MK – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 25 Nov 2025 06:59:59 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ‘โบนัส สุกี้’ – ‘ลัคกี้ สุกี้’ เปิดเกมรุกเขย่าบัลลังก์ผู้นำบุฟเฟ่ต์สุกี้ https://positioningmag.com/1547545 Tue, 18 Nov 2025 11:09:52 +0000 https://positioningmag.com/?p=1547545 แม้ภาพรวมตลาดธุรกิจร้านอาหารจะดูซบเซา จากความท้าทายในเรื่องภาวะเศรษฐกิจ สภาพการแข่งขันที่ดุเดือด และต้นทุนพุ่งสูงขึ้น ทว่า ‘ตลาดสุกี้’ ที่ปัจจุบันมีมูลค่ากว่า 25,000 ล้านบาทกลับมีความร้อนแรง โดยเฉพาะเซ็กเม้นต์ Budget Buffet ราคาต่ำกว่า 300 บาทลงมา

ล่าสุด ‘ศึกบุฟเฟ่ต์สุกี้’ ระลอกใหม่ปะทุ โดยพี่ใหญ่ MK ประกาศส่ง ‘โบนัส สุกี้’ ลุยตลาดสุกี้ Budget Buffet เต็มกำลัง ซึ่งจากนี้จะขยาย 1-2 สาขาทุกสัปดาห์ และตั้งเป้าว่า ในปี 2569 มีสาขามากกว่า 70 สาขา สร้างรายได้กว่า 3,600 ล้านบาท เพื่อให้โบนัส สุกี้ เป็นแบรนด์สุกี้บุฟเฟ่ต์ที่มีการเติบโตเร็วสุดในตลาด และขึ้นเป็นผู้นำในอนาคต

การบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ ทาง MK จะใช้ศักยภาพของกรุ๊ปทั้งหมดที่มี อาทิ เครือข่ายร้านอาหารกว่า 600 สาขาในเครือ, ซัพพลายเออร์มากกว่า 1,000 ราย, คลังสินค้าและครัวกลางรองรับได้ 1,000 สาขา, ระบบโลจิสติกส์พร้อมรถขนส่งกว่า 500 คัน ส่งของได้ทุกวันทั่วไทย ที่ขาดไม่ได้ คือ ‘ราคาเข้าถึงง่าย’ มาเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ

‘ทานตะวัน และ ธีร์ ธีระโกเมน’ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บอกว่า MK ให้ความสนใจและศึกษาตลาดบุฟเฟ่ต์มานานพอสมควร เนื่องจากมีการเติบโตน่าสนใจ และสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน คือ ต้องการมากกว่าแค่ความคุ้มค่า

นั่นจึงเป็นที่มาของ ‘โบนัส สุกี้’ แบรนด์ใหม่ในเซ็กเม้นท์ Budget Buffet ที่จะมาเสริมพอร์ตสุกี้ของ MK ให้แข็งแรงมากขึ้น ซึ่งนอกจากความคุ้มค่าแล้ว ยังให้ความสำคัญกับคุณภาพ ความหลากหลาย และประสบการณ์ที่ดีในมื้ออาหาร

สำหรับโบนัส สุกี้ จะเน้นสร้างความแตกต่างและขับเคลื่อนการเติบโต ภายใต้กลยุทธ์ 6 Extra Bonus ประกอบด้วย

Product : การมีเมนูมากกว่า 60 รายการ และมีมากกว่าแค่สุกี้ ทั้งติ่มซำ ของทานเล่น น้ำจิ้ม และเมนูซิกเนเจอร์ เช่น หมูนุ่มหมักไข่โบนัส โรลปูอัดโบนัส พร้อมไฮไลต์เครื่องดื่มสลัชชีชาไทย

Price : ราคาเข้าถึงง่าย 219 บาท ทานได้ 2 ชั่วโมง 15 นาที และจะมีการทำโปรโมชันต่อเนื่องทุกเดือน

People : จะใช้ศักยภาพของเอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ปในเรื่องการเทรนนิ่งพนักงาน เพื่อให้บริการและส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้ามาเป็นจุดแข็ง รวมถึงจะจ้างงานคนในท้องถิ่นตามการขยายตัวของแบรนด์

Promotion Bonus : ให้โบนัสลูกค้ากับเมนูพิเศษที่แจกฟรีทุกโต๊ะ วันละสองรอบ ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘ชั่วโมงโบนัส’

Place : ร้านมีขนาดใหญ่ประมาณ 500 ตร.ม. บาร์อลังการ และสะอาด โดยเริ่มต้นจะโฟกัสเปิดในทำเลทั้งหัวเมืองใหญ่และเมืองรองที่เป็นพื้นที่ชุมชนหนาแน่นและมีศักยภาพในการเติบโต

Process : ความพร้อมทั้งหน้าบ้านหลังบ้าน มาตรฐาน MK Group ระบบการจัดการที่สาขา จัดเก็บสินค้าอย่างมีระบบ สดใหม่ สามารถเสิร์ฟได้รวดเร็ว ระบบหลังบ้านที่รองรับการขยายได้แบบไม่สะดุด

ทั้งสองเชื่อว่า ด้วยประสบการณ์กว่า 40 ปี และจุดแข็งที่มีทั้งหมด จะทำให้โบนัสสุกี้เติบโตเร็วแบบก้าวกระโดด เป็นแบรนด์สุกี้บุฟเฟ่ต์ที่มีการเติบโตเร็วสุดในตลาด และคาดหวังจะเป็นผู้นำของตลาดนี้ในอนาคต

ทำไมทั้งคู่ถึงเชื่อมั่นแบบนั้น?

ส่วนหนึ่งเห็นจากการเปิดมา 4 เดือนแรก มีลูกค้ากลับมาใช้บริการซ้ำแล้วกว่า 25% และทานซ้ำสูงสุด 37 ครั้งภายใน 4 เดือน ขณะที่ผลสำรวจความพึงพอใจลูกค้าพบว่า กว่า 95% ประทับใจ ทั้งการบริการ พนักงาน และความคุ้มค่า

สำหรับแผนขยายสาขา ในปี 2568 จะเปิดให้ครบ 16 สาขา และในปี 2569 จะขยายมากกว่า 70 สาขา มียอดขายรวมกว่า 3,600 ล้านบาท ก่อนจะเพิ่มเป็น 100 สาขาทั่วประเทศในปี 2570

พอใจผลประกอบการไม่หวั่นกำไรลด

แม้การทำศึกบุฟเฟ่ต์ที่มี ‘สงครามราคา’ เป็นตัวขับเคลื่อนหลักจะฉุดให้กำไรไตรมาส 3 ปี 2568 ของ MK ลดลง แต่ทางธีร์บอกว่า รู้สึกพอใจกับผลประกอบการดังกล่าว โดยเฉพาะการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมที่เพิ่มขึ้น 5%

พร้อมกับอธิบายเพิ่มเติมถึงสาเหตุที่ทำให้กำไรลดลง โดยเขาบอกว่า หลัก ๆ มาจากสภาพเศรษฐกิจ และ Fixed cost ต้นทุนพุ่งสูงขึ้น เช่น ค่าแรง ค่าเช่าพื้นที่ ฯลฯ ซึ่งจากนี้ต้องมาดูว่า จะหาวิธีควบคุมและบริหารจัดการให้ดีขึ้นได้อย่างไร

สำหรับการประเมินภาพปีหน้า ธีร์มองว่า การแข่งขันจะสูงขึ้น และสงครามราคาเหมือนในปีนี้ก็จะยังมีให้เห็น ส่วนการมีผู้เล่นรายใหญ่เข้ามาถือหุ้นผู้เล่นรายเดิมในตลาด ทั้งคู่มองเชิงบวก คือ เมื่อมีผู้เล่นใหม่เข้ามา ผู้บริโภคจะมีทางเลือกมากขึ้น ส่งผลให้ตลาดยิ่งเติบโตมากขึ้น

“ถ้าถามว่า มองการแข่งขันตอนนี้อย่างไร เรามองการแข่งขันมีทุกยุค สำหรับผมการแข่งขันเป็นสิ่งสวยงาม เป็นความสนุก และแต่ละรายมีทางของตัวเอง เราเองก็จะชนะด้วยข้อดีและจุดเด่นของเราที่จะนำมาซึ่งความสามารถในการแข่งขันของเรา นอกจากโบนัส สุกี้แล้ว ทาง MK ยังจะสานต่อบุฟเฟ่ต์คุ้มคุ้ม 299 บาท ส่วนรูปแบบจะเป็นอย่างไร ขอรอดูผลตอบรับเมื่อจบปี 2568 อีกครั้ง”

ลัคกี้ สุกี้ ผนึกกำลัง CRG ก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดสุกี้

ด้านบริษัท มิราเคิล แพลนเนท จำกัด เจ้าของแบรนด์ ‘ลัคกี้ สุกี้’ และ ‘ลัคกี้ บาร์บีคิว’ หลังจาก CRG เข้ามาร่วมทุน 40% ก็เตรียมเร่งสปีดในการขยายสาขาเต็มกำลัง

