Pepsi – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 29 Mar 2023 09:39:33 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 “Pepsi” เปลี่ยนโลโก้ใหม่! กลับไปใช้สไตล์ยุค 90s เพราะเป็นโลโก้แบบที่คนจดจำได้มากที่สุด https://positioningmag.com/1425218 Wed, 29 Mar 2023 08:26:53 +0000 https://positioningmag.com/?p=1425218 น้ำอัดลม “Pepsi” (เป๊ปซี่) เปลี่ยนโลโก้ใหม่ในรอบ 15 ปี กลับไปใช้สไตล์ยุค 90s ที่มีชื่อแบรนด์อยู่ตรงกลางวงกลม เพราะเป็นแบบโลโก้ที่คนจดจำได้มากที่สุด โดยจะเริ่มเปลี่ยนในตลาดทวีปอเมริกาเหนือก่อน และเปลี่ยนครบทุกตลาดในโลกภายในปี 2024

ถ้ามีใครสักคนขอให้คุณวาดภาพโลโก้ Pepsi ขึ้นมาจากความทรงจำ ภาพโลโก้แบบไหนที่คุณจะวาด? น่าจะมีวงกลมสีแดงทับด้วยสีน้ำเงิน และมีชื่อแบรนด์ติดอยู่ตรงกลางหรือเปล่า?

เมื่อบริษัท PepsiCo ทดลองกิจกรรมนี้ พวกเขาพบว่าคนส่วนใหญ่นึกเป็นภาพที่กล่าวไปข้างต้น แต่โลโก้ปัจจุบันของ Pepsi ไม่ใช่แบบนั้นเลย โลโก้ปัจจุบันที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2008 เป็นรูปวงกลมสีแดง-น้ำเงิน แต่ชื่อแบรนด์ออกไปอยู่ด้านนอกวงกลมแทน

“เราละเลยอินไซต์แบบนี้ไม่ได้หรอกครับ” เมาโร ปอร์ชินี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการออกแบบ PepsiCo กล่าวกับ CNN “แทนที่เราจะปฏิเสธอินไซต์ลูกค้า เราตัดสินใจว่าจะโอบรับสิ่งนี้เข้ามาแทน”

โลโก้ Pepsi ตลอด 125 ปีที่ผ่านมา

เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2023 บริษัท PepsiCo จึงได้ฤกษ์เปิดตัวโลโก้ใหม่ที่จะเริ่มใช้ในตลาดทวีปอเมริกาเหนือช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้ ก่อนจะเริ่มใช้งานในตลาดทั่วโลกปีหน้า

โลโก้ใหม่หน้าตาคล้ายกับโลโก้ที่ใช้ในยุค 1990s มาก ซึ่งเป็นโลโก้แบบที่ดูจะติดอยู่ในความทรงจำของคนทั่วไปมากที่สุด แต่โลโก้ใหม่จะมีการปรับองค์ประกอบบางอย่างให้ดูทันสมัยขึ้น เช่น เปลี่ยนแบบอักษร เปลี่ยนสีอักษร และขอบขาวของโลโก้ที่ดูแคบลง

โลโก้แบบใหม่จะทำให้ไปในทิศทางเดียวกับความจำของคนที่มีต่อแบรนด์ แต่มีกลเม็ดที่จะดึงสายตาคนให้ลงมาอ่านบรรทัดด้านล่างโลโก้ที่เขียนว่า “zero sugar” หรือไม่มีน้ำตาล เพราะเป็นผลิตภัณฑ์ที่จะเป็นกุญแจการเติบโตหลักของ Pepsi ในระยะถัดไป

Pepsi เปลี่ยนโลโก้ใหม่
โลโก้ใหม่ที่จะเริ่มใช้ปี 2023

 

สัญลักษณ์ของ “ความกล้าและมั่นใจ”

Pepsi อยู่ในตลาดมานานถึง 125 ปีแล้ว และโลโก้แบรนด์ก็ถูกเปลี่ยนใหม่มาเป็นระยะๆ โดยโลโก้ปัจจุบันเริ่มเปลี่ยนมาใช้งานตั้งแต่ปี 2008 แต่ตั้งแต่เริ่มมีโลโก้ใหม่ ดูเหมือนการตอบรับจะไม่ค่อยดี เพราะโลโก้ดู ‘น่าเบื่อ’

ท็อดด์ แคปแลน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของ PepsiCo กล่าวว่า แบรนด์ Pepsi เป็นแบรนด์ของ “ความกล้าและมั่นใจ” เป็นแบรนด์ของความสนุกสนานแบบไม่ต้องหวั่นเกรงอะไร แต่โลโก้ที่มีวันนี้ ด้วยฟอนต์ที่ใช้ตัวพิมพ์เล็กทั้งหมด และอยู่ด้านนอกวงกลม ทำให้ดูไม่ค่อยจะมั่นใจเท่าไหร่

การออกแบบใหม่จึงเลือกฟอนต์ที่กลับมาเป็นตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมด ใช้สีดำตัวหนาเขียนว่า PEPSI อยู่ตรงกลางวงกลมอย่างชัดเจนเพื่อสะท้อนความมั่นใจอีกครั้ง

ทิม คาลกินส์ ศาสตราจารย์ด้านการตลาดที่ Northwestern University’s Kellogg School of Management ให้ความเห็นว่า ไม่ใช่เรื่องแปลกที่บริษัทจะเปลี่ยนโลโก้หรือดีไซน์บ้างเพื่อให้ทันสมัย แต่ก็ต้องระวังไม่ให้เปลี่ยนมากเกินไปจนเสี่ยงทำให้ลูกค้าสับสน อย่างเมื่อปี 2009 แบรนด์ Tropicana (อยู่ในเครือ PepsiCo เช่นกัน) เคยเปลี่ยนดีไซน์กล่องน้ำส้มทั้งรูปหน้ากล่องและโลโก้ไปโดยสิ้นเชิง แต่ลูกค้าไม่ตอบรับ จนบริษัทต้องเปลี่ยนกลับไปเป็นแบบเดิมในเวลาไม่กี่เดือน

“แบรนด์ที่มีประวัติมายาวนาน สามารถมองย้อนกลับไปยังความสำเร็จเดิมได้เสมอ” คาลกินส์กล่าว โดยภาพจำนั้นเป็นสิ่งที่ทรงพลังมาก เพียงแต่บริษัทต้องระวังในการนำมรดกความรุ่งเรืองมาใช้งานให้ยังดูสดใหม่เสมอ

 

เน้นตลาด “ไม่มีน้ำตาล”

ก่อนหน้านี้ รามอน ลากัวร์ตา ซีอีโอ PepsiCo เคยแถลงในงานพบปะนักวิเคราะห์ช่วงต้นปี 2023 ว่า ในตลาดสหรัฐฯ จะมีผลิตภัณฑ์ “ไม่มีน้ำตาล” เป็นศูนย์กลางในกลยุทธ์ธุรกิจต่อจากนี้ และยังประกาศการปรับสูตรน้ำอัดลมไม่มีน้ำตาล พร้อมทุ่มทุนโฆษณาประเด็นนี้กลางงาน Super Bowl

ลากัวร์ตามองว่า ตลาดน้ำอัดลมไม่มีน้ำตาลจะเติบโตเร็วมากในสหรัฐฯ และยังวางตัวให้น้ำอัดลมไม่มีน้ำตาลเป็นกลยุทธ์หลักในยุโรป และตลาดอื่นๆ ในโลกด้วย

ในประเทศไทยก็เช่นกัน บริษัทผู้ผลิตและจำหน่าย Pepsi ในไทยอย่าง บจก.ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค (ประเทศไทย) ก็เพิ่งแถลงแผนรอบ 5 ปีต่อไป (2566-2570) และมีน้ำอัดลมไม่มีน้ำตาลเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์หลักที่จะผลักดัน เพราะเห็นว่าตลาดนี้เติบโตเร็วถึง 30% ต่อปี (อ่านรายละเอียดต่อที่นี่)

