MQDC – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 15 Jan 2024 07:12:07 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 คุยกับ “ปอย – โสภิดา ศรีสกุล” แม่ทัพ “MQDC Brite” เบื้องหลังการเนรมิตงานอีเวนต์ “Themed Festival” ในไทย https://positioningmag.com/1458834 Tue, 16 Jan 2024 03:35:44 +0000 https://positioningmag.com/?p=1458834
  •  “Themed Festival” คือจุดแข็งในการจัดอีเวนต์ของ “MQDC Brite” ไม่ว่าจะเป็นงานธีมฮาโลวีน คริสต์มาส สงกรานต์ ฯลฯ ล้วนได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม
  •  Positioning มีโอกาสได้คุยกับ “ปอย – โสภิดา ศรีสกุล” แม่ทัพอีเวนต์และนิทรรศการของ MQDC Brite เพื่อเจาะลึกเบื้องหลังความสำเร็จ และการต่อยอดจากการเป็นออร์แกไนเซอร์ภายในเครือสู่การรับงานลูกค้าภายนอกในปีนี้

  • งานอีเวนต์โครงการในเครือ MQDC มีหลายงานที่โดดเด่นเป็น ‘Talk of the Town’ และเป็นภาพจำมาตลอด 7 ปีที่ก่อตั้งบริษัท เช่น งานเปิดตัว “Magnolias Waterfront Residences และ The Residences at Mandarin Oriental Bangkok” ซึ่งเป็นการ Launch แบรนด์อสังหาริมทรัพย์ระดับ Super Luxury และ Branded Residence ครั้งแรกของ MQDC ณ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ร่วมฉลองไปพร้อมกับการเปิดตัวของ ICONSIAM ซึ่งเป็น destination ระดับโลก ในงาน “ICONSIAM Grand Opening Event” , งานอีเวนต์ “The Forestias Story & Beyond” โชว์ความคิดสร้างสรรค์ในการผสานรูปแบบละครเวทีเข้ากับเทคโนโลยี หรืองานอีเวนต์ธีมตามเทศกาลที่จัดใน เดอะ ฟอเรสเทียส์ กลายเป็นงานที่ลูกบ้านรอคอยและมีคนลงทะเบียนเข้าร่วมงานจนเต็มโควตาเสมอ และที่เรียกเสียงฮือฮาได้สุดจากผู้ร่วมงานนี้ คือการสร้างสรรค์งาน โดยนำโชว์ผสานกับเทคโนโลยีโลกเสมือนเพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานได้รับประสบการณ์สองโลกเชื่อมถึงกันแบบไร้รอยต่อเป็นครั้งแรก

    อีเวนต์ทั้งหมดที่กล่าวมามีเบื้องหลังการจัดงานเป็นออร์แกไนเซอร์ภายใน คือ บริษัท เอ็มคิวดีซี ไบรท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ “MQDC Brite Corporation” ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2560

    รวมภาพบรรยากาศงาน ICONSIAM Grand Opening Event

    จุดประสงค์ของบริษัทเพื่อมาทำงานออร์แกไนเซอร์ โดยเริ่มแรกรับจัดเฉพาะงานอีเวนต์ให้กับเครือ DTGO และเครืออสังหาริมทรัพย์ MQDC ทั้งหมด

    “เหตุที่มีการตั้งบริษัทออร์แกไนเซอร์ขึ้นมาเพราะ DTGO และ MQDC เป็นบริษัทที่มีวิสัยทัศน์ในการพัฒนาโครงการต่างๆ ที่ลึกซึ้ง ไม่ใช่แค่ที่อยู่อาศัย แต่ต้องสร้างความสุขและคุณภาพชีวิตที่ดี ทั้งกับผู้อาศัย ชุมชนและโลกของเรา ดังนั้น การสร้างอีเวนต์แต่ละงาน จึงต้องมีความเข้าใจแนวคิดหลักของโครงการ เชื่อมโยงรายละเอียดต่างๆ แล้วนำเสนอออกมาเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่ มีความเป็นเอกลักษณ์ที่พบได้เฉพาะที่นี่ และต้องทำให้ผู้มาร่วมงานเข้าถึง ‘หัวใจ’ ของโครงการนั้นๆ ได้อีกด้วย” ปอย – โสภิดา ศรีสกุล Managing Director – Event & Exhibition Business ของ MQDC Brite Corporation กล่าว

    “เราจึงต้องมีหน่วยงานที่มีความเข้าใจในวิสัยทัศน์และวัฒนธรรมองค์กร ทั้งแนวคิดของแบรนด์ และความต้องการของลูกค้า สามารถลงรายละเอียดเชิงลึกในการสร้างประสบการณ์ผ่านการจัดงานอีเวนต์หรือกิจกรรมที่มีความหมายในทุกมิติ สามารถสร้างสรรค์งานที่มีความต่อเนื่อง ไม่ใช่ one-off เพื่อเน้นย้ำคุณค่าของแบรนด์ โดยให้ความสำคัญกับเรื่องของ Storytelling ที่จะมีความต่อเนื่องกัน เป็นเส้นเรื่องเดียวกัน ที่สำคัญคือการสร้างความสุข ความทรงจำดีๆ ให้กับทุกคนที่มาร่วมงาน และกลับบ้านด้วยรอยยิ้ม”

    ปอย – โสภิดา ศรีสกุล Managing Director – Event & Exhibition Business, MQDC Brite Corporation

    ถึงแม้จะเป็น in-house แต่บริษัทมีการรวบรวมทีมงานระดับแถวหน้าของไทยและมาจากความเชี่ยวชาญหลากหลายด้านมาทำงานร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นด้านอีเวนต์ ออร์แกไนเซอร์, เอเจนซี หรือโปรโมเตอร์งานคอนเสิร์ตและกีฬา รวมแล้วมีบุคลากรเกือบ 100 คนที่สามารถจัดงานอีเวนต์ได้ตอบโจทย์ทุกรูปแบบความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นงานอีเวนต์หลากประเภท หรือการต่อยอดงานบริการสนับสนุนที่สร้างเสริมประสบการณ์ลูกค้าในมิติต่าง ๆ

    รวมถึงแม่ทัพใหญ่ด้านอีเวนต์อย่าง “ปอย – โสภิดา” เองก็เป็นผู้คร่ำหวอดในวงการอีเวนต์มานานเกือบ 20 ปี ผ่านงานที่สร้างชื่อเสียง เช่น การเป็นหนึ่งในทีมงานสร้างสรรค์ริเริ่มการจัด “Bangkok Design Week” งานประจำปีที่เปิดพื้นที่แสดงงานสำหรับนักออกแบบ คนศิลปะ นักสร้างสรรค์ผลงาน ที่สร้างภาพจำอย่างกว้างขวางและฮิตติดลมบนจนสามารถขยายพื้นที่จัดงานจากย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในเขตบางรักออกไปสู่การขยายพื้นที่สร้างสรรค์การออกแบบสู่ชุมชนอื่น ๆ ของกรุงเทพมหานคร หรือการจัดงาน “Money Expo” ไปจนถึงการจัดบูธรถยนต์หลายแบรนด์ภายในงาน “Motor Expo” สะท้อนให้เห็นประสบการณ์ของเธอที่ผ่านการจัดอีเวนต์และนิทรรศการหลากรูปแบบมาแล้ว

    อย่างไรก็ตาม การเข้ามารับงานนำทัพ MQDC Brite เป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญด้วยแนวคิดบริษัทที่แตกต่าง มีเป้าหมายที่เน้นเรื่อง “ความสุขและรอยยิ้ม” ของผู้มาร่วมงานเป็นหลัก ท้าทายและเปิดกว้างในการสร้างไอเดียใหม่ทุกครั้งที่จัดอีเวนต์ ทำให้เราได้เห็นงานที่แหวกแนวจากในตลาดกันมากขึ้น


    เจ้าแห่ง “Themed Festival” และการปั้นไอเดียแปลกใหม่

    หลายอีเวนต์ที่ MQDC Brite เป็นผู้จัดมาตลอดหลายปีช่วยสร้างภาพจำที่ชัดเจนขึ้นว่าออร์แกไนเซอร์เจ้านี้มี ‘จุดแข็ง’ อย่างไรในตลาด

    ยกตัวอย่างเช่น งานอีเวนต์ “The Forestias Story & Beyond” ณ พารากอน ฮอลล์ ซึ่งเป็นงานสรุปย้ำคอนเซปต์ของเมกะโปรเจ็กต์ “เดอะ ฟอเรสเทียส์” ในช่วงโค้งท้ายก่อนเริ่มส่งมอบที่พักอาศัยภายในโครงการและเริ่มเปิดให้บริการในส่วนอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์

    ภาพบรรยากาศงาน The Forestias Story & Beyond

    งานนี้ปอยระบุว่าเป็นดั่ง ‘มาสเตอร์พีซ’ ที่โชว์ความสามารถของทีมงาน MQDC Brite เป็นงานที่กล้าฉีกแนวเสนอ “ไอเดียแปลกใหม่” ในการสร้างอีเวนต์ ด้วยการนำ Entertainment Value มาสร้างสรรค์งาน โดยมีเวลาจำกัดเพียง 1 เดือนครึ่งในการเนรมิตงานทั้งหมดขึ้นมา!

    ที่บอกว่าแปลกใหม่คืองานนี้นำเสนอเรื่องราวของโครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ ด้วยการสร้างสรรค์ Live Performance โดยแยกออกเป็น 3 เวทีที่ตั้งล้อมรอบผู้ชม 3 ด้าน แต่ละเวทีเล่าเรื่องด้วยลักษณะของ Immersive Experience มีการแสดงประกอบระหว่างการบรรยายของผู้บริหาร และมีโชว์เทคนิคแสงสีเสียง โชว์เวทีเคลื่อนที่ได้

    ทั้งหมดเป็นเรื่องใหม่ในอีเวนต์การนำเสนอผลิตภัณฑ์ แต่ประสบความสำเร็จในการสร้างความตื่นตาตื่นใจตลอดการเสนอโครงการ ทำให้ผู้ชมต้องจับตาว่าจะมี ‘ลูกเล่น’ อะไรออกมาอีก

    “The Awakening Forestias” ช่วงเทศกาลฮัลโลวีน

    หรืออีกตัวอย่างหนึ่งคือกลุ่มอีเวนต์ประจำปีที่เดอะ ฟอเรสเทียส์ จะมีการจัดอีเวนต์ 3 เทศกาล ได้แก่ “The Vibrant Forestias” ช่วงเทศกาลสงกรานต์, “The Awakening Forestias” ช่วงเทศกาลฮาโลวีน และ “The Luminous Forestias” ช่วงเทศกาลคริสต์มาส

    ปอยกล่าวว่า อีเวนต์ทั้ง 3 เทศกาลถือเป็น “Themed Festival” สำคัญและสร้างชื่อให้กับ MQDC ผู้พัฒนาโครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ จากการเนรมิตพื้นที่โล่งว่างและป่าที่กำลังเติบโตให้กลายเป็นพื้นที่เทศกาลแห่งความสุข สร้างเสริมจินตนาการ และเน้นการจัดการที่ “เหมาะกับคนทุกเจนเนอเรชัน” สามารถสร้าง Multigenerational Experience ช่วงเวลาความสุขร่วมกันของทุกคนในครอบครัว โดยเฉพาะครอบครัวที่มีเด็กจะชื่นชอบเป็นพิเศษ เพราะสามารถจัดงานให้ปลอดภัยต่อเด็ก ไม่มีแอลกอฮอล์และสิ่งไม่พึงประสงค์

    The Luminous Forestias ปี 2023

    ความสำเร็จวัดได้จากจำนวนคนเข้าร่วมงาน เช่น The Awakening Forestias ปี 2022 มีผู้เข้าร่วมงานถึง 30,000 คน ตลอด 10 วันที่จัดงาน และกลายเป็นปรากฏการณ์การจัดงานฮาโลวีนที่มีคนตั้งตารอคอย หรือ The Luminous Forestias ปี 2023 ที่เปิดโควตาให้เข้าร่วมงานในบรรยากาศคริสต์มาสแห่งความสุขในผืนป่าได้วันละ 3,000 คน ปรากฏว่ามีผู้ลงทะเบียนเต็มโควตาตั้งแต่ 1 ชั่วโมงแรกที่เปิดรับ

