสิร์ตใหญ่เต็มรูปแบบเป็นครั้งแรก โดยที่มีชื่อว่า ‘GOT7 1st CONCERT FLY’ จัดเเสดงในหลายประเทศ ก่อนจะมีคอนเสิร์ตระดับโลกตามมาอีกหลายรายการ

อ่านเพิ่มเติม : GOT7 Sales Summary

GOT7 จึงถือเป็นวงข้ามชาติของ JYP Entertainment ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยเฉพาะในตลาดต่างประเทศ ตามบ้านเกิดของศิลปิน พร้อมการสื่อสารด้านภาษาที่หลากหลาย โดยมีฐานเเฟนคลับขนาดใหญ่ในจีน ไทย อาเซียนเเละอเมริกา ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาเหล่าเเฟนคลับต่างชาติ ก็มีกำลังซื้อเพิ่มมากขึ้นตามกระเเส K-Pop ที่ฮอตฮิตไปทั่วโลก ถือว่ามีความสำคัญไม่เเพ้ตลาดในเกาหลี

สำหรับในตลาดไทย GOT7 นับว่าเป็นวงที่ได้รับความนิยมสูงมาก มีฐานเเฟนคลับหลายช่วงอายุ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นวัยรุ่นวัยเรียน ไม่เพียงแต่ความนิยมใน ‘แบมแบมที่เป็นสมาชิกคนไทยเท่านั้น แต่สมาชิกคนอื่นก็มีโอกาสได้ร่วมงานที่ประเทศไทยบ่อย ๆ ทั้งงานถ่ายแบบโฆษณาและนิตยสาร

รวมไปถึง แฟนมีตติ้งและการจัดคอนเสิร์ตขนาดใหญ่หลายต่อหลายครั้งในไทย โดยล่าสุดเคยมีตารางขึ้นแสดงที่ราชมังคลากีฬาสถาน ซึ่งก็มียอดซื้อบัตรจองเต็มทุกที่นั่ง เเต่ก็ต้องประกาศเลื่อนออกไป เพราะการแพร่ระบาดของ COVID-19

ผลกระทบจากโรคระบาด สะเทือนทั้งอุตสาหกรรมดนตรีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งในวงการเพลงเกาหลีที่มีจุดขายคือ ‘เเฟนเซอร์วิส’ โดยการที่งานคอนเสิร์ตเเละเเฟนมีตติ้ง ซึ่งเคยเป็นหนึ่งในรายได้ก้อนใหญ่จากเเฟนคลับต่างชาตินั้นได้หดหายไป ก็ส่งผลไม่น้อยกับศิลปินที่มุ่งตีตลาดในต่างประเทศ 

หลังข่าวยืนยันการไม่ต่อสัญญาของ GOT7 ทั้ง 7 คน แฟนๆ ก็ได้ร่วมกันโพสต์ข้อความ ความประทับใจที่มีต่อหนุ่มๆ จนแฮชแท็ก #GOT7FOREVER ขึ้นเทรนด์อันดับ 1 ทวิตเตอร์ในหลายประเทศ พร้อมแฮชแท็ก
#ลาแล้วเจวายพี ก็ขึ้นติดเทรนด์บนทวิตเตอร์ประเทศไทยในทันที ซึ่งมีความคิดเห็นต่างๆ เกี่ยวกับประเด็น การดูเเลเเละไม่โปรโมตศิลปินอย่างเต็มที่ของค่าย JYP 
จากเเฟนคลับทั้งในเกาหลีเเละต่างประเทศ 

หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า ส่วนเเบ่งการตลาดในจีนเเละไทยของ JYP Entertainment จะหายไปอย่างมากเมื่อขาด GOT7 โดยมีเเฟนคลับจำนวนหนึ่งยืนยืนว่า พวกเขาจะไม่ให้การสนับสนุนค่ายนี้อีกต่อไป บางคนถึงขั้นบอกว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะสั่นสะเทือนตำเเหน่งใน “Big 3” ของ JYP ในวงการเพลงเกาหลีเลยทีเดียว 

 

ต้องดูกันว่าทิศทางของ JYP Entertainment จะเป็นอย่างไรหลังไม่มีวงบอยเเบนด์ดาวรุ่ง พร้อมติดตามผลงานบน ‘เส้นทางใหม่’ ของหนุ่มๆ ทั้ง 7 คนต่อไปด้วยเช่นกัน 

 

ที่มา : Billboard , Meaww , Soompi

 