Source

]]>
1425218
เหลือใครบ้าง! Pepsi, Coca-Cola, McDonald และ Starbucks ประกาศคว่ำบาตรรัสเซีย https://positioningmag.com/1376840 Wed, 09 Mar 2022 06:28:20 +0000 https://positioningmag.com/?p=1376840 หากให้ไล่เรียงรายชื่อแบรนด์ที่ออกมา คว่ำบาตรรัสเซีย ในตอนนี้ คงต้องบอกว่า หาชื่อแบรนด์ที่ยังไม่ออกมาน่าจะง่ายกว่า เพราะที่ผ่านมาแบรนด์รถยนต์ชั้นนำของโลกแทบทั้งหมดก็ประกาศคว่ำบาตรเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ยังมี 2 ผู้ให้บริการบัตรชำระเงินยักษ์ใหญ่อย่างวีซ่าและมาสเตอร์การ์ด ล่าสุด Pepsi, Coca-Cola, McDonald’s และ Starbucks ซึ่งถือเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกก็ออกมาประกาศว่าจะระงับการทำธุรกิจในรัสเซีย ด้วยเช่นกัน

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา บริษัททั้ง 4 แห่ง ได้แก่ Pepsi, Coca-Cola, McDonald’s และ Starbucks ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าจะยังคงดำเนินธุรกิจในรัสเซียต่อไป ในขณะที่บริษัทอื่น ๆ ของสหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรรัสเซียและหยุดการดำเนินกิจการไปแล้ว ล่าสุด ทั้ง 4 บริษัทก็ได้ออกมาประกาศแล้วว่าจะระงับการทำธุรกิจในรัสเซีย

โดย Pepsi ถือว่าเป็นแบรนด์ที่ทำธุรกิจในรัสเซียมานานกว่า 60 ปีแล้ว ตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นสหภาพโซเวียต และจ่ายเรือรบแลกกับสินค้าเลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม Pepsi ไม่ได้หยุดการทำธุกิจทั้งหมดในรัสเซีย จะงดแค่ขายน้ำอัดลม เช่น Pepsi-Cola, 7UP และ Mirinda โดยสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต เช่น นม หรืออาหารทารก ยังคงจัดจำหน่ายต่อไป ทั้งนี้ รัสเซียคิดเป็นสัดส่วนรายได้ประมาณ 4% ของ Pepsi

ในฐานะบริษัทอาหารและเครื่องดื่ม เราต้องยึดมั่นในแง่มุมด้านมนุษยธรรมของเราให้มากขึ้นกว่าเดิม” Ramon Laguarta ซีอีโอของ Pepsi กล่าว

เเบรนด์ดังเเห่หยุดทำธุรกิจในรัสเซีย ‘Nike – IKEA’ ปิดสาขาชั่วคราว หลังซัพพลายเชนชะงัก

บริษัท ‘ยานยนต์’ ทั่วโลกแห่ ‘คว่ำบาตรรัสเซีย’ สั่งเบรกส่งออก-หยุดสายการผลิต

ในส่วนของ Coca-Cola ได้ออกมาระบุว่า “หัวใจของเราอยู่กับผู้คนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่ไม่สมควรเกิดขึ้นในยูเครน และเราจะคอยติดตามสถานการณ์ต่อไปเมื่อมีการเปลี่ยนแปลง” โดย Coca-Cola มีสัดส่วนยอดขายในรัสเซียราว 1-2%

ด้าน McDonald’s ก็ออกมาประกาศว่า ร้านอาหารในรัสเซียทั้งหมด 850 แห่งจะปิดให้บริการชั่วคราว จากที่ก่อนหน้านั้น เชนร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดยังคงนิ่งเงียบในสงครามนี้ ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์รุนแรงว่า แม้บริษัทจะออกมาประณามการบุกรุกแต่ยังคงเปิดสถานที่ตั้งไว้ ทั้งนี้ ร้านของ McDonald ในรัสเซียประมาณ 84% เป็นของบริษัท ในขณะที่ส่วนที่เหลือดำเนินการโดยแฟรนไชส์ซึ่งน่าจะยังดำเนินการต่อได้ปกติ

วีซ่า-มาสเตอร์การ์ด ทิ้งบอมลูกใหญ่! ประกาศระงับการทำธุรกรรมในรัสเซีย

ส่วน Starbucks ได้ระงับกิจกรรมทางธุรกิจของรัสเซียทั้งหมด ซึ่งรวมถึงการจัดส่งผลิตภัณฑ์ของบริษัท โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา Kevin Johnson CEO ของ Starbucks ได้ออกมาประณามการโจมตีของรัสเซียอีกด้วย แน่นอนว่าการปิดสาขาในรัสเซียต้องส่งผลกระทบกับทั้ง Starbucks และ McDonald’s แน่นอน เพราะทั้ง 2 บริษัทมีจำนวนสาขามากกว่าในอเมริกา และมีเปอร์เซ็นต์รายได้ที่สูงขึ้นจากยอดขายเหล่านั้น

Source

]]>
1376840
ครั้งแรกใน 30 ปี! ‘เป๊ปซี่’ ปรับขวดขนาด 2 ลิตรให้ใช้ง่ายขึ้นแถม ‘บางลง’ 25% https://positioningmag.com/1306381 Tue, 17 Nov 2020 03:58:42 +0000 https://positioningmag.com/?p=1306381 ขวดพลาสติกของ ‘เป๊ปซี่ (Pepsi)’ ขนาด 2 ลิตร ได้รับการออกแบบใหม่ให้ใช้งานง่ายขึ้น แถมบางลงอีก 25% ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปีเลยทีเดียว

ตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไป ลูกค้าเป๊ปซี่ในสหรัฐอเมริกาจะเริ่มเห็น ‘โฉมใหม่’ ของ ‘เป๊ปซี่’ รวมถึงสินค้าอื่น ๆ อาทิ MTN DEW (née Mountain Dew), Crush, Dr. Pepper และ Schweppes Ginger Ale ในขนาด 2 ลิตรที่ได้รับการปรับปรุงให้บางกว่าขวดเก่าถึง 25% พร้อมกับออกแบบให้ใช้งานง่ายขึ้น โดยขนาดของขวดใหม่นี้มีเส้นรอบวง 10.4 นิ้ว จากเดิมที่มีเส้นรอบวง 13.4 นิ้ว ส่งผลให้ขวดใหม่จับถนัดมือกว่า นอกจากนี้ฉลากของขวดใหม่ยังใช้วัสดุน้อยลง 24% เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้

ทั้งนี้ ขวดใหม่เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่เป๊ปซี่จะเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ให้สามารถรีไซเคิลได้ 100% หรือต้องสามารถย่อยสลายได้ภายใน 5 ปีข้างหน้า

การออกแบบใหม่นี้ช่วยให้ผู้บริโภคหยิบขวดออกจากชั้นวางและเทได้ง่ายขึ้นมาก และเราต้องผลิตให้ได้จำนวนมหาศาล เพื่อสร้างสิ่งนี้ให้เกิดในระดับปฏิบัติการ” เอมิลี่ ซิลเวอร์ รองประธานฝ่ายนวัตกรรมและความสามารถของเป๊ปซี่อเมริกาเหนือ กล่าว

ที่ผ่านมา ขวดขนาด 2 ลิตรของโค้กที่มีการออกแบบรูปทรงคล้ายกันมานานกว่า 10 ปี แต่มีรายงานว่ายอดขายเพิ่มขึ้นหลังจากมีการปรับเปลี่ยนโฉมสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยรายงานของ NPR ได้เปิดเผยว่าผู้ซื้อ ในการศึกษาขนาดเล็กมักจะหันไปสนใจการออกแบบขวดที่ง่ายต่อการหยิบ