    นอกจากนี้ ปอยยังระบุถึงจุดแข็งอีกอย่างหนึ่งของ MQDC Brite คือ “ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม” ถือเป็นแนวคิดหลักในการทำงานที่จะต้องจัดอีเวนต์ให้มีขยะเหลือน้อยที่สุด เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและเน้นการใช้วัสดุที่นำไปใช้ใหม่ (reuse) ได้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ในงานถัดไปหรือบริจาคให้กับผู้อื่นก็ตาม ซึ่งเธอมองว่าเรื่องนี้ ‘ไม่ง่าย’ เพราะต้องมีองค์ความรู้ที่สั่งสมมาในการออกแบบและใช้วัสดุให้เหมาะสม


    MQDC Brite ปี 2567 พร้อมรับงานภายนอกเต็มตัว

    สำหรับเป้าหมายปี 2567 ของ MQDC Brite ปอยเปิดเผยข้อมูลว่า บริษัทเตรียมขยาย “การรับงานภายนอกเครือ” ให้มากขึ้นกว่าเดิม หลังจากเริ่มชิมลางไปบ้างแล้วตั้งแต่กลางปี 2565 มาปีนี้บริษัทคาดจะขยายสัดส่วนรับงานภายนอกขึ้นเป็น 20-30% ของทั้งบริษัท โดยสามารถจัดงานอีเวนต์ได้ทุกขนาดตั้งแต่งานจัดประชุมขนาดเล็กจนถึงอีเวนต์สาธารณะขนาดใหญ่

    รวมถึงบริษัทยังมีบริการงานส่วน “Hospitality Experience” ซึ่งเป็นเรื่องใหม่ของงานบริการลูกค้าในประเทศไทย ทางทีมจะออกแบบและดูแลประสบการณ์ของลูกค้าตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาในพื้นที่ ให้มั่นใจได้ว่าแต่ละท่านได้รับการต้อนรับ ดูแลเอาใจใส่ทุกขั้นตอนแบบต่อเนื่องไร้รอยต่อ รวมถึงได้รับข้อมูลที่กำหนดอย่างครบถ้วน และเดินทางกลับบ้านพร้อมกับความสุขและความประทับใจ

    อีกเป้าหมายหนึ่งคือบริษัทเริ่มเปิดแผนกใหม่ในส่วน “Entertainment Business” จึงคาดว่าปีนี้บริษัทน่าจะกรุยทางธุรกิจภายใต้บทบาทใหม่ในฐานะผู้จัด ผู้นำเข้า กิจกรรมความบันเทิง นวัตกรรมการแสดงระดับโลก และการร่วมสร้าง Destination ใหม่ ที่เปิดประตูประสบการณ์บันเทิงที่เต็มไปความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ สำหรับผู้ชม

    แม่ทัพอีเวนต์แห่ง MQDC Brite ยังวิเคราะห์ภาพธุรกิจอีเวนต์ในปี 2567 ด้วยว่าจะมีความท้าทายมากขึ้นจาก “พฤติกรรมผู้บริโภค” ที่เปลี่ยนรสนิยมเร็ว และต้องการประสบการณ์ผสมผสานทั้งออนไลน์-ออฟไลน์มากยิ่งขึ้น

    “เราต้องพัฒนาให้ทันกระแส เสนอความทันสมัยในการจัดอีเวนต์แบบ ‘Immersive and Seamless Experience’ ภายในงานต้องเชื่อมต่อออฟไลน์เข้ากับออนไลน์ (O2O) ได้ ต้องมีองค์ประกอบอินเตอร์แอคทีฟให้กับผู้มาร่วมงาน” ปอย – โสภิดากล่าว “เรื่องนี้ทำให้บริษัทต้องพัฒนาคนของเราให้ตามทันเทคโนโลยีใหม่ ติดตามว่ามีเทคโนโลยีอะไรใหม่ออกมา เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคเขาเปลี่ยนไวมาก”

    อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความท้าทายก็มีปัจจัยบวกเช่นกัน โดยปอยมองว่าตั้งแต่ปีก่อนมีกระแสของการกลับมาใช้ชีวิตในพื้นที่ออฟไลน์ ผู้บริโภคต้องการออกมาสัมผัสประสบการณ์ใหม่อย่างใกล้ชิดด้วยตนเอง รวมถึงเชื่อว่าด้วยเศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัวช้า จะทำให้ลูกค้าแบรนด์หรือบริษัทต่างๆ ต้องการโหมจัดอีเวนต์การตลาดเพื่อกระตุ้นการบริโภค

    เหล่านี้คือข้อดีต่อธุรกิจอีเวนต์ที่น่าจะทำให้บริษัทได้อานิสงส์ในการรับงาน เป็นโอกาสทางธุรกิจ ทำให้เราน่าจะได้เห็นงานอีเวนต์แปลกใหม่ที่โชว์ศักยภาพของ MQDC Brite ได้อย่างชัดเจนมากขึ้นในปี 2567 นี้!

    ]]>
    1458834
    MQDC แต่งตั้ง “อรดา เกิดหงษ์” แม่ทัพธุรกิจใหม่ Storied Place พัฒนาพื้นที่เนรมิตความสุขให้คนทุกเจน https://positioningmag.com/1444972 Thu, 28 Sep 2023 10:00:06 +0000 https://positioningmag.com/?p=1444972

    ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยดูเหมือนว่าจะมีความคึกคักเป็นพิเศษ มีการพัฒนาโครงการใหม่ๆ ซึ่งเป็นเมกะ โปรเจ็คต์ทั้งสิ้น หนึ่งในผู้พัฒนาอสังหารทรัพย์รายใหญ่ที่มีส่วนในการสร้างสีสันก็คือ MQDC ไม่ว่าจะเปิดตัวโครงการไหน เรียกว่าสามารถเรียกเสียงว้าวได้ทุกเมื่อ


    ขยาย Storied Place ธุรกิจใหม่

    MQDC (บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด) ได้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ธีมโปรเจกต์ และโครงการมิกซ์ยูส ภายใต้แบรนด์ “แมกโนเลียส์” (Magnolias), “วิสซ์ดอม” (Whizdom), ดิ แอสเพน ทรี (The Aspen Tree), มัลเบอร์รี่ โกรฟ (Mulberry Grove) และเดอะ ฟอเรสเทียส์ (The Forestias) เป็นผู้บุกเบิกนวัตกรรมเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืนของทุกชีวิต ที่มีความมุ่งมั่นในการคิดค้นและพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยภายใต้แนวคิด ‘Pioneering in Sustainnovation for All Well-Being’ เพื่อสร้างความสุขและความเป็นอยู่ที่ดีของทุกชีวิต

    ล่าสุด MQDC ได้ขยายธุรกิจ “สตอรี่ เพลส (Storied Place)” เป็นธุรกิจพัฒนาพื้นที่ภายใต้แนวคิด “Happiness For All” เรียกได้ว่าเป็นยุทธศาสตร์ในการขยายธุรกิจให้ครอบคลุมไปถึงส่วนของการพัฒนา และบริหารพื้นที่ส่วนที่อยู่นอกเหนือจากที่พักอาศัย (Non-Residence) เพื่อรองรับเทรนด์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปที่ต้องการสถานที่ซึ่งมีความครบวงจร และเพื่อให้โครงการตอบโจทย์ทุกความต้องการ และมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบจบในที่เดียวนั่นเอง

    โดยได้แต่งตั้งให้ “อรดา เกิดหงษ์” ขึ้นแท่นประธานผู้อำนวยการ เป็นผู้บริหารนำทัพธุรกิจ นำทีมสร้างความสุขให้คนทุกเจน ซึ่งอรดามีประสบการณ์ด้านการบริหารธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ มีประสบการณ์การบริหารศูนย์การค้าทีใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  มาเป็นเวลากว่า 10 ปี และมีประสบการณ์ในการบริหารจัดการศูนย์การค้าแบบ Luxury Mall ในเมืองท่องเที่ยวที่ติดอันดับโลกของไทย

    นางสาวอรดา เกิดหงษ์  ประธานผู้อำนวยการ สตอรี่ เพลส (Storied Place) กล่าวว่า

    “สตอรี่ เพลส จะเป็นผู้พัฒนา บริหารจัดการพื้นที่นอกพื้นที่ส่วนพักอาศัย หรือ Non-Residence ของโครงการภายใต้ MQDC และบริษัทในเครือทั้งหมด ได้แก่  พื้นที่ร้านค้า ร้านอาหาร พื้นที่จัดกิจกรรมพื้นที่สำนักงานออฟฟิศให้เช่า โดยจะสร้างสรรค์ และบริหารจัดการองค์ประกอบต่างๆ ภายในพื้นที่ เน้นการสร้างกระบวนทัศน์ใหม่ให้กับพื้นที่ หรือ The Pioneer of Destination Creator” โดยไม่ใช่การบริหารพื้นที่เพื่อการพาณิชย์ แต่เป็นการบริหารพื้นที่เพื่อสร้างความสุข และพื้นที่ที่สามารถเชื่อมโยงคนทุกเจเนอเรชั่นเข้าไว้ด้วยกัน ด้วยการนำเสนอประสบการณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อน

    พื้นที่ที่บริหารจะมีตั้งแต่การสร้างแลนมาร์คจุดหมายแห่งใหม่ (New Landmark/ New Themed Destination)  ที่จะเพิ่มประสบการณ์ใหม่ และความสะดวกสบายให้กับลูกค้ากลุ่มต่างๆ ในทุกเจเนอเรชั่น รวมถึงพันธมิตรร้านค้าต่างๆ โดยสรรหาเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัยเข้ามาปรับใช้เพื่อให้ทั้งผู้ประกอบการ และลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการสามารถนำเสนอ หรือ เข้าถึงสินค้าและบริการได้แบบไร้รอยต่อภายใต้พันธกิจในการเป็น ผู้สรรสร้างความสุข (Happiness Creators) และส่งมอบความสุขให้กับทุกชีวิตหรือ “Happiness For All” ซึ่งสอดคล้องกับพันธกิจหลักของ MQDC ในการสร้างความสุขและความเป็นอยู่ที่ดีของทุกชีวิต”


    ไม่ใช่แค่บริหารพื้นที่ แต่เป็นผู้สร้างความสุข

    MQDC วางจุดยืนให้ Storied Place ไม่ใช่เป็นเพียงผู้บริหารจัดการพื้นที่ค้าปลีก หรือพื้นที่เชิงพาณิชย์เพียงอย่างเดียว แต่เป็นผู้สร้างความสุข (Happiness Creators) จากส่วนผสมขององค์ประกอบร้านค้าภายในโครงการ จะเป็นผู้สร้างความสุขให้แก่คนทุกเจนเนอเรชั่น

    โดยมีการบริหารจัดการภายใต้ 3 หลักการ คือ

    • Happy People : สร้าง ส่งต่อ และแบ่งปันความสุขให้แก่ผู้คนและชุมชน
    • Happy Planet : ร่วมส่งเสริมและพัฒนาสิ่งแวดล้อม เพื่อความสุขอย่างยั่งยืนแก่ทุกชีวิตบนโลก
    • Happy Place : เติมประสบการณ์ความสุขให้ทุกพื้นที่ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้คนและสิ่งแวดล้อม

    พื้นที่ภายใต้การพัฒนาของ Storied Place จึงตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่ต้องการความครบวงจรของสถานที่ที่รวมร้านค้า และพื้นที่จัดกิจกรรมเข้าด้วยกัน รองรับลูกค้าทุกเจเนอเรชั่นที่ต้องใช้ชีวิตร่วมกันในที่เดียวได้อย่างลงตัว

    Storied Place จะเป็นผู้พัฒนา และบริหารแฮปปี้แทท แอท เดอะ ฟอเรสเทียส์ (Happitat at The Forestias)“จุดหมายแห่งใหม่ของความสุขเหนือจินตนาการ” (A New Themed Destination of Happiness) เพื่อให้ทุกคนได้มาใช้ชีวิตและทำกิจกรรมต่างๆ ได้ทั้งบนโลกจริงและโลกเสมือนอย่างไร้รอยต่อ ซึ่งตั้งอยู่ในโครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส์ มีแผนที่จะเปิดตัวกลางปี 2567

    รวมทั้งได้ดูแลและบริหารพื้นที่ ร้านค้า ร้านอาหารของ แฮปปี้แทท แอท เดอะ ฟอเรสเทียส์ (Happitat at The Forestias) และโครงการอื่นๆ อีกมากมาย เช่น Cloud11 ครีเอเตอร์ ฮับ สุขุมวิทตอนใต้ (South Sukhumvit), The Strand ทองหล่อ, Whizdom COEX ปิ่นเกล้า และโครงการอื่นๆ ในอนาคต