‘ณัฐ วงศ์พานิช’ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า การร่วมทุนกับมิราเคิล แพลนเนท คือ การจับมือกันของสององค์กรที่มีความแข็งแกร่ง เพื่อนำศักยภาพที่ดีที่สุดของทั้งสองฝ่ายมาผนึกกัน ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการเดินหน้ากลยุทธ์การเติบโตของบริษัทฯ เนื่องจากเห็นว่าธุรกิจร้านสุกี้ในรูปแบบบุฟเฟต์มีโอกาสขยายได้อีกมาก และเชื่อมั่นในศักยภาพของแบรนด์ ลัคกี้ สุกี้ และ ลัคกี้ บาร์บีคิว ที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ความร่วมมือครั้งนี้ จะนำความเชี่ยวชาญทางด้านการบริหารจัดการด้านธุรกิจอาหาร เทคโนโลยี และเครือข่ายพันธมิตรทางการค้าในปัจจุบัน เพื่อสนับสนุนให้มิราเคิล แพลนเนท มีการเติบโตทั้งด้านผลการดำเนินงาน และการขยายธุรกิจได้อย่างมั่นคงและรวดเร็ว ตามเป้าหมายที่วางไว้ พร้อมสร้างความแข็งแกร่งอย่างยั่งยืนในระยะยาว

สำหรับแผนการขยายธุรกิจ จะมีขยายสาขาเพิ่มทั้งในกรุงเทพ และต่างจังหวัด ปีละ 20 – 25 สาขา เพื่อสร้างโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าให้มากขึ้น โดยตั้งเป้าภายใน 3 ปี จะสามารถขยายสาขาได้ต่อเนื่อง และมีจำนวนสาขา 100 – 120 สาขาทั่วประเทศ

ขณะที่ ‘รสรินทร์ ติยะวราพรรณ’ กรรมการบริหาร มิราเคิล แพลนเนท เผยถึงเหตุผลที่ตัดสินใจเข้าร่วมธุรกิจกับ CRG ว่า มาจากความเชื่อมั่นในศักยภาพ และความเป็นมืออาชีพขององค์กร ที่มีความเข้าใจเชิงลึกในธุรกิจร้านอาหาร ทั้งด้านการวางกลยุทธ์ การมองภาพระยะยาว และระบบการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งพิสูจน์ได้จากผลงานและความสำเร็จที่ CRG สร้างร่วมกับพันธมิตรหลายรายมาแล้ว

“สิ่งที่เรามองหาไม่ใช่เพียงการขยายสาขา แต่คือการสร้างรากฐานธุรกิจที่แข็งแรง และมาตรฐานที่พร้อมรองรับการขยายตัวในระยะยาว ซึ่ง CRG และ มิราเคิล แพลนเนท มีเป้าหมายร่วมกันในการยกระดับธุรกิจอาหารไทยให้แข็งแกร่ง โดยตั้งเป้าให้ ลัคกี้ สุกี้ ก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดสุกี้ และบาร์บีคิวของไทยภายในไม่กี่ปีข้างหน้า”

ตี๋น้อยเตรียมจัดโปรฯฉ่ำ-เปิดสาขาต่อเนื่อง

ขณะที่ ‘สุกี้ตี๋น้อย’ ผู้นำและผู้บุกเบิกตลาดบุฟเฟ่ต์สุกี้ แม้การประกาศผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2568 จะทำกำไรไป 221 ล้านบาท ลดลง 21% เมื่อเทียบการเติบโตกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ก็ยังเดินหน้าทำตามแผนธุรกิจเดิม โดยตั้งเป้ารายได้ปี 2568 ไว้ 9,000 ล้านบาท

การสร้างรายได้ให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ ‘เฟิร์น-นัทธมน พิศาลกิจวนิช’ ซีอีโอ บริษัท บี เอ็น เอ็น เรสเตอรองท์ กรุ๊ป จำกัด ผู้ก่อตั้งสุกี้ตี๋น้อย หลัก ๆ มาจาก ‘การขยายสาขาใหม่’ ซึ่งปัจจุบันสุกี้ตี๋น้อยมี 86 สาขา และ Teenoi BBQ 4 สาขา

ขณะที่ในปี 2569 ตั้งเป้าจะเปิดสาขาเพิ่มอีก 32 สาขา เป็นจำนวนสูงที่สุดเท่าที่ทำมา พร้อมกับประกาศจัดโปรฯ ต่อแบบฉ่ำ ๆ ไม่หยุดพัก ส่วนรูปแบบจะออกมาเป็นอย่างไรขอให้ติดตาม

ความเคลื่อนไหวของผู้เล่นรายหลักแถมเป็นรายใหญ่ทั้งสามรายแบบไม่มีใครยอมใคร สะท้อนให้เห็นว่า พร้อมสู้กับศึกครั้งนี้ จึงทำให้น่าจับตามองเป็นอย่างมากว่า ศึกบุฟเฟ่ต์สุกี้จะไปจบลงตรงไหน?   

]]>
1547545
‘ศึกบุฟเฟ่ต์’ ต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร? เพราะแม้ MK-สุกี้ตี๋น้อย ยอดขายจะโต แต่กำไรตกทั้งคู่ https://positioningmag.com/1546993 Thu, 13 Nov 2025 12:04:24 +0000 https://positioningmag.com/?p=1546993 น่าจับตามองเป็นอย่างมาก เมื่อ ‘ศึกบุฟเฟ่ต์’ ในตลาดสุกี้ที่ใช้ ‘สงครามราคา’ เป็นตัวขับเคลื่อนเพื่อแย่งชิงลูกค้าและกระตุ้นยอดขายได้เริ่มเห็นผลกระทบแล้วระหว่าง Volume Vs. Margin สะท้อนจากผลประกอบการของสองยักษ์ใหญ่แห่งวงการทั้ง ‘MK’ และ ‘สุกี้ตี๋น้อย’ ที่แม้ยอดขายจะเติบโต ทว่ากำไรกลับลดลง

 

MK กำไรหายกว่า 32%

 

‘บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด(มหาชน)’ ได้เปิดเผยถึงผลประกอบช่วงไตรมาส 3 ปี 2568 ว่า มีรายได้รวม 3,884 ล้านบาท เติบโต 5.5% ซึ่งสัดส่วนรายได้ 72% มาจาก MK Restaurants ที่มีบุฟเฟ่ต์ 299 บาท เป็นตัวผลักดันสำคัญของการเติบโต

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อมาดูกำไรสุทธิในช่วงไตรมาส 3 กลับพบว่า MK ทำกำไรสุทธิลดลง โดยทำไปได้ 226 ล้านบาท ลดลง -33.7% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนให้เห็นว่า แม้โปรโมชั่นบุฟเฟต์ จะสามารถดึงดูดลูกค้าและเพิ่มยอดขายได้สำเร็จ แต่ก็ฉุด ‘กำไรขั้นต้น’ ให้ลดลง

 

เนื่องจาก ‘อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ของ MK ลดลงจาก 67.8% ในไตรมาส 3 ปี 2567 มาเหลือ 63.9% ในไตรมาส 3 ปี 2568

 

ขณะที่ช่วง 9 เดือนแรก ปี 2568 MK มีรายได้จากการขายและบริการ 11,218 ล้านบาท ลดลง -4% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 735 ล้านบาท ลดลง -32.4% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่เคยทำได้ 1,088 ล้านบาท และยอดขายสาขาเดิมลดลง -4.1%

 

เหตุผลที่ทำให้การเติบโตลดลง ก็เนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว กำลังซื้อผู้บริโภคอ่อนตัวลง และช่วงเดือน ม.ค.- พ.ค. 2568 ยังไม่ได้ทำโปรโมชันบุฟเฟต์ ทำให้ยอดขายสาขาเดิมลดลงเป็นอย่างมาก

 

แม้ทิศทางของกำไรสุทธิจะลดลง แต่ทาง MK ยังมองช่วงปลายปีนี้ คือ ‘โอกาสสำคัญ’ ในการเร่งยอดขาย โดยเตรียมออกแคมเปญ MK คุ้มเกินคุ้ม 299 บาท ที่จะเพิ่มโปรโมชั่นใหม่และขยายสาขาโบนัส สุกี้เพิ่มเติม เพื่อรักษาการเติบโตของธุรกิจบุฟเฟ่ต์ให้ทะลุเป้าหมาย

 

ซึ่งต้องติดตามว่า จะออกมาในรูปแบบใด

 

พี่เฟิร์นจะโดนตัดเงินเดือนไหม? หลังบริหาร ‘สุกี้ตี๋น้อย กำไรลดลง

 