เบื้องต้น เป๊ปซี่ 2 ลิตรโฉมใหม่กำลังจะเปิดตัวใน Chicago, Minneapolis-St. Paul and Wisconsin และจะเปิดตัวให้ทั่วอเมริกาในอนาคตอันใกล้ แต่สำหรับการขายในระดับโลกนั้นยังไม่มีการเปิดเผยว่าจะวางขายเมื่อไหร่

Source

]]>
1306381
รุกเทรนด์เครื่องดื่มไฮบริด โคคา-โคล่า เตรียมขาย “โค้กผสมกาเเฟ” 3 รสชาติใหม่ เจาะอเมริกา https://positioningmag.com/1290955 Tue, 04 Aug 2020 08:32:51 +0000 https://positioningmag.com/?p=1290955 เครื่องดื่มลูกผสมเเบบไฮบริดได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมากในยุคนี้ จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่ต้องการเครื่องดื่มที่สดชื่น แต่ต้องเป็นมิตรต่อสุขภาพ กลายเป็นทางเลือกใหม่ที่มีโอกาสทางการตลาดสูง

เพื่อขยายตลาดให้กว้างขึ้นเเละสร้างความแปลกใหม่ บรรดายักษ์ใหญ่วงการน้ำอัดลม จึงหันมาเอาดีด้านการพัฒนารสชาติเดิมผสมไปกับเครื่องดื่มอื่น เพิ่มมูลค่าให้ผลิตภัณฑ์

ล่าสุดโคคาโคล่าเตรียมวางจำหน่าย Coca-Cola With Coffee หรือโค้กผสมกาแฟ เจาะตลาดอเมริกา ในช่วงเดือนมกราคม ปี 2021 โดยใช้กาแฟบราซิล 100% พร้อมเปิดตัว 3 รสชาติใหม่ ได้เเก่ Dark Blend, Vanilla และ Caramel ในแพ็กเกจจิ้งกระป๋องขนาด 12 ออนซ์ โดยมีกาเฟอีนอยู่ที่ 69 มิลลิกรัมต่อกระป๋อง ขณะที่โค้กปกติขนาด 12 ออนซ์จะมีกาเฟอีน 34 มิลลิกรัมต่อกระป๋อง และ Diet Coke มีกาเฟอีน 46 มิลลิกรัมต่อกระป๋อง

ก่อนหน้านี้ บริษัทเริ่มชิมลางตลาดเครื่องดื่มไฮบริดในสหรัฐฯ ด้วยการเปิดตัว Coke Energy Cherry, Cherry Vanilla Coke, Orange Vanilla Coke มาเเล้ว

น้ำอัดลมผสมกับน้ำผลไม้ปั่น หรือน้ำอัดลมผสมกับชา ก็เป็นอีกตัวอย่างของแนวโน้มต่อไปในเทรนด์นี้  โคคาโคล่าระบุ

Photo : coca-cola company

การเปิดศึกในตลาดเครื่องดื่มกาเเฟของเจ้าใหญ่น้ำดำ ช่วงที่ผ่านมานี้ สอดคล้องกับอัตราการบริโภคโซดาในสหรัฐฯ ที่ลดลงทุกปี สวนทางกับกลุ่มกาแฟที่เติบโตต่อเนื่อง ดังนั้นการเข้าไปเเข่งในตลาดนี้ จึงจะทำให้ได้กลุ่มลูกค้าทั้งคนที่ชอบน้ำอัดลมเเละชอบกาเเฟ รวมถึงคนรุ่นใหม่ก็หันมาดื่มกาเเฟตั้งเเต่อายุยังน้อยมากขึ้นด้วย

คู่เเข่งสำคัญอย่างเป๊ปซี่จึงไม่ปล่อยให้โคคาโคล่า เจาะตลาดนี้เเต่เพียงผู้เดียว เดินเกมเปิดตัว Pepsi Café โคล่ารสกาแฟอาราบิก้า ที่ให้กาเฟอีนมากกว่าเป๊ปซี่ขนาดปกติถึงสองเท่า มีให้เลือก 2 รสชาติ คือ Original และ Vanilla วางขายในสหรัฐฯ ในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา

โคคาโคล่า พยายามเจาะตลาด Coffee-Cola Drinks ครั้งเเรกตั้งเเต่ปี 2006 เเต่เป็นช่วงสั้นๆ เเค่ 2 ปีก็เลิกไป ก่อนจะกลับมาอีกครั้งในปี 2017 กับ Coca-Cola Plus Coffee เเต่นำไปลองตลาดในออสเตรเลีย เเละอีก 1 ปีต่อมาก็นำไปทดลองขายในตลาดเอเชีย หลังเปลี่ยนสูตรใหม่

ในปี 2018 ผลิตภัณฑ์โค้กผสมกาแฟ ทดลองตลาดครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่น เเละได้รับเสียงตอบรับที่ดี ปัจจุบันหาซื้อได้ใน 30 ประเทศเเล้ว โดยจะหลักๆ ของเเต่ละประเทศจะไม่เเตกต่างกันมาก เเต่จะมีการปรับสูตรกาเเฟและแพ็กเกจจิ้งให้เข้ากับรสนิยมของคนในประเทศนั้นๆ

Javier Meza ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของโคคาโคล่า กล่าวว่า การเเพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้ต้องมีการระมัดระวังในการออกสินค้าใหม่มากขึ้น เเต่ก็เป็นตัวเร่งให้มีการตรวจสอบเเละพัฒนาสินค้า ดังนั้นจึงเป็นเวลาที่เหมาะสมที่บริษัทจะเปิดตัว “โค้กผสมกาเเฟ” รสชาติใหม่ในตลาดอเมริกา หลังจากที่ได้เรียนรู้ในตลาด
ประเทศอื่นๆ ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา

“Coca-Cola With Coffee เป็นผลลัพธ์ของกลยุทธ์ Lift and Shift ของบริษัทในการต่อยอดนวัตกรรมเครื่องดื่มที่ประสบความสำเร็จ จากตลาดหนึ่งไปสู่อีกตลาดหนึ่ง ผ่านการทดลอง ทดสอบ และเรียนรู้ผลิตภัณฑ์ เมื่อความชอบและไลฟ์สไตล์ของผู้คนกำลังเปลี่ยนไป ดังนั้นเราจึงต้องพัฒนา Product Portfolio ของเราให้ตอบสนองความต้องการเหล่านั้น

 

ที่มา : CNN , coca-cola

 

]]>
1290955
ศึกน้ำดำเร่งโต! “เป๊ปซี่” เสริมพอร์ตรสชาติ LIME สาดมาร์เก็ตติ้งแคมเปญปลุกตลาด https://positioningmag.com/1243988 Mon, 26 Aug 2019 12:26:57 +0000 https://positioningmag.com/?p=1243988 ปี 2561 ตลาดเครื่องดื่มมีมูลค่า 154,000 ล้านบาท เป็นน้ำอัดลม 50,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้มีน้ำโคล่า (น้ำดำ) ใหญ่สุด มูลค่า 35,000 ล้านบาท เติบโต 1.6% ถือเป็นตัวเลขโตต่ำ จากภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อชะลอตัว จากก่อนหน้าที่โตได้ 3% 

ตลาดน้ำดำตั้งแต่ซัมเมอร์ปีนี้ เริ่มกลับมาจัดแคมเปญการตลาด โปรโมชั่น ปั้นสินค้าใหม่เติมพอร์ตกันอีกครั้ง หวังกระตุ้นตลาดกลับมาคึกคัก