]]>
1313771
สาวกเตรียมเฮ! รัฐบาลเกาหลีใต้มีแผนอนุญาตศิลปิน K-Pop ผ่อนผันเกณฑ์ทหารได้ https://positioningmag.com/1301323 Wed, 14 Oct 2020 16:41:22 +0000 https://positioningmag.com/?p=1301323 รัฐบาลเกาหลีใต้กำลังมีแผนอนุญาตให้เหล่าคนดังวัฒนธรรมสมัยนิยม (Pop Culture) ซึ่งมีความดีความชอบในด้านส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศ เลื่อนเข้ารับราชการทหาร จากการเปิดเผยของหน่วยงานคัดเลือกกำลังพลของกองทัพ

แผนนี้มีขึ้นท่ามกลางประเด็นโต้เถียงว่าสมาชิกวง BTS บอยแบรนด์เคป็อปควรได้รับสิทธิพิเศษ ยกเว้น หรือเลื่อนเข้ารับราชการทหารหรือไม่ ด้วยเป็นที่รับรู้กันอย่างกว้างขวางว่าพวกเขามีส่วนส่งเสริมภาพลักษณ์ของเกาหลีใต้ จากกรณีที่เพลงของ BTS เคยสร้างปรากฏการณ์ขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ต Billboard

รัฐมนตรีกลาโหมบอกก่อนหน้านี้ไม่มีการพิจารณายกเว้นให้แก่วง BTS ซึ่งมีสมาชิกทั้งหมด 7 คน แต่การผ่อนผันเป็นทางเลือกหนึ่งที่เป็นไปได้

ในรายงานที่นำเสนอต่อรรัฐสภา สำนักงานกำลังพลของกองทัพเกาหลีใต้ เผยว่า ทางหน่วยงานกำลังผลักดันแก้ไขกฎหมายรับราชการทหาร เพื่อเปิดทางให้ศิลปิน K-Pop สามารถเลื่อนรับราชการทหาร หากได้รับคำชี้แนะมาจากกระทรวงวัฒนธรรม

Photo : bangtan.official

ทั้งนี้ ชายชาวเกาหลีใต้ทุกคนอายุ 18 ถึง 28 ปี จะต้องเข้ารับราชการทหารเป็นเวลาราวๆ 2 ปี และภายใต้กฎหมายปัจจุบัน ได้มีข้อกำหนดพิเศษเพื่อเปิดโอกาสให้นักกีฬา รวมถึงศิลปิน นักดนตรีคลาสสิก และนักเต้นบัลเลต์ ไม่ต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหาร หากสามารถสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศชาติได้ในเวทีระดับนานาชาติ แต่ยังไม่เคยมีศิลปิน K-Pop คนใดที่ได้รับสิทธิพิเศษดังกล่าว

“การแก้ไขนี้มีเป้าหมายส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศ ด้วยการรับรองวัฒนธรรมสมัยนิยมและกิจกรรมศิลปะต่างๆ” สำนักงานกำลังพลของกองทัพเกาหลีใต้กล่าว พร้อมระบุว่าจะยื่นร่างกฎหมายฉบับแก้ไขต่อที่สมัชชาแห่งชาติในเดือนนี้

Source

]]>
1301323
ระดมทุนเพื่อขยายตัว! Big Hit ค่ายต้นสังกัด BTS บอยแบนด์เกาหลี พร้อมเข้า “ตลาดหุ้น” https://positioningmag.com/1292608 Fri, 14 Aug 2020 09:24:17 +0000 https://positioningmag.com/?p=1292608 Big Hit Entertainment คืบหน้าไปอีกขั้นในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ หลังตลาดหุ้นรับรองในเบื้องต้นให้บริษัทเปิด IPO ได้ โดย Big Hit คือค่ายต้นสังกัดที่สร้างตำนานวงบอยแบนด์เกาหลี BTS หรือ บังทันโซยอนดัน วงเคป็อปวงแรกที่เจาะตลาดสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จอย่างเต็มภาคภูมิ

หลังจาก Big Hit Entertainment หรือ BHE ยื่นไฟลิ่งรอบแรกกับตลาดหลักทรัพย์เกาหลีใต้ไปเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2563 ต่อมาในวันศุกร์ที่ 7 สิงหาคม สำนักงานกำกับดูแลตลาดหุ้นเกาหลีได้ตอบกลับเบื้องต้นแล้วว่า Big Hit มีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะเปิด IPO เสนอขายหุ้นต่อสาธารณะเป็นครั้งแรก