สำหรับ ‘บริษัท บีเอ็นเอ็น เรสเตอรองท์ กรุ๊ป จำกัด’ ที่มี ‘เฟิร์น-นัทธมน พิศาลกิจวนิช’ เป็นผู้ก่อตั้ง และปัจจุบันเป็นเจ้าของ ‘สุกี้ตี๋น้อย’ ที่ตอนนี้มีสาขา 86 แห่ง, ‘ตี๋น้อย บาร์บีคิว’ 7 แห่ง และ ‘ตี๋น้อย โกลด์’ 1 สาขา รวมทั้งหมด 96 สาขา ได้เปิดกำไรสุทธิช่วง 9 เดือนของปีนี้ว่า ทำได้ 803 ล้านบาท ลดลง 9.77% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

 

แต่หากแยกเป็นรายไตรมาส และเทียบการเติบโตกับช่วงเดียวกันของปีก่อน พบว่า

 

ไตรมาส 1 มีกำไรสุทธิ 271 ล้านบาท ลดลง 2.1%

ไตรมาส 2 มีกำไรสุทธิ 311 ล้านบาท ลดลง 6.7%

ไตรมาส 3 มีกำไรสุทธิ 221 ล้านบาท ลดลง 21%

 

จากตัวเลขดังกล่าวจะเห็นได้ว่า ช่วงไตรมาส 3 ที่สงครามบุฟเฟ่ต์ได้ปะทุขึ้น ทำให้กำไรสุทธิของบริษัท บีเอ็นเอ็น เรสเตอรองท์ฯ ลดลงสูงกว่าไตรมาสที่ผ่านมา

 

หลังจากผลประกอบการดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ทางเพจสุกี้ตี่น้อยได้โพสต์ว่า ‘พี่เฟิร์น! บริหารทำกำไรลดลงมากกว่า 30% ควรตัดเงินเดือนดีไหม’ พร้อมถามแฟนเพจคิดเห็นอย่างไร? และโชว์สถิติ 9 เดือนแรกลูกค้ามากิน ปี 2567 และ ปี 2568 ว่า

 

9 เดือน แรกปี 67 ลูกค้ามากิน จำนวน 19,640,281 หัว มีจำนวน 74 สาขา

9 เดือนแรก ปี 68 ลูกค้ามากินจำนวน 27,654,654 หัว มีจำนวน 96 สาขา

 

โดยหมายเหตุให้เห็นว่า ที่ใช้คำว่า ‘หัว’ นับจำนวนคนมากินสุกี้ตี๋น้อย เพราะคน 1 คน อาจมากินหลายครั้ง พร้อมแจกฟรีลด 50% และไตรมาส 4 ขอจัดโปรฯฉ่ำ ๆ ต่อ

 

นอกจากนี้ เพจสุกี้ตี๋น้อยยังด้โพสต์บทสัมภาษณ์ของเฟิร์น-นัทธมน ในปี 2563 ที่ว่า ‘อย่ามองกำไรสำคัญที่สุดเราต้องให้ลูกค้าก่อน แล้วทุกอย่างจะคืนกลับมา’

 

เหมือนจะย้ำให้เห็นถึงทิศทางการเติบโตของสุกี้ตี๋น้อยที่ให้ความสำคัญกับ ‘ลูกค้า’ มากกว่าคำนึงถึงตัวเลข ‘ผลกำไร’

 

อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการของสองยักษ์ใหญ่ในวงการสุกี้ทั้ง MK และ สุกี้ตี๋น้อย ก็สะท้อนให้เห็นว่า นอกจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของไทยและการแข่งขันธุรกิจในธุรกิจร้านอาหารที่ยังร้อนแรงไม่หยุด ศึกบุฟเฟ่ต์ที่มี ‘สงครามราคา’ เป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญก็ถือเป็นความท้าทายของผู้ประกอบการเช่นเดียวกัน

]]>
1546993
บุฟเฟต์ดันลูกค้าที่ไม่ได้กิน MK นานกว่า 6 เดือน กลับมากิน โตขึ้น 370% ขยายโปรไปจนถึงสิ้นเดือนสิงหาคม  https://positioningmag.com/1532013 Fri, 01 Aug 2025 07:14:34 +0000 https://positioningmag.com/?p=1532013 ความสำเร็จของ MK Restaurants จากโปรบุฟเฟต์ หรือโปรคุ้มคุ้ม อิ่มไม่อั้น  299 บาท นอกจากจะทำให้ MK กลับมามีกระแสอีกครั้ง ยังดันยอดขายให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนมิถุนายน 2568 ทำโปรโมชั่น 254 สาขา ยอดเติบโต 42%

และต่อโปรอีกครั้งในเดือน กรกฎาคม 2568 เปิดเพิ่มอีก 45 สาขา รวม 299 สาขาทั่วประเทศ โดย 45 สาขาที่ให้บริการเพิ่มนี้ได้สร้างยอดเติบโต 28%

แต่ที่มากกว่าการสร้างยอดขายคือ การดึงกลุ่มลูกค้าให้กลับมาทาน MK ได้อย่างเหนียวแน่น โดยกลุ่มลูกค้ากลับมาใช้บริการโตขึ้นทุกกลุ่ม

– กลุ่มลูกค้าสมาชิกปัจจุบัน กลับมาทานบ่อยขึ้น เติบโต 37%

– กลุ่มลูกค้าที่ไม่ได้มา MK นานกว่า 3 เดือน กลับมาทานเพิ่มขึ้น เติบโต 182%

– กลุ่มลูกค้าที่ไม่ได้มา MK นานกว่า 6 เดือน กลับมาทานเพิ่มขึ้น เติบโต 370%

– กลุ่มลูกค้าใหม่ที่อายุเฉลี่ยลดลง เป็นอายุ 26-35 เติบโตเพิ่มขึ้น 6%

– ลูกค้ากลับมาทานซ้ำ เฉลี่ย 27% ภายใน 2 เดือน

จากโปรโมชั่นและเทรนด์การเติบโตนี้ พลิกเกมให้เกิดยอดขายต่อเนื่อง สู่การขยายสาขาในการให้บริการและ MK เชื่อว่าโปรโมชั่นคุ้ม คุ้ม อิ่มไม่อั้น 299 บาท นี้จะผลักดันให้เกิดการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต จึงเป็นที่มาในการขยายโปรโมชั่นไปจนสิ้นเดือน สิงหาคม 2568 ครอบคลุมช่วงวันแม่ เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายได้พาครอบครัวไปฉลองแบบไม่อั้นกันได้ตลอดเดือน

]]>
1532013
สรุปศึกระหว่าง ‘MK’ Vs ‘ตี๋น้อย’ จากภาพสงครามราคา สู่การเปิดตัว ‘BONUS SUKI’ Fighting Brand ของ MK https://positioningmag.com/1529944 Mon, 14 Jul 2025 09:31:47 +0000 https://positioningmag.com/?p=1529944 ถ้าใน Netflix มีซีรีส์ สงครามส่งด่วน แต่ในโลกความจริง ณ ตอนนี้ก็มี สงครามหม้อเดือด ระหว่างพี่ใหญ่ MK และน้องใหม่ไฟแรงเฟร่ออย่าง สุกี้ตี๋น้อย ที่กำลังฟาดฟันกันอย่างดุเดือด โดย Positioning จะสรุปเรื่องราวที่ใครก็คิดว่าเป็นสงครามราคา แต่แท้จริงแล้วเป็นการทดลอง ที่นำไปสู่ Fighting Brand ของ MK

สงครามปะทุเมื่อพี่ใหญ่ทำบุฟเฟต์

ต้องยอมรับว่าการตลาดของ MK นับตั้งแต่การประกาศรีแบรนด์ในช่วงต้นปี สามารถสร้างกระแสให้กับแบรนด์ได้ชัด ไม่ว่าจะชื่อที่เปลี่ยนเป็น Mongkol Restaurants, การออกบะหมี่หยกจานใหญ่, ออกเมนูสุกี้ผัดแห้ง โดยใช้หม้อแดงที่คุ้นเคย 

แต่แคมเปญที่สร้างความฮือฮาให้ก็คือ โปรฯ บุฟเฟต์ ในราคา 299 บาท ทานได้ 20 เมนู เฉพาะในสาขาบิ๊กซี และโลตัส โดยเริ่มตั้งแต่ 9-30 มิถุนายน ที่ผ่านมา โดยหลังจากที่ MK ออกแคมเปญ ทาง สุกี้ตี๋น้อย ก็ต้อนรับพี่ใหญ่ในตลาดบุฟเฟต์ด้วยการ ลดราคาเหลือ 199 บาท จากปกติ 219 บาท (ไม่รวมน้ำรีฟิล และ Vat 7%) รวมถึงมีโปรอื่น ๆ ตามมาอีกอย่างฟรีเครื่องดื่มรีฟิล ตั้งแต่วันที่ 16-30 มิ.ย. 68 เวลา 11.00 – 17.00 น.