ลัดดาวรรณ เลิศวศิน ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด เครื่องดื่มเป๊ปซี่ บริษัท เป๊ปซี่โค เซอร์วิสเซส เอเชีย จำกัด กล่าวว่า หลังจากต้นปีที่ผ่านมาได้เปิดตัวรสชาติใหม่ “เป๊ปซี่แมกซ์เทสต์ กลิ่นราสเบอร์รี” ซึ่งผู้บริโภคตอบรับดี ทำให้ครึ่งปีแรกตลาดโคล่ากลุ่มไม่มีน้ำตาลเติบโตกว่า 50% ซึ่งเป๊ปซี่สามารถเติบโตได้สูงกว่าตลาด

ดังนั้นกลยุทธ์สร้างการเติบโตในกลุ่มน้ำดำ ได้เติมพอร์ตโฟลิโอสินค้าด้วยรสชาติใหม่ “เป๊ปซี่ กลิ่นไลม์” (Pepsi LIME Flavor) จากการวิจัยกลุ่มตัวอย่างทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดพบว่า 94% ของกลุ่มตัวอย่างชื่นชอบรสชาติ และ 90% ต้องการซื้อเพื่อบริโภค

จัดเต็ม 4 มาร์เก็ตติ้งแคมเปญ

กลยุทธ์การตลาด “เป๊ปซี่ กลิ่นไลม์” ใช้งบประมาณ 250 ล้านบาท ทำตลาดช่วงไตรมาสสุดท้าย ด้วยการ 4 แคมเปญ สร้างสีสันให้ตลาดน้ำดำ

1. การตลาดแบบครบวงจร 360 องศา ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ด้วยภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ พรีเซ็นเตอร์หนุ่มมาดนิ่งขวัญใจวัยรุ่น The Toys รวมทั้งกิจกรรมดิจิทัลแพลตฟอร์ม สื่อ ณ จุดขายและในร้านค้า รวมทั้งใช้สื่อโฆษณานอกบ้านแบบ Tailor-Made แนะนำร้านอาหารที่เสิร์ฟคู่กับเป๊ปซี่ กลิ่นไลม์

2. อัดโปรโมชั่น “ฟู้ด เดลิเวอรี่” โดยร่วมมือกับ “แกร็บฟู้ด” จัดฟู้ดแคมเปญใหญ่ บนแอปพลิเคชั่น อาทิ เมนูเอ็กซ์คลูซีฟ ส่วนลดและโปรโมชั่นต่างๆ 3 เดือน ตั้งแต่เดือน ส.ค. – ต.ค. นี้

3. Connect Online to Offline สร้างเอนเกจเมนต์กับผู้บริโภคผ่านดิจิทัลคอนเทนต์สู่กิจกรรมออนกราวด์ กับ “เชฟป้อม-หม่อมหลวงขวัญทิพย์ เทวกุล” และ “ป๋อมแป๋ม” พิธีกรรายการทีวีพาชิมร้านดังจากเป๊ปซี่ เดือน ต.ค. – พ.ย. นี้

4. แจก Sampling ทั่วไทย เดินสายคาราวาน 30 จังหวัดทั่วไทย เสิร์ฟ แจกฟรี “เป๊ปซี่ กลิ่นไลม์” กว่า 1.5 ล้านเสิร์ฟ รวมทั้งแจกตัวอย่างผ่านตู้อินเตอร์แอคทีฟ เวนดิ้งแมชชีน ณ จุดแลนด์มาร์คต่างๆ ระหว่างวันที่ 1 – 15 ก.ย. 2562

]]>
1243988
รักษ์โลกขั้นใหม่! Pepsi เดินตาม Coca-Cola ลาออกจากกลุ่ม lobbying ต้านแบนพลาสติก https://positioningmag.com/1241524 Wed, 07 Aug 2019 00:55:45 +0000 https://positioningmag.com/?p=1241524 2 บริษัทเครื่องดื่มน้ำดำรายใหญ่ที่สุดในตลาดกำลังก้าวหน้าไปอีกขั้นเพื่อเป้าหมายเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยทั้ง Coca-Cola และ PepsiCo ประกาศชัดเจนว่าจะลาออกจากกลุ่ม Plastic Industry Association ซึ่งเป็นกลุ่มยักษ์ใหญ่ lobbying group ที่เน้นวิ่งเต้นเพื่อต่อต้านการแบนพลาสติกให้กับสมาคมและกลุ่มธุรกิจที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมพลาสติก ยืนยันการลาออกครั้งนี้เป็นเพราะความแตกต่างทางความคิดที่ขัดแย้งกับสิ่งที่ทั้ง Coca-Cola และ PepsiCo ต้องการจะเดินไปในอนาคต ท่ามกลางรูปการณ์ที่ชี้ว่าทั้งคู่ลาออกช้าเกินไป?

ที่ผ่านมา Coca-Cola และ PepsiCo แสดงตัวว่ากำลังดำเนินการเพื่อลดกำลังการผลิตขวดพลาสติกอย่างจริงจัง ขณะเดียวกันก็มีความพยายามหันไปใช้พลาสติกรีไซเคิลมากขึ้น แต่สมาคมอุตสาหกรรมพลาสติก หรือ Plastic Industry Association กลับมีเป้าหมายเพื่อ lobby หรือชักชวนให้รัฐบาลล้มเลิกการสั่งแบนพลาสติก ความสวนทางนี้ทำให้ Coca-Cola ชิงลาออกจากกลุ่มตั้งแต่ต้นปี บนความรู้สึกว่าจุดยืนของสมาคมไม่สอดคล้องกับภาระผูกพันและเป้าหมายของ Coca-Cola อย่างเต็มที่” ตามข้อความในแถลงการณ์ของบริษัทเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

เช่นเดียวกับ PepsiCo ที่กำลังพิจารณาว่าจะลาออกจากสมาคม Plastic Industry Association ในไม่กี่เดือนนับจากนี้ โดยให้เหตุผลกับสำนักข่าว CNN ว่า PepsiCo ไม่ได้มีส่วนร่วมในการผลักดันนโยบายของสมาคมหรือบริษัทในเครือของสมาคมนี้ และจะมีการสรุปแนวทางการเป็นสมาชิกสมาคมพลาสติกในช่วงปลายปี

รักษ์โลกให้ชัดขึ้น

การประกาศลาออกจากสมาคม Plastic Industry Association ครั้งนี้ถูกมองว่าเกิดขึ้นเมื่อทั้ง 2 แบรนด์กำลังมองหาวิธีลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ท่ามกลางความกดดันของปัญหาขยะล้นโลกที่รุนแรงมากขึ้นทุกที ปัญหาคือไม่ว่าทั้ง 2 แบรนด์จะประกาศพันธกิจหรูเลิศเพียงใด ก็จะมีเสียงวิจารณ์ว่ายังทำได้ไม่ดีพอสำหรับการรับผิดชอบต่อขยะที่ทั้งคู่สร้างขึ้น

ยกตัวอย่างในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา Pepsi ได้ประกาศว่าจะเริ่มขายเครื่องดื่มแบรนด์ Aquafina ในกระป๋อง ไม่ใช่ขวดพลาสติก และกำลังทดสอบระบบทำน้ำเย็นคุณภาพสูงเทคโนโลยีใหม่ที่จะลดโลกร้อนได้ชัดเจนกว่าเดิม ด้าน Coca-Cola นั้นประกาศความมุ่งมั่นที่จะผลิตสินค้าจากวัสดุรีไซเคิลอย่างน้อย 50% ภายใน 11 ปีข้างหน้า และวางเป้าหมายรีไซเคิลขวด Coca-Cola ทุกขวดที่วางจำหน่ายไปทั่วโลกให้ได้ 

ถึงกระนั้น ทั้ง 2 แบรนด์ก็ถูกวิจารณ์ว่าวางเป้าหมายเรื่องรักษ์โลกไว้ไม่เพียงพอ เพราะรายงานล่าสุดของมูลนิธิ Ellen MacArthur Foundation พบว่า Coca-Cola ผลิตขวดและฝาพลาสติกหนักกว่า 3.3 ล้านตันในปี 2017 ส่งผลให้ช่วงเดือนมิถุนายน 2019 กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่าง Greenpeace ออกมาวิจารณ์อย่างเผ็ดร้อนว่าความพยายามรีไซเคิลของ Coca-Cola นั้นน้อยเกินไป

ช้าเกินไปไหม?

