MK – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Fri, 12 Feb 2021 12:26:46 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 เจาะ Insight ‘ของไหว้ตรุษจีน’ ยอดฮิตที่ถูกพูดถึงมากที่สุดบนโซเชียลฯ https://positioningmag.com/1319123 Fri, 12 Feb 2021 09:37:55 +0000 https://positioningmag.com/?p=1319123 ถ้าพูดถึงเทศกาลตรุษจีน หนึ่งในสิ่งที่หลายคนนึกถึงคงหนีไม่พ้น ‘ของไหว้’ แน่นอน แต่ในยุคที่วิกฤต COVID-19 ยังไม่หมดไป ผู้คนต่างปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ อย่างผู้บริโภคก็เริ่มหันมาซื้อของผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น ขณะเดียวกันหลายแบรนด์ต่างปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์มากขึ้น โดยการพัฒนาสินค้าให้มีความแปลกใหม่ ตอบโจทย์กับความต้องการของผู้บริโภค โดย Wisesight ได้เก็บข้อมูลเกี่ยวกับของไหว้เจ้าที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในช่วงเทศกาลตรุษจีน ผ่าน ZOCIAL EYE โดยเก็บข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 11 ก.พ. 64  ดังนี้

ไก่ไหว้เจ้า Bonchon 31,594 เอ็นเกจเมนต์

ไก่ต้มหลบไป ปีนี้ต้องไหว้ด้วยไก่ทอดไหว้เจ้าจากบอนชอน ซึ่งเรียกเสียงฮือฮาจากโซเชียลอย่างล้นหลามที่ร้านอาหารบอนชอนได้นำจุดขายอย่างไก่ทอดมาขายเป็นของไหว้เจ้าในตรุษจีนปีนี้

ภาพจาก Facebook Bonchon

เป็ดมงคล MK 13,459 เอ็นเกจเมนต์

พูดถึง MK ก็ต้องนึกถึงเป็ดย่าง ซึ่งตรุษจีนปีนี้ MK ก็ไม่พลาด เปิดเมนูเสริมเฮง ด้วยชุดเป็ดมงคล

ภาพจาก Facebook MK

ชุดไหว้เจ้า เรียกความเฮง Tesco Lotus 11,475 เอ็นเกจเมนต์

ช่วงนี้ออกมาซื้อของข้างนอกก็ลำบาก ห้างสรรพสินค้า Tesco Lotus เลยขอจัดชุดไหว้เจ้า วันตรุษจีนแแบบหลายเซต หลายราคา เรียกความเฮงได้แบบประหยัดงบ

ภาพจาก website tesco lotus

แมสก์กงเต๊ก 7,790 เอ็นเกจเมนต์

ตรุษจีนนี้บรรพบุรุษต้องรอด! มีหลายแแบรนด์ หลายร้านค้า ได้ผลิตแมสก์กงเต๊ก หรือหน้ากากอนามัยสีทองมาวางขาย สื่อถึงความห่วงใยที่เข้ากับสถานการณ์ได้ดีเลยทีเดียว

ภาพจาก ผู้จัดการออนไลน์

สกินแคร์กงเต๊ก 4,496 เอ็นเกจเมนต์

นอกจากบรรพบุรุษต้องมีสุขภาพกายดีแล้ว สุขภาพผิวต้องเป๊ะปังด้วย ด้วยสกินแคร์กงเต๊ก มีทั้งเซตสำหรับผู้หญิงและผู้ชาย ให้บรรพบุรุษมีผิวเนียนใสจากสวรรค์ชั้นฟ้า

ภาพจาก ผู้จัดการออนไลน์

ชุดฮัทเฮงยกกำลัง 3 จาก Pizza Hut 2,127 เอ็นเกจเมนต์

ปีนี้จะไหว้เจ้าด้วยพิซซ่าก็น่าสนใจครับ Pizza Hut ได้ออกชุดพิซซ่าฉลองเทศกาลตรุษจีน เสริมโชคลาภ และแก้ชงไปในตัว

ภาพจาก Facebook Pizza Hut

จักรยานไปซื้อของไหว้เจ้า จาก Louis Vuitton 984 เอ็นเกจเมนต์

แบรนด์ชื่อดัง Louis Vuitton ก็ออกจักรยานรุ่นใหม่ แม้จะไม่ได้ออกมาเกี่ยวกับเทศกาลตรง ๆ เเต่จากสีก็ทำให้เข้ากับช่วงตรุษจีนจนชาวโซเชียลพูดถึงซะงั้น เผื่อใครอยากจะไปซื้อของไหว้เจ้าแบบประหยัดน้ำมัน ก็ลองจับจองกันดูได้ ราคาก็เเค่ประมาณ 9700,000 – 1,100,000 บาทเท่านั้นเอง

ชุดไหว้เจ้าเสริมโชค จาก Big C 809 เอ็นเกจเมนต์

ทางฝั่งห้างสรรพสินค้า Big C เองก็ออกเซตไหว้เจ้าออกมาเช่นกัน ที่จัดเซตเสริมโชค เสริมความมงคลโดย ดร.คฑา ชินบัญชร ไม่ว่าจะเป็นชุดไหว้ไท้ส่วยเอี้ย (แก้ชง) เสริมมงคลโชคดีตลอดปี, ชุดไหว้ไฉ่ซิงเอี๊ย เสริมเรื่องทรัพย์สิน, ชุดไหว้ส่งเจ้าขึ้นสวรรค์, ชุดไหว้เจ้าที่ในบ้าน และชุดไหว้บรรพบุรุษครับ

ภาพจาก YouTube BigC

เค้กส้มมงคล Bake a Wish 537 เอ็นเกจเมนต์

ร้านเบเกอรี่ Bake a Wish ก็จัดสินค้าในเทศกาลตรุษจีนกับเขาเช่นกัน โดยนำเสนอเค้กส้มมงคล ของหวานรสชาติดีแถมเพิ่มความโชคดีให้ด้วย

ภาพจาก Facebook Bake A Wish

ชุดไหว้เจ้าหลากหลายจาก CP Freshmart 55 เอ็นเกจเมนต์

ปิดท้ายด้วย ชุดไหว้เจ้าหลากหลาย จัดเซตมาในชื่อจีน ที่เรียกได้ว่าซื้อแล้วมั่นใจว่า เป็นของไหว้ตรุษจีนของแท้ถึงมือบรรพบุรุษแแน่นอน