 

แน่นอนว่า MK ไม่ได้มีความเชี่ยวชาญในการทำบุฟเฟต์ ทำให้ช่วงเริ่มต้นนั้นแบรนด์ต้องเจอกับ ดราม่า โดยเฉพาะเรื่อง วัตถุดิบไม่เพียงพอ และ พนักงานบางคนยังงงกับการบริหารจัดการ แต่ถึงจะมีดราม่า MK ก็สามารถทำยอดขายกว่า 20 ล้านคอนโด สร้างสถิติใหม่ ดันยอดขายโตกว่า 42% เพียง 22 วัน และลูกค้าสมาชิก MK กลับมาใช้บริการมากกว่าปกติถึง 100% จากความสำเร็จดังกล่าว ทำให้ MK ขยายโปรฯ อีก 1 เดือน ทันที อีกทั้งยังขยายครบทุกสาขา

MK คุ้มมั้ย? กับบทเรียนสงครามราคา แม้มีดราม่า แต่ได้กลับมาพร้อมไวรัล

ในฝั่งของ สุกี้ตี๋น้อยองก็ขยายเวลาโปรฯ 199 บาท เพิ่มอีก 5 วัน นับตั้งแต่วันที่ 1 – 5 กรกฎาคม แต่ที่เป็นไวรัลจริง ๆ ก็คือ แคมเปญที่อนุญาตให้ ลูกค้าพกน้ำจิ้มมาเอง ระหว่างวันที่ 1-4 กรกฎาคม 2568 นี้ จากปกติเป็นข้อห้ามของทางร้าน ซึ่งแม้จะเป็นแคมเปญสั้น ๆ แต่ก็ช่วยสร้างไวรัลโดยที่ไม่ต้องใช้งบการตลาด แถมยังได้ทั้งอินไซต์ความชอบของลูกค้า แถมยังลดต้นทุนน้ำจิ้มของตัวเองได้อีก

ร้านสุกี้ตี๋น้อย (ภาพจาก เพจเฟซบุ๊ก สุกี้ตี๋น้อย)

จากสงครามราคา สู่การซุ่มปั้นแบรนด์ใหม่ของ MK

อย่างไรก็ตาม ในมุมผู้บริโภคอาจจะเห็นการแข่งขันของทั้ง 2 แบรนด์เป็นเพียงเรื่องของ สงครามราคา แต่ในมุมนักการตลาดก็มีการวิเคราะห์ว่า MK อาจจะกำลัง ทดลอง ทำอะไรบางอย่าง และในที่สุด ก็มีคนตาดีเห็นแบรนด์บุฟเฟต์สุกี้น้องใหม่ที่โรบินสันไลฟ์สไตล์สระบุรี ชื่อ โบนัส สุกี้ (BONUS SUKI) ซึ่งเปิดวันแรกไปเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยราคาอยู่ที่ 219 บาท/คน โดยราคานี้ไม่รวมเครื่องดื่มรีฟิล 39 บาท และ Vat 7% (เท่ากับจะมีราคา Net อยู่ที่ 276 บาท เท่ากับสุกี้ตี๋น้อยและลัคกี้ สุกี้) 

โดยแบรนด์โบนัส สุกี้ อยู่ภายใต้ บริษัท คุ้มคุ้ม จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ เอ็มเค เรสสเตอรองต์ กรุ๊ป มีทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 1 ล้านบาท และมีแผนเพิ่มทุนเป็น 200 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่า โบนัส สุกี้ คือ Fighting brand ของ MK เพื่อเอามาสู้กับผู้เล่นใหม่ ๆ มาเขย่าบัลลังก์ผู้นำตลาดสุกี้ของ MK 

แน่นอนว่าหลังจากที่ MK ความแตกเรื่อง โบนัส สุกี้ ทาง สุกี้ตี๋น้อย ก็ต้องงัดโปรโมชั่นมาสู้ โดย ลด 50% ใน 10 สาขา ระหว่างวันที่ 17-18 กรกฎาคม ในช่วงเวลา 00.01-05.00 น. เท่านั้น รวมราคา 117 บาท Net เครื่องดื่ม  รีฟิล ฟรี!  อีกทั้งยังต่ออายุโปรโมชั่นฟรีเครื่องดื่มรีฟิล และให้พกน้ำจิ้มมาทานที่ร้านได้ถึงสิ้นเดือน 31 กรกฎาคม

เชื่อว่าจากนี้ตลาดสุกี้จะเดือดยิ่งกว่าหม้อต้มสุกี้เสียอีก เพราะแต้มต่อของ MK ก็คือ จำนวนสาขาที่มากถึง 423 สาขา เฉพาะสาขาในโลตัสและบิ๊กซีที่เคยประเดิมทำโปรฯ ก็มีในมากกว่า 200 สาขา แล้ว ดังนั้น MK พร้อมที่จะเปลี่ยนบางโลเคชั่นให้กลายเป็นโบนัส สุกี้ ได้ไม่ยาก คงต้องรอดูกันว่าเมื่อพี่ใหญ่ลงมาลุยตลาดบุฟเฟต์เต็มตัว บรรดาคลื่นลูกใหม่ไฟแรงในตลาดจะแก้เกมอย่างไร

]]>
1529944
MK คุ้มมั้ย? กับบทเรียนสงครามราคา แม้มีดราม่า แต่ได้กลับมาพร้อมไวรัล https://positioningmag.com/1526580 Wed, 18 Jun 2025 09:25:59 +0000 https://positioningmag.com/?p=1526580 ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่มีประเด็นอะไรร้อนแรงไปกว่า “สงครามราคา” ของสุกี้หม้อเดือด ที่ทำเอาร้อนแรงไปทั่วโซเชียล เป็นการฟาดฟันของพี่ใหญ่อย่าง MK และสุกี้ตี๋น้อย เมื่อ MK ได้ประกาศลงสนามบุฟเฟต์ในราคา 299 บาท ทานได้ 20 เมนู ในสาขาบิ๊กซี และโลตัส เริ่มตั้งแต่ 9-30 มิถุนายน

หลังจากนั้นสุกี้ตี๋น้อยประกาศราคา 199 บาท เพื่อเป็นการฉลองที่มียอดผู้ติดตามในเฟซบุ๊กครบ 1 ล้านราย จากปกติราคา 219 บาท (ยังไม่รวมน้ำรีฟิล และ Vat 7%) รวมไปถึงยังมีประกาศโปรอื่นๆ ตามมาอีกอย่างฟรีเครื่องดื่มรีฟิล ตั้งแต่วันที่ 16-30 มิ.ย. 68 เวลา 11.00 – 17.00 น.

เรียกได้ว่าเป็นศึกที่ไม่มีใครยอมใคร เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่า MK ได้ครองตลาดสุกี้ในประเทศไทยมาอย่างยาวนาน เป็นร้านอาหารที่เป็น Top of Mind ในอันดับต้นๆ สำหรับกลุ่มครอบครัวที่ต้องการไปทานอาหารนอกบ้าน พร้อมกับเคยมีไวรัลเพลง “กินอะไร กินอะไร กินอะไร ไปกินเอ็มเค” โด่งดังอยู่ช่วงหนึ่ง 

แต่เมื่อยุคสมัยที่เปลี่ยนไป การบุกตลาดของ “สุกี้ตี๋น้อย” และสุกี้ ชาบูในรูปแบบบุฟเฟต์ที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ MK เริ่มได้รับผลกระทบ เพราะผู้บริโภคมองหาเรื่องความคุ้มค่ามากขึ้น การทานแบบบุฟเฟต์จึงนิยมในกลุ่มคนรุ่นใหม่

ในช่วงหลัง MK จึงมีการแก้เกมในหลายอย่าง ถึงแม้จะช้าไปบ้างแต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย เช่น การเริ่มขายน้ำจิ้ม สุกี้ภายในร้าน ละขยายสู่โมเดิร์นเทรด ร้านค้าข้างนอก การจัดชุดสุกี้พร้อมทานจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อ รวมไปถึงการจำหน่ายอาหารพร้อมทาน บะหมี่เป็ดย่างต่างๆ เพื่อเป็นการกระจายรายได้สู่กลุ่มอาหารพร้อมทานมากขึ้น

ซึ่งในปีนี้เป็นปีที่ MK ดูจะมีสีสันขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพราะมีการประกาศรีแบรนด์ตั้งแต่ต้นปี ได้เห็นไวรัลบนโลกโซ เชียลมากมาย ทั้งการเปลี่ยนชื่อร้านเป็น Mongkol Restaurants (มงคล เรสโตรองต์) ในช่วงเทศกาลตรุษจีน, การออกบะหมี่หยกจานใหญ่, ออกเมนูสุกี้ผัดแห้ง โดยใช้หม้อแดงที่คุ้นเคย

และที่สร้างเสียงฮือฮาได้มากที่สุดก็คือออกโปรโมชั่นบุฟเฟต์ในราคาสุทธิ 299 บาท เฉพาะสาขาที่อยู่ในโลตัส, บิ๊กซี และคอมมูนิตี้ มอลล์อื่นๆ แม้จะไม่ใช่บุฟเฟต์ครบทุกเมนูแบบจัดเต็ม แต่หลายคนก็มองว่าเมนูเท่านี้ เทียบกับคุณภาพของ MK ก็ถือว่าใช้ได้แล้ว เพราะถ้าเป็นบุฟเฟต์ในกลุ่มพรีเมียมจะมี MK Gold อยู่แล้ว จะมีราคาอยู่ที่ 545 บาท เรียกว่าการจัดโปรนี้เพื่อจับตลาดแมสโดยเฉพาะ