การที่ Coca-Cola ประกาศลาออกจากกลุ่ม lobbying ครั้งนี้อาจเกิดขึ้นช้าเกินไป เพราะที่ผ่านมา Greenpeace พร้อมด้วยนักลงทุนและองค์กรอื่นได้เรียกร้องให้ทั้ง PepsiCo และ Coca-Cola ออกมายกเลิกกระบวนการ “secretive lobbying” หรือการ lobby แบบลับเพื่อยกเลิกกฏหมายสั่งแบนพลาสติกของสมาคม Plastic Industry Association ซึ่งที่ผ่านมา สมาคมต้องผนึกกลุ่มแนวร่วมมากมายเพื่อทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่และผลักดันสมาชิกสภานิติบัญญัติของรัฐเพื่อขวางกฎหมายสั่งแบนพลาสติกทั่วสหรัฐอเมริกาอย่างถึงที่สุด โดยขณะนี้ มี 15 รัฐที่มีประชากรรวมกัน 88 ล้านคนที่ผ่านกฎหมายว่าด้วยการป้องกันมลพิษจากพลาสติกแล้วเรียบร้อย

นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมจำนวนมากจึงพร้อมใจออกมาประกาศว่าถึงเวลาแล้วสำหรับบริษัทที่อ้างว่าใส่ใจการลดมลพิษจากพลาสติกที่จะต้องยืนขึ้นและปฏิเสธการ lobby ของสมาคมอุตสาหกรรมพลาสติก เพื่อลดจำนวนถุงพลาสติกในท้องถิ่นและจัดระเบียบกฎหมายภาชนะบรรจุต่อไปในระยะยาว

การประกาศครั้งนี้จึงไม่ได้ทำให้ภาพลักษณ์ของ Coca-Cola ดีขึ้นชัดเจน แต่กลับสะท้อนว่า Coca-Cola กำลังถูกตีแผ่แง่มุมมืดแบบลึกซึ้งกว่าเดิม ก่อนหน้านี้ Coca-Cola ยังตกเป็นข่าวอื้อฉาวเพราะมีรายงานข่าวระบุว่า Coca-Cola เกี่ยวข้องกับการทารุณสัตว์ผ่าน 1 ในซัปพลายเออร์ผลิตภัณฑ์นมหลายรายที่บริษัทดีลด้วย รายงานระบุว่า Coca-Cola ออกทุนให้มีการทำวิจัยด้านสุขภาพ ที่มีข้อกำหนดว่าบริษัทสามารถกำจัดผลการวิจัยที่ไม่ต้องการได้ ซึ่งข่าวนี้ Coca-Cola ยังไม่อาจแก้ต่างได้แบบหมดจด.

Source

]]>
1241524
Pepsi ล้มแผนโฆษณาบน “อวกาศ” https://positioningmag.com/1225549 Fri, 19 Apr 2019 11:55:45 +0000 https://positioningmag.com/?p=1225549
(Image: © StartRocket)

Pepsi เจ้าพ่อซอฟต์ดริงค์รายใหญ่ของโลกประกาศล้มเลิกแผนการโฆษณาผลิตภัณฑ์ของตัวเองในอวกาศผ่านบริษัทสตาร์ทอัปรัสเซีย การตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงเสียงวิจารณ์จากสาธารณชนที่มองว่าการใช้บิลบอร์ดอวกาศนั้นเป็นกลยุทธ์ที่ไม่ยุติธรรมกับคู่แข่งทั่วโลก

ย้อนไปเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักข่าว Futurism ตีพิมพ์ว่าบริษัทลูกของ PepsiCo ในรัสเซียกำลังทำงานกับบริษัท StartRocket สตาร์ทอัปที่ระบุว่าจะส่งแคปซูลดาวเทียมขึ้นไปยิงโลโก้สินค้าบนท้องฟ้า เพื่อให้ผู้คนบนโลกได้มองเห็นแบบไม่ต้องสวมแว่นใดๆ รายงานระบุว่าความร่วมมือนี้เกิดขึ้นเพื่อทำแคมเปญโฆษณาเครื่องดื่มเสริมพลังงานชื่อ “Adrenaline Rush” 

รายงานลงรายละเอียดว่าความพิเศษของโครงการนี้คือการใช้กลุ่มดาวเทียมขนาดเล็กบินไปเพื่อสะท้อนแสงอาทิตย์ด้วยอะลูมิเนียมเคลือบสาร Mylar เพื่อสร้างโลโก้หรือข้อความโฆษณาอื่น ที่มองเห็นได้จากพื้นดินในช่วงเวลาฟ้ามืด คือหลังจากพระอาทิตย์ตกดินถึงก่อนพระอาทิตย์ขึ้น

หลักการนี้จะทำให้ท้องฟ้าไม่ได้มีแต่พระจันทร์และดวงดาวเท่านั้น เพราะภาพประกอบหนึ่งบนเว็บไซต์ของ StartRocket แสดงว่า โลโก้ของเครื่องดื่มสามารถปรากฏบนท้องฟ้ายามค่ำคืนเหนือเมืองได้ชัดเจน แถม StartRocket ยังมั่นใจว่าในอวกาศจะต้องสวยงามด้วยโลโก้แบรนด์บนท้องฟ้าที่ทำให้ทุกคนทุกเพศทุกวัยประหลาดใจในทุกคืน

เก๋เกินไป?

Olga Mangova โฆษกของ PepsiCo Russia กล่าวกับสำนักข่าว Futurism ว่าบริษัทได้ตกลงร่วมมือกับ StartRocket เพื่อทำแคมเปญโฆษณาในวงโคจรอวกาศ จุดนี้ผู้บริหาร PepsiCo Russia เรียกรูปแบบการแสดงโฆษณาพันธุ์ใหม่ว่า Orbital billboards พร้อมกับยกให้ Orbital billboards เป็นป้ายโฆษณาที่ปฏิวัติตลาดการสื่อสารยุคใหม่ แต่สำนักงานใหญ่ของ PepsiCo ในสหรัฐอเมริกาได้ล้มเลิกความคิดนี้เรียบร้อยแล้ว

โฆษกของ PepsiCo Russia ยอมรับว่าบริษัทได้ร่วมทดลองกับ StartRocket ทำการทดสอบเชิงสำรวจสำหรับการทำโฆษณาในชั้นบรรยากาศสตราโตสเฟียร์ (stratosphere) โดยใช้โลโก้ของเครื่องดื่ม Adrenaline GameChangers แต่การทดสอบนี้เป็นอีเวนต์หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งเดียว ซึ่งบริษัทไม่มีแผนที่จะทดสอบหรือใช้เทคโนโลยีนี้ในเชิงพาณิชย์อีกต่อไปนับตั้งแต่นี้

เบื้องต้น PepsiCo Russia ไม่ได้อธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับการทดสอบ “stratosphere advertisements” หรือการโฆษณาในชั้นสตราโตสเฟียร์ แต่คาดว่าจะเกี่ยวข้องกับการทดสอบเทคโนโลยีบอลลูนเพดานบินสูงที่ StartRocket วางแผนจะดำเนินการในเดือนเมษายน โดยจะมีการร่วมมือกับสถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี Skolkovo ของรัสเซีย ซึ่งรู้จักกันดีในชื่อ Skoltech