    MQDC ไม่หยุดที่จะพัฒนาสิ่งใหม่ๆ พร้อมกับมอบนวัตกรรมความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืนของทุกชีวิต การเปิดตัว Storied Place เรียกว่าเป็นแม็กเน็ตตัวสำคัญ ที่ช่วยเนรมิตความสุขให้แก่ทุกคนได้ ยิ่งช่วยสร้างความเป็นอยู่ที่ดีมากยิ่งขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว

    ]]>
    1444972
    แหล่งแฮงเอาต์สุดฮิป “theCOMMONS” บุก “อุดมสุข”! เตรียมเปิดในโครงการ “Cloud 11” ปลายปี 2567 https://positioningmag.com/1441841 Mon, 21 Aug 2023 09:34:39 +0000 https://positioningmag.com/?p=1441841 “theCOMMONS” แหล่งแฮงเอาต์ชาวทองหล่อและศาลาแดง กำลังจะเปิดสาขาที่ 3 ในโครงการ “Cloud 11” ปลุกไลฟ์สไตล์สุดฮิปย่าน “อุดมสุข” การออกแบบยังคงเอกลักษณ์ “บันได” และพื้นที่กึ่งกลางแจ้ง มาพร้อมกิจกรรมต่างๆ ในคอนเซ็ปต์ “Creator’s Backyard” ตอบโจทย์โครงการหลักที่จะเป็นฮับของกลุ่ม “ครีเอเตอร์”

    โครงการ “Cloud 11” มิกซ์ยูสมุ่งเจาะกลุ่ม “ครีเอเตอร์” ของ MQDC (บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด) อยู่ระหว่างการก่อสร้างและคาดว่าจะเปิดใช้บริการภายในไตรมาส 4 ปี 2567

    ล่าสุดโครงการประกาศพันธมิตรที่จะมาเป็น ‘แม่เหล็ก’ หลักในส่วนรีเทลของโครงการแล้ว นั่นคือ “theCOMMONS” (เดอะคอมมอนส์) กิจการรีเทลภายใต้ บริษัท คินเนสท์ กรุ๊ป ซึ่งเคยเปิดมาแล้ว 2 สาขาที่ทองหล่อ และ ศาลาแดง

    theCOMMONS อุดมสุข
    “องศา จรรยาประเสริฐ” ผู้อำนวยการโครงการ Cloud 11 และ “วิชรี วิจิตรวาทการ” ผู้บริหารคินเนสท์ กรุ๊ป และ theCOMMONS

    “องศา จรรยาประเสริฐ” ผู้อำนวยการโครงการ Cloud 11 กล่าวถึงโครงการ Cloud 11 ก่อนว่า เป็นการพัฒนามิกซ์ยูสบนเนื้อที่ 27 ไร่ เพื่อเป็นฮับของ “ครีเอเตอร์” ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำเลห่าง 450 เมตรจาก BTS อุดมสุข

    ภายในโครงการจะมีทั้งโซนออฟฟิศ รีเทล และโรงแรม ตอบโจทย์กลุ่มครีเอเตอร์ 4 สาย คือ สายดนตรี, สายภาพยนตร์-อนิเมชัน, สายดิจิตอล ครีเอเตอร์ เช่น YouTuber, TikToker และ สายเกม

    Cloud 11 มิกซ์ยูสรวมออฟฟิศ รีเทล และโรงแรม

    ในภาพใหญ่ของ MQDC ไม่ได้พัฒนาแค่ Cloud 11 เท่านั้น ก่อนหน้านี้บริษัทเคยพัฒนา “True Digital Park” (ฝั่งตรงข้าม Cloud 11) มาแล้ว โดยโครงการนั้นมุ่งเจาะกลุ่มสตาร์ทอัพและบริษัทเทคโนโลยี เพราะฉะนั้นแผนของ MQDC คือต้องการจะพัฒนาย่านสุขุมวิทใต้ ตั้งแต่อ่อนนุชจนถึงบางนาให้เป็น ‘Creative Community’

    เมื่อจะหาผู้เช่าหลักเข้ามาในโซนรีเทลจึงต้องตรงกับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มครีเอเตอร์ และมาลงตัวที่พันธมิตร ‘theCOMMONS’ ซึ่งประสบความสำเร็จมาแล้วในย่านทองหล่อและศาลาแดง

     

    เพิ่มไลฟ์สไตล์สุดฮิปให้ “อุดมสุข”

    ด้าน “วิชรี วิจิตรวาทการ” ผู้บริหารคินเนสท์ กรุ๊ป และ theCOMMONS เปิดเผยว่าสาขานี้ตั้งอยู่บนชั้น 4 ในโครงการ Cloud 11 พื้นที่รวม 5,420 ตารางเมตร ออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ “Creator’s Backyard” (สวนหลังบ้านของครีเอเตอร์)

    การออกแบบจะยังคงเอกลักษณ์แบบ theCOMMONS ไว้คือ มี ‘Grandstand’ หรือ ‘บันไดยักษ์’ สำหรับเป็นพื้นที่จัดอีเวนต์ เช่น คอนเสิร์ต ฉายหนัง และพื้นที่บางส่วนเป็นกึ่งกลางแจ้ง (semi-outdoor) ต่อเชื่อมกับบริเวณสวนส่วนกลางของทางโครงการ Cloud 11 บนชั้น 5

    theCOMMONS อุดมสุข
    โซนร้านอาหารและเครื่องดื่ม

    ภายในจะมีส่วนหลักเป็นร้านอาหารและเครื่องดื่มประมาณ 40 ร้าน ใช้คอนเซ็ปต์เน้นร้านของผู้ประกอบการรายย่อยมากกว่าเชนดัง เหมือนทุกสาขาที่เคยเปิดมา

    รวมถึงจะมีพื้นที่ ‘Groundwork’ ให้ลูกค้านั่งทำงานยาวๆ ได้ตามสไตล์ครีเอเตอร์ มี ‘Common Room’ เป็นห้องเช่าจัดเวิร์กช็อป ประชุม หรืออีเวนต์ส่วนตัวได้ และบริเวณ ‘Play Yard’ อีกโซนร้านค้าที่เป็นบริเวณ pet-friendly สามารถพาสัตว์เลี้ยงมาเดินเล่นกันได้

    theCOMMONS อุดมสุข
    Play Yard เป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยง

    นอกจากนี้ คินเนสท์ กรุ๊ป ยังได้โอกาสเปิดตัวแบรนด์ใหม่คือ “All Kinds” ร้านค้าที่จะมาเป็นส่วนหนึ่งในพื้นที่ theCOMMONS Cloud 11 โดยร้านนี้เป็นการรวบรวมสินค้าแบรนด์ที่มีคอนเซ็ปต์เพื่อสังคมหรือสิ่งแวดล้อมเข้ามาจำหน่าย

    วิชรีกล่าวว่า สาขาใหม่นี้คาดว่าจะเปิดเวลา 08:00-01:00 น. เหมือนกับทุกสาขา และน่าจะมีทราฟฟิกใกล้เคียงกันคือประมาณ 1,500-2,000 คนต่อวัน ส่วนใหญ่ 60-70% เป็นชาวไทย ส่วนที่เหลือเป็นกลุ่ม expat โดยลูกค้ามียอดใช้จ่าย 500-1,000 บาทต่อคนต่อครั้ง

    ภายในโครงการ Cloud 11 มีสวนส่วนกลางเพิ่มความสดชื่น

    “theCOMMONS น่าจะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนในย่านนี้” องศากล่าวเสริม “เรามองว่าปัจจุบันอุดมสุขก็เริ่มมี expat เข้ามาอาศัยอยู่มากขึ้น”

     

    Cloud 11 ปิดดีลดึง 2 เชนโรงแรมเข้าโครงการ

    สำหรับโครงการ Cloud 11 กำลังทยอยเปิดตัวพันธมิตรและผู้เช่าไปทีละขั้น ล่าสุดองศาเพิ่งจะประกาศพันธมิตรในส่วนโรงแรมซึ่งจะมีเชนโรงแรม 2 แห่งเข้ามาให้บริการ ได้แก่

    • โรงแรมสร้างสรรค์ แบงค็อก บริหารโดยกลุ่ม Marriott จำนวน 252 ห้อง คอนเซ็ปต์ใหม่ออกแบบเพื่อเป็นโรงแรมสำหรับ ‘workation’ ราคาเฉลี่ย 2,000-3,000 บาทต่อคืน
    • โรงแรม Yotel Bangkok โรงแรมอัจฉริยะที่ให้บริการด้วยหุ่นยนต์ จำนวน 250 ห้อง เป็นเชนโรงแรมจากอังกฤษ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เคยเปิดบริการแล้วในสิงคโปร์ ราคาเฉลี่ย 2,000 บาทต่อคืน

    ในส่วนรีเทลนั้น องศาแย้มมาแล้วว่ามีการปิดดีลผู้เช่ารายใหญ่แล้ว คิดเป็น 50% ของพื้นที่ รวมถึงในส่วนออฟฟิศก็เริ่มมีดีลผู้เช่าเข้ามาแล้วเช่นกัน

    ]]>
    1441841
    อัปเดต “เดอะ ฟอเรสเทียส์” เริ่มโอนคอนโดฯ ปลายปี’66 พื้นที่พาณิชย์ “Happitat” เปิดกลางปี’67 https://positioningmag.com/1433880 Tue, 13 Jun 2023 06:48:53 +0000 https://positioningmag.com/?p=1433880 โครงการยักษ์ 398 ไร่ “เดอะ ฟอเรสเทียส์” ริมถนนบางนาตราด อัปเดตความคืบหน้า “ป่า” ส่วนกลาง 30 ไร่โตทันเปิดโครงการแน่นอน ตั้งเป้าเริ่มโอนคอนโดฯ สองแห่งแรกภายในสิ้นปีนี้ ขณะที่พื้นที่พาณิชย์ แหล่งรวมร้านค้าและออฟฟิศ “Happitat” จะเปิดใช้งานกลางปี 2567

    บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ MQDC จัดอีเวนต์ “The Forestias Story & Beyond: The Immersive Experience of Imagine Happiness” ขึ้น ณ พารากอน ฮอลล์ ภายในงานจัดการแสดงแสง สี เสียง บอกเล่าองค์ประกอบภายในโครงการและอัปเดตความคืบหน้าของ “เดอะ ฟอเรสเทียส์”

    โครงการนี้เป็นโครงการระดับแฟลกชิปของ MQDC ด้วยขนาดที่ดินใหญ่ถึง 398 ไร่ บริเวณริมถนนบางนา-ตราด กม.7 ภายในแบ่งเป็นโครงการที่พักอาศัยถึง 6 โครงการทั้งแนวราบและแนวสูง โรงแรมรีสอร์ต และพื้นที่เชิงพาณิชย์ด้านหน้า

    (ซ้าย) ดร.ชวัลวัฒน์ อริยวรารมย์ และ (ขวา) ทิพพาภรณ์ อริยวรารมย์

    คอนเซ็ปต์โครงการยังแตกต่างจากปกติ โดยต้องการสร้าง ‘เมือง’ ที่ใกล้ชิดธรรมชาติ รักษ์สิ่งแวดล้อม ผ่านการปลูกป่าไว้กลางโครงการด้วยเนื้อที่ถึง 30 ไร่ รวมถึงมีระบบที่ช่วยลดโลกร้อนและการใช้พลังงาน เช่น ระบบผลิตพลังงานความเย็นจากส่วนกลางส่งไปยังที่พักอาศัย อุโมงค์ส่งน้ำใต้ดินวางแนวด้านล่างของถนนเพื่อให้ผิวถนนเย็นขึ้น การออกแบบภูมิสถาปัตย์เพื่อให้เกิด ‘หุบความเย็น’ ทั้งหมดนี้มุ่งเป้าให้เมืองของฟอเรสเทียส์มีอุณหภูมิต่ำกว่าภายนอก 5 องศาเซลเซียส

    ด้วยคอนเซ็ปต์ที่ล้ำสมัยในเมืองไทย ทำให้โครงการมีการอัปเดตเป็นระยะมาตลอด 4 ปีหลังเปิดตัว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าฟอเรสเทียส์จะเกิดขึ้นได้จริงตามเป้า

     