โดยหลังจากนี้บริษัทจะต้องลงรายละเอียดหุ้นที่จะเสนอขายกับคณะกรรมการบริการทางการเงินภายใน 6 เดือน ปัจจุบันยังไม่มีรายละเอียดใดๆ ออกมาว่าจะเสนอขายจำนวนกี่หุ้นในราคาเท่าใด แต่บริษัทได้แต่งตั้ง JP Morgan, NH Investment & Securities และ Korea Investment & Securities ให้เป็นผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์แล้ว

สำหรับข้อมูลเบื้องต้นจากการยื่นไฟลิ่งเมื่อเดือนพฤษภาคม Big Hit ระบุว่าในปี 2562 บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงาน 85.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเติบโต 24% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และมีรายได้รวม 508 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโตถึง 95% จากปีก่อนหน้า ด้านยอดขายอัลบัมทำได้รวมทั้งหมด 6 ล้านแผ่น

 

View this post on Instagram

 

#BTS #방탄소년단 #MAP_OF_THE_SOUL_7 Concept Photo version 1

A post shared by BTS official (@bts.bighitofficial) on

การระดมทุนของ BHE ในครั้งนี้เป็นไปเพื่อเสริมแกร่งการปรับโครงสร้างบริษัทไปสู่โมเดลธุรกิจแบบ “แตกไลน์หลายค่ายย่อย” ภายใต้เครือเดียวกัน เพื่อทำให้รายได้บริษัทเติบโตอย่างรวดเร็ว “BTS ประสบความสำเร็จอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในฐานะศิลปินเกาหลีขณะที่ทั้งวง Tomorrow X Together และ Gfriend ก็กำลังเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง บริษัทยังมีเด็กฝึกในค่ายอีกจำนวนมากที่อยู่ในไปป์ไลน์แล้ว” BHE กล่าวในแถลงการณ์เตรียมเข้าจดทะเบียน

โมเดลการมีหลายค่ายย่อยในเครือเริ่มขึ้นแล้วจากที่ Big Hit เข้าซื้อกิจการค่ายอย่าง Source Music และ Pledis โดยค่ายหลังนี้คือต้นสังกัดของวง Nu’Est และ Seventeen นอกจากนี้บริษัทยังเทกโอเวอร์บริษัทเกม Superb Corp. เข้ามาไว้ใต้อาณาจักรด้วย

บังชีฮยอก ผู้ก่อตั้ง BHE (photo : bighitcorp.com)

เพื่อเตรียมตัวเปิด IPO ตลาดหุ้น บริษัทยังปรับโครงสร้างผู้บริหารใหม่อีกครั้ง โดย “บังชีฮยอก” ได้รับแต่งตั้งกลับมาเป็นประธานกรรมการและซีอีโอ “เลนโซ ยุน” เป็นซีอีโอโกลบอล (ดูแลธุรกิจสากล) และ “ปาร์คจีวอน” เป็นซีอีโอประจำสำนักงานใหญ่

ปัจจุบันเป็นที่เข้าใจกันว่าผู้ถือหุ้นใหญ่สุดของ BHE ก็คือ “บังชีฮยอก” ผู้ก่อตั้งบริษัท และรองลงมาคือ “บังจุนฮยอก” ลูกพี่ลูกน้องของชีฮยอก เศรษฐีเกาหลีใต้เจ้าของบริษัทเกม Netmarble

นับว่าเป็นอีกหนึ่งก้าวที่น่าจับตาของ Big Hit Entertainment ค่ายศิลปินนักร้องเกาหลีใต้ค่ายเล็กๆ แต่เติบโตเร็วเพราะ BTS ดังเป็นพลุแตก นำความสำเร็จมาให้ทั้งค่ายต้นสังกัดและประเทศเกาหลีใต้ที่พยายามผลักดันการส่งออกวัฒนธรรมมาเนิ่นนาน

Source

]]>
1292608
‘Twitch’ เดินเกมใหม่ หันหาอุตสาหกรรมเพลง เล็งดึง ‘K-pop’ เพิ่มความหลากหลาย https://positioningmag.com/1291486 Fri, 07 Aug 2020 08:10:44 +0000 https://positioningmag.com/?p=1291486 ‘Twitch’ (ทวิช) แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งบริษัทในเครือของ ‘Amazon’ (อเมซอน) ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ที่มีจุดเด่นคือการ ‘สตรีมเกม’ ซึ่งถือเป็นแพลตฟอร์มที่แจ้งเกิดเหล่าสตรีมเมอร์ชั้นนำมากมาย แต่ด้วยความใหญ่ของตลาดอีสปอร์ตที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด ส่งผลให้เริ่มมีคู่แข่งมากมาย ส่งผลให้ Twitch เองก็ต้องขยับขยายเพื่อสร้างการเติบโตของแพลตฟอร์ม

แม้ว่า Twitch จะเริ่มต้นจากการเป็นเว็บไซต์สตรีมมิ่งการเล่นวิดีโอเกมต่าง ๆ แต่ก็มีการขยายไปสู่เนื้อหาดิจิทัลที่หลากหลายมากขึ้นรวมถึงดนตรี, กีฬา และวัฒนธรรมป๊อป ในด้านอื่น ๆ แต่ eSports จะยังคงเป็นส่วนสำคัญของแพลตฟอร์มนี้ โดย Twitch วางแผนที่จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับอุตสาหกรรมเพลงในเอเชียแปซิฟิกมากขึ้น เพื่อขยายเนื้อหาที่ไม่ใช่เกมบนแพลตฟอร์ม

“เพลงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับ Twitch เช่นกัน เพราะเป็นจุดที่เราเห็นการเติบโตมากที่สุด ดังนั้น เราจะใช้เวลาทำงานมากขึ้นและใกล้ชิดกับอุตสาหกรรมดนตรีในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมากขึ้น เช่น K-pop ซึ่งเป็นแนวเพลงจากเกาหลีใต้ที่ได้รับความนิยมในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยจุดที่น่าสนใจคือ ศิลปินจำนวนมากหันมาสนใจแพลตฟอร์ม Twitch” Sunita Kaur รองประธานอาวุโสประจำภูมิภาคของ Twitch กล่าว

สาเหตุที่ Twitch จะเริ่มจากภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เป็นเพราะการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของอุตสาหกรรมอีสปอร์ต ไม่ว่าจะในประเทศเกาหลีใต้, ไต้หวัน, ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าตลาดอีสปอร์ตของเอเชียแปซิฟิกจะมีมูลค่ากว่า 7.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ ขณะที่ตลาดอีสปอร์ตในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วเช่นกัน

“Content ที่ไม่ใช่เกมบนแพลตฟอร์มเติบโตถึง 4 เท่าในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และในเดือนมิถุนายนจำนวน Content Creator ทั้งหมดในเอเชียแปซิฟิกเพิ่มขึ้น 2 เท่าจากปีที่แล้ว”

ทั้งนี้ จากการระบาดของ COVID-19 ทำให้ผู้คนทั่วโลกใช้เวลาอยู่ที่บ้านมากขึ้น เมื่อเป็นเช่นนี้ผู้คนจำนวนมากจึงหันมาใช้ความบันเทิงออนไลน์ในรูปแบบต่าง ๆ ส่งผลให้การรับชม Content บน Twitch จากกว่า 3 พันล้านชั่วโมงในไตรมาสแรก เพิ่มเป็นกว่า 5 พันล้านชั่วโมงในไตรมาสที่สอง และจำนวนชั่วโมงทั้งหมดที่สตรีมบน Twitch ในไตรมาสที่สองเพิ่มขึ้น 58.7% จากไตรมาสแรก และเติบโตถึง 80.1% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว

แม้ Twitch จะยังคงเป็นช่องทางยอดนิยมสำหรับสตรีมมิ่งเกมในปัจจุบัน แถมมีมูลค่าบริษัทกว่า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ Twitch กำลังเผชิญกับความท้าทายด้านการแข่งขัน เพราะไม่ใช่แค่การแข่งขันจากผู้เล่นในระดับภูมิภาค แต่ยังมีผู้เล่นระดับโลกอย่าง ‘Facebook’ ที่มี ‘Facebook Gaming’ และ ‘YouTube’

Kaur อธิบายว่า จุดแข็งของ Twitch อยู่ที่โครงสร้างพื้นฐานที่รองรับการแพร่ภาพคุณภาพสูง และวิธีสร้างรายได้ของ Content Creator ที่สามารถทำเงินได้ทั้งจากการ Subscribe, สปอนเซอร์โฆษณา และผ่านอิโมติคอนที่ผู้ชมสามารถส่งผ่านแชทได้ นอกจากนี้ Twitch ยังให้ความสำคัญกับระบบความปลอดภัยและการกลั่นกรองเนื้อหา โดยจะลบภายใน 24 ชั่วโมง เพื่อปกป้องผู้ใช้จากเนื้อหาที่เป็นอันตรายถือเป็นการสนทนาที่สำคัญ และกำหนดอายุขั้นต่ำ 13 ปีขึ้นไปในการสตรีม

“เรามั่นใจว่าเราสามารถรักษายอดผู้ใช้ Content Creator และผู้สนับสนุนที่เกิดขึ้นในช่วง COVID-19 นี้ได้”

Source

]]>
1291486