แต่เมื่อหลังจากที่มีการคิกออฟตัวแคมเปญจริงจัง ก็ได้ทั้งไวรัลกลับมาเป็นกระแสอีกครั้งทั้งในแง่บวก และแง่ลบ มีดราม่าทั้งเรื่องวัตถุดิบไม่เพียงพอ บางคนไปทานแล้วหลายเมนูหมด ทำให้เกิดกระแสตีกลับว่าลงมาเล่นในสงครามราคา แต่มีความไม่พร้อม…

สิ่งที่ MK ได้รับกลับมานอกจากไวรัล และดราม่า ยังมียอดขายที่เติบโตขึ้น ซึ่ง MK รายงานว่าหลังจัดโปรบุฟเฟต์ 4 วัน สร้างยอดขายเติบโตขึ้น 49% ส่วนสาขาที่จัดโปรมียอดขายโตขึ้น 98% 

ถึงแม้ MK จะเป็นพี่ใหญ่ในวงการสุกี้ แต่เมื่อลงมาสนามบุฟเฟต์ (ระดับแมส) ถือว่าเป็นน้องใหม่จริงๆ แต่เพื่อที่จะจับใจคนรุ่นใหม่ ก็ต้องจัดโปรโมชั่นที่หวือหวา เพราะยุคนี้ผู้บริโภคมีตัวเลือกมากขึ้น การจะเป็นแบรนด์ที่อยู่ในใจ      ผู้บริโภคได้ในระยะยาว และอยู่กับคนทุกยุค จำเป็นต้องมีสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ 

แม้โปรโมชั่นนี้จะได้รับเสียงสะท้อนเป็นดราม่า แต่ก็ถือว่า MK ได้พื้นที่สื่อ และได้รับความสนใจกลับคืนมา ทำให้เห็นได้ว่าผู้บริโภคยังเลือก MK อยู่ เพราะคุณภาพ และจุดเด่นที่เป็ดย่าง และน้ำจิ้ม แต่ด้วยราคาที่สูงจึงทำให้ต้องหันไปเลือกแบรนด์อื่นที่ราคาคุ้มค่ากว่า ซึ่งต้องจับตาดูต่อไปว่า หลังจากหมดโปรโมชั่นนี้แล้ว MK จะมีการแก้เกมระยะยาวอย่างไร และจะมีบุฟเฟต์แบบถาวรหรือไม่

อ่านเพิ่มเติม

]]>
1526580
จับตาการเปิด ‘น่านน้ำใหม่’ ของแบรนด์ เมื่อยุคนี้ ‘ใหญ่’ และ ‘เก๋า’ แค่ไหนก็ต้องปรับตัว https://positioningmag.com/1524310 Mon, 02 Jun 2025 09:28:03 +0000 https://positioningmag.com/?p=1524310 เพราะยุคนี้ไม่ว่าจะเป็น ‘แบรนด์ใหญ่’ หรือ ‘อยู่ในตลาดมานานแค่ไหน’ หากไม่รู้จักปรับตัวก็ยากที่จะอยู่รอดและเติบโตได้ในระยะยาว เราจึงได้เห็นการเปิด ‘น้ำน่านใหม่’ ของหลายแบรนด์ ด้วยการขยายไลน์โปรดักต์สู่ตลาดใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ ซึ่งภาพเหล่านี้เห็นชัดเจนจาก THAIFEX – Anuga Asia 2025 งานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มใหญ่สุดของภูมิภาคเอเชียที่เพิ่งผ่านพ้นไป

 

เอ็มเค

 

นอกเหนือจากจะเพิ่มความหลากหลายของเมนู เพื่อดึงคนเข้าไปใช้บริการภายในร้านให้มากขึ้นแล้ว เช่นเปิดตัว ‘สุกี้ผัดแห้งเอ็มเค’ ที่ให้พนักงานไปเสิร์ฟและผัดให้กินถึงโต๊ะ เพื่อเจาะฐานลูกค้าใหม่ ๆ  ทางเอ็มเคยังหันมารุกตลาดน้ำจิ้มขวด และ Ready to Cook อย่างชุดสุกี้ ล่าสุดยังเปิดตัวสินค้าในกลุ่ม ‘อาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทาน’ ได้แก่ ‘บะหมี่ผักโมโรเฮยะหมูแดง’, ‘ข้าวซี่โครงหมู’ และ ‘ข้าวเนื้อตุ๋น’ พร้อมกับน้ำจิ้มใหม่ 2 รสชาติอย่าง  ‘น้ำจิ้มสุกี้สูตรเผ็ด’ และ ‘น้ำจิ้มเต้าหู้ยี้โบราณสูตรเผ็ด’ ซึ่งสินค้าใหม่ทั้งหมดมีแผนจะวางจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อเร็ว ๆ นี้

FF

 

ด้านบริษัท แฟชั่นฟู้ด จำกัด เจ้าของขนมอบกรอบรสมะเขือเทศ และพริกหยวก ภายใต้แบรนด์ FF ที่เราคุ้นเคยมาเกือบ 40 ปี ก็ได้มีการขยายไลน์สินค้าสู่เส้นบะหมี่อบแห้ง ไม่ว่าจะเป็น โชกุนหยกบะหมี่อบแห้ง บะหมี่สไตล์เกาหลี รวมถึงเปิดตัวขนมอบกรอบแบบสติ๊กในหลากหลายรสชาติ อาทิ สติ๊กรสชีส สติ๊กรสสไปซี่ ฯลฯ เพื่อเอาใจคนรุ่นใหม่ที่ชอบรสชาติจัดจ้านและหยิบกินได้สะดวก

ไวไว

 

แบรนด์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและผลิตภัณฑ์อาหาร ‘ไวไว’ ที่อยู่ในตลาดมาตั้งแต่ปี 2515 มาในปีนี้ก็เปิดได้ออกโปรดักต์สำหรับขยายน้ำน่านใหม่ทางธุรกิจสู่ ตลาดผงปรุงรส ภายใต้แบรนด์ ‘รสเด็ด’ และมีการบุกตลาดซอสปรุงรส ภายใต้แบรนด์ ‘ไวไว’ มาในขวดพลาสติกพกพาง่ายและใช้สะดวก มีให้เลือกทั้ง ซอสหมักครบรส, ซอสผัดฉ่า, ซอสผัดกะเพรา และซอสผัดกะเพรา พร้อมกับรุกตลาดพรีเมียม กับการเปิดตัว ‘เส้นราเมนทำจากรำข้าว’ และ ‘ราเมนแป้งข้าว รสโชยุส้มจี๊ด’

ทิพย์สมัย

 

ทิพย์สมัย ผัดไทยประตูผี ร้านอาหารเจ้าของตำนานความอร่อย 86 ปี ได้ขยายตัวมาสู่ธุรกิจแปรรูป ทั้งอาหารพร้อมปรุง อาหารพร้อมทาน ซอสปรุงรส และอาหารพร้อมทานแบบแช่แข็ง ภายใต้แบรนด์ ‘ทิพย์สมัย’ และล่าสุดแบรนด์ใหม่อย่าง ‘แบรนด์ไทย’ มาในคอนเซ็ปต์ Authentic Thai Taste to the World มีให้เลือกทั้งเมนูเส้น เมนูข้าว และของหวาน

 

เซ็ปเป้

 

สำหรับ ‘เซ็ปเป้’ ปีนี้มาในคอนเซ็ปต์ Mission to Mars มีการเปิดเซกเม้นท์สินค้าใหม่ในกลุ่มชา และขยายฐาน      ผู้บริโภค Mogu Mogu ซึ่งเป็น Snackable Drink ให้กว้างขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะตลาดสำคัญในเกาหลี อินโดนีเซีย ฝรั่งเศส ละอังกฤษ

 

ลีกุมกี่

แบรนด์น้ำมันหอยแบรนด์แรกของโลก ก็มีกาขยับตัวด้วยเช่นกัน โดยมีการเปิดตัวแพ็กเกจใหม่มาในขวดพลาสติกใช้ง่าย พกพาง่าย

 

ฉั่วฮะเส็ง

 

เพื่อสร้างการเติบโตและเข้าถึงคนรุ่นใหม่ให้มากขึ้นกว่าเดิม ‘ฉั่วฮะเส็ง’ แบรนด์น้ำพริกเผาอายุกว่า 75 ปี ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เป็น ‘น้ำพริกเผา ซิงเกิลเสิร์ฟ’ มีด้วยกัน 3 รสชาติหลัก ได้แก่ สูตรเผ็ด, ทรงเครื่อง และต้มยำ ซึ่งเตรียมวางขายในร้านสะดวกซื้อ รวมถึงออกแบรนด์ใหม่ ในชื่อ Taste Thai ซอสปรุงสำเร็จสำหรับส่งออกไปต่างประเทศ