    ป่าพร้อมแล้ว คอนโดฯ ใกล้จะพร้อมส่งมอบ

    “กิตติพันธุ์ อุยยามะพันธุ์” ประธานผู้อำนวยการ โครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส์ อัปเดตถึงใจกลางของโครงการที่ทุกคนจับตามองนั่นก็คือ “ผืนป่า 30 ไร่” ที่บริษัทต้องเนรมิตด้วยการปลูกป่าขึ้นมาใหม่และสร้างธารน้ำตกธรรมชาติ

    กิตติพันธุ์ระบุว่า สถานะของป่าพร้อมแล้วที่จะต้อนรับผู้เข้าอยู่อาศัยในปลายปีนี้ เนื่องจากปัจจุบันความสูงเฉลี่ยของต้นไม้ในป่าอยู่ที่ 8 เมตร สูงสุด 11 เมตร และเริ่มเกิดระบบนิเวศธรรมชาติจริงจากสัตว์และแมลงที่มาอาศัยในป่า เช่น ผึ้งหลวง ผีเสื้อ กระรอก และนกหลายชนิด

    “กิตติพันธุ์ อุยยามะพันธุ์” ประธานผู้อำนวยการ โครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส์

    ขณะที่ความคืบหน้างานก่อสร้างโครงการที่พักอาศัย ใกล้จะได้ส่งมอบสองโครงการแรกภายในสิ้นปีนี้ ดังนี้

    • วิซส์ดอม เดอะ ฟอเรสเทียส์ คอนโดมิเนียมตึกสูง 3 อาคาร จำนวน 1,119 ยูนิต คาดส่งมอบปลายปี 2566
    • มัลเบอร์รี่ โกรฟ เดอะ ฟอเรสเทียส์ คอนโดมิเนียมตึกเตี้ย 6 อาคาร จำนวน จำนวน 269 ยูนิต คาดส่งมอบปลายปี 2566
    วิซส์ดอม เดอะ ฟอเรสเทียส์
    • ดิ แอสเพน ทรี เดอะ ฟอเรสเทียส์ โครงการที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงวัย คอนโดมิเนียม 5 อาคาร จำนวน 290 ยูนิต คาดส่งมอบเดือนเมษายน 2567
    • มัลเบอร์รี่ โกรฟ เดอะ ฟอเรสเทียส์ วิลล่า บ้านเดี่ยวขนาด 4-6 ห้องนอน จำนวน 37 ยูนิต คาดส่งมอบกลางปี 2567
    • ซิกซ์เซนส์ เรสซิเดนส์ เดอะ ฟอเรสเทียส์ บ้านเดี่ยวริมทะเลสาบ พร้อมบริการจากเครือโรงแรม Six Senses จำนวน 27 ยูนิต คาดส่งมอบกลางปี 2567
    • (ใหม่) เดอะ ฟอเรสเทียส์ ซิกเนเจอร์ ซีรีส์ คอนโดมิเนียมตึกสูง จำนวน 122 ยูนิต เตรียมเปิดพรีเซล 8 กรกฎาคม 2566 และกำหนดสร้างเสร็จภายในสิ้นปี 2568

     

    “Happitat” จะเปิดใช้กลางปีหน้า

    อีกหนึ่งพื้นที่โครงการที่ถูกจับตามองคือโซนพาณิชย์ด้านหน้าโครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ซึ่งจะมีทั้งออฟฟิศ รีเทล และพื้นที่อีเวนต์ ซึ่งส่วนนี้จะเปิดเป็นสาธารณะ ผู้ที่ไม่ได้พักอาศัยในโครงการก็สามารถมาใช้งานได้ “อรดา เกิดหงส์” ประธานผู้อำนวยการ Storied Place Management อัปเดต ‘ชื่อ’ ของโซนนี้จะเรียกว่า “Happitat” (แฮปปี้แทท) ซึ่งมาจากคำว่า Happiness และ Habitat

    Happitat เดอะ ฟอเรสเทียส์
    เปิดตัว Happitat

    ภายใน Happitat มีพื้นที่ใช้สอยรวม 211,200 ตารางเมตร จะแบ่งเป็นอาคารสำนักงาน 10 ชั้น พื้นที่รวม 61,900 ตารางเมตร, อีเวนต์ ฮอลล์ และพื้นที่จัดกิจกรรมต่างๆ พื้นที่รวม 4,000 ตารางเมตร ส่วนที่เหลือคือพื้นที่รีเทล

    อรดาฉายภาพ Happitat เมื่อเปิดใช้ช่วงกลางปี 2567 จะออกแบบเป็นธีมแฟนตาซีแบบ “Magical Themed” และร้านค้า ร้านอาหาร คาเฟ่ ภายในโซนนี้จะมีการออกแบบพิเศษให้เข้ากับคอนเซ็ปต์เมืองฟอเรสเทียส์ เป็นร้านที่มีความเอ็กซ์คลูซีฟ รวมถึงโครงการจะจัดอีเวนต์หมุนเวียนตามเทศกาลเพื่อให้บรรยากาศมีความสนุกสนานรื่นเริงตลอดปี ทั้งนี้ เดอะ ฟอเรสเทียส์เริ่มใช้พื้นที่อีเวนต์ทดลองจัดงานตามเทศกาลต่างๆ มาแล้วหลายครั้ง เช่น งานฮัลโลวีน งานคริสต์มาส งานปีใหม่ งานสงกรานต์

    เดอะ ฟอเรสเทียส์

    นอกจากพื้นที่ Happitat ที่สามารถจัดอีเวนต์ได้แล้ว อรดายังกล่าวถึงเดอะ ฟอเรสเทียส์ว่าเป็นโครงการเดียวในบริเวณกรุงเทพฯ ที่มี ‘Forest Attraction’ มีป่าเป็นจุดดึงดูดการทำกิจกรรม ทำให้ต่อไปจะนำป่ามาเป็นส่วนหนึ่งของการจัดอีเวนต์ เช่น Immersive Dining in Forest การทานอาหารในป่าพร้อมกิจกรรมแสงสีเสียงประกอบ หรือจัดคอร์ส Forest School ให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ป่า เป็นต้น

    ภายในอีเวนต์ The Forestias Story & Beyond “ภารุต เพ็ญพายัพ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โครงการ MQDC Idyllias ยังนำเสนอโลกเสมือน “เมตาเวิร์ส” ที่จะมาพร้อมกับเดอะ ฟอเรสเทียส์ด้วย โดยโครงการจะมี ‘Digital Twin’ ในโลกดิจิทัล ลูกบ้านจะได้รับยูนิตเสมือนในดิจิทัล และสามารถเข้าสู่โลกเมตาเวิร์ส ใช้ชีวิตทำกิจกรรมต่างๆ ได้ในโลกเสมือน พร้อมรับสิทธิประโยชน์จาก MQDC ในฐานะลูกบ้านของเดอะ ฟอเรสเทียส์

    สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมห้องตัวอย่างของที่พักอาศัยในโครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ได้ที่โครงการริมถนนบางนาตราด กม.7 และเข้าชมผืนป่า 30 ไร่ได้แล้ว

    ]]>
    1433880
    MQDC ลุยจักรวาลโลกเสมือนจริง เปิดตัว MQDC Idyllias มาในคอนเซ็ปต์ “เมตตาเวิร์ส” (Metta-verse) https://positioningmag.com/1420013 Fri, 24 Feb 2023 10:00:55 +0000 https://positioningmag.com/?p=1420013

    ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมานี้ เทรนด์ล่ามาแรงที่สุดอย่างหนึ่งคงจะหนีไม่พ้น Metaverse หรือโลกเสมือนจริง เรียกได้ว่าเกือบทุกอุตสาหกรรมต่างให้ความสนใจ เปิดยูนิตใหม่เพื่อรองรับเทรนด์นี้กันอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นไอที บันเทิง เกม รวมถึงวงการอสังหาริมทรัพย์  ก็มีโลกเสมือนจริงกับเขาด้วย

    ท่ามกลางเทรนด์ใหญ่ระดับโลกนี้ บริษัทอสังหาริมทรัพย์บางรายในต่างประเทศก็มีขายบ้านที่ดินเสมือนในเมตาเวิร์สบ้าง แต่สำหรับ MQDC ที่ชัดเจนกับการคิดค้นนวัตกรรมใหม่มาตลอดมองเทรนด์เมตาเวิร์สเป็นโอกาสสำคัญที่ช่วยให้ MQDC พัฒนาโลกใหม่ที่ไม่ติดข้อจำกัดที่เกิดขึ้นในโลกจริงเมื่อไม่นานมานี้ จึงได้เปิดตัวโครงการใหม่ MQDC Idyllias (ไอดิลเลียส์)โครงการเมตาเวิร์สแห่งแรกที่มาช่วยสร้างสรรค์โลกใบใหม่ เป็นโลกแห่งอนาคต และเป็นสถานที่โลกแห่งความจริง และโลกเสมือนเชื่อมผสานกันเป็นหนึ่งเดียวแบบไร้รอยต่อถือเป็นผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์รายแรกที่เป็นผู้บุกเบิกการพัฒนาเมตาเวิร์สอย่างแท้จริง

    MQDC (บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด)ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย ได้ริเริ่มพัฒนาโครงการเกี่ยวกับเมตาเวิร์สมาแล้วตั้งแต่ปี 2021 ในปีที่ผ่านมาได้มีการประกาศความร่วมมือกับเอคเซนเชอร์ (Accenture) บริษัทผู้ให้บริการด้านพัฒนาธุรกิจชั้นนำระดับโลก เพื่อพัฒนาโครงการเมตาเวิร์สให้กับ MQDC ซึ่งความร่วมมือนี้ถือเป็นก้าวสำคัญ ที่ทำให้ MQDC เดินหน้าขยายองค์กรไปสู่ธุรกิจใหม่

    นายวิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MQDC (บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด) กล่าวว่า

    “แบรนด์เมตาเวิร์ส MQDC Idylliasเป็นโครงการเมตาเวิร์สที่พัฒนา โดยบริษัทลูกเอ็มคิวดีซี เมตาเวิร์ส คอร์ปอเรชั่น โครงการนี้กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาภายใต้คอนเซ็ปต์ “เมตตาเวิร์ส” (Metta-verse หรือ ‘เมตตา’-เวิร์ส)ซึ่งคำว่า Mettaพ้องกับคำภาษาไทย “เมตตา” ซึ่งมีความหมายว่าความเอื้ออารี ความกรุณาและความปรารถนาที่จะเห็นผู้อื่นเป็นสุข ซึ่งตรงกับคอนเซ็ปต์ในการสร้างโลก Idyllias แห่งนี้”

    “เราอยากให้ทุกคนได้สัมผัสความรู้สึกอันน่าจดจำที่ Idyllias ณ สถานที่แห่งนี้ เราพัฒนาขึ้นเพื่อสะท้อนความหมายของคำว่า “Idyllic” หรือสถานที่สุขสงบและแสนสวยงามเกิดขึ้นจริงที่นี่โลกเสมือนที่จะเชื่อมเข้ากับโลกแห่งความจริง ที่เราตั้งใจพัฒนาขึ้นเพื่อให้เป็นที่ก่อเกิดความสุข ความปรารถนาดีต่อกัน และสร้างนวัตกรรมยั่งยืน เพื่อให้โลก “เมตตาเวิร์ส” ของเรา เป็นส่วนหนึ่งที่ ช่วยขจัดปัญหาที่โลกแห่งความจริงกำลังเผชิญอยู่”


    รู้จัก MQDC Idyllias

    MQDC Idyllias คือ โครงการเมตาเวิร์สพัฒนาขึ้นโดย บริษัท เอ็มคิวดีซี เมตาเวิร์ส คอร์ปอเรชั่น จำกัด เป็นบริษัทผู้พัฒนาเมตาเวิร์สภายใต้กลุ่มบริษัท MQDC โดยเฉพาะ ซึ่ง MQDC Idyllias เป็นโครงการพัฒนาประสบการณ์เสมือนจริง เป็นการต่อยอดเชิงนวัตกรรมของ MQDC เพื่อนำองค์กรเดินหน้าไปสู่ความเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ขับเคลื่อนด้วยเป้าหมาย มุ่งสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ยั่งยืน เพื่อนำโลกและสังคมไปในทิศทางตามปรัชญา “For All Well-Being”

