BioNTech – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 15 Feb 2022 05:58:49 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 หุ้น ‘Moderna’ และ ‘Pfizer’ พากันร่วง หลังการระบาดของโควิดเริ่มลดลง https://positioningmag.com/1373962 Tue, 15 Feb 2022 04:33:27 +0000 https://positioningmag.com/?p=1373962 เนื่องจากการระบาดของ COVID-19 ได้คลี่คลายลง อย่างจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ในสหรัฐอเมริกาก็เริ่มลดลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้หุ้นของผู้ผลิตวัคซีนต่างร่วงไปตาม ๆ กัน หลายคนมองว่าหุ้นของบริษัทผู้ผลิตวัคซีนอาจลดลงได้อีกหากความต้องการวัคซีนลดลง
  • หุ้นของ Moderna ร่วงลงมากกว่า -11%
  • Pfizer ร่วงลงเกือบ -2%
  • BioNTech ลดลงมากกว่า -9%
  • Novavax ลดลงมากกว่า -11%
  • Johnson & Johnson ลดลงมากกว่า -1%

ดร.แอนโธนี เฟาซี หัวหน้าที่ปรึกษาทางการแพทย์ของทำเนียบขาว กล่าวกับ Financial Times ว่า สหรัฐฯ กำลังออกจาก “การระบาดใหญ่ของ COVID-19 อย่างเต็มรูปแบบ” โดยมีจำนวนผู้ป่วยโควิดรายใหม่ประมาณ 175,000 รายต่อวัน ตามข้อมูลที่รวบรวมโดยมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ ถือว่าลดลง 42% ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ผู้ป่วยเมื่อช่วงวันที่ 15 มกราคม มีมากกว่า 800,000 รายต่อวัน

โดยประมาณ 64% ของประชากรสหรัฐฯ ได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วน จากทั้ง ไฟเซอร์, โมเดอร์นา และ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน โดยระยะเวลาเพียงแค่ 2 เดือนกว่า สัดส่วนคนอเมริกันที่ได้รับการฉีดวัคซีนอย่างครบโดสเพิ่มจาก 40% เป็น 50% และอีก 4 เดือนจะไปถึงระดับ 60%

ทั้งนี้ Pfizer และ BioNTech กำลังพัฒนาวัคซีนป้องกัน COVID-19 สายพันธุ์โอมิครอนโดยเฉพาะ โดย อัลเบิร์ต บูร์ลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Pfizer กล่าวว่า วัคซีนสำหรับสายพันธุ์โอมิครอนจะพร้อมในเดือนมีนาคม แม้ว่าจะยังไม่ชัดเจนว่าวัคซีนใหม่จะมีความจำเป็นหรือไม่ หากจำนวนผู้ป่วยลดลงอย่างต่อเนื่อง

ที่น่าสนใจคือ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สเตฟาน บานเซล ซีอีโอของ Moderna ขายหุ้นบริษัท 19,000 หุ้น รวมเป็นเงิน 2.9 ล้านดอลลาร์ และลบบัญชี Twitter ของเขาหลังจากไม่ได้ใช้งานมาสองปี จนทำให้เกิดคำถามบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย

Source

]]>
1373962
ดีลสำเร็จ! บริษัทชิปยักษ์ใหญ่ TSMC – Foxconn ต่อรองซื้อวัคซีน 10 ล้านโดสให้ไต้หวัน เเก้เกมจีน https://positioningmag.com/1342005 Tue, 13 Jul 2021 10:40:03 +0000 https://positioningmag.com/?p=1342005 ต่อรองสำเร็จ! ‘TSMC’ และ ‘Foxconn’ บริษัทชิปยักษ์ใหญ่ของไต้หวัน ผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ป้อนวงการเทคโนโลยีโลก บรรลุข้อตกลงกับ BioNTech จัดซื้อวัคซีนโควิดเเบบ mRNA ที่พัฒนาร่วมกับ Pfizer เพื่อนำมาฉีดฟรีให้ประชาชนชาวไต้หวัน 10 ล้านโดส ‘เเก้เกม’ ข้อพิพาทระหว่างรัฐบาลไทเปและปักกิ่ง

สำหรับค่าใช้จ่ายการจัดซื้อวัคซีนของ BioNTech รวมไปถึงค่าบริการระบบการขนส่งและค่าประกันภัย จะอยู่ที่ไม่เกิน 175 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 5.7 พันล้านบาท) ซึ่งทั้งสองบริษัทจะเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด เเละจะนำไปบริจาคให้กระทรวงสาธารณสุขของไต้หวัน

ปกติเเล้ว BioNTech จากเยอรมนี ร่วมมือกับ Shanghai Fosun Pharmaceutical ให้เป็นตัวแทนจัดจำหน่ายวัคซีนชนิด mRNA ที่ได้พัฒนากับ Pfizer ในประเทศจีน

โดยรัฐบาลไต้หวัน อ้างว่าทางการจีนพยายามขัดขวางไม่ให้ไต้หวันจัดหาวัคซีนจาก BioNTech ซึ่งจีนยื่นข้อเสนอว่าจะบริจาควัคซีนป้องกันโควิดให้เอง เเต่ไต้หวันยืนยันปฏิเสธ

ท่ามกลางยอดผู้ติดเชื้อที่พุ่งสูง ไต้หวัน ต้องหาทางออกใหม่ โดยจับมือกับบริษัทเอกชนรายใหญ่ที่มี ‘อำนาจการต่อรองทางธุรกิจสูง’ อย่าง Foxconn และ TSMC ให้ไปติดต่อกับ BioNTech และ Shanghai Fosun Pharmaceutical โดยตรงเพื่อจัดหาวัคซีนเเทนรัฐบาล

อย่างไรก็ตาม ด้วยข้อตกลงใหม่ที่ว่า BioNTech และ Fosun ได้รับอนุญาตให้จำหน่ายวัคซีนให้กับบริษัทเอกชน (มากกว่ารัฐบาลไต้หวัน) นั้น ทางรัฐบาลจีนก็คงยังมองว่า เป็นเรื่องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย 

Terry Gou มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้ง Foxconn โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ตอนนี้ยังไม่มีการแทรกแซงจากทางการจีน เเละขอบคุณที่การเจรจาทางธุรกิจครั้งนี้ผ่านไปได้ด้วยดี

อย่างที่ทราบกันว่า ‘Foxconn’ เป็นผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ของโลก มีลูกค้าส่วนใหญ่เป็นเเบรนด์ดังต่างๆ ทั้ง HP, Dell , Lenovo เเละ Apple ส่วน TSMC เป็นบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ผลิตชิปให้ AMD, Apple และ Nvidia รวมถึงชิ้นส่วนสำคัญของของสมาร์ทโฟนทั่วโลก

โดยฐานการผลิตของ Foxconn ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศจีนเเละประเทศอื่นๆ แต่ฐานการผลิตของ TSMC ส่วนใหญ่ยังอยู่ในไต้หวัน

ที่ผ่านมา ไต้หวันได้รับการยกย่องว่ามีการควบคุมการระบาดใหญ่ได้ดีเป็นอันดับต้นๆ ของโลก แต่ขณะนี้กำลังประสบปัญหาระลอกใหม่ที่คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วกว่า 700 ราย ซึ่งปัจจุบันไต้หวันกระจายวัคซีนโควิด-19 โดสเเรกไปแล้ว 3.3 ล้านคน คิดเป็น 14% ของประชากรทั้งหมด

โดยทาง TSMC และ Foxconn ระบุว่า วัคซีนจาก ‘BioNTech’ จะถูกจัดส่งมาจากรงงานในเยอรมนี และจะนำเข้าไต้หวันได้เร็วที่สุดในช่วงปลายเดือนกันยายนที่จะถึงนี้

 

ที่มา : The Verge , Financial Times

 

 

 

 

]]>
1342005
รู้จัก ‘9 มหาเศรษฐี’ ที่รวยจาก ‘วัคซีนโควิด’ ฟาดทรัพย์สินรวม ‘1.93 หมื่นล้านดอลลาร์’ https://positioningmag.com/1333780 Tue, 25 May 2021 10:33:50 +0000 https://positioningmag.com/?p=1333780 หากพูดกันตามจริงว่าใครที่ได้ประโยชน์จากการระบาดของ COVID-19 ก็คงหนีไม่พ้นบริษัทผลิตวัคซีน ซึ่งเจ้าวัคซีน COVID-19 นี้ก็ได้ได้สร้าง ‘มหาเศรษฐีใหม่’ อย่างน้อย ‘9 คน’ หลังจากที่หุ้นในบริษัทที่ผลิตวัคซีนดังกล่าวพุ่งสูงขึ้น ดังนั้นไปดูกันว่ามีใครกันบ้าง

นับตั้งแต่ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2020 หุ้นของบริษัทผู้ผลิตวัคซีน COVID-19 ก็พุ่งสูงขึ้นอย่างมาก โดยหุ้นในบริษัท Moderna พุ่งสูงขึ้นกว่า 700% ในขณะที่ BioNTech เพิ่มขึ้น 600% ส่วนหุ้นของ CanSino Biologics เพิ่มขึ้นประมาณ 440% ในช่วงเวลาเดียวกัน

แน่นอนว่าผู้ที่กลายเป็นมหาเศรษฐีรายใหม่ของโลกก็คงหนีไม่พ้นเจ้าของหรือผู้บริหารระดับสูงของบริษัทนั้น ๆ เริ่มจาก สเตฟาน แบนเซล ซีอีโอ Moderna มีสินทรัพย์รวม 4.2 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าบริษัทจะทำรายได้จากวัคซีนถึง 1.32 หมื่นล้านดอลลาร์ ภายในปีนี้ ส่วน อูกูร์ ซาฮิน ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง BioNTech ซึ่งผลิตวัคซีน Pfizer มีทรัพย์สินสุทธิราว 4 พันล้านดอลลาร์ โดยช่วงไตรมาสแรกของปี BioNTech ทำกำไรสุทธิ 1.3 พันล้านดอลลาร์

สเตฟาน แบนเซล CEO of Moderna, (Photo by Getty Images)

ตามมาด้วย นูบาร์ อาเฟยัน ประธานบริษัท Moderna มีทรัพย์สินสุทธิ 1.9 พันล้านดอลลาร์ ต่อด้วย ฮวน โลเปซ เบลมอนเต ประธานอาร์โอวีไอ บริษัทผลิตและบรรจุวัคซีนให้ Moderna ทรัพย์สินสุทธิ 1.8 พันล้านดอลลาร์ ส่วน โรเบิร์ต แลงเกอร์ นักวิทยาศาสตร์และนักลงทุนผู้ก่อตั้ง Moderna ทรัพย์สินสุทธิ 1.6 พันล้านดอลลาร์

ฝั่งประเทศจีนก็มี จู เถา ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานคณะนักวิทยาศาสตร์จาก CanSino Biologics ซึ่งถือเป็นนักลงทุนรายแรก ๆ ใน Moderna ก็กลายเป็นมหาเศรษฐีมีทรัพย์สินสุทธิ 1.3 พันล้านดอลลาร์ ตามด้วย ฉี ตงซู ผู้ร่วมก่อตั้งและรองประธานอาวุโส CanSino Biologics มีทรัพย์สินสุทธิ 1.2 พันล้านดอลลาร์ และ เหมา ฮุ่นหัว ผู้ร่วมก่อตั้งและรองประธานอาวุโส มีทรัพย์สินสุทธิ 1 พันล้านดอลลาร์

อูกูร์ ซาฮิน ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง BioNTech (Photo by Bernd von Jutrczenka – Pool/Getty Images)

ทั้งนี้ นักเคลื่อนไหวมองว่า การสร้างความมั่งคั่งอย่างรวดเร็วนี้ได้เน้นให้เห็นถึงความ ไม่เท่าเทียมกันโดยสิ้นเชิง ซึ่งเป็นผลมาจากการแพร่ระบาด เนื่องจาก มหาเศรษฐีใหม่ทั้ง 9 คนมีมูลค่ารวมกัน 1.93 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเพียงพอที่จะ ฉีดวัคซีนให้กับผู้คน 780 ล้านคน ในประเทศที่มีรายได้ต่ำ

“มหาเศรษฐีเหล่านี้ได้ผลกำไรมหาศาล เนื่องจากบริษัทยาหลายแห่งกำลังทำการ ผูกขาดวัคซีนเหล่านี้ ทั้งที่วัคซีนเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนจากเงินทุนสาธารณะของประชาชน ดังนั้น วัคซีนควรเป็นสินค้าสาธารณะแก่ทั่วโลกก่อน ไม่ใช่โอกาสในการทำกำไรส่วนตัว แอนนา แมริออท ผู้จัดการนโยบายสุขภาพของ Oxfam กล่าว

จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกพบว่า 87% ของปริมาณวัคซีนได้ไปสู่ประเทศที่มีรายได้ปานกลางถึงระดับสูง ในขณะที่ประเทศที่มีรายได้ต่ำได้รับเพียง 0.2% ด้าน กีตา โกปินาท หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ IMF กล่าวว่า การฉีดวัคซีน 60% ของประชากรทั่วโลกภายในกลางปี ​​2022 จะมีค่าใช้จ่าย 5 หมื่นล้านดอลลาร์

นูบาร์ อาเฟยัน ประธานบริษัท Moderna (Photo by Getty Images)

เมื่อวันที่ 21 พ.ค. ในการประชุมผู้นำสุขภาพโลก G20 มีการเรียกร้องให้ยกเลิกทรัพย์สินทางปัญญาของวัคซีน COVID-19 เป็นการชั่วคราว เพื่อส่งเสริมการผลิตวัคซีนในประเทศกำลังพัฒนา แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงวัคซีน โดย ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ให้การสนับสนุนการเคลื่อนไหวดังกล่าว เนื่องจากมองว่าจะช่วยขยายอุปทานทั่วโลกและลดช่องว่างการฉีดวัคซีนระหว่างประเทศร่ำรวยและประเทศยากจน ขณะที่ เยอรมนี ได้โต้แย้งว่าการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญามีความสำคัญต่อนวัตกรรม และการยกเลิกสิทธิบัตรก็ไม่ช่วยอะไร เพราะกำลังการผลิตที่จำกัดรวมถึงวัตถุดิบที่ไม่เพียงพอ

อย่างไรก็ตาม Albert Bourla ซีอีโอของ Pfizer กล่าวในระหว่างการประชุมสุดว่า บริษัทจะให้วัคซีน 2 พันล้านโดสแก่ประเทศที่มีรายได้ต่ำและปานกลางในช่วง 18 เดือนข้างหน้า โดย Pfizer คาดว่ายอดขายวัคซีนจะมีมูลค่ารวมประมาณ 2.6 หมื่นล้านดอลลาร์ภายในสิ้นปี โดยมีอัตรากำไร 30% ส่วน สเตฟาน แบนเซล ซีอีโอ Moderna กล่าวว่า Moderna ยินดีที่จะอนุญาตให้ใช้ทรัพย์สินทางปัญญาแก่บริษัทอื่น ๆ ในช่วงหลังการแพร่ระบาด

Source

]]>
1333780
‘BioNTech’ ประกาศสร้างโรงงานผลิตวัคซีนใน ‘สิงคโปร์’ ตั้งเป้า 100 ล้านโดส/ปี https://positioningmag.com/1331415 Mon, 10 May 2021 09:59:25 +0000 https://positioningmag.com/?p=1331415 BioNTech บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพสัญญาติเยอรมันประกาศเมื่อวันจันทร์ว่า จะจัดตั้งสำนักงานใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ประเทศสิงคโปร์ พร้อมกับจะสร้างโรงงานผลิตวัคซีน mRNA ที่ใช้ป้องกัน COVID-19 รวมถึงยาอื่น ๆ เพื่อรักษาโรคติดเชื้อโรคต่าง ๆ และมะเร็ง

BioNTech เปิดเผยว่า สาเหตุที่จัดตั้งสำนักงานใหญ่ในประเทศสิงคโปร์ จะช่วยให้บริษัทสามารถขยายการผลิตสำหรับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อรับมือกับภัยคุกคามจากการแพร่ระบาดในอนาคต โดยสำนักงานใหญ่จะจัดตั้งภายในปีนี้ ส่วนโรงงานผลิตวัคซีนจะเปิดได้ภายในปี 2566 โดยคาดว่าโรงงานแห่งนี้จะสามารถผลิตวัคซีนที่ใช้เทคโนโลยี mRNA ได้หลายร้อยล้านโดสในแต่ละปี

สำหรับเทคโนโลยี mRNA เป็นการใช้สารพันธุกรรมเพื่อกระตุ้นการตอบสนองของภูมิคุ้มกันต่อไวรัส ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าวนั้น BioNTech ได้ร่วมกับ Pfizer ผู้ผลิตยาของสหรัฐอเมริกาในการพัฒนาวัคซีนสำหรับ COVID-19 ทั้งนี้ BioNTech ได้รับการสนับสนุนจาก คณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจของสิงคโปร์ ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐภายใต้กระทรวงการค้า บริษัทคาดว่าจะสร้างงานเพิ่มได้มากถึง 80 ตำแหน่ง

“การมีเครือข่ายการผลิตของเราถือเป็นขั้นตอนเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญในการสร้างขีดความสามารถระดับโลก ด้วยโรงงานผลิต mRNA ที่วางแผนไว้นี้ เราจะเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตและส่งมอบวัคซีนและการบำบัด mRNA ของเราให้กับผู้คนทั่วโลก” Ugur Sahin ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง BioNTech กล่าว

Ugur Sahin (Photo by Bernd von Jutrczenka – Pool/Getty Images)

นับตั้งแต่เริ่มมีการฉีดวัคซีนป้องกันโรค COVID-19 ประเทศต่าง ๆ ได้พยายามดิ้นรนเพื่อให้สามารถเข้าถึงวัคซีนที่เพียงพอที่จะฉีดวัคซีนให้กับประชากรของตน เมื่อเดือนที่แล้วองค์การอนามัยโลกกล่าวว่า ประเทศที่ร่ำรวยได้รับวัคซีน COVID-19 ไปมากกว่า 87% ขณะที่ประเทศยากจนได้รับน้อยกว่า 1% เท่านั้น

สำหรับประเทศสิงคโปร์ได้มีการฉีดวัคซีน COVID-19 ให้กับประชากรแล้วประมาณ 20% จากทั้งหมด 5.07 ล้านคน โดยทางรัฐบาลไม่มีเกณฑ์กำหนดว่าต้องฉีดเท่าไหร่เพื่อให้เกิด ‘ภูมิคุ้มกันหมู่’ เพราะเนื่องจากเกิดสายพันธุ์ใหม่ของ COVID-19 ทำให้ระดับการป้องกันที่จำเป็นในชุมชนเพื่อไม่ให้โรคแพร่กระจายอย่างรวดเร็วