เเบรนด์ดังเเห่หยุดทำธุรกิจในรัสเซีย ‘Nike – IKEA’ ปิดสาขาชั่วคราว หลังซัพพลายเชนชะงัก

Photo : Shutterstock
Nike เเบรนด์กีฬายักษ์ใหญ่เเละ IKEA แบรนด์เฟอร์นิเจอร์ชื่อดัง ประกาศปิดสาขาในรัสเซียชั่วคราว หลังเกิดข้อจำกัดทางการค้า และปัญหาซัพพลายเชนหยุดชะงัก ซึ่งเป็นผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรของนานาชาติต่อรัสเซียที่เข้ารุกรานยูเครน

มาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกที่ตอบโต้การรุกรานยูเครนของกองทัพรัสเซีย โดยเฉพาะการตัดธนาคารกลางรัสเซียจากระบบการชำระเงินระหว่างประเทศ หรือ SWIFT ที่ทำให้ภาคธุรกิจและบริษัทต่างๆ ไม่สามารถทำธุรกรรมข้ามประเทศได้แบบเรียลไทม์ รวมไปถึงการควบคุมการส่งออกและการปิดพื้นที่ทางอากาศ

ทำให้บริษัทระดับโลกหลายสิบเเบรนด์ ต้องหยุดดำเนินการในรัสเซีย อย่างผู้ผลิตวอดก้ารายใหญ่ Diageo เเละผู้ผลิตรถยนต์ Toyota เเละก่อนหน้านี้เเบรนด์ใหญ่อย่าง Apple, Google , Ford และ Shell ก็ได้ร่วมประณามการโจมตีของรัสเซียด้วย

IKEA ระบุว่า บริษัทจะปิดร้านค้าในรัสเซียและชาติพันธมิตรอย่างเบลารุส ซึ่งจะส่ง ผลกระทบต่อพนักงานกว่า 15,000 ราย เเต่ IKEA ชี้เเจงว่าการปิดร้านค้าครั้งนี้ไม่ได้มีสาเหตุมาจากปัญหาทางการเมือง

“สงครามได้ส่งผลกระทบอย่างมหาศาลต่อมนุษยชาติ อีกทั้งยังก่อให้เกิดปัญหาซัพพลายเชนหยุดชะงัก รวมถึงข้อจำกัดทางการค้าอื่นๆ ทำให้เราต้องตัดสินใจระงับการทำธุรกิจในรัสเซียชั่วคราว”

ด้าน Nike กล่าวว่า เเบรนด์กำลังประสบปัญหาอย่างมากจากวิกฤตรัสเซีย-ยูเครน เเละอธิบายถึงการปิดร้านค้าชั่วคราวครั้งนี้ว่า “ด้วยสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและความท้าทายที่เพิ่มขึ้นในการดำเนินธุรกิจของเรา Nike จะหยุดดำเนินการในรัสเซีย”

Mango เเบรนด์ค้าปลีกแฟชั่นจากสเปน ได้ปิดร้านค้าและเว็บไซต์ขายออนไลน์ในรัสเซียชั่วคราวเเล้ว พร้อมด้วย Intel และ Cisco ที่ระงับการขายในรัสเซีย ขณะที่ Accenture บริษัทที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีและธุรกิจ ก็กำลังยุติธุรกิจในรัสเซีย ซึ่งมีพนักงานเกือบ 2,300 คน

ค่าเงินรูเบิลที่อ่อนค่าลงต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ ทำให้ธนาคารกลางรัสเซีย ต้องตอบโต้ด้วยคำสั่งให้ภาคเอกชนในรัสเซีย ขายสกุลเงินต่างประเทศที่ถือครองอยู่ในอัตราส่วน 80% ของรายได้ที่ได้จากการซื้อขายสกุลเงินต่างประเทศ เเละสั่งห้ามโบรกเกอร์ที่ขายหลักทรัพย์ให้กับนักลงทุนต่างประเทศ ทำธุรกรรมทุกประเภทอย่างไม่มีกำหนด พร้อมประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายรวดเดียวสู่ระดับ 20% จากเดิม 9.5% เป็นกรณีฉุกเฉิน

 

ที่มา : Reuters , Straitstimes