 

]]>
1524310
MK จะทวงบังลังก์ผู้นำตลาดสุกี้อย่างไร ? เมื่อ ‘ความท้าทาย’ รอบด้าน – ‘คู่แข่ง’ ก็แกร่งขึ้น https://positioningmag.com/1513498 Tue, 04 Mar 2025 11:14:33 +0000 https://positioningmag.com/?p=1513498 หลังจาก MK ส่งสัญญานถึงการขยับตัวครั้งใหญ่ตลอดปีนี้ เพื่อพลิกสถานการณ์ให้กลับมาเติบโต และทวงบังลังก์ผู้นำในตลาดสุกี้ ด้วยการ ‘กดปุ่มสตาร์ทแรก’ เปลี่ยนชื่อเฉพาะกิจมาเป็น MongKol จนเป็นกระแสไวรัลที่ผู้คนให้สนใจ พร้อมกับปล่อยแคมเปญการตลาดที่ไม่เคยทำมาก่อน และแต่งตั้ง ‘ทานตะวัน – ธีร์ ธีระโกเมน’ สองผู้บริหารรุ่นใหม่ทายาทของ ‘ฤทธิ์ ธีระโกเมน’ ผู้ก่อตั้ง MK มานั่งในตำแหน่ง ‘กรรมการผู้จัดการใหญ่ร่วม’ 

 

แต่ท่ามกลางความท้าทายรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นการชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจ, ราคาต้นทุนวัตถุดิบที่พุ่งสูงขึ้น รวมไปถึงการแข่งขันที่ดุเดือดและการมีคู่แข่ง ซึ่งนับวันจะแข็งแกร่งมากขึ้นทั้ง ‘สุกี้ตี๋น้อย’ และน้องใหม่มาแรงอย่าง ‘ลัคกี้ สุกี้’ 

 

จึงน่าจับตามองว่า  MK ที่อยู่ในตลาดมานาน 39 ปี จะสามารถพลิกเกมและบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ได้อย่างไร ? 

 

โดยเฉพาะเมื่อดูจากผลประกอบการปี 2567 ของ  ‘บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)’ หรือ MK GROUP ซึ่ง MK ทำรายได้หลักให้กับเครือถึง 72% พบว่า รายได้และกำไรของ MK GROUP ยังคงลดลงต่อเนื่อง โดยทำรายได้รวมไป 15,418 ล้านบาท ลดลง 7.5 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไร 1,442  ล้านบาท ลดลง 14.3%  

 

สวนทางกับผลประกอบการของ ‘บริษัท บีเอ็นเอ็น เรสเตอรองท์ กรุ๊ป จำกัด’ เจ้าของธุรกิจ สุกี้ตี๋น้อย ที่เติบโตแบบก้าวกระโดด โดย

 

ปี 2563 มีรายได้ 1,223 ล้านบาท กำไร 140 ล้านบาท

ปี 2564 รายได้ 1,572 ล้านบาท กำไร 148 ล้านบาท

ปี 2565 รายได้ 3,976 ล้านบาท กำไร 591 ล้านบาท

ปี 2566 รายได้ 5,244 ล้านบาท กำไร 913 ล้านบาท

 

ส่วนปี  2567 มีกำไร 1,169 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งผลประกอบการดังกล่าวมาจากการที่  สุกี้ตี๋น้อยมีสาขารวม 78 สาขา, ตี๋น้อย บาร์บีคิว 1 สาขา และตี๋น้อย เอ็กซ์เพรส  1 สาขา

ขณะที่พี่ใหญ่อย่าง MK มีสาขาทั้งหมดถึง 432 สาขา  

 

ถึงเวลายักษ์ใหญ่(ต้อง)ขยับ

 

MK เองไม่ได้นิ่งนอนใจในการรักษาความเป็นเจ้าตลาด และก่อนหน้านี้พยายามแก้เกมในหลากหลายกลยุทธ์ ทั้งเปิดตัวโปรดักต์ที่เป็นตัวสร้างชื่อให้กับตัวเองออกมาจำหน่ายในรูปแบบใหม่เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า

 

อย่างเช่น ชุดสุกี้เอ็มเคในรูปแบบแพ็ก, น้ำจิ้มสุกี้เอ็มเคแบบขวด และชุดบะหมี่หยก ลูกชิ้นรวมมิตร มาวางจำหน่ายตามร้านสะดวกซื้อและร้านค้าต่าง ๆ ซึ่งไม่เพียงจะเพิ่มโอกาสในการขาย แต่ยังเป็นช่องทางในการนำแบรนด์ MK เข้าถึง ‘กลุ่มคนรุ่นใหม่’ นอกเหนือจาก ‘กลุ่มครอบครัว’ ที่เป็นลูกค้ากลุ่มหลักของแบรนด์

 

ในเดือนสิงหาคม 2567 ยังได้กระโดดลงไปแข่งขันในตลาดร้านบุฟเฟ่ต์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ก่อตั้งแบรนด์มา 39 ปี ภายใต้ชื่อ MK BUFFET มีให้เลือก 3 ราคาได้แก่ ระดับมาตรฐาน ราคา 499 บาท, Premium Buffet ราคา 699 บาท และ Deluxe Buffet ราคา 899 บาท (ไม่รวมเครื่องดื่มและขนมหวาน) ประเดิมเปิดสาขาแรกที่ ‘เซ็นทรัล เวสต์เกต’ และในอนาคตมีแผนจะขยายสาขาเพิ่มเติม 

 

ตั้งผู้บริหารคนรุ่นใหม่สู้ศึก

 

นอกจากนี้ เมื่อธุรกิจเคลื่อนตัวเข้าสู่โลกของคนรุ่นใหม่ ในเดือนธันวาคม 2567 ทาง MK ก็ได้แต่งตั้งสองผู้บริหารคนรุ่นใหม่ผู้เป็นทายาทของ ‘ฤทธิ์ ธีระโกเมน’ ผู้ก่อตั้ง MK นั่นคือ ‘ทานตะวัน และ ธีร์ ธีระโกเมน’ มานั่งในตำแหน่ง ‘กรรมการผู้จัดการใหญ่ร่วม’ มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 ขณะที่ฤทธิ์ จะทำหน้าที่คอยให้คำปรึกษา 

 

แน่นอนเป้าหมายของการแต่งตั้งสองผู้บริหารครั้งนี้ ต้องการให้ทั้งคู่มาสร้างการเปลี่ยนแปลงและพลิกสถานการณ์ของ MK ซึ่งเราได้เห็นความเคลื่อนไหวที่น่าจับตามองไปแล้ว นั่นคือ การเปลี่ยนชื่อเฉพาะกิจของ MK มาเป็น MongKol ที่สร้างความฮือฮาจนเป็นกระแสไวรัลไปทั่วบ้านทั่วเมือง 

 

ตามด้วยการปล่อยแคมเปญการตลาดที่ไม่เคยทำมาก่อน อย่าง ‘หมู มาราธอน’ โดยแคมเปญนี้พุ่งเป้าเจาะกลุ่มลูกค้า GEN Y – GEN Z ด้วยราคาที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้นและตอบโจทย์ความต้องการ ให้สามารถกินได้ไม่อั้นในเวลา 90 นาที กับ 4 คอนโดหมู (หมูนุ่ม หมูนุ่มโรยงา สันคอหมูสไลซ์ และ คุโรบูตะสเปเชียลสไลซ์) 

 

หรือจะเป็นการครีเอตเมนู ‘สุกี้ชามเดี่ยว’ ที่ให้ลูกค้าเลือกได้ตั้งแต่เนื้อสัตว์ เส้นซุป ในราคาเริ่มต้นที่ 129 บาท เริ่มวันที่ 6 กุมพาพันธ์ – 31 มีนาคม 2568 

 

การเดินกลยุทธ์แบบใหม่ของ MK ทาง ‘ทานตะวัน ธีระโกเมน’ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ให้เหตุผลว่า มาจากการแข่งขันที่รุนแรงมากของตลาดสุกี้ในปัจจุบัน จนกลายเป็นโจทย์ใหญ่ที่ทำให้แบรนด์ต้องปรับตัวขึ้นมาสู้ศึกนี้แบบเต็มกำลัง โดยเริ่มจากเดินหน้ากลยุทธ์การตลาดใหม่ ๆ ที่ทำให้แบรนด์สนุกยิ่งขึ้น และเข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น

 

แผนปี 68 เน้นความคุ้มค่าและคงคุณภาพ 

 

สำหรับปี 2568 ทาง MK GROUP มีการปรับกลยุทธ์การตลาดใหม่ๆ ที่มีความคุ้มค่าและคงคุณภาพ เพื่อเพิ่มการรับรู้ของแบรนด์ให้มากขึ้น และดึงดูดความสนใจจากกลุ่มผู้บริโภค ขณะที่ธุรกิจรีเทลมีการเตรียมแผนการขยายช่องทางทั่วโลก และมองหาโอกาสในการเติบโตจากการลงทุนในธุรกิจใหม่