    โลก Idyllias จะเป็นสถานที่ที่โดยผู้ใช้งานสามารถพบปะ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ผ่านกิจกรรม และพื้นที่ต่างๆ ที่จะพัฒนาขึ้น โดย Idyllias จะมีการพัฒนาขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ที่เรียกว่า “Internet of Place” จะเป็นศูนย์รวมการบริการที่มอบประสบการณ์ท่องโลกเสมือนได้แบบครบวงจร รวมถึงยังมีการพัฒนาโครงการเชิงพาณิชย์รูปแบบใหม่ขึ้นภายในโลกเมตาเวิร์ส (direct-to-avatar) เพื่อรองรับการจับจ่ายที่เชื่อมโยงระหว่างโลกจริงและโลกเสมือน Idyllias จึงช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในทุกภาคส่วน  ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจความบันเทิง อสังหาริมทรัพย์ ไปจนถึงธุรกิจด้านสุขภาพ

    นอกจากนี้ ลูกค้าโครงการ MQDC ยังได้สัมผัสประสบการณ์การเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ของ MQDC ได้ในทั้งโลกเสมือนและโลกแห่งความเป็นจริง พร้อมได้รับสิทธิประโยชน์มากมายอีกด้วย

    MQDC Idyllias อยู่ระหว่างการพัฒนาและจะพร้อมเปิดตัวและให้บริการอย่างเต็มรูปแบบในปี 2024 โดย MQDC Idyllias จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาลทรานส์ลูเซีย เมตาเวิร์ส (Translucia Metaverse) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเมตาเวิร์สที่พัฒนาขึ้นเพื่อรองรับและเชื่อมโยงเมตาเวิร์สต่างๆที่พัฒนาขึ้นมาอยู่ร่วมกันบนจักรวาลทรานส์ลูเซีย

    ทรานส์ลูเซีย ก่อตั้งและดำเนินการโดยบริษัท ทีแอนด์บี มีเดีย โกลบอล (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทผู้ผลิตคอนเทนต์เพื่อความบันเทิงและแอนิเมชั่นระดับโลก


    ไม่ใช่แค่ขายโครงการ แต่เป็นโลกแห่งความสุข

    คอนเซ็ปต์ของ MQDC Idyllias จะสะท้อนคำว่า Metta-verse for All Life Visible มีการดีไซน์กิจกรรม และประสบการณ์ให้ทุกชีวิตสามารถดำรงอยู่ ร่วมกันได้อย่างสงบสุข เรียกได้ว่า MQDC ไม่ได้เป็นเพียงนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แต่เป็นผู้นำความก้าวหน้าของเทคโนโลยี นวัตกรรมเพื่อยกมาตรฐานความเป็นอยู่ของทุกชีวิตและสังคมให้ดีขึ้นในทุกมิติได้

    ทางด้าน นายภารุต เพ็ญพายัพ ผู้อำนวยการโครงการเมตาเวิร์ส MQDC Idyllias กล่าวว่า

    “แบรนด์ Idyllias จะสะท้อนความเป็นโลกเสมือนที่ไม่ได้เป็นเพียงเพื่อขายโครงการ virtual real estate แต่เป็นโลกเสมือนที่ผู้ใช้งานจะได้รับประสบการณ์แห่งความสุขจากความเชื่อมโยงกับโลกแห่งความเป็นจริงได้อย่างไร้รอยต่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการอสังหาริมทรัพย์ของ MQDC จะเป็นโครงการแรกๆที่ได้รับการเชื่อมต่อกับโลกเสมือน MQDC Idyllias

    ทั้งนี้ นายรามากริชนัน ซี. เอ็น. หัวหน้าด้านการบูรณาการและ Metaverse ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แห่ง Accenture Song กล่าวว่า

    “Idyllias จะช่วยทลายขีดจำกัดในการเชื่อมโยงระหว่างโลกจริงและโลกเสมือน ผ่านเทคโนโลยีที่สร้างประสบการณ์ที่ให้อารมณ์ ความรู้สึกอันดื่มด่ำ เหนือจินตนาการ ที่รังสรรค์ขึ้นโดยเฉพาะที่ MQDC Idyllias เราเชื่อว่าโอกาสในการสร้างประสบการณ์ในโลก metaverse ยังมีอีกมากมายสำหรับภาคธุรกิจและภาคส่วนอื่นๆ และมั่นใจว่าแอคเซนเชอร์จะสามารถเป็นกำลังสำคัญในการผลักดันให้ MQDC ไปสู่เป้าหมายในการสร้างประสบการณ์ครั้งใหม่ ที่เข้าถึงได้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำงาน การใช้ชีวิต การเรียนรู้ และสันทนาการ ให้ผู้คนได้ใช้ในโลกเสมือนและโลกจริงอย่างราบรื่นยิ่งขึ้น”

    ธุรกิจด้านเมตาเวิร์สนี้จะทำให้ MQDC ไม่ได้เป็นเพียงผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ แต่ยังเป็นผู้สร้างประสบการณ์ใหม่ไร้ขีดจำกัดให้แก่ลูกค้าและผู้ใช้บริการ ตลอดจนพันธมิตร และผู้ที่สนใจเข้าร่วมในโลกแห่งนวัตกรรมใหม่ที่เชื่อมต่อโลกแห่งความจริงและโลกเสมือนเข้าไว้ด้วยกันอีกด้วย

    นอกจาก MQDC จะเป็นผู้บุกเบิกนวัตกรรมเพื่อความเป็นอยู่ที่ดี อย่างยั่งยืนของทุกชีวิตแล้ว ยังมีความมุ่งมั่นในการคิดค้นเฟ้นหาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อนำมาต่อยอดการพัฒนาธุรกิจที่มีอยู่ ทำให้ MQDC ก้าวขึ้นเป็นผู้นำนวัตกรรมในวงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างแท้จริง ทั้งในการนำการพัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืนมาสู่ผู้คนและสังคมในยุคดิจิทัลเปลี่ยนแปลงโลกหรือ Digital Transformation

    ]]>
    1420013
    รู้จัก RISC by MQDC ศูนย์วิจัยฯ เพื่อ “ความเป็นอยู่ที่ดี” ของทุกชีวิต ลงลึกงานวิจัย 5 ด้าน “เปลี่ยนโลก” สู่ความยั่งยืน https://positioningmag.com/1408286 Thu, 17 Nov 2022 10:00:40 +0000 https://positioningmag.com/?p=1408286

    โลกของเรายังต้องการงานวิจัยและนวัตกรรมอีกมากเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและ “ความเป็นอยู่ที่ดี” ให้กับทุกชีวิตอย่างยั่งยืน RISC by MQDC จึงได้รับการก่อตั้งขึ้นมากว่า 10 ปี เพื่อรวบรวมนักวิจัยและนวัตกรเข้ามาสร้างสรรค์องค์ความรู้ใหม่ โดยมีการทำงานวิจัยลงลึกไปใน 5 ด้าน (RISC’s 5 Hubs Research) ที่จะช่วย “เปลี่ยนโลก” ไปสู่ความยั่งยืนทั้งในวันนี้และสู่อนาคต

    รศ.ดร.สิงห์ อินทรชูโต หัวหน้าคณะที่ปรึกษา ศูนย์วิจัยและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน (RISC by MQDC) บอกว่า  ศูนย์วิจัยแห่งนี้เน้นการค้นคว้า ทำงานวิจัยและพัฒนานวัตกรรมด้านคุณภาพชีวิตแห่งแรกในเอเชีย เพื่อสร้าง “ความเป็นอยู่ที่ดี” หรือ For All Well-being ให้กับทุกชีวิตบนโลก โดยงานวิจัยที่ดำเนินการอยู่สอดคล้องกับเป้าหมายสากลและนานาชาติว่าด้วยการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ (UN Sustainable Development Goals)

    การจะสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับสรรพสิ่งบนโลกได้ย่อมมีหลายมิติที่ต้องคำนึงถึง จากปัจจุบันเราจะเห็นได้ว่าปัญหาความไม่สมดุลบนโลกมีหลากหลาย เช่น การขาดแคลนทรัพยากรโลก สิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรม มลพิษทางอากาศเพิ่มขึ้น คุณภาพน้ำแย่ลง สภาพภูมิอากาศแปรปรวน การเปลี่ยนแปลงของเจเนอเรชั่นและสังคม รวมไปถึงความสุขจากภายในก็เป็นส่วนหนึ่งของการมีชีวิตที่ดีเช่นกัน

    RISC by MQDC จึงมีการทำงานวิจัยลงลึกเป็น 5 ด้าน (RISC’s 5 Hubs Research) ซึ่งครอบคลุมทุกแกนของความเป็นอยู่ที่ดี ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อทุกชีวิต และเป็นการบูรณาการหลายศาสตร์เข้ามาสร้างองค์ความรู้เหล่านี้ โดยงานวิจัยเหล่านี้ได้นำไปประยุกต์ใช้จริงในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ตลอดกระบวนการ ทั้งในระดับอาคาร ระดับชุมชน และระดับเมือง นอกจากนั้นยังนำองค์ความรู้นี้ต่อยอด เพื่อประโยชน์ของสังคมในด้านต่างๆ ส่งเสริมคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน โดย RISC’s 5 Hubs Research ที่จะช่วยให้เกิดความยั่งยืนต่อคุณภาพชีวิตของเรา ได้แก่

    1.การสร้างสมดุล – เกื้อกูลหลายชีวิต (Plants & Biodiversity หรือ งานวิจัยด้านความหลากหลายทางชีวภาพ)

    “ศึกษาการอยู่ร่วมกันของมนุษย์ สัตว์ ต้นไม้ และสิ่งมีชีวิตต่างๆ ให้ส่งเสริม เกื้อกูลกัน หาวิธีส่งเสริมศักยภาพของพืชพันธุ์ในด้านต่างๆ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย”

    การศึกษาและวิจัยความหลากหลายทางชีวภาพเพื่อลดปัญหาสิ่งแวดล้อม เพิ่มพื้นที่สีเขียวในเมืองสร้างสมดุลระบบนิเวศ โดยหาแนวทางกระบวนการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ควบคู่กับการรักษาและเสริมสร้างความหลากหลายทางชีวภาพ สามารถพัฒนาเมืองไปพร้อมกับการรักษาระบบนิเวศอย่างเข้าใจและถูกต้องตามวัฏจักรชีวิตของทุกสิ่งมีชีวิต ศึกษาการอยู่ร่วมกันของมนุษย์ สัตว์ ต้นไม้ และสิ่งมีชีวิตต่างๆ ให้ส่งเสริม เกื้อกูลกัน หาวิธีส่งเสริมศักยภาพของพืชพันธุ์ในด้านต่างๆ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย

    2. เพิ่มคุณภาพอากาศ (Air Qualityหรือ งานวิจัยด้านคุณภาพอากาศ)

    “ศึกษาและพัฒนานวัตกรรมเพื่อส่งเสริมคุณภาพอากาศที่ดีทั้งภายในและภายนอกอาคาร เพื่อผู้อยู่อาศัยในอาคารโดยตรงและส่งเสริมคุณภาพอากาศที่ดียิ่งขึ้น”

    เริ่มจากกระบวนการก่อสร้างที่ช่วยควบคุมคุณภาพอากาศ และกระบวนการออกแบบให้มีการระบายอากาศที่ดี การเลือกวัสดุที่ปลอดสารพิษ ระบบเครื่องกลที่ช่วยควบคุมคุณภาพอากาศภายในอาคาร และจากสภาพอากาศปัจจุบันที่เปลี่ยนไป ทำให้เกิดมลพิษทางอากาศ ที่เพิ่มปริมาณขึ้นทุกปี ส่งผลต่อสุขภาพ ภาวะเศรษฐกิจ สังคมในด้านต่างๆ จึงต้องหาวิธีช่วยลดปัญหาทางด้านอากาศทั้งภายในและภายนอกอาคาร โดยใช้นวัตกรรมมาแก้ไขปัญหาและส่งเสริมคุณภาพอากาศให้ดีขึ้น

    3. สร้างความสุขให้เราทุกคน (Happiness Science หรือ งานวิจัยเชิงวิทยาศาสตร์แห่งความสุข)

    “ศึกษาการสร้างความสุขให้กับมนุษย์ ผ่านการศึกษาพฤติกรรมและจิตวิทยา และวิจัยประสาทการรับรู้ของมนุษย์ ผ่านสัญญาณสมองและเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ เพื่อสร้างความรู้สึกที่ดีและความสุขได้” 

    ศึกษาพฤติกรรมและจิตวิทยาของคนทุกช่วงวัย ด้วยการทำความเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของมนุษย์ตลอดช่วงชีวิต ตั้งแต่ผลกระทบของคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ การเติบโตและพัฒนาการของเด็ก ความเครียดและความกังวลของวัยผู้ใหญ่ ความเสื่อมถอยด้านต่างๆ ของผู้สูงอายุ เพื่อหาปัจจัยที่เสริมสร้างความสุขในแต่ละช่วงวัย  นำความรู้มาประยุกต์การออกแบบให้สอดคล้องและเอื้อต่อการใช้ชีวิต ส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกัน

    รวมทั้งศึกษาด้านระบบประสาทการรับรู้ของมนุษย์ ผ่านการวิจัยจากสัญญานสมองด้วยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ เพื่อให้เข้าใจการรับรู้สิ่งเร้าต่างๆ เพื่อคัดแต่สภาพแวดล้อมที่สร้างการรับรู้เชิงบวก (Positive Perception) และหาแนวทางในการลดความเสี่ยงการเกิดภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล สมองเสื่อมและอัลไซเมอร์

    4. ใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่าและยั่งยืน (Materials & Resources หรือ งานวิจัยด้านวัสดุและการใช้ทรัพยากร)

    “ศึกษาวิจัยวัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ปลอดภัยต่อผู้ใช้งานอาคาร การใช้วัสดุทดแทนเพื่อลดการใช้ทรัพยากรโลกในรูปแบบต่างๆ รวมถึงมุ่งมั่นหาแนวทางการลดคาร์บอนของโลกด้วยเทคโนโลยีอนาคต”

    พัฒนาวัสดุใหม่ (Innovation materials) เพื่อสร้างคุณสมบัติพิเศษที่ช่วยสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี (Well-being materials) ทั้งการเพิ่มความคงทนของวัสดุ วัสดุที่ช่วยลดแนวโน้มอุบัติเหตุ เพิ่มความปลอดภัย วัสดุปลอดสารพิษลดแนวโน้มความเจ็บป่วยส่งเสริมสุขภาพที่ดี  วัตถุดิบที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม รวมถึงปรับกระบวนการก่อสร้างลดการเหลือเศษวัสดุ และพัฒนาวัสดุก่อสร้างจากขยะพลาสติก เพื่อใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ตลอดจนการเลือกใช้วัสดุที่คาร์บอนต่ำ หรือการพัฒนานวัตกรรมที่ช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ด้วยเทคโนโลยีใหม่ เพื่อช่วยลดภาวะโลกรวน

    5. พร้อมรับมือโลกแห่งการเปลี่ยนแปลง (Resilience หรือ งานวิจัยศาสตร์ความพร้อมรับมือ)

     “ศึกษาแนวทางการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงโลก ตลอดจนคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้น จนนำไปสู่แนวทางการพัฒนาเมืองที่ตอบโจทย์ในอนาคต ตั้งรับและลดผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดขึ้น”

    โลกเปลี่ยนแปลงหลายด้าน ทั้งปัญหามลภาวะทางอากาศ ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ โรคระบาด การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมคน สังคม ตลอดจนภัยพิบัติต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะโลกรวน (Climate change) ศึกษาและเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของโลกทั้งปัจจุบันและอนาคต ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytic) และวางแผนการสร้างอาคารและเมือง เพื่อสามารถตั้งรับได้ในทุกสถานการณ์ ทั้งการเตรียมตัวก่อนเกิดเหตุการณ์ การจัดการขณะเกิดเหตุ และการฟื้นฟูภายหลัง  เพื่อสร้างการ “อยู่รอด (Survive) ปรับตัว (Adapt) และเติบโต (Grow)”

    ในอนาคต RISC by MQDC  มีแผนขยายขอบเขตงานวิจัยให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น และยังสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ (UN Sustainable Development Goals) มากถึง 13 เป้าหมาย จากทั้งหมด 17 เป้าหมาย ในการร่วมเป็นพลเมืองโลกที่ร่วมเปลี่ยนโลกไปด้วยกัน ด้วยการนำงานวิจัยสร้างประโยชน์ ต่อยอดสู่ชุมชน สังคม และเมือง เกิดความร่วมมือกันในทุกภาคส่วน สร้างประโยชน์ทั้งระดับประเทศและนานาชาติ เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีต่อทุกชีวิตอย่างยั่งยืน

    ผู้ที่สนใจองค์ความรู้งานวิจัย 5 ด้าน สามารถดูย้อนหลังได้จาก RISC Talk 2022 ทั้ง RISC 5

    Research Hubs ได้ที่ https://bit.ly/3SSXbjo

    ]]>
    1408286
    MQDC คว้ารางวัล Thailand’s Best Managed Companies 2022 จากดีลอยท์ ประเทศไทย ตอกย้ำองค์กรแห่ง “นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน” https://positioningmag.com/1398124 Thu, 01 Sep 2022 10:00:08 +0000 https://positioningmag.com/?p=1398124

    ในการดำนเนิธุรกิจในยุคนี้ การคำนึงถึงแค่ผลประกอบการ หรือต้องการแค่ผลกำไรอย่างเดียวคงไม่ได้แล้ว เพราะต้องทำควบคู่กันไปในทุกมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้าน “ความยั่งยืน” เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สะท้อนวิสัยทัศน์ขององค์กรในยุคนี้เป็นอย่างดี คำนึงต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย ไม่ว่าจะผู้ถือหุ้น พนักงาน คู่ค้า ผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม

    MQDC (บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด) อีกหนึ่งผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ของไทย ได้วางวิสัยทัศน์ด้าน “นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน” มาโดยตลอด เรียกว่าได้สร้างความแตกต่างในวงการอสังหาริมทรัพย์ แถมยังสะท้อนออกมาด้วยตัวผลงานโครงการที่สามารถจับต้องได้เป็นรูปธรรม

    ล่าสุด MQDC สร้างความปังต่อเนื่อง คว้ารางวัล Thailand’s Best Managed Companies จากดีลอยท์ ประเทศไทย ปี 2565 สามารถตอกย้ำพันธกิจหลักขององค์กร ที่มุ่งมั่นในการริเริ่ม คิดค้น และพัฒนานวัตกรรมเพื่อมอบความสุข และสร้างสุขภาวะที่ดีอย่างยั่งยืนให้กับทุกสิ่งบนโลก หรือ Pioneering in Sustainnovation for All Well-Being ได้เป็นอย่างดี

    นายวิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MQDC (บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด) กล่าวว่า

    “MQDC รู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับรางวัล “Best Managed Companies” จากดีลอยท์ ซึ่งเป็นองค์กรที่ปรึกษาทางธุรกิจระดับโลก โดยรางวัลดังกล่าวสะท้อนถึงวิสัยทัศน์และพันธกิจของ MQDC ที่มีความมุ่งมั่นในการนำองค์กรสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน ด้วยการบริหารจัดการ กำหนดนโยบายการทำงานอย่างมีจริยธรรม และมีการกำกับดูแลกิจการและบริหารทางการเงินที่ดี รางวัลนี้ถือเป็นอีกก้าวที่สำคัญของทีมงานทุกคน”

    MQDC มีวิสัยทัศน์ใหญ่ในการขับเคลื่อนบริษัทให้เป็นองค์กรแห่ง “นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน” มาโดยตลอด จึงมีการตั้งมาตรฐานในการดำเนินงาน หรือ MQDC Standard ที่ครอบคลุมทั้งด้านสุขภาพกาย สุขภาพใจ และระบบนิเวศของที่อยู่อาศัยโดยรอบ เพื่อตอบโจทย์การสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืนอย่างแท้จริง

    นอกจากนี้ยังให้การสนับสนุกงานด้านการวิจัยและนวัตกรรม โดยจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาสำหรับคิดค้นและสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ที่นำไปสู่ความยั่งยืนของการอยู่อาศัย รวมถึงมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมให้กับสังคม พัฒนาการใช้ชีวิตในด้านต่างๆ และสร้างสรรค์กิจกรรมที่ส่งเสริมให้เกิดการมีส่วนร่วมของชุมชนในทุกโครงการของ MQDC

    โครงการ The Aspen Tree

    สำหรับรางวัล Thailand’s Best Managed Companies 2022 จัดโดยบริษัท ดีลอยท์ ประเทศไทย ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาชั้นนำในระดับนานาชาติ มีกระบวนการคัดเลือกพิจารณาองค์กรที่เข้ารอบ และมีขั้นตอนการตัดสินอย่างเข้มงวด โดยมีคณะกรรมการอิสระซึ่งประกอบไปด้วยตัวแทนจากภาคธุรกิจและสถาบันการศึกษาเป็นผู้ทำหน้าที่ตัดสินตามแนวทางปฏิบัติสากลของการคัดเลือกผู้ได้รับรางวัล Best Managed Companies ของดีลอยท์

    โดยบริษัทที่เข้าร่วมการคัดเลือกจะต้องผ่านการประเมินทักษะและแนวทางการบริหาร ซึ่งประกอบไปด้วยการวิเคราะห์กลยุทธ์ วิเคราะห์การดำเนินงานทางธุรกิจ ความสามารถและนวัตกรรม วัฒนธรรมองค์กรและพันธสัญญา ตลอดจนการกำกับดูแลภายในองค์กรและการเงินขององค์กร รวมถึงมีการประเมินเปรียบเทียบกับกรอบการประเมินที่ได้มีการใช้กับบริษัทเอกชนที่มีการจัดการที่ดีที่สุดทั่วโลกกว่า 1,200 แห่ง

    โครงการ Whizdom The Forestias – Petopia

    ความสำคัญของรางวัล Best Managed Companies ได้จัดทำขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง เป็นเวลา 29 ปีตั้งแต่ พ.ศ. 2536 เริ่มจากประเทศแคนาดา และปัจจุบันรางวัลนี้ได้กลายเป็นรางวัลด้านธุรกิจที่สำคัญรางวัลหนึ่งของโลกเลยทีเดียว

    การที่ MQDC ได้รับรางวัล Thailand’s Best Managed Companies 2022 ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเป็นองค์กรที่มุ่งเน้นถึง นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน” จริงๆ

    ]]>
    1398124
    ดีทีจีโอได้รับเลือกเป็นหนึ่งในบริษัทที่ดำเนินงานอย่างมีจริยธรรมมากที่สุดในโลก ประจำปี 2022 และเป็นองค์กรแรกของไทย ที่ได้รับเลือกถึง 4 ปีติดต่อกัน https://positioningmag.com/1378347 Fri, 22 Apr 2022 10:00:27 +0000 https://positioningmag.com/?p=1378347 Worlds Most Ethical Companies คือการให้เกียรติและยกย่ององค์กรที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำ ที่ยอดเยี่ยมและมีความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจด้วยจริยธรรม รวมถึงปฏิบัติตามข้อกำหนด กฎระเบียบ และมีการกำกับดูแลที่ดีที่สุด


    ดีทีจีโอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (DTGO) ได้รับเลือกจากสถาบัน Ethisphere ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกในการกำหนดและพัฒนามาตรฐานการดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรมให้เป็นหนึ่งในองค์กรที่ดำเนินงานอย่างมีจริยธรรมมากที่สุดในโลกประจำปี 2022 หรือ 2022 “World’s Most Ethical Companies”

    DTGO ถือเป็นองค์กรภาคธุรกิจแห่งแรกในไทยที่ได้รับการคัดเลือกติดต่อกันถึง 4 ปี นับตั้งแต่ได้รับครั้งแรกในปี 2019 สำหรับปี 2022 มีองค์กรที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นองค์กรที่ดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรมทั้งสิ้น 135 องค์กร จาก 22 ประเทศ และ 45 กลุ่มอุตสาหกรรม

    DTGO ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2536 ที่ให้ความสำคัญด้านธุรกิจและสังคม รวมถึงมีเป้าหมายในการสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับทุกคนและสังคมทุกรุ่น ภายใต้อุดมการณ์ “Adding Value in Everything We Do” หรือการเพิ่มคุณค่าในทุกสิ่งที่ทำ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อคนส่วนรวม ธุรกิจของ DTGO ประกอบด้วยกลุ่มธุรกิจมากมายหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ นำโดยบริษัทแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ จำกัด (MQDC) ธุรกิจการเงินดิจิตอล นำโดยบริษัทดิจิต้าไลฟ์ จำกัด ธุรกิจเทคโนโลยี ซึ่งเป็นการร่วมทุนเพื่อส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยร่วมก่อตั้งบริษัทโอโบดรอยด์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (Obodroid) และ บริษัทโอโบตรอนส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (Obotrons) ในการพัฒนาเทคโนโลยีหุ่นยนต์และนวัตกรรม รวมถึง Home Intelligent Systems ธุรกิจการค้าที่มีบริษัทดี ซูพรีม คอร์ปอเรชั่น จำกัดเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดหาและการค้าระดับโลก และธุรกิจพลังงาน โดยบริษัทยูนิสัส กรีน เอ็นเนอร์จี จำกัด ในการออกแบบและดำเนินงานด้านระบบพลังงานและสาธารณูปโภคที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นต้น

    ความหลากหลายทางธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ นี้เองทำให้ DTGO สามารถรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี ซึ่งรวมถึงการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยเมื่อปี 2564 MQDC หนึ่งในกลุ่มธุรกิจของ DTGO ได้ร่วมจัดตั้งโรงพยาบาลสนามแสงแห่งใจ โรงพยาบาลสนามภาคเอกชนแห่งแรกในไทย ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งโครงการที่บริษัทฯได้ริเริ่มให้กับสังคม โรงพยาบาลสนามแสงแห่งใจนี้ นับเป็นการบูรณาการทักษะความรู้ของกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านเทคโนโลยีโดยโอโบดรอยด์ คอร์ปอเรชั่น ที่พัฒนา “ไข่ต้ม ฮอสพิทอล” (KaitommHospital) หรือระบบ Telemedicine Tablet สำหรับให้เจ้าหน้าที่และบุคลากรทางการแพทย์สื่อสารกับผู้ป่วยแบบไร้การสัมผัส หรือพัฒนา “หุ่นยนต์ปิ่นโต” ผู้ช่วยอัจฉริยะที่ทำหน้าที่ส่งอาหาร เครื่องดื่ม และยาภายในโรงพยาบาลสนาม

    DTGO มีความมุ่งมั่นในการดำเนินงานภายใต้แนวทาง Social Integrated Business ที่ให้ความสำคัญกับการทำธุรกิจควบคู่ไปกับการทำกิจการเพื่อสังคม โดยมีการจัดสรร 2% ของรายรับสูงสุดให้กับการริเริ่มและดำเนินโครงการภาคสังคม ซึ่งรวมถึงมูลนิธิพุทธรักษาที่เน้นด้านการศึกษา สมาคมบลูคาร์บอนโซไซตี้ ที่เน้นด้านสิ่งแวดล้อม อีกทั้งงานด้านสาธารณสุขที่ร่วมมือกับองค์กรและมูลนิธิต่าง ๆ เป็นต้น

    การได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน World’s Most Ethical Companies ถึง 4 ปีซ้อนถือเป็นการตอกย้ำถึงการ “ดำเนินงานบนพื้นฐานของหลักจริยธรรม” ตามมาตฐานระดับโลกของ DTGO เพราะต้องผ่านการประเมินภายใต้ระบบ Ethics Quotient (EQ) ที่เข้มงวดของสถาบัน Ethisphere ภายใต้ 5 หมวดหลักคือด้านกระบวนการดำเนินงานด้านจริยธรรมและการกำกับดูแล ด้านการสร้างวัฒนธรรมด้านจริยธรรม ด้านหน้าที่และความรับผิดชอบขององค์กรในฐานะพลเมืองที่ดี ด้านการกำกับดูแลกิจการ และด้านความเป็นผู้นำและชื่อเสียงขององค์กร

    สมาชิกองค์กรทุกคนที่ DTGO เชื่อว่าจริยธรรมและความซื่อสัตย์เป็นสิ่งสำคัญต่อความสำเร็จอย่างยั่งยืนขององค์กร อีกทั้งความสำเร็จทางธุรกิจจะมีส่วนทำให้บรรลุเป้าหมายในการช่วยสังคมและโลกใบนี้ รวมไปถึงส่งเสริมการอนุรักษ์ระบบนิเวศและทำให้ทุกคนค้นพบศักยภาพสูงสุดในชีวิต

    ดูข้อมูลเกี่ยวกับ DTGO เพิ่มเติมได้ที่ www.dtgo.com

    รายชื่อองค์กรที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นองค์กรที่ดำเนินงานอย่างมีจริยธรรมประจำปี 2565 https://worldsmostethicalcompanies.com/honorees.

    ]]>
    1378347
    เหรียญแห่งโลกซีรีส์-อนิเมะ! T&B เปิดตัว “คราวน์ โทเคน” (CWT) เชื่อมทรัพย์สินทางปัญญาสู่ “เมตาเวิร์ส” https://positioningmag.com/1377533 Thu, 17 Mar 2022 04:00:17 +0000 https://positioningmag.com/?p=1377533

    ทีแอนด์บี มีเดีย โกลบอล ผู้ผลิตและสร้างสรรค์ภาพยนตร์-ซีรีส์แอนิเมชัน ควงพันธมิตรทั้งไทย-เทศเปิดตัวระบบนิเวศของ “คราวน์ โทเคน” (CWT) และพัฒนาแพลตฟอร์ม NFT ในชื่อ “ADOT” สร้างประสบการณ์เชื่อมต่อคอนเทนต์ซึ่งเป็นทรัพย์สินทางปัญญา (IPs) กับโลกการเงินดิจิทัล มุ่งไปสู่โลกอนาคตใน “เมตาเวิร์ส” โดยเหรียญ CWT เริ่มเทรดบน ZIPMEX แล้วตั้งแต่สัปดาห์ก่อน

    ทีแอนด์บี มีเดีย โกลบอล (ประเทศไทย) (T&B Media Global Thailand) เป็นผู้ผลิตและสร้างสรรค์ภาพยนตร์-ซีรีส์แอนิเมชันชั้นนำของไทย ผลิตผลงานทั้งที่ฉายในไทยและต่างประเทศ โดยมีงานที่ชาวไทยรู้จักดีอย่าง “เชลล์ดอน” มาถึงวันนี้ T&B กำลังก้าวไปอีกขั้นของการสร้างระบบนิเวศในธุรกิจสื่อบันเทิง ผ่านการจับมือพันธมิตรหลากหลายสร้าง “คราวน์ โทเคน” (CWT) และแพลตฟอร์ม “ADOT” สำหรับซื้อขาย NFT

    คราวน์ โทเคนนี้เป็นเหรียญรูปแบบ Utility Token ที่จะมาเชื่อมโยงกับ ทรัพย์สินทางปัญญา (Intellectual Property: IPs) ซึ่งก็คือคอนเทนต์และคาแรกเตอร์ที่ครีเอเตอร์ผลิตออกมาผ่านสื่อภาพยนตร์ ซีรีส์ แอนิเมชัน เปิดประสบการณ์ใหม่ของผู้ถือคราวน์ โทเคนจะได้มีส่วนร่วมและรับสิทธิประโยชน์กับคอนเทนต์ ในแบบที่แตกต่างจากที่เคย

    รวมถึงการสร้างแพลตฟอร์ม ADOT มาเป็นพื้นที่ซื้อขาย สะสม แลกเปลี่ยน NFT จากครีเอเตอร์ ทำให้เกิดคอมมูนิตี้ เกิดกิจกรรมใหม่ระหว่างครีเอเตอร์กับแฟนๆ

    แน่นอนว่า T&B ไม่ได้สร้างระบบนิเวศนี้ด้วยตัวคนเดียว “ดร.ชวัลวัฒน์ อริยวรารมย์” ประธานกรรมการบริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท ทีแอนด์บี มีเดีย โกลบอล (ประเทศไทย) จำกัด ได้ประกาศความร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำทั้งในไทยและต่างประเทศที่จะร่วมกันสร้างปรากฏการณ์ใหม่ ไม่ว่าจะเป็น

    • Andrew Gordon ผู้อยู่เบื้องหลังแอนิเมชั่นชื่อดังระดับโลก อย่าง “Monsters, Inc.” “Toy Story”
    • Kenji Xiao ผู้มีประสบการณ์คร่ำหวอดในวงการแอนิเมชั่นในจีน
    • Kevin Sun ผู้บริหารจาก Sunac Culture Group ซี่งเป็นพาร์ทเนอร์จากจีนที่มีเครือข่ายในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ สวนสนุกธีมพาร์ค และเป็นหนึ่งในผู้นำด้าน Family Entertainment ของจีน
    • คุณจักรพันธ์ ลีละมาสวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ BBTV New Media กลุ่มเอ็นเทอร์เทนเมนต์แถวหน้าของวงการ
    • ดร.เอกลาภ ยิ้มวิไล ผู้ร่วมก่อตั้ง และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซิปเม็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด แพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิตัลชั้นนำของไทย
    • คุณจิรยศ เทพพิพิธ ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง บริษัท อินโฟเฟด จำกัด Startup ด้าน อีสปอร์ตและเกม สัญชาติไทย
    • คุณสินิทธ์ อาจหาญวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ชินเอ เซอร์วิส จำกัด เจ้าของ Cozy Games ผู้ทำ GameFi (Blockchain & NFT Game) Studio & Publisher สัญชาติไทย
    • คุณวิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) บริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศ
    • คุณวิบูลย์ ลีรัตนขจร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Search Entertainment กลุ่มเอ็นเทอร์เทนเมนต์แถวหน้าของวงการ ที่เน้นไปยังการผลิตรายการโทรทัศน์
    • คุณพรชัย ว่องศรีอุดมพร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ Last Idol Thailand วงไอดอลชั้นนำของประเทศไทย
    • คุณปิยะธิดา อิทธิระวิวงศ์ ประธานกรรมการ แผนกธุรกิจคลาวด์ ผู้นำด้านการสื่อสารโทรคมนาคมระดับโลก Huawei Technology (Thailand)
    • คุณมนัสวิน นันทะเสน (ติ๊ก ชีโร่) ผู้ร่วมก่อตั้ง Lomabin (โลมาบิน) Community ของ Energy ใหม่ สด แรง ที่ พุ่งทะยานเข้าสู่รูปแบบ Digital music lifestyle
    • ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. กฤษฎา ศรีแผ้ว คณบดีวิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยรังสิต สถาบันการศึกษาที่มีความโดดเด่นด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี
    • คุณถกลเกียรติ วีรวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารThe One Enterprise กลุ่มเอ็นเทอร์เทนเมนต์แถวหน้าของวงการ

    พันธมิตรระดับโลกอย่าง Mr. Andrew รวมถึง Mr. Kenji Xiao และ Sunac Culture Group จะร่วมกับ T&B ทุ่มทุนสร้างผลงานแอนิเมชันสู่ตลาดโลก 6 เรื่อง ระหว่างปี 2022-2025 ได้แก่ Legends of the Two Heroes, FriendZSpace, Looking for Gods, New Legend, The Forestias และ Blue City ซึ่งแอนิเมชันเหล่านี้จะถูกนำไปต่อยอดเป็น NFT บนแพลตฟอร์ม ADOT อีกด้วย

    “ดร.ชวัลวัฒน์ อริยวรารมย์” ประธานกรรมการบริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท ทีแอนด์บี มีเดีย โกลบอล (ประเทศไทย) จำกัด

    คุณพรรณธร ลออรรถวุฒิ, CFA, ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานพัฒนาธุรกิจกลุ่มบริษัท T&B Media Global และ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท VUCA Digital  กล่าวว่า แพลตฟอร์ม ADOT จะเชื่อม IPs ที่ทั้งมีทั้งภาพยนตร์ ละคร แอนิเมชัน เพลง และเอ็นเทอร์เทนเมนต์ในรูปแบบต่างๆ มาสู่สินทรัพย์ดิจิทัล หรือ Digital Assets ซึ่งจะสร้างโอกาสเพิ่มมูลค่าและต่อยอดให้กับศิลปินคอนเทนต์ ครีเอเตอร์ ผู้ผลิต

    รวมไปถึงผู้ชมจะได้มีส่วนร่วมและได้รับประสบการณ์รูปแบบใหม่ๆ เมื่อเข้าถือครองคราวน์ โทเคน- CWT จะได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ มากมาย ทั้งการรับ NFT Airdrop จากแอนิเมชันทั้ง 6 เรื่อง สิทธิในการโหวตทิศทางของภาพยนตร์และแอนิเมชันในเครือ T&B สิทธิในการร่วมเป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์และ NFT รวมถึงสิทธิพิเศษต่างๆ จาก SMO Live Platform ซึ่งพัฒนาโดย Tree Roots Entertainment บริษัทในเครือ T&B และที่สำคัญคือการมีส่วนร่วมใน “Translucia Metaverse” ซึ่งเป็นเมกะโปรเจกต์ ของ T&B

    คุณพรรณธร ลออรรถวุฒิ, CFA, ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานพัฒนาธุรกิจกลุ่มบริษัท T&B Media Global และ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท VUCA Digital

    สำหรับแพลตฟอร์ม ADOT จะทำอะไรได้บ้าง? Mr. Roy Hui, Pellar Technology ประเทศออสเตรเลีย ผู้เชี่ยวชาญด้านบล็อกเชนระดับสากล จะเป็นผู้พัฒนาโปรเจ็กต์นี้ Hui อธิบายถึงทิศทางของแพลตฟอร์ม NFT ใหม่นี้ว่า จะมีลูกเล่นให้กับครีเอเตอร์มากขึ้น เช่น Utility Function ครีเอเตอร์สามารถกำหนดได้ว่าเมื่อนักสะสมเก็บผลงานครบทั้งคอลเล็กชันแล้ว สามารถนำมาแลกเป็น NFT ชิ้นพิเศษได้ ซึ่งจะทำให้ได้สิทธิต่อเนื่องเป็นการเข้า Meet & Greet กับศิลปิน

    คุณวิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) กล่าวว่า MQDC ได้เห็นความสำคัญกับการนำนวัตกรรมทางการเงินรูปแบบใหม่ อย่างเช่น โทเคนดิจิทัล มาต่อยอดในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทั้งในกลุ่มที่อยู่อาศัย อาคารพาณิชย์ สำนักงาน ศูนย์การค้า ธุรกิจการให้บริการ รวมถึงนวัตกรรมทางการเงิน ภายใต้แนวคิด “For All Well-Being” พร้อมตอกย้ำความเชื่อมั่นว่านวัตกรรมการเงินในครั้งนี้จะผลักดันให้เกิดการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจของประเทศไทยต่อไป

    คุณวิบูลย์ ลีรัตนขจร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทเซิร์ช ได้ประกาศความเป็นไปได้ด้วยความร่วมมือของบริษัท Search Entertainment จะเป็นผู้ผลิตและดูแลการสร้างคอนเทนต์ NFT ขณะที่ VUCA Digital จะดูแลด้านการพัฒนาเทคโนโลยีและการสร้างคอมมูนิตี้

    ดร.เอกลาภ ยิ้มวิไล ผู้ร่วมก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซิปเม็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด อีกหนึ่งพันธมิตรที่สำคัญของ T&B ได้กล่าวแสดงความยินดีต่อความสำเร็จของการนำ CWT เข้าไปลิสต์บน ZIPMEX ตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม 2565 ซึ่งถือเป็นก้าวใหม่ของวงการบันเทิงในการต่อยอดธุรกิจ

    พันธมิตรในการสร้างอีโคซิสเต็มนี้ต่างเห็นตรงกันว่า แพลตฟอร์ม NFT และเหรียญ CWT จะช่วย “เปลี่ยน” และ “เปิด” โอกาสธุรกิจใหม่ให้กับอุตสาหกรรมสื่อบันเทิง ช่วยสร้างรายได้ ป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ และทำให้ครีเอเตอร์กับแฟนๆ มีส่วนร่วมในคอมมูนิตี้โลกเสมือน สร้างนวัตกรรมการเงินรูปแบบใหม่ที่ไร้ขีดจำกัด โดย “คราวน์ โทเคน” กำลังจะเปิดซื้อขายในระดับภูมิภาคเร็วๆ นี้อีกด้วย

    ]]>
    1377533
    ‘MQDC’ ย้ำมาตรฐานระดับเวิล์ดคลาส คว้ารางวัล ‘LEED Gold’ ในโครงการ “เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ” https://positioningmag.com/1364937 Thu, 02 Dec 2021 10:00:44 +0000 https://positioningmag.com/?p=1364937

    สำหรับ LEED (Leadership in Energy and Environmental Design) คือเกณฑ์มาตรฐานรับรองอาคารเขียว ที่ให้ความสำคัญครอบคลุมการออกแบบอาคารเพื่อสิ่งแวดล้อม การก่อสร้าง การดำเนินการ และการบริหารงาน ที่มุ่งสู่การดูแลและรักษาสิ่งแวดล้อม ถือเป็นโปรแกรมชั้นนำระดับนานาชาติสำหรับการออกแบบและก่อสร้างอาคารอย่างยั่งยืน การได้รับการรับรองจาก LEED เปรียบเสมือนได้รับการรับรองว่ามีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมในการก่อสร้าง

    เพราะการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะโครงการที่อยู่อาศัยในทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงไปมาก ผู้อยู่อาศัยให้ความสำคัญกับการดูแลสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ทั้งการอนุรักษ์พลังงาน การบริหารจัดการน้ำ และการจัดการขยะ รวมไปถึงสภาพแวดล้อมการอยู่อาศัย

    ดังนั้น บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) จึงให้ความสำคัญกับเรื่องเหล่านี้ในทุกโครงการ รวมถึงโครงการ เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ ซึ่งนับได้ว่าเป็นหนึ่งในโครงการมาสเตอร์พีซของ MQDC และของประเทศไทยในประเภทที่อยู่อาศัย

    และอย่างที่เกริ่นไว้ในตอนแรกว่า รางวัล ‘LEED’ ถือเป็นเกณฑ์มาตรฐานรับรองอาคารเขียว เป็นรางวัลที่ได้ยอมรับในระดับโลกจากสภาอาคารเขียวสหรัฐอเมริกา (U.S. Green Building Council : USGBC) และสำหรับในประเทศไทย MQDC เป็นอีกหนึ่งผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ ที่สามารถคว้ารางวัลดังกล่าว

    โดย MQDC คว้ารางวัล LEED Gold” (Leadership in Energy and Environmental Design) ประจำปี 2021 ในการพัฒนาโครงการ “เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพ” ด้วยคะแนนสูงที่สุดในประเภทที่อยู่อาศัย และได้รับ LEED Certification ในระดับ Gold

    สำหรับเดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ เป็นโครงการที่อยู่อาศัยมาตรฐานสากลระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ของเมืองไทยและในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดย MQDC ทำงานร่วมกับ Atelier Ten บริษัทที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อมระดับโลก โดยมีความมุ่งมั่นพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่ดีที่สุด สร้างมาตรฐานที่อยู่อาศัยระดับโลก ภายใต้หลักการ For All Well-Being’ ส่งเสริมสุขภาพของผู้อยู่อาศัยและสร้างการใช้ชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน

    ดังนั้น เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ จึงไม่ใช่แค่มีความโดดเด่นด้านสถาปัตยกรรม แต่ยังตอบโจทย์คุณภาพชีวิตที่ดี ดูแลสิ่งแวดล้อม และมุ่งเน้นความยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นทัศนียภาพที่สวยงาม ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้ผู้อยู่อาศัยทุกห้องสามารถดื่มด่ำกับความงดงามโดยรอบ มีการนำระบบหมุนเวียนและฟอกอากาศให้บริสุทธิ์กลับเข้าไปในอาคาร เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้อยู่อาศัยทั้งในด้านไลฟ์สไตล์และสุขอนามัย

    อีกทั้ง ยังถูกออกแบบให้รองรับการปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ดี (Resilient Design) อย่างเช่น ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม หรือเหตุการณ์ทางสังคมอื่น ๆ นอกจากนี้ ยังมีการ บริหารจัดการน้ำ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยนำนวัตกรรมที่ลดการใช้น้ำ ทั้งยังไม่มีการปล่อยน้ำเสียจากโครงการไปสร้างมลภาวะให้กับสิ่งแวดล้อมโดยรอบ (Zero Waste Water) ยิ่งไปกว่านั้นหากเกิดกรณีน้ำท่วม สามารถที่จะดึงน้ำมากักเก็บก่อนที่จะปล่อยกลับสู่แม่น้ำ

    นอกจากนี้ เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ ยังเพียบพร้อมด้วยมาตรฐานบริการระดับสูงภายใต้แบรนด์ “แมนดาริน โอเรียนเต็ล” แห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแห่งที่ 7 ของโลก ในมาตรฐานที่เทียบเท่าโครงการที่พักอาศัยที่ดีที่สุดในนิวยอร์ก ลอนดอน โตเกียว หรือ เซี่ยงไฮ้

    “เราภูมิใจกับรางวัล LEED Gold อย่างมาก เพราะตอกย้ำความสำเร็จและความมุ่งมั่นของ MQDC ในการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัย และความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม ตามปรัชญาของเราคือ “For All Well-being” รางวัลที่ได้รับยิ่งจะทำให้ MQDC มุ่งมั่นพัฒนามากขึ้น เพื่อสร้างมาตรฐานของโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ให้เป็นที่ยอมรับในระดับโลก” นายวิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) กล่าว

    สำหรับเกณฑ์มาตรฐาน LEED (Leadership in Energy and Environmental Design) คือเกณฑ์มาตรฐานรับรองอาคารเขียว ที่ให้ความสำคัญครอบคลุมการออกแบบอาคารเพื่อสิ่งแวดล้อม การก่อสร้าง การดำเนินการ และการบริหารงาน ที่มุ่งสู่การดูแลและรักษาสิ่งแวดล้อม โดยประเมินมาตรฐานโครงการ ครอบคลุมด้านต่าง ๆ 7 ด้าน ประกอบด้วย:

    • พื้นที่พัฒนาเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Sites)
    • การใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ (Water Efficiency)
    • การดูแลจัดการพลังงานและบรรยากาศ (Energy & Atmosphere)
    • การเลือกใช้วัสดุและทรัพยากร (Material & Resources)
    • คุณภาพสิ่งแวดล้อมภายในอาคาร (Indoor Environment Quality)
    • นวัตกรรมการออกแบบ (Innovation in Design)
    • การให้ความสำคัญกับปัจจัยท้องถิ่น (Regional Priority)

    โดย เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ ได้คะแนนเต็มในส่วนของนวัตกรรมการออกแบบ (Innovation in Design) และในส่วนของการพัฒนาพื้นที่เพื่อความยั่งยืน (Sustainable Sites) ซึ่งประกอบด้วย การพัฒนาพื้นที่ใช้สอยร่วมกับชุมชน การควบคุมความร้อนของอาคาร การรองรับปัญหาน้ำท่วมฉับพลัน รวมถึงการเชื่อมต่อกับระบบขนส่งได้อย่างดีเยี่ยม เปรียบเทียบแล้วเราได้คะแนนสูงเกือบ 90% และได้คะแนนพิเศษจาก LEED เพิ่มเติมด้วย

    “ตั้งแต่วันแรกของพัฒนาโครงการ ทาง Atelier Ten และ MQDC มุ่งมั่นและทุ่มเทอย่างมาก ทั้งในด้านของคุณภาพโครงการ การอยู่อาศัย และการดูแลสิ่งแวดล้อม เราจึงเก็บทุกรายละเอียด เราจึงมั่นใจว่า เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล” จะเป็นแนวทางมาตรฐานใหม่ในการพัฒนาที่อยู่อาศัยของประเทศไทย เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมที่ความยั่งยืน” ดร. นรี ภิญญาวัฒน์ Director ของ Atelier Ten ประจำกรุงเทพฯ และสิงคโปร์ ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษา ควบคุมการออกแบบและพัฒนาโครงการให้กับ MQDC กล่าว

    ทั้งนี้ MQDC ดำเนินธุรกิจการพัฒนา ลงทุน และจัดการอสังหาริมทรัพย์ ประกอบด้วย บ้าน คอนโดมิเนียม โครงการคอมมูนิตี้ ดิสทริค และ ธีมโปรเจกต์ รวมถึงธุรกิจค้าปลีกและโรงแรม ภายใต้แบรนด์ “แมกโนเลีย” (Magnolias) “วิสซ์ดอม” (Whizdom) ดิ แอสเพน ทรี (The Aspen Tree) มัลเบอร์รี่ โกรฟ (Mulberry Grove) และเดอะ ฟอเรสเทียส์ (The Forestias) พร้อมยึดมั่นการดำเนินธุรกิจภายใต้คำมั่นสัญญา ‘For All Well-Being’ เพื่อส่งเสริมสุขภาพของผู้อยู่อาศัยและสร้างการใช้ชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน

    ]]>
    1364937