สำหรับ StartRocket นั้นเป็นบริษัทน้องใหม่ที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อ 1 ปีที่ผ่านมา และยังไม่ได้สิทธิ์ใช้งานดาวเทียมใด ในวงโคจร เรื่องราวของ StartRocket จึงไม่ชัดเจนทั้งในแง่เงินทุนและเทคโนโลยีที่จำเป็นในการขยายธุรกิจ ซึ่ง StartRocket แจ้งในเอกสารว่ากำลังดำเนินการเพื่อระดมทุนรอบใหม่มูลค่า 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ไม่ใช่เรื่องใหม่

แนวคิดการยิงโฆษณาจากอวกาศในลักษณะที่มองเห็นได้จากพื้นดินไม่ใช่แนวคิดใหม่ แต่ยังไม่เคยมีการดำเนินการใดมาก่อนหน้านี้ ครั้งนั้นบริษัทสัญชาติอเมริกันก็เริ่มจุดประกายแนวคิดนี้ในช่วงต้นปี 1990 ผ่านบริษัทชื่อ Space Marketing Inc. แต่แนวคิดทั้งหมดก็ถูกคัดค้านและไม่มีการสานต่อนับตั้งแต่นั้น

ตามกฎหมายของหลายประเทศรวมถึงสหรัฐอเมริกา นั้นมีการจำกัดไม่ให้มีการโฆษณาในอวกาศที่ล่วงล้ำซึ่งหมายถึงการโฆษณาในอวกาศที่มนุษย์สามารถมองเห็นได้โดยไม่ต้องใช้กล้องโทรทรรศน์หรืออุปกรณ์เทคโนโลยีอื่น ที่ผ่านมา แบรนด์จึงทำได้เพียงติดโลโก้ไว้ด้านข้างของจรวด หรือสถานีฐานสำหรับปล่อยตัว รวมถึงยานอวกาศ

การบัญญัติกฎที่เกี่ยวข้องกับการโฆษณาบนอวกาศนั้นถือเป็นการป้องกันการก่อกวนของท้องฟ้ายามค่ำคืน ซึ่งแม้แต่กรณีของดาวเทียม นักดาราศาสตร์ยังว่าเป็นสิ่งแปลกปลอมที่มนุษยชาติต้องควบคุมให้ดี เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบแง่ลบตามมาแบบไม่ทันตั้งตัว.

ที่มา

]]>
1225549
เป๊ปซี่ ส่งรสชาติใหม่ “กลิ่นราสเบอร์รี” เขย่าตลาดน้ำอัดลม เล็งเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่-ทางเลือกของคนรักสุขภาพ รับตลาดชูการ์ฟรีโตกว่า 50% https://positioningmag.com/1218362 Thu, 07 Mar 2019 03:48:39 +0000 https://positioningmag.com/?p=1218362 เครื่องดื่ม “เป๊ปซี่” โดย บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด เดินเกมรุกต่อเนื่อง ส่งผลิตภัณฑ์ใหม่เขย่าตลาดเครื่องดื่ม 0 แคลอรี เอาใจคนรักสุขภาพด้วยการเปิดตัว “เป๊ปซี่แมกซ์เทสต์ กลิ่นราสเบอร์รี” ครั้งแรกของประเทศไทย! กับเครื่องดื่มเป๊ปซี่ในสูตรไร้น้ำตาลที่ผสานความหอมสดชื่นจากกลิ่นราสเบอร์รีอย่างลงตัว รับตลาดซูการ์ฟรีเติบโตต่อเนื่องกว่า 50% เล็งชิงส่วนแบ่งการตลาด พร้อมตั้งเป้าสร้างการเติบโตของพอร์ตโฟลิโอเครื่องดื่มในกลุ่มนี้แบบก้าวกระโดด

นางลัดดาวรรณ เลิศวศิน ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด เครื่องดื่มเป๊ปซี่ บริษัท เป๊ปซี่โค เซอร์วิสเซส เอเชีย จำกัด กล่าวว่า “สำหรับในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ นอกจากเป๊ปซี่จะส่งแคมเปญใหญ่ ‘เป๊ปซี่ซ่า…สุดทุกดนตรี’ เพื่อต้อนรับหน้าขายในช่วงซัมเมอร์แล้ว เรายังตอกย้ำความเป็นผู้นำเทรนด์ด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดในกลุ่มชูการ์ฟรี (Sugar-free) หรือเครื่องดื่มน้ำอัดลมปราศจากน้ำตาลที่มาพร้อมกลิ่นราสเบอร์รีกับ ‘เป๊ปซี่แมกซ์เทสต์ กลิ่นราสเบอร์รี’ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่มีการส่งนวัตกรรมใหม่ที่เป็นน้ำอัดลมเพื่อเจาะตลาดนี้ ตอบรับเทรนด์ของผู้บริโภครุ่นใหม่ที่ใส่ใจผลิตภัณฑ์ทางเลือกเพื่อสุขภาพและหันหาให้ความนิยมกับเครื่องดื่มกลุ่มนี้มากขึ้น”

ในปี 2561 ที่ผ่านมา ตลาดเครื่องดื่มโคล่าในกลุ่มปราศจากน้ำตาลมีมูลค่าสูงถึง 1.8 พันล้านบาท โดยมีอัตราการเติบโตที่สูง 54% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า อันเป็นผลมาจากการรุกทำตลาดของผู้เล่นหลักเพื่อตอบสนองเทรนด์ของผู้บริโภคและขานรับต่อนโยบายของรัฐบาลในด้านการส่งเสริมทางเลือกเพื่อสุขภาพ โดยเป๊ปซี่เองได้ส่งแคมเปญการตลาดสำหรับเครื่องดื่มเป๊ปซี่แม็กเทสต์มาสร้างสีสันให้กับตลาดในช่วงครึ่งปีหลัง โดยชูจุดขาย “อร่อยซ่าเต็มที่…ไม่มีน้ำตาล” พร้อมจัดเต็มด้วยสื่อและกิจกรรมการตลาดแบบ 360 องศา ทั้งยังได้ออกภาพยนตร์โฆษณาเป็นครั้งแรกในรอบทศวรรษ ควบคู่ไปกับการแจกสินค้าทดลองชิม เพื่อสร้างการรับรู้และกระตุ้นให้คนรุ่นใหม่หันมาลองเครื่องดื่มโคล่าแบบปราศจากน้ำตาลมากขึ้น

“สำหรับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์เป๊ปซี่แมกซ์เทสต์ กลิ่นราสเบอร์รีในประเทศไทยครั้งนี้ ถือเป็นประเทศที่สองในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หลังประสบความสำเร็จอย่างมากในประเทศออสเตรเลียเมื่อปีที่แล้ว มีให้เลือก 2 ขนาด คือ 245 มล. ในรูปแบบสลิมแคน และขนาด 440 มล. ในขวดพีอีที โดยเริ่มวางจำหน่ายแล้วในร้านสะดวกซื้อตั้งแต่ช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และทยอยกระจายสินค้าไปยังช่องทางต่างๆ ทั้งร้านค้าปลีก-ส่ง ซูเปอร์มาร์เก็ต และห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ”