ภาพจาก Facebook CP Freshmart

จะเห็นได้ว่าของไหว้ตรุษจีนปีนี้นั้นมีความหลากหลาย และใส่ความครีเอทีฟหรือความแปลกใหม่เข้าไปในตัวสินค้ามากยิ่งขึ้น มีการประยุกต์ให้เข้ากับสถานการณ์ COVID-19 และใส่ใจความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น ทั้งขายแบบยกเซตทีเดียวได้ครบครัน รวมถึงการเปิดช่องทางการขายทางโซเชียลมีเดีย แม้ของไหว้ตรุษจีนจะเป็นสิ่งที่คนซื้อไปเพื่อไหว้บรรพบุรุษที่จากไปแล้ว แต่คนซื้อคือผู้มีชีวิตอยู่ ดังนั้นยิ่งขายของที่ตรงใจคนเป็น ก็ยิ่งอยู่รอดได้ในตรุษจีนยุคนี้

]]>
1319123
เสือเป็ดมาแล้ว! MK x Fire Tiger คัมแบ็ก จับชาไข่มุกลงหม้อสุกี้อีกครั้ง https://positioningmag.com/1306331 Mon, 16 Nov 2020 17:05:02 +0000 https://positioningmag.com/?p=1306331 ปรากฏการณ์ Featuring ระหว่างแบรนด์ MK x Fire Tiger ได้กลับมาอีกครั้งในปีนี้ หลังจากที่ในปีที่แล้วได้จับโปรโมชันร่วมกันไป จนได้รับการตอบรับอย่างดี เรียกว่าเป็นการขยายฐานลูกค้า และ Win-Win กันทั้ง 2 แบรนด์

ชาไข่มุกยังฟีเวอร์!

เมื่อช่วงเดือนพ.ย. ในปี 2019 แบรนด์ MK ได้ประกาศเปิดตัวพาร์ตเนอร์ Fire Tiger by Seoulcial Club หรือชานมเสือพ่นไฟ เป็นอีกหนึ่งร้านชาไข่มุกสัญชาติไทยที่กำลังมาแรงในตอนนั้น เรียกว่าเป็นการจับมือในช่วงจังหวะที่ถูกที่ถูกเวลา

ความร่วมมือนี้ทำให้เราจะได้เห็นร้าน MK ขายชานมไข่มุก โดยนำ 2 เมนูพ่นไฟยอดฮิต อย่างนมสดพี่เสือพ่นไฟ และชานมพี่เสือพ่นไฟ จำหน่ายในร้าน MK ทั่วประเทศ (ยกเว้น MK Gold MK LIVE และ MK EXPRESS) มีการปรับขนาด และราคา จำหน่ายแก้วละ 79 บาท จากปกติ 150 บาท

ในตอนนั้นเองเสือพ่นไฟก็กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด มีการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อเข้ามาอยูใน MK ยิ่งเป็นการติดสปีดเร็วขึ้น คนรู้จักมากขึ้น สามารถเข้าไปอยู่ในทุกสาขาของ MK รวมถึงต่างจังหวัด ซึ่งทาง MK เองก็ได้ฐานลูกค้าใหม่ๆ ที่อยากทานเสือพ่นไฟในราคาย่อมเยา ได้กลุ่มลูกค้าเด็กลงด้วย

ในปีนี้ MK ก็ได้คัมแบ็กแคมเปญนี้อีกครั้ง ยังคงจับมือกับเสือพ่นไฟเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือเมนูใหม่ “ช็อกโกพี่เสือ” โดยเริ่มจำหน่ายตั้งแต่ 16 พ.ย. – 15 ม.ค. 64 ในราคาแก้วละ 79 บาทเช่นเคย แต่อีก 2 เมนูก็ยังมีจำหน่ายด้วยเช่นกัน

เรียกว่าเป็นการต่อยอดความสำเร็จ และกระตุ้นยอดขายในช่วงโค้งสุดท้ายของปีได้อย่างดี ต้องบอกว่าตอนนี้ชานมไข่มุกยังเป็นอะไรที่ฮอตฮิตอยู่ การร่วมมือกันอีกครั้งน่าจะช่วยกระตุ้นยอดขายได้อีกอย่างแน่นอน

]]>
1306331
กลยุทธ์ “ฟรีหม้อ” ยอมเจ็บเเต่ขอมีรายได้ การตลาดสู้ COVID-19 ของธุรกิจร้านปิ้งย่าง-ชาบู https://positioningmag.com/1275499 Mon, 27 Apr 2020 10:10:27 +0000 https://positioningmag.com/?p=1275499 เเข่งกันดุเดือดไม่เเพ้ความร้อนระอุของน้ำซุปกันเลยทีเดียว เมื่อไวรัส COVID-19 สั่นสะเทือนวงการร้านอาหาร ต้องถูกสั่งให้หยุดบริการตามมาตรการล็อกดาวน์ควบคุมการเเพร่ระบาด ลูกค้าต้องสั่งกลับบ้านเท่านั้น

เเม้ฟู้ดเดลิเวอรี่จะเป็นทางออกในยามนี้ เเต่สำหรับร้านอาหารเเนว DIY ปิ้งย่าง-ชาบูทั้งหลายที่ลูกค้าต้องปรุงสุกเอง เคยมีบรรยากาศครื้นเครงภายในร้านเเละความสนุกสนานเมื่อได้สนทนากับคนสนิทที่เป็นเหมือน “เสน่ห์” ของร้านอาหารประเภทนี้ ก็ได้จางหายตามการเว้นระยะห่างทางสังคม (social distancing) ไปด้วย

ในขณะที่ร้านอาหารต้องพึ่งพารายได้จากเดลิเวอรี่ ส่วนใหญ่จะปรับตัวด้วยการทำเเพ็กเกจ “อาหารจานเดียว” กินง่ายจ่ายสะดวก หรือเปลี่ยนไปขายขายวัตถุดิบ เเต่กับร้านปิ้งย่าง-ชาบู ต้อง “ทำมากกว่านั้น”

เพราะอาหารประเภทนี้เมื่อนำไปกินที่บ้านจะมีราคาเเพงกว่าอาหารจานเดียว ต้องใช้อุปกรณ์เยอะหรือเเม้กระทั่งต้องมีเพื่อนกิน…จึงเป็นโจทย์ที่ท้าทายว่าทำอย่างไรให้ผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อลดลง “ยอมจ่าย”

เป็นที่มาของกลยุทธ์การตลาดเเบบใหม่ของเหล่าร้านปิ้งย่าง-ชาบู ที่งัดหมัดเด็ดเอาใจผู้บริโภคจนเกิดกระเเส “สุกี้ฟรีหม้อ” เเก้ Pain Point คนอยากกินเเต่ไม่มีอุปกรณ์ ที่กำลังฟาดฟันเเย่งชิงลูกค้ากันอยู่ในขณะนี้

เเม้จะดูเป็นการเพิ่มต้นทุน เเต่ร้านกำลังต้องการรายได้ให้พอหมุนเงินไปได้ในช่วงนี้ นอกจากนั้นยังเป็นการ “ยิงนกหลายตัว” เพราะเมื่อลูกค้ามีหม้อที่บ้านเเล้ว ก็มีเเนวโน้มที่จะ “สั่งซ้ำ” มากินอีกบ่อยๆ เป็นการรักษาความผูกพันกับแบรนด์ไว้ต่อยอดเมื่อผ่านพ้น COVID-19 พวกเขาเหล่านั้นก็จะกลับมาทานที่ร้านอีก

เทหน้าตัก ชาบูแถมหม้อ พร้อม Tinder

อย่างที่รู้ๆ ว่า “ต่อ-ธนพงศ์ วงศ์ชินศรี” เจ้าของ Penguin Eat Shabu เป็นนักการตลาดตัวยงที่มักจะมีโปรโมชั่นใหม่ๆ มาจุดกระเเสได้เสมอ คราวนี้ในช่วง COVID-19 เมื่อรายได้หน้าร้านลดฮวบ เขางัดกลยุทธ์เเบบเทหน้าตัก ประเดิม “ฟรีหม้อ” เป็นเจ้าเเรกๆ เเต่เรื่องหม้อยังไม่ล้ำพอต้องก้าวไปอีกสเต็ป คือ “ชุดชาบูกระชากความโสด”

Penguin Eat Shabu เริ่มเปิดตัวการขายชาบูเเนวใหม่แถมหม้อสุกี้ มีทั้งราคา 777 บาทและ 999 บาท มีทั้งหม้อสุกี้แบบใหญ่ และหม้อสุกี้แบบต้มคนเดียว ผลตอบรับดีเกินคาดลูกค้าสั่งซื้อจนของหมดเเละระบบล่ม

จากนั้นเมื่อกลับมาอีกครั้งต้องปังกว่าเดิม Penguin Eat Shabu คว้าโอกาสเพิ่มโปรโมชั่นด้วยการแถมฟรี Tinder แอปพลิเคชันหาเพื่อนหาคู่ยอดนิยม ที่ตอนนี้มีฟีเจอร์ที่สามารถปลดล็อกปักหมุดไปทั่วโลกได้ มีมูลค่า 300 บาท ให้ใช้บริการฟรี 1 เดือน…อิ่มท้องเเบบไม่เหงาในช่วงกักตัว

เเถมยังโปรโมตด้วยเเคปชั่นอ้อนลูกค้าว่า “กวิ้นยอมขาดทุน เพื่อให้คุณได้มีคู่แล้วเผื่อจะจูงมากินชาบูร้านกวิ้นบ้าง”

ได้ใจลูกค้าไปเต็มๆ เเละเมื่อคลายมาตรการล็อกดาวน์ เราคงได้เห็นคนจูงมือกันไปกิน Penguin Eat Shabu ที่ร้านเป็นเเน่ เป็นกลยุทธ์การตลาดที่พลิกวิกฤตเป็นโอกาส ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ได้เป็นอย่างดี

มาทีหลังปังมาก MK เเจม “ฟรีหม้อ” ขายหมดใน 8 ชั่วโมง 

เเม้จะมาช้ากว่าร้านสุกี้-ชาบูเจ้าอื่นๆ เเต่พอมาเเล้วก็ตู้มเลย เมื่อ MK ตัดสินใจลงมาเล่นโปรโมชั่น “ฟรีหม้อเเถมหม้อ” เหมือนกัน

ด้วยความได้เปรียบจากความเเข็งเเกร่งเเละความน่าเชื่อถือของเเบรนด์ ก็ทำให้ยอดขายของชุด “Ready to ต้ม” 1 ชุด ราคา 1,199 บาท แถมฟรีอุปกรณ์หม้อไฟฟ้า Otto ราคา 590 บาท ที่มีจำกัดเเค่ 2,000 ชุดของ MK ขายหมดเกลี้ยงภายในเวลาเเค่ 8 ชั่วโมง คนเเห่จองจนเว็บไซต์ล่มไปตามระเบียบ อีกทั้งยังมีกระทู้ถามถึงยี่ห้อของหม้อที่เเจกเเล้วก็มีคนตามไปซื้อในอีคอมเมิร์ซกันคึกคัก

ก่อนหน้านี้ MK เคยออกโปรโมชั่นเเรงๆ ที่สร้างกระเเสมาเเล้ว อย่าง “เป็ด 1 แถม 1” เเละการนำสินค้าประเภท “ผักสด” จากโครงการหลวงมานำเสนอขายเมื่อสาขาถูกปิด ควบคู่กับเมนูจานเดียวส่งผ่านระบบส่งเดลิเวอรี่ที่มีมานานจนติดตลาดเเล้ว

ฟรีเตาชุดใหญ่ “ปิ้งย่างที่บ้าน” เจาะลูกค้าครอบครัว 

ชาวปิ้งย่างที่หาอุปกรณ์ยากเหลือเกินต้องถูกใจกับโปรโมชั่นของ Sukishi ที่จับเอากระเเสของซีรีส์เกาหลียอดฮิตอย่าง “Itaewon Class” มาจัดเป็นเซตใหญ่ราคาเริ่มตั้งเเต่ 1,399 บาท – 1,799 บาท ให้สั่งไปกินที่บ้าน พร้อมแถมเตาปิ้งย่างไซส์ XL มูลค่า 1,390 บาท โดยมีจำนวนจำกัด 300 เซตต่อวัน โดยเน้นเจาะลูกค้าครอบครัวที่อยู่กันหลายคน เป็นปาร์ตี้ย่อมๆ คลายเครียดในช่วงกักตัวเเละทำงาน Work from Home

อีกหนึ่งร้านปิ้งย่าง YAKINIKU YUU ร่วมกับ Lucky Flame จัดโปรโมชั่นเเถมเตาย่างสไตล์ญี่ปุ่น ชูจุดขาย “ไม่ต้องเสียบปลั๊ก ย่างตรงไหนของบ้านก็ได้” มีให้เลือกทั้งหมด 6 เซต ราคาเริ่มตั้งแต่ 1,235 – 1,985
บาท (ทุกเซตแถมเตา) โดยเจาะกลุ่มลูกค้าครอบครัวเช่นเดียวกัน

ไม่เเจก เเต่ขอ “เเลกซื้อ” เเละ “ให้ยืม” 

การปรับตัวของผู้ประกอบการในวงการบุฟเฟ่ต์ “สุกี้ตี๋น้อย” ก็น่าสนใจไม่เเพ้กันเเม้จะไม่ทุ่มถึงระดับเเจกหม้อฟรีเเต่ก็มีการจัดโปรโมชั่น “แลกซื้อหม้อสุกี้” ในราคาเพียง 99 บาท (จากราคาเต็ม 179 บาท) เมื่อลูกค้าซื้ออาหารครบ 300 บาท โดยจะเป็นหม้อสุกี้สแตนเลส size 28 cm ทรง S แบ่ง 2 ช่อง (ไม่มีฝา ไม่มีเตาให้) สำหรับใช้กับเตาไฟฟ้า และ induction cooker โปรโมชั่นเริ่มมาตั้งแต่ 24 เม.ย. จนกว่าสินค้าจะหมด

เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างการทำโปรโมชั่นของผู้ประกอบการรายย่อยที่พอจะหารายได้ประคองธุรกิจให้ก้าวผ่านช่วงวิกฤตนี้ไปได้

นอกเหนือจากการเเข่งกันด้วยโปรโมชั่นฟรีหม้อเเล้ว ร้านปิ้งย่าง-ชาบูเจ้าอื่นๆ ก็เดินเกมการตลาดเพื่อรองรับการส่งเดลิเวอรี่ เเม้จะยังไม่ถึงขั้นใจป้ำเเจกหม้อ เเต่ก็ขอ “ให้ยืม” อุปกรณ์ต่างๆ ไปกินที่บ้านได้ตามสะดวก ทั้ง BUTCHER beef&beer , SHABU The Series Delivery , อิ่มจัง ชาบู delivery , ฮุย ชาบู เดลิเวอรี่ เเละร้านอื่นๆ อีกมากมาย

กลยุทธ์การเเถมฟรีหม้อ เตาไฟฟ้า ให้เเลกซื้อในราคาพิเศษหรือการให้ยืมอุปกรณ์ต่างๆ นับเป็นการฮึดสู้เพื่อต่อลมหายใจของร้านอาหาร โดยต้องคิดโปรโมชั่นเจ๋งๆ ออกมาดึงดูดลูกค้าหารายได้ในยามที่เศรษฐกิจทรุดหนัก คนเสี่ยงตกงานเเละคนประหยัดการใช้จ่าย

เป็นงานหินของคนทำธุรกิจในยุค COVID-19 ที่ต้องดิ้นรนหาทางอยู่รอดให้ “นานที่สุด” จนกว่าจะพ้นวิกฤตนี้ เเละต่อให้ผ่านพ้นไปได้ก็ต้องวางเเผนใหม่…เมื่อวิถีชีวิตของผู้คนจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

 

]]>
1275499
MK อัดโปรชานม “เสือพ่นไฟ” เหลือแก้วละ 49 บาท กระตุ้นเดลิเวอรี่ สู้ COVID-19 https://positioningmag.com/1271887 Mon, 06 Apr 2020 05:15:57 +0000 https://positioningmag.com/?p=1271887 MK อัดโปรสู้ศึก COVID-19 จัดเมนูชานมเสือพ่นไฟราคาพิเศษ 49 บาท เฉพาะสาขา กทม. และปริมณฑล แค่วันที่ 6-7 เมษายน 2563

หลังจากที่ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนพฤศจิกายน ทาง MK ได้พาร์ตเนอร์กับ Fire Tiger by Seoulcial Club หรือชานมเสือพ่นไฟ นำเมนูชานมยอดนิยมขึ้นร้าน เป็นการแลกเปลี่ยนฐานลูกค้าได้อย่างดี

โดยที่โปรโมชั่นนี้ได้หมดเขตไปเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา เรียกว่าเป็นอีกเมนูที่สร้างสีสันให้ MK ได้อย่างดี กระตุ้นให้ลูกค้าหน้าใหม่เข้าร้าน และซื้อเมนูชาไข่มุก

ล่าสุด MK ได้นำเมนูชานมพี่เสือพ่นไฟมาคัมแบ็กอีกครั้ง จัดราคาพิเศษ 49 บาท เฉพาะจัดส่งเดลิเวอรี่ และซื้อกลับบ้าน เป็นการกระตุ้นช่องทางการขายเดลิเวอรี่ และเป็นการฝ่าวิกฤต COVID-19

โปรโมชั่นครั้งนี้จำหน่ายเฉพาะสาขาใน กทม. และปริมณฑล นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม เท่านั้น สินค้าต่อวันในแต่ละสาขามีจำนวนจำกัด จำหน่ายตั้งแต่วันที่ 6 เมษายน – 7 เมษายน 2563 (หรือจนกว่าสินค้าจะหมด)

สามารถสั่งได้ที่ www.MK1642.com หรือโทร 1642 หรือ TakeAway รวมถึง Grab Food และ LINE Man

เรียกว่าเป็นการปรับตัวที่สำคัญของแบรนด์ที่ต้องหาวิธีการอยู่รอดในช่วงวิกฤตนี้ให้ได้ อีกนัยหนึ่งก็เป็นการช่วยเหลือพาร์ทเนอร์อย่างร้าน Fire Tiger by Seoulcial Club ให้มีช่องทางการขายมากขึ้น เพราะทางร้านเองก็ต้องถูกปิดให้บริการชั่วคราว การที่มีช่องทางจำหน่ายพร้อมกับ MK จึงช่วยต่อลมหายใจไปได้

อ่านเพิ่มเติม

]]>
1271887
MK แจงปิดสาขาเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า 1 วัน หลังมีผู้กลับจากประเทศสุ่มเสี่ยงเข้าใช้บริการ https://positioningmag.com/1267135 Thu, 05 Mar 2020 09:38:18 +0000 https://positioningmag.com/?p=1267135 MK ออกโรงชี้แจงหลังมีผู้พบเห็นว่ามีผู้ที่เพิ่งกลับจากประเทศสุ่มเสี่ยงอย่างญี่ปุ่น และเกาหลีใต้เข้าใช้บริการที่สาขาเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า และมีการแชร์บนโซเชียลมีเดีย

โดยที่เพจ MK Restaurants ได้ชี้แจงดังนี้

จากเหตุการณ์ที่มีลูกค้าเดินทางไปประเทศสุ่มเสี่ยงและไม่ได้เฝ้าระวังอาการ 14 วันเข้าใช้บริการที่เอ็มเค เรสโตรองต์ สาขาเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า ทางบริษัทไม่ได้นิ่งนอนใจและได้มีมาตรการดังนี้

1. ระงับการให้บริการเอ็มเค เรสโตรองต์ สาขาเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า ตั้งแต่ 15:30 น. วันที่ 5 มีนาคม 2563 เป็นเวลา 1 วัน

2. เข้าทำความสะอาดพร้อมฆ่าเชื้อโดยมืออาชีพหลังห้างสรรพสินค้าปิด

3. ให้พนักงานที่บริการลูกค้ากลุ่มดังกล่าวกักตัวและสังเกตอาการอยู่บ้าน 14 วัน

เอ็มเค เรสโตรองต์สาขาเซ็นทรัล ปิ่นเกล้าจะเปิดให้บริการอีกครั้งในวันที่ 6 มีนาคม 2563 ต้องขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ ที่นี้ด้วยครับ

เอ็มเค เรสโตรองต์ให้ความสำคัญสูงสุดกับความปลอดภัยของลูกค้าและพนักงานทุกคน ทุกสาขาปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด COVID-19 อย่างเคร่งครัดทั่วประเทศ

ทั้งนี้ยังพบว่ายังมีผู้ที่เพิ่งเดินทางกลับจากประเทศสุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อ COVID-19 แล้วไม่ได้กักตัวเองอีกมากมาย แล้วไปใช้บริการตามสถานที่ต่างๆ จนทางร้านต้องมีการปิดให้บริการ แล้วทำความสะอาดยกใหญ่ กลายเป็นว่าส่งผลกระทบต่อเป็นวงกว้าง

]]>
1267135
ยุคของชาไข่มุก! MK X Fire Tiger เปิดยุทธการไขว้ฐานลูกค้า  https://positioningmag.com/1254700 Mon, 25 Nov 2019 04:30:39 +0000 https://positioningmag.com/?p=1254700 เชนร้านอาหาร MK ได้เปิดแคมเปญใหม่ พร้อมกับพาร์ตเนอร์อีกรายกับ MK X Fire Tiger จับมือกับชาไข่มุก “เสือพ่นไฟ” ขวัญใจวัยรุ่น งานนี้ได้แลกเปลี่ยนฐานลูกค้ากันอย่างสนุก

ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา MK ได้เปิดตัวแคมเปญ MK X ที่ร่วมกับพาร์ตเนอร์ต่างๆ ตามไลฟ์สไตล์ต่างๆ เพื่อจับกลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแฟชั่น เพลง

โดยล่าสุด MK ได้เปิดตัวพาร์ตเนอร์รายล่าสุด Fire Tiger by Seoulcial Club หรือชานมเสือพ่นไฟ เป็นอีกหนึ่งร้านชาไข่มุกสัญชาติไทยยอดนิยมของยุคนี้

ความร่วมมือนี้ทำให้เราจะได้เห็น 2 เมนูพ่นไฟ อย่างนมสดพี่เสือพ่นไฟ และชานมพี่เสือพ่นไฟ จำหน่ายในร้าน MK ทั่วประเทศ (ยกเว้น MK Gold MK LIVE และ MK EXPRESS) ราคาแก้วละ 79 บาท แต่เป็นช่วง Limited Edition ตั้งแต่วันที่ 25 พ.ย. 62 – 31 ม.ค. 63 เท่านั้น

แน่นอนว่าแคมเปญนี้สิ่งที่ MK จะได้รับ คือการที่ได้ต้อนรับลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ กลุ่มวัยรุ่นมากขึ้น เพราะฐานลูกค้าหลักของ Fire Tiger เป็นคนรุ่นใหม่ทั้งสิ้น และทาง MK เองก็ปลุกปั้นเมนูเครื่องดื่ม ของหวาน ชาไข่มุกมาสักพักใหญ่ เพื่อเสริมเมนูอาหารให้แน่นขึ้น

และเป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่า Fire Tiger เป็นร้านชาไข่มุกน้องใหม่ที่ค่อนข้างเติบโตเร็ว มีการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง และทุกสาขายังคงมีการต่อแถวอยู่เสมอ

ตอนนี้ Fire Tiger มีทั้งหมด 8 สาขา ได้แก่ สยามสแควร์ซอย 3, สยามสแควร์ซอย 7, เมกา บางนา, ไอคอนสยาม, เซ็นทรัลลาดพร้าว, เซ็นทรัลเวิลด์, สยามเซ็นเตอร์ และสยามพารากอน ส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพฯ ทั้งหมด

การที่มี 8 สาขาคงไม่เพียงพอต่อการขยายฐานลูกค้า และด้วยราคาที่อยู่ในระดับ 150 บาท ทำให้เข้าถึงลูกค้าได้ยาก

แต่เมื่อการเป็นพาร์ตเนอร์กับ MK ทำให้ Fire Tiger สามารถเข้าไปอยู่ใน MK กว่า 448 สาขาได้หมด อีกทั้งยังมีการปรับราคาเป็น 79 บาท ทำให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น เกิดการทดลองชิมได้ง่ายขึ้น ขยายไปถึงสาขาต่างจังหวัดได้อีกด้วย

เรียกว่าการจับมือกันครั้งนี้วิน-วินกันทั้งคู่ ภาพลักษณ์ของ MK ก็ดูเด็กลง ได้เมนูใหม่ๆ เข้ามาเสริมพอร์ต แม้จะเป็นเพียงแค่ช่วง Limited Edition แต่ก็ทำให้แบรนด์มีสีสันมากขึ้น

]]>
1254700
“กินอะไร ไปกิน MK 2019” ควง 3 ศิลปินจับกลุ่มวัยโจ๋ด้วย Music Marketing https://positioningmag.com/1252472 Tue, 05 Nov 2019 16:46:01 +0000 https://positioningmag.com/?p=1252472 MK Restaurants ปล่อยเพลงกินอะไร ไปกิน MK” เวอร์ชั่น 2019 ดึงนักร้องขวัญคนรุ่นใหม่ 3 สไตล์ แสตมป์ อภิวัชร์, UrboyTJ และ ลำไย ไหทองคำ หวังจับกลุ่มคนรุ่นใหม่หลายสไตล์

เวอร์ชั่น 2019 ต้องทันสมัย

ขึ้นชื่อว่าเป็นไวรัลในชีวิตประจำวันกับบทเพลงที่ว่า “กินอะไร กินอะไร กินอะไร ไปกิน MK” พูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็เหมือนเป็นเพลงชาติประจำร้าน MK Restaurants ที่เรียกได้ว่าหลายคงต้องเคยเจอสถานการณ์ที่ว่า ถ้าใครที่ตั้งคำถามสำหรับมื้ออาหารเย็นที่ว่ากินอะไรดี ต้องมีคำตอบที่ว่า “ไปกิน MK” อย่างแน่นอน

เชื่อว่าเราได้ยินบทเพลงดังกล่าวมาไม่ต่ำกว่า 10 ปีเห็นจะได้ เวอร์ชั่นดั้งเดิมได้ถูกถ่ายทอดผ่านโฆษณาหลายยุคหลายสมัยก็ยังคงได้ยิน มีวลีกินอะไร ไปกิน MK อยู่เรื่อยมา

แต่ในปีนี้ MK ได้มีการปัดฝุ่นครั้งใหญ่ด้วยการรีเมกเพลงกินอะไร กิน MK ในเวอร์ชั่น 2019 เรียกว่าสามารถสร้างสีสัน และช่วยอัพภาพลักษณ์ให้ทันสมัยมากขึ้น

จริงๆ แล้วเพลงนี้อยู่ในแคมเปญ MK X MUSIC เป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ MK X อีกที ซึ่งทาง MK ได้เริ่มแคมเปญนี้ตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เป็นการนำ MK ไปโคแบรนด์กับไลฟ์สไตล์อื่นๆ เช่น Fashion, Music, Cooking

โดยที่ MK X FASHION ได้เปิดตัวมาแล้ว เป็นการทำงานร่วมกับ Milin แบรนด์แฟชั่นสัญชาติไทย ทาง Milin ได้ออกแบบชุดพนักงานให้ทาง MK ใหม่นั่นเอง

ใช้คนเดียวไม่ได้ ต้องผนึก 3 คน เจาะหลายสไตล์

มาจนถึง MK X MUSIC ที่ได้ทำงานร่วมกับศิลปิน 3 ท่าน ได้แก่ แสตมป์ อภิวัชร์, UrboyTJ และ ลำไย ไหทองคำ ในการแต่งเพลงกินอะไร กิน MK ในเวอร์ชั่น 2019 ซึ่งทั้ง 3 คนนี้เรียกว่าเป็นศิลปิน 3 สไตล์ ทั้งป็อป แร็ป และลูกทุ่ง เป็นการจับกลุ่มเป้าหมายให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม

สอดคล้องกับการตลาดในยุคนี้ที่ไม่สามารถใช้พรีเซ็นเตอร์คนเดียว หรือโปรโมชั่นเดียวกันกับลูกค้าทุกคน เพราะแต่ละคนมีพฤติกรรม มีความต้องการ และไลฟ์สไตล์ที่ต่างกัน กลายเป็นเทรนด์ของ Personalization ที่ได้เห็นมาหลายปีแล้ว

MK เองก็ต้องการจับกลุ่มลูกค้าที่วัยรุ่นมากขึ้น คนุร่นใหม่มากขึ้น แม้จะมีแบรนด์ MK LIVE ที่จับกลุม่คนรุ่นใหม่ที่รักสุขภาพโดยเฉพาะ แต่แบรนด์ MK ที่เป็นแบรนด์แม่ก็ต้องขยายฐานสู่คนรุ่นใหม่มากขึ้นเช่นกัน

ถึงแม้ว่ากินอะไร ไปกิน MK ในเวอร์ชั่น 2019 อาจจะไม่ไวรัล ไม่ติดหูเท่าเวอร์ชั่นเดิม แต่ก็สามารถสร้างภาพลักษณ์ให้แก่ MK ได้พอสมควร.

]]>
1252472
“เอ็ม-เซนโค” เผยโฉมคลังเก็บสินค้าห้องเย็น เปิดเกมรุกตลาดโลจิสติกส์ 2 แสนล้าน https://positioningmag.com/1249183 Tue, 08 Oct 2019 15:44:16 +0000 https://positioningmag.com/?p=1249183 เอ็ม-เซนโค โลจิสติกส์ ทุ่มงบ 1,750 ล้านบาท พัฒนาคลังสินค้าแบบเย็นรองรับการบริการด้านโลจิสติกส์ แบบครบวงจร ตั้งเป้าปี 2568 ทำรายได้ไม่ต่ำกว่า 1,600 ล้านบาท

รุกตลาดโลจิสติกส์ 2 แสนล้าน

บริษัท เอ็ม-เซนโค โลจิสติกส์ จำกัด ก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนพฤษภาคม 2561 จากการร่วมธุรกิจระหว่างบริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ยักษ์ใหญ่ด้านธุรกิจอาหารในเมืองไทย และบริษัท เซนโค กรุ๊ป โฮลดิ้ง คัมปะนี (Senko Group Holdings Company) ผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ในประเทศญี่ปุ่น และมีสาขาอีกหลายประเทศมากกว่า 500 ศูนย์กระจายสินค้าทั่วโลก ทั้งในสหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ จีน เอเชียกลาง และอาเซียน 

โดยการลงทุนมีสัดส่วน 50:50 เท่าๆ กัน โดยมีเป้าหมายให้บริการด้านโลจิสติกส์อย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็น การให้บริการคลังสินค้า (Warehouse) การขนส่ง (Transport) บริการนำเข้า-ส่งออกสินค้า (Forwarding) และการซื้อขายสินค้า (Trading) ตอบสนองความต้องการกลุ่มเป้าหมายภาคธุรกิจ (B2B) และลูกค้ารายย่อย (B2C) ในอนาคต

เอ็ม-เซนโค โลจิสติกส์ ได้วางจุดยืนเป็นให้บริการด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชน สำหรับธุรกิจอาหาร ล่าสุดได้เปิดคลังเก็บสินค้าแบบเย็นแห่งใหม่ล่าสุด เพื่อรองรับการบริการด้านโลจิสติกส์แบบครบวงจร โดยเฉพาะการจัดเก็บและขนส่งสินค้าแบบควบคุมอุณหภูมิ (Cold chain logistics) 

สำหรับภาพรวมธุรกิจโลจิสติกส์และซัพพลายเชนในไทย มีมูลค่าประมาณ 200,000 ล้านบาท แบ่งเป็นมูลค่าด้านธุรกิจขนส่ง 130,000 ล้านบาท และมูลค่าด้านการจัดเก็บคลังสินค้า 70,000 ล้านบาท 

ฤทธิ์ ธีระโกเมน ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า 

“ตลอดระยะเวลากว่า 1 ปีที่ผ่านมาของเอ็ม-เซนโค โลจิสติกส์ ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยทั้งสองบริษัทได้ใช้จุดแข็งของแต่ละฝ่ายมาร่วมกันทำงาน เพื่อสร้างความแข็งแกร่ง เอ็ม-เซนโค โลจิสติกส์ ถือเป็นผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมเข้ามาดูแลด้านโลจิสติกส์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่งสินค้า และบริการให้ถึงมือผู้บริโภคได้อย่างมีคุณภาพและรวดเร็ว ตอบโจทย์ธุรกิจที่ไม่ถนัดหรือไม่ต้องการบริหารจัดการจัดเก็บสินค้าและขนส่งด้วยตัวเอง ซึ่งปัจจุบันร้านอาหารในเครือของเอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ปทั้งหมด ใช้บริการของเอ็ม-เซนโค โลจิสติกส์ ในการจัดเก็บวัตถุดิบและขนส่งจนถึงสาขาปลายทางทั่วประเทศ” 

เป้ารายได้ 1,600 ล้านบาท ในปี 2568

นอกเหนือจากการพัฒนาคลังสินค้าแห้ง (Dry Warehouse) ขนาด 4,000 ตารางเมตรแล้ว ล่าสุด เอ็ม-เซนโค โลจิสติกส์ ทุ่มงบลงทุนกว่า 1,750 ล้านบาท พัฒนาคลังเก็บสินค้าแบบเย็น (Cold Warehouse) ขนาด 20,000 ตารางเมตร รองรับการเก็บสินค้าได้มากถึง 12,000 พาเลท (Pallet)

ซึ่งนอกจากจะเป็นคลังสินค้าที่สามารถควบคุมอุณหภูมิได้แล้ว ยังนำระบบอัตโนมัติ (ASRS: Automated Storage and Retrieval System) และระบบการจำแนกสินค้าแบบดิจิทัล (Digital Sorting System) มาใช้เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน เช่น ความรวดเร็ว ความถูกต้องในการจัดสินค้า และเพิ่มความปลอดภัยในการทำงานของพนักงาน โดยคลังเก็บสินค้าแบบเย็น เปิดใช้บริการแล้วอย่างเป็นทางการในเดือนตุลาคม 

ปัจจุบันลูกค้าของเอ็ม-เซนโค โลจิสติกส์ แบ่งเป็นสัดส่วนลูกค้าชาวไทย 75% และลูกค้าชาวต่างชาติอีก 25% คาดในปีที่ 3 จะทำรายได้ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท และเติบโตอย่างต่อเนื่องอีกอย่างน้อย 15% ต่อปี ตั้งเป้าปี 2568 ทำรายได้ไม่ต่ำกว่า 1,600 ล้านบาท

เบื้องต้น เอ็ม-เซนโค โลจิสติกส์ ยังคงเน้นให้บริการลูกค้าในภาคธุรกิจ (B2B) เช่น กลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหาร ผู้ผลิตอาหาร ธุรกิจนำเข้าและส่งออก รวมถึงห้างค้าปลีกต่างๆ เช่น ร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เก็ต และมินิมาร์ท ส่วนในอนาคตเตรียมขยายการให้บริการสู่กลุ่มลูกค้ารายย่อย (B2C) ในรูปแบบการส่งของสดแบบควบคุมอุณหภูมิ เช่น ผัก เนื้อสัตว์ เครื่องปรุง ส่วนผสมต่างๆ เพื่อการประกอบอาหาร ซึ่งในธุรกิจนี้ยังไม่มีคู่แข่งมากนัก 

]]>
1249183
รู้จัก “แบรนด์” ธุรกิจอาหารกลุ่ม MK กว่า 700 สาขา https://positioningmag.com/1245629 Sat, 07 Sep 2019 11:59:46 +0000 https://positioningmag.com/?p=1245629 1245629 เมื่อ “MK” ไม่ได้ขายแค่สุกี้ https://positioningmag.com/1154574 Fri, 26 Jan 2018 04:37:41 +0000 https://positioningmag.com/?p=1154574 กินอะไร..กินอะไร..กินอะไร ไปกินเอ็มเค!…อาจเป็นประโยคและโฆษณายอดฮิตในหลายปีก่อน แต่ปัจจุบันสถานการณ์ธุรกิจร้านอาหารไม่เหมือนเดิม เมื่อคู่แข่งมีมากขึ้น แถมชาบูยังเป็นมื้ออาหารที่มาแรง เบียดสุกี้ไปไม่น้อยทีเดียว ยิ่ง 3-4 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจและกำลังซื้ออยู่ในภาวะซบเซาจะไปรับประทานอาหารนอกบ้านถี่ๆเหมือนตอนมั่งคั่ง ตังค์ในกระเป๋าอู้ฟู่ คงทำไม่ได้ 

ขณะที่ “เทรนด์” ธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นที่มาแรง เป็นเซ็กเมนต์เดียวที่ยังเติบโตได้ ปัจจัยเหล่านี้ย่อมมีผล “กระเทือน” รายได้ของร้านอาหารประเภทสุกี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งนับตั้งแต่ปี 2557-2559 แบรนด์เจ้าตลาดแห่งสุกี้ อย่าง “MK เรสโตรองต์” และ “MK โกลด์ เรสโตรองต์” 2 แบรนด์หัวหอกที่ทำเงินให้กับ “เอ็มเค เรสโตรองต์” สัดส่วน 95% มีการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง สวนทางกับแบรนด์ “ยาโยอิ” ของบริษัทลูก ที่โตวันโตคืน

ปัจจัยลบกระทบรายได้ เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นกับภาคธุรกิจ แต่สิ่งสำคัญคือการ “ปรับตัว” หาทางสร้างการเจริญเติบโตทางธุรกิจให้ได้

ปี 2559 ธุรกิจอาหารมูลค่าประมาณ 3.82-3.85 แสนล้านบาท เติบโตน้อยเพียง 1.9-2.7% เท่านั้น (ศูนย์วิจัยกสิกรไทย) ซึ่งเทียบกับปี 2558 ตลาดเติบโต 4%

การทำธุรกิจให้เติบโต มีหลายกลยุทธ์ เช่น การขยายไลน์ธุรกิจใหม่ๆ (Diversify) การออกสินค้าเมนูใหม่ การหั่นราคา จัดแคมเปญหรืออัดโปรโมชั่นทางการตลาด เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคเพิ่มความถี่ในการรับประทาน เป็นต้น นับตั้งแต่ต้นปี 2561 เลยเห็น MK สุกี้เปิดเกมรุกเต็มที่ จัดครบไม้เด็ดการตลาด เช่น เห็นเทรนด์ผู้บริโภคชาวไทยชอบกิน “ชีส” ก็นำเมนู MK ชีส ซีด แซ่บ สุดคุ้ม มาตอบสนอง เรียกว่าเมนูใหม่ และชูกลยุทธ์ “ราคา” พ่วงมาด้วย ไล่หลังไม่กี่สัปดาห์ ส่งเมนูบะหมี่หมูแดง ที่เป็นการรวม “เมนูพระเอก” มาจูงใจกลุ่มเป้าหมายที่ใช้บริการ “เดลิเวอรี่”

และล่าสุดกับเมนู MK Happy Lunch ในราคา 99 บาท จัดยาวถึงกลางเดือนมีนาคม เพื่อช่วยปั๊มยอดขายไตรมาสแรก

ธุรกิจร้านอาหาร ทำยอดขายได้เป็นเวลา หลักๆ มี 3 มื้อ คือ “กลางวัน” และเย็น ในช่วงกลางวันตั้งแต่ 11.00-15.00 น.ถือเป็นเวลาเร่งด่วน (Rush hour) สำหรับกลุ่มเป้าหมายวัยทำงาน จะให้ผู้บริโภคชุดใหญ่ไฟกะพริบ 400-500 บาท มานั่งรับประทานเป็นชั่วโมงก็คงไม่ได้ ดังนั้นการจัดเมนูพิเศษมาให้บริการ จึงตอบโจทย์จังหวะเวลาได้อย่างดี ส่วนราคาขายถือเป็นการเหมาะสมเอื้อต่อการจ่ายของคนทำงาน

จะเห็นว่าในแวดวงธุรกิจร้านอาหาร ห้ำหั่นโปรโมชั่นใส่กันไม่ยั้งในช่วงกลางวัน เพราะหากไปเดินห้าง มีร้านอาหารหลากหลาย “แบรนด์” มากมาย “เมนู” เป็น “ทางเลือก” ของผู้บริโภค การปล่อยเมนูเด็ด ราคาพิเศษล่อใจ ถือเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยช่วงชิง Traffic ได้ไม่น้อย

ส่วนช่วงเย็นเป็นเวลาที่ลูกค้าต้องไปนั่งง้อรอคิวเข้าร้าน เพราะเลิกงานก็ต้อง Relax และการได้อิ่มท้องนอกบ้านถือเป็นหนึ่งในไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคปัจจุบันด้วย ซึ่งข้อมูลจาก “นีลเส็น ประเทศไทย” ระบุว่า 2560 คนไทยทานข้าวนอกบ้านเฉลี่ย 56 ครั้งต่อเดือน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีอัตราเฉลี่ย 50 ครั้งต่อเดือน

ปัจจุบันเอ็มเค เรสโตรองต์ ไม่ได้มีแค่ “สุกี้” และร้านอาหารญี่ปุ่นยาโยอิเท่านั้น บริษัทแตกไลน์ทำธุรกิจอาหารหลากหลายประเภทมากขึ้น ทั้งร้านอาหารไทยแบรนด์ ณ สยาม และเลอ สยาม, ร้านอาหารญี่ปุ่นแบรนด์ ฮากาตะ และมิยาซากิ, ร้านกาแฟ/เบเกอรี่แบรนด์ “เลอ เพอทิท” ซึ่งแบรนด์นี้เป็นการทำตลาดในเชิง CSR มากกว่า เพราะกำไรหลังหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดบริจาคให้กับโรงพยาบาลศิริราช และยังมีธุรกิจในต่างประเทศ ด้วยการนำร้านอาหารเอ็มเค เรสโตรองต์ ขยายในญี่ปุ่น สิงคโปร์ เวียดนาม และลาว

อย่างไรก็ตาม เอ็มเคฯ ไม่ใช่แบรนด์เดียวที่ปรับตัวรับ “ขาลง” ของเศรษฐกิจกำลังซื้อ และพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน แต่แบรนด์ยักษ์ใหญ่อื่นๆ เช่น ร้านอาหารญี่ปุ่นเซ็น, โออิชิ, ซิซซ์เล่อร์ ล้วนตบเท้าแก้เกมวางหมากเด็ดกันใหม่ ส่วนใครจะดึงลูกค้าได้มากกว่ากัน คงต้องรอวัดผลประกอบการเป็นรายไตรมาส

]]>
1154574