 

อย่างล่าสุดได้มีการเปิดตัว ฮิคินิคุ โตะ โคเมะ ร้านแฮมเบิร์กเจ้าดังจากประเทศญี่ปุ่น นำเข้ามาเปิดในไทยเป็นสาขาแรก ณ เซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งคาดว่า มีโอกาสเติบโตและขยายได้อย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับเปิดโอกาสในการมองหาการลงทุนใหม่ๆ เพื่อเข้ามาเสริมพอร์ตธุรกิจให้แข็งแรงขึ้นอีก

 

เมื่อโฟกัสมาที่ MK Restaurants นอกจากขยายร้านอย่างต่อเนื่อง จากเดิมมีสาขาทั้งหมด 432 สาขา, MK Live 4 สาขา, MK Gold 5 สาขา และสาขาแฟรนไชส์ MK Restaurants ในต่างประเทศ คือ ญี่ปุ่น 24 สาขา, เวียดนาม 4 สาขา, ลาว 3 สาขา 

 

ในปีนี้ ยังมีแผนนำ ‘น้ำจิ้มสุกี้’ ไปวางขายให้ครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น รวมถึงมีช่องทางการวางจำหน่ายไปทั่วโลก ทั้งโซนเอเชีย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยุโรป อเมริกาเหนือ ออสเตรเลีย และตะวันออกกลาง

 

ผู้บริโภคอยากให้ปรับ ‘ราคาลง’

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อลองเช็คเสียงและคอมเมนต์ของผู้บริโภคแล้ว จะเห็นได้ว่า ลูกค้าส่วนใหญ่ต้องการให้ MK มีการปรับ ‘ราคา’ ลง เพื่อให้สามารถแข่งขันกับคู่แข่ง มากกว่าสร้างการเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ

 

โดยปัจจุบันราคาบุฟเฟ่ต์ของคู่แข่งรายสำคัญทั้งสุกี้ตี๋น้อย และน้องใหม่มาแรงอย่าง ลัคกี้ สุกี้ อยู่ที่หัวละ 219 บาท สามารถทานได้ในเวลา 1 ชั่วโมง 45 นาที หากรวมเครื่องดื่มรีฟิล บวกกับภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% แล้ว จะมีราคาสุทธิอยู่ที่ 276 บาทต่อคน 

 

ราคาดังกล่าว เมื่อเทียบกับราคาบุฟเฟ่ต์ของ MK ถือว่า ห่างกันพอสมควร แม้หลายคนจะบอกว่า ของคุณภาพต่างกันก็ตาม

 

ทว่าประเด็นเรื่องราคาอาจเป็นหนึ่งโจทย์สำคัญที่ยักษ์ใหญ่อย่าง MK ต้องนำไปคิด เพื่อจะพลิกสถานการณ์ให้กลับมาเติบโต และทวงบังลังก์ผู้นำในตลาดสุกี้กลับมาให้ได้

]]>
1513498
ทายาทรุ่น 2 MK ประกาศปลุกกระแสแบรนด์ต่อเนื่อง https://positioningmag.com/1509467 Wed, 05 Feb 2025 05:12:00 +0000 https://positioningmag.com/?p=1509467 หลังจาก MK ปลุกกระแสตั้งแต่ต้นปี ด้วยการเปลี่ยนชื่อเฉพาะกิจมาเป็น MongKol ทำให้แบรนด์ถูกพูดถึงเป็นวงกว้างและกลับมามีชีวิตชีวาบนโลกโซเชียลอีกครั้ง ล่าสุดทางทายาทรุ่น 2 ของ MK GROUP ‘ทานตะวัน ธีระโกเมน’ ก็ออกมาประกาศแล้วว่า จะเดินหน้ากลยุทธ์ใหม่ในการปลุกกระแสให้ MK แรงต่อเนื่อง

 

‘ทานตะวัน ธีระโกเมน’ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงมากของตลาดสุกี้ในปัจจุบัน กลายเป็นโจทย์ใหญ่ที่ทำให้แบรนด์ต้องปรับตัวขึ้นมาสู้ศึกนี้แบบเต็มกำลัง โดยเริ่มเดินหน้ากลยุทธ์การตลาดใหม่ ๆ ที่ทำให้แบรนด์สนุกยิ่งขึ้น และเข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น

 

สำหรับแคมเปญแรกที่ได้ประเดิมไปของ MK Restaurants ในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่ผ่านมา ถือเป็นการสร้างแปลกใหม่แบบที่ไม่เคยทำมาก่อน ทั้งการเปลี่ยนป้าย MK Restaurants เป็น MongKol Restaurants ในรอบ 39 ปี กับ 4 สาขา ขณะเดียวกันก็เสิร์ฟความมงคลสร้าง Engagement กระหน่ำโซเชียล และ หมี่หยกยืนยาว 99 ซม. อีกแคมเปญสุดปังที่สร้างยอดขายเติบโตกว่า 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

 

ตามด้วยการเขย่าวงการธุรกิจค้าปลีก กับ ‘ชุดบะหมี่หยก ลูกชิ้นรวมมิตร’ ราคา 69 บาท เพิ่มช่องทางการขายใน 7 – Eleven และตบท้ายด้วยคอนเทนต์น้ำจิ้มสุกี้ สร้างไวรัล ป่วนทุกวงการ ทั้งหมดนี้สามารถปลุกกระแสของแบรนด์และได้รับการตอบรับในทิศทางที่ดีจากกลุ่มผู้บริโภคบนโลกโซเชียล อีกทั้งยังดึงลูกค้าเข้ามาใช้บริการได้อย่างต่อเนื่อง

 

ไม่หยุดเพียงเท่านั้น เพราะเมื่อไม่นานมานี้ MK Restaurants เพิ่งประกาศเปิดตัวแคมเปญใหม่ กับ ‘หมู มาราธอน’ ซึ่งพุ่งเป้าเจาะกลุ่มลูกค้า GEN Y – GEN Z ด้วยราคาที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้นและตอบโจทย์ความต้องการ โดยสามารถกินได้ไม่อั้นในเวลา 90 นาที กับ 4 คอนโดหมู (หมูนุ่ม หมูนุ่มโรยงา สันคอหมูสไลซ์ และ คุโรบูตะสเปเชียลสไลซ์) สั่งชุดหมูเริ่มต้น 385 บาท จำนวน 1 ชุด ต่อ 1 โต๊ะ บวกเพิ่มแค่ 159 บาท ต่อ 1 คน ได้สิทธิ์ทาน หมูสันคอสไลซ์, คุโรบูตะสเปเชียลสไลซ์, หมูนุ่ม และหมูนุ่มโรยงา ได้แบบไม่อั้น! เริ่มตั้งแต่ 3 – 11 ก.พ. 2568 ที่ MK Restaurants ทุกสาขา

 

ทานตะวันทิ้งท้ายว่า อย่างไรก็ตามอยากให้ทุกคนรอติดตามว่าปีนี้ แบรนด์ MK Restaurants และแบรนด์อื่นในเครือของ MK GROUP จะทำแคมเปญอะไรอีก รับประกันว่าจะสนุกขึ้นและหวังว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีเหมือนแคมเปญที่ผ่านมาเช่นกัน

]]>
1509467
เจาะ Insight ‘ของไหว้ตรุษจีน’ ยอดฮิตที่ถูกพูดถึงมากที่สุดบนโซเชียลฯ https://positioningmag.com/1319123 Fri, 12 Feb 2021 09:37:55 +0000 https://positioningmag.com/?p=1319123 ถ้าพูดถึงเทศกาลตรุษจีน หนึ่งในสิ่งที่หลายคนนึกถึงคงหนีไม่พ้น ‘ของไหว้’ แน่นอน แต่ในยุคที่วิกฤต COVID-19 ยังไม่หมดไป ผู้คนต่างปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ อย่างผู้บริโภคก็เริ่มหันมาซื้อของผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น ขณะเดียวกันหลายแบรนด์ต่างปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์มากขึ้น โดยการพัฒนาสินค้าให้มีความแปลกใหม่ ตอบโจทย์กับความต้องการของผู้บริโภค โดย Wisesight ได้เก็บข้อมูลเกี่ยวกับของไหว้เจ้าที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในช่วงเทศกาลตรุษจีน ผ่าน ZOCIAL EYE โดยเก็บข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 11 ก.พ. 64  ดังนี้

ไก่ไหว้เจ้า Bonchon 31,594 เอ็นเกจเมนต์

ไก่ต้มหลบไป ปีนี้ต้องไหว้ด้วยไก่ทอดไหว้เจ้าจากบอนชอน ซึ่งเรียกเสียงฮือฮาจากโซเชียลอย่างล้นหลามที่ร้านอาหารบอนชอนได้นำจุดขายอย่างไก่ทอดมาขายเป็นของไหว้เจ้าในตรุษจีนปีนี้

ภาพจาก Facebook Bonchon

เป็ดมงคล MK 13,459 เอ็นเกจเมนต์

พูดถึง MK ก็ต้องนึกถึงเป็ดย่าง ซึ่งตรุษจีนปีนี้ MK ก็ไม่พลาด เปิดเมนูเสริมเฮง ด้วยชุดเป็ดมงคล

ภาพจาก Facebook MK

ชุดไหว้เจ้า เรียกความเฮง Tesco Lotus 11,475 เอ็นเกจเมนต์

ช่วงนี้ออกมาซื้อของข้างนอกก็ลำบาก ห้างสรรพสินค้า Tesco Lotus เลยขอจัดชุดไหว้เจ้า วันตรุษจีนแแบบหลายเซต หลายราคา เรียกความเฮงได้แบบประหยัดงบ

ภาพจาก website tesco lotus

แมสก์กงเต๊ก 7,790 เอ็นเกจเมนต์

ตรุษจีนนี้บรรพบุรุษต้องรอด! มีหลายแแบรนด์ หลายร้านค้า ได้ผลิตแมสก์กงเต๊ก หรือหน้ากากอนามัยสีทองมาวางขาย สื่อถึงความห่วงใยที่เข้ากับสถานการณ์ได้ดีเลยทีเดียว

ภาพจาก ผู้จัดการออนไลน์

สกินแคร์กงเต๊ก 4,496 เอ็นเกจเมนต์

นอกจากบรรพบุรุษต้องมีสุขภาพกายดีแล้ว สุขภาพผิวต้องเป๊ะปังด้วย ด้วยสกินแคร์กงเต๊ก มีทั้งเซตสำหรับผู้หญิงและผู้ชาย ให้บรรพบุรุษมีผิวเนียนใสจากสวรรค์ชั้นฟ้า

ภาพจาก ผู้จัดการออนไลน์

ชุดฮัทเฮงยกกำลัง 3 จาก Pizza Hut 2,127 เอ็นเกจเมนต์

ปีนี้จะไหว้เจ้าด้วยพิซซ่าก็น่าสนใจครับ Pizza Hut ได้ออกชุดพิซซ่าฉลองเทศกาลตรุษจีน เสริมโชคลาภ และแก้ชงไปในตัว

ภาพจาก Facebook Pizza Hut

จักรยานไปซื้อของไหว้เจ้า จาก Louis Vuitton 984 เอ็นเกจเมนต์

แบรนด์ชื่อดัง Louis Vuitton ก็ออกจักรยานรุ่นใหม่ แม้จะไม่ได้ออกมาเกี่ยวกับเทศกาลตรง ๆ เเต่จากสีก็ทำให้เข้ากับช่วงตรุษจีนจนชาวโซเชียลพูดถึงซะงั้น เผื่อใครอยากจะไปซื้อของไหว้เจ้าแบบประหยัดน้ำมัน ก็ลองจับจองกันดูได้ ราคาก็เเค่ประมาณ 9700,000 – 1,100,000 บาทเท่านั้นเอง

ชุดไหว้เจ้าเสริมโชค จาก Big C 809 เอ็นเกจเมนต์

ทางฝั่งห้างสรรพสินค้า Big C เองก็ออกเซตไหว้เจ้าออกมาเช่นกัน ที่จัดเซตเสริมโชค เสริมความมงคลโดย ดร.คฑา ชินบัญชร ไม่ว่าจะเป็นชุดไหว้ไท้ส่วยเอี้ย (แก้ชง) เสริมมงคลโชคดีตลอดปี, ชุดไหว้ไฉ่ซิงเอี๊ย เสริมเรื่องทรัพย์สิน, ชุดไหว้ส่งเจ้าขึ้นสวรรค์, ชุดไหว้เจ้าที่ในบ้าน และชุดไหว้บรรพบุรุษครับ

ภาพจาก YouTube BigC

เค้กส้มมงคล Bake a Wish 537 เอ็นเกจเมนต์

ร้านเบเกอรี่ Bake a Wish ก็จัดสินค้าในเทศกาลตรุษจีนกับเขาเช่นกัน โดยนำเสนอเค้กส้มมงคล ของหวานรสชาติดีแถมเพิ่มความโชคดีให้ด้วย

ภาพจาก Facebook Bake A Wish

ชุดไหว้เจ้าหลากหลายจาก CP Freshmart 55 เอ็นเกจเมนต์

ปิดท้ายด้วย ชุดไหว้เจ้าหลากหลาย จัดเซตมาในชื่อจีน ที่เรียกได้ว่าซื้อแล้วมั่นใจว่า เป็นของไหว้ตรุษจีนของแท้ถึงมือบรรพบุรุษแแน่นอน

ภาพจาก Facebook CP Freshmart

จะเห็นได้ว่าของไหว้ตรุษจีนปีนี้นั้นมีความหลากหลาย และใส่ความครีเอทีฟหรือความแปลกใหม่เข้าไปในตัวสินค้ามากยิ่งขึ้น มีการประยุกต์ให้เข้ากับสถานการณ์ COVID-19 และใส่ใจความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น ทั้งขายแบบยกเซตทีเดียวได้ครบครัน รวมถึงการเปิดช่องทางการขายทางโซเชียลมีเดีย แม้ของไหว้ตรุษจีนจะเป็นสิ่งที่คนซื้อไปเพื่อไหว้บรรพบุรุษที่จากไปแล้ว แต่คนซื้อคือผู้มีชีวิตอยู่ ดังนั้นยิ่งขายของที่ตรงใจคนเป็น ก็ยิ่งอยู่รอดได้ในตรุษจีนยุคนี้

]]>
1319123
เสือเป็ดมาแล้ว! MK x Fire Tiger คัมแบ็ก จับชาไข่มุกลงหม้อสุกี้อีกครั้ง https://positioningmag.com/1306331 Mon, 16 Nov 2020 17:05:02 +0000 https://positioningmag.com/?p=1306331 ปรากฏการณ์ Featuring ระหว่างแบรนด์ MK x Fire Tiger ได้กลับมาอีกครั้งในปีนี้ หลังจากที่ในปีที่แล้วได้จับโปรโมชันร่วมกันไป จนได้รับการตอบรับอย่างดี เรียกว่าเป็นการขยายฐานลูกค้า และ Win-Win กันทั้ง 2 แบรนด์

ชาไข่มุกยังฟีเวอร์!

เมื่อช่วงเดือนพ.ย. ในปี 2019 แบรนด์ MK ได้ประกาศเปิดตัวพาร์ตเนอร์ Fire Tiger by Seoulcial Club หรือชานมเสือพ่นไฟ เป็นอีกหนึ่งร้านชาไข่มุกสัญชาติไทยที่กำลังมาแรงในตอนนั้น เรียกว่าเป็นการจับมือในช่วงจังหวะที่ถูกที่ถูกเวลา

ความร่วมมือนี้ทำให้เราจะได้เห็นร้าน MK ขายชานมไข่มุก โดยนำ 2 เมนูพ่นไฟยอดฮิต อย่างนมสดพี่เสือพ่นไฟ และชานมพี่เสือพ่นไฟ จำหน่ายในร้าน MK ทั่วประเทศ (ยกเว้น MK Gold MK LIVE และ MK EXPRESS) มีการปรับขนาด และราคา จำหน่ายแก้วละ 79 บาท จากปกติ 150 บาท

ในตอนนั้นเองเสือพ่นไฟก็กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด มีการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อเข้ามาอยูใน MK ยิ่งเป็นการติดสปีดเร็วขึ้น คนรู้จักมากขึ้น สามารถเข้าไปอยู่ในทุกสาขาของ MK รวมถึงต่างจังหวัด ซึ่งทาง MK เองก็ได้ฐานลูกค้าใหม่ๆ ที่อยากทานเสือพ่นไฟในราคาย่อมเยา ได้กลุ่มลูกค้าเด็กลงด้วย

ในปีนี้ MK ก็ได้คัมแบ็กแคมเปญนี้อีกครั้ง ยังคงจับมือกับเสือพ่นไฟเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือเมนูใหม่ “ช็อกโกพี่เสือ” โดยเริ่มจำหน่ายตั้งแต่ 16 พ.ย. – 15 ม.ค. 64 ในราคาแก้วละ 79 บาทเช่นเคย แต่อีก 2 เมนูก็ยังมีจำหน่ายด้วยเช่นกัน

เรียกว่าเป็นการต่อยอดความสำเร็จ และกระตุ้นยอดขายในช่วงโค้งสุดท้ายของปีได้อย่างดี ต้องบอกว่าตอนนี้ชานมไข่มุกยังเป็นอะไรที่ฮอตฮิตอยู่ การร่วมมือกันอีกครั้งน่าจะช่วยกระตุ้นยอดขายได้อีกอย่างแน่นอน

]]>
1306331