ในด้านการตลาด เป๊ปซี่ เตรียมจัดเต็มกิจกรรมการตลาดแบบอะโบฟเดอะไลน์เพื่อโปรโมตเป๊ปซี่แมกซ์เทสต์ กลิ่นราสเบอร์รีให้เป็นที่รับรู้ในวงกว้างช่วงครึ่งปีแรก โดยส่งภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ที่ได้ “ต้าเหนิง – กัญญาวีร์ สองเมือง” นักแสดงวัยรุ่นที่มีความเป็นผู้นำเทรนด์ในด้านแฟชั่นและเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่มาร่วมเป็นพรีเซนเตอร์ในแคมเปญนี้ ซึ่งเริ่มออกอากาศตั้งแต่วันที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ควบคู่ไปกับการใช้สื่อสนับสนุนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น สื่อโฆษณากลางแจ้ง สื่อโฆษณาเคลื่อนที่ สื่อในโรงภาพยนตร์ สื่อ ณ จุดขายและในร้านค้า พร้อมเสริมทัพด้วยสื่อออนไลน์เพื่อสร้างคอนเน็คชันกับวัยรุ่นในทุกแพลตฟอร์มทั้ง Facebook Instagram Twitter YouTube และ Line นอกจากนี้ ยังจัดกิจกรรมบีโลว์เดอะไลน์ ทั้งการแจกสินค้าทดลองชิมเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากกว่า 500,000 คน และการสร้างประสบการณ์ร่วมกับผู้บริโภคผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 ทั้งรูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัสในกิจกรรม “Pepsi Max Taste Raspberry Sensory Experience” ณ ลานเซ็นเตอร์พอยท์ ออฟ สยามสแควร์ ระหว่างวันที่ 12 – 18 มีนาคมนี้

“หลังเปิดตัวเป๊ปซี่แมกซ์เทสต์ กลิ่นราสเบอร์รีได้เพียงไม่ถึงเดือน เราได้รับกระแสตอบรับที่ดีมากจากผู้บริโภค ซึ่งถูกใจในรสชาติที่มาพร้อมความอร่อยซ่าและที่สำคัญคือไม่มีน้ำตาล ทั้งนี้ เรามั่นใจว่าการเปิดตัวสินค้าใหม่ในครั้งนี้จะช่วยขยายตลาดให้เครื่องดื่มปราศจากน้ำตาลสามารถเติบโตอย่างต่อเนื่องแบบดับเบิล จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนประมาณ 5% ของตลาดรวม ให้กลายเป็น 10% ได้ภายในปีนี้”

สัมผัสเทรนด์ใหม่แห่งความอร่อยซ่าเต็มที่…ไม่มีน้ำตาลของ “เป๊ปซี่แมกซ์เทสต์ กลิ่นราสเบอร์รี” ได้แล้ววันนี้ ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง Facebook: PepsiThai และ LINE Official Account: PepsiThai

]]>
1218362
เป๊ปซี่ เทงบ 250 ล้าน จับ 4 ศิลปิน 4 แนว ฟีเจอริ่ง ปั้น “บทเพลง” ฤดูร้อน สู้ศึกน้ำดำซัมเมอร์  https://positioningmag.com/1215874 Fri, 22 Feb 2019 09:41:08 +0000 https://positioningmag.com/?p=1215874 คล้อยหลังกรมอุตุนิยมวิทยาเพิ่งประกาศให้เมืองไทยเข้าสู่ “หน้าร้อน” อย่างเป็นทางการได้เพียงวันเดียว สงครามแคมเปญ “น้ำอัดลมน้ำดำ” ก็สาดขึ้นทันที โดยเปิดเกมด้วย “เป๊ปซี่” ใช้งบการตลาดถึง 250 ล้านบาทสำหรับโปรโมตแคมเปญใหญ่ “เป๊ปซี่ ซ่า…สุดทุกดนตรี” (Pepsi Music 2019)

จะว่าไป มิวสิก มาร์เก็ตติ้ง” ไม่ได้เป็นเรื่องใหม่สำหรับสงครามน้ำดำ เพราะอย่างที่รู้การจะขายน้ำอัดลมได้นั้นนอกจากหวังให้ อากาศร้อน ซึ่งช่วง 2-3 ปีมานี้อากาศมักไม่ค่อยเป็นใจเท่าไหร่ ฝนตกตั้งแต่ต้นปีก็ต้องกระตุ้นด้วย แคมเปญอีโมชันนอล” เพื่อให้ผู้บริโภคมีอารมณ์ อยากกิน ขึ้นมา

เพลง จึงถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือทรงพลังที่กระตุ้นได้เป็นอย่างดี สมชัย เกตุชัยโกศล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดกลุ่มธุรกิจเครื่องดื่ม บริษัท เป๊ปซี่โค เซอร์วิสเซส เอเชีย จำกัด ขยายความเพิ่มว่า ที่เลือกเพลงเป็นหัวหอกสำหรับแคมเปญหน้าร้อนเพราะเพลงหรือดนตรีเข้าถึงกลุ่มคนได้วงกว้าง ไม่ว่าจะอายุ เพศ การศึกษา หรือรายได้แค่ไหน

ถึงจะเข้าถึงคนได้ทุกกลุ่มแต่เป้าหมายหลักที่เป๊ปซี่ต้องการสื่อสารถึงคือกลุ่มคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นอายุระหว่าง 17 – 22 ปี ซึ่งหากบิ้วแบรนด์ให้กับพวกเขาได้ก็จะอยู่กับเป๊ปซี่ในระยะยาวเลย

แต่จู่ๆ จะหยิบเพลงขึ้นมาคู่กับแบรนด์เฉยๆ อาจจะธรรมดาไป สมชัย” บอกว่าได้แคมเปญนี้วางตามเทรนด์ดนตรี 4 ข้อที่เห็นชัดในปัจจุบัน คือ

1. การที่ศิลปินต่างแนวดนตรีมาทำเพลงด้วยกันหรือที่เรียกว่า ฟีเจอริ่ง (Featuring/Feat./Ft.),

2. แนวเพลง EDM ไม่ใช่นิชมาร์เก็ตอีกแล้วย้อนกลับไปเมื่อ 4-5 ปีก่อน EDM จะรู้จักแค่คนในกรุงเทพฯ แต่วันนี้คนต่างจังหวัดเริ่มรู้จัก

3. เพลงฮิปฮอป/แร็ปในอดีตเป็นกลุ่มเฉพาะกลุ่มที่หาฟังได้ค่อนข้างยากหากนับตั้งแต่ปีที่ผ่านมาการมีรายการอย่าง Show me the money Thailand และ The Rapper Thailand ทำให้ศิลปินเพลงเหล่านี้เป็นที่รู้จักมากขึ้น และแจ้งเกิดศิลปินหน้าใหม่ได้หลายคน

4. การมีประสบการณ์ร่วมในดนตรีคนรุ่นใหม่ไม่เหนียมอายที่จะร้องคาราโอเกะอัดและแชร์ไปให้คนอื่นที่ไม่ใช่แค่เพื่อนเท่านั้นที่ชม

กลายเป็นที่มาของการจับศิลปินถึง 4 คน 4 แนวเพลงมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ร่วมกันและร้องเพลง รอไร ที่แต่งขึ้นมาสำหรับแคมเปญโดยเฉพาะได้แก่ เดอะทอยส์ ศิลปินหน้าใหม่ตัวแทนเพลงป๊อปที่โด่งดังอย่างมากในกลุ่มวัยรุ่น, บูมบูมแคช หนึ่งในวงต้นๆ ที่ทำเพลง EDM มาตั้งแต่สมัยที่ยังไม่ดัง, กอล์ฟฟักกลิ้งฮีโร่” นักร้องเพลงแร็พที่มีการทำเพลงร่วมกับศิลปินอื่นมามากถึง120 เพลง

ที่น่าสนใจที่สุดคือการเลือก จินตหรา พูนลาภ มาเป็นตัวแทนของเพลงลูกทุ่ง เป๊ปซี่ให้เหตุผลที่เลือกจินตหราเป็นเพราะเธอเป็นราชินีหมอลำ ซึ่งรู้จักกันดีของคนทั่วไปประเทศ โดยเฉพาะการออกเพลง เต่างอย ทำสถิติยอดวิวใน Youtube กว่า 100 ล้านวิว

นัยของการเลือก จินตหรา” ไม่ได้มีเพียงป็นศิปปินชื่อดังเท่านั้น แต่เป๊ปซี่ต้องการใช้ จินตหรา ในการเจาะ ภาคอีสาน ซึ่งเป๊ปซี่ได้พยายามเข้าถึงให้มากขึ้นมา 3 ปี เพราะถือเป็นภาคที่มีประชากรมากที่สุดถึง 21 ล้านคนจากประชากรทั้งประเทศ 65 ล้านคน

นอกเหนือจากการทำสื่อให้เป็นภาษาท้องถิ่นแล้วนั้นเป๊ปซี่ยังได้เข้าไปเป็นสปอนเซอร์หลักงาน “Wonder Waterland @ UD Town” อุดรธานีอีกเพียง 1 งานนอกเหนือจาก S2O ที่สนับสนุนมาตั้งแต่ปีแรกแล้ว

รวมไปถึงการจับมือกับ ป๋าเต็ดยุทธนา บุญอ้อม เจ้าพ่อเทศกาลดนตรีจัดจัดมิวสิกอีเวนต์ในธีม “Pepsi Unexpected Music Experience” ใน 3 จังหวัดคือกรุงเทพฯอุดรธานี และนครราชสีมา ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่าเป๊ปซี่ให้ความสำคัญกับภาคอีสานมากแค่ไหน

ขณะเดียวกัน เป็นประจำทุกปีที่เป๊ปซี่จะออกตัวแพ็กเกจจิ้งใหม่ครั้งนี้ใช้รุ่น “เป๊ปซี่มิวสิก ลิมิเต็ดเอดิชั่น” มี4 ลายที่สะท้อน 4 แนวดนตรีผ่านลวดลายกราฟิก “สมชัย” อธิบายว่าถึงการออกแพ็กเกจจิ้งลิมิเต็ดเอดิชั่นจะไม่ได้มีผลที่สะท้อนไปถึงยอดขายมากนัก แต่ก็ต้องทำเพื่อสร้างความแปลกใหม่ แบรนด์ไม่หยุดนิ่ง ทั้งยังมีผู้บริโภคกลุ่มหนึ่งที่เก็บสะสมกระป๋องด้วย

นอกจากนี้ในปีที่ผ่านมาเป๊ปซี่ได้พยายามพาแบรนด์สู่ความเป็นไลฟ์สไตล์เพื่อผูกไปกับการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ ผ่านการ Collaboration with Local Brand ปีที่แล้วร่วมมือกับ เกรย์ฮาวด์” แบรนด์แฟชั่นของไทย แต่ปีนี้ได้หันไปร่วมมือกัน “ฟิลา” (FILA) แบรนด์สปอร์ตแฟชั่นสัญชาติเกาหลีทำคอลเลกชั่นพิเศษ “PEPSI X FILA” ออกแบบในโทสสีสีน้ำเงิน ขาว และแดง ซึ่งเป็นสีของแบรนด์ ทั้งคู่มี 60 ไอเท็ม เริ่มวางจำหน่าย 1 มีนาคม

“การทำเสื้อผ้าร่วมกันเป๊ปซี่ไม่ได้ตีออกมาเป็นเม็ดเงิน เพราะเป๊ปซี่ไม่ได้ส่วนแบ่งจากการขาย แต่สิ่งที่มากกว่านั้นคือการสามารถนำแบรนด์เข้าไปหากลุ่มเป้าหมายที่ชื่นชอบสินค้าแฟชั่นได้”

สำหรับภาพรวมของตลาดน้ำอัดลมในเมืองไทย แม้สภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงชะลอตัว ส่งผลต่อการเติบโตของตลาดเครื่องดื่มโดยรวม แต่ตลาดเครื่องดื่มน้ำอัดลมถือเป็นหนึ่งในสามแคตทะกอรีหลัก ที่มีการเติบโตสูงที่สุดรองจากตลาดน้ำดื่ม

ข้อมูลจากเดอะนีลเส็น คอมปะนี (ประเทศไทย) ระบุว่ามีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 50,000 ล้านบาท และยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยอัตรา 1.6% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ในขณะที่เครื่องดื่มโคล่าหรือตลาดน้ำดำ มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 35,000 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 1.6%

ด้านผลงานของเป๊ปซี่มีอัตราการเติบโตของยอดขายที่สูงกว่าตลาดรวม โดยยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดน้ำดำอันดับหนึ่งในบรรจุภัณฑ์แบบไม่ต้องคืนขวด (คือทั้งขวดพีอีทีและกระป๋อง) ด้วยส่วนแบ่งการตลาดที่มากกว่า 45% แต่ถ้านับตลาดรวมเป๊ปซี่เป็นเบอร์ 3 ซึ่งสามารถแซงขึ้นมาจากเบอร์ 4 ได้ราว 2 ปีแล้ว

Next Step ถัดไปคือการไต่ขึ้นเป็นเบอร์ 2 และภาพใหญ่ที่ต้องการเป็นเบอร์ 1 ซึ่งเป๊ปซี่เองก็ยังตอบไม่ได้ว่าจะใช้เวลาเท่าไหร่เหมือนกัน.

]]>
1215874
สนีกเกอร์ ลูกผสม กลยุทธ์ โคแบรนด์ เป๊ปซี่-พูม่า https://positioningmag.com/1194214 Wed, 24 Oct 2018 12:02:31 +0000 https://positioningmag.com/?p=1194214 นับเป็นอีกเคสของการร่วมมือระหว่างแบรนด์ดัง เป๊ปซี่ จับมือ co-branding กับ PUMA แบรนด์สนีกเกอร์และเครื่องแต่งกาย เพือร่วมออกแบบคอลเลกชั่นพิเศษ ‘PEPSI x Suede 50 PUMA ในโอกาสครบรอบ Puma Suede สนีกเกอร์รุ่นคลาสสิก

สมชัย เกตุชัยโกศล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด กลุ่มธุรกิจเครื่องดื่ม บริษัท เป๊ปซี่โค เซอร์วิสเซส เอเชีย จำกัด กล่าวว่า กลยุทธ์สำคัญของเป๊ปซี่ในการสร้างแบรนด์ให้ฝังรากลึก มีอิทธิพลต่อผู้คนทั่วโลก คือ การเชื่อมเข้ากับดนตรีและวัฒนธรรมป็อปอย่างเหนียวแน่นมายาวนานถึง 120 ทั้งในกลุ่มนักกีฬา ป็อปไอคอน และนักดนตรีทั่วโลก

เช่นเดียวกับ Puma Suede แบรนด์สนีกเกอร์สำหรับทุกยุคทุกสมัย ที่ได้มาร่วมมือกันออกคอลเลกชั่น PEPSI x Suede 50 PUMAถือการบรรจบกันของแบรนด์คลาสิกได้มาร่วมมือกันในโอกาสครบรอบ 50 ปีของ Puma Suede

สำหรับในเมืองไทยนั้น จะวางขาย ‘PEPSI x Suede 50 PUMA’ 2 สี Clean Blue-Puma Silver (น้ำเงิน-เงิน) และ Puma Black-Puma Silver (ดำ-เงิน) ในราคา 4,499 บาท ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป (จนกว่าสินค้าจะหมด)

การจับมือโคแบรนด์ในครั้งนี้ ถือว่า วิน-วิน ของทั้งพูม่าและเป๊ปซี่ โดยพูม่านั้นต้องการกลับมาทำตลาด และอยู่ในใจกลุ่มคนรุ่นใหม่อีกครั้ง ในขณะที่เป๊ปซี่เอง ต้องการเชื่อมแบรนด์เข้ากับวัฒนธรรมป็อป เพื่อให้แบรนด์คงอยู่ในใจผู้บริโภค

นอกจากพูม่าที่ก่อนหน้านี้เคย co-branding กับทางเกรย์ฮาวด์ ออกคอลเลกชั่นเสื้อผ้าลายเป๊ปซี่วางขายมาแล้ว

]]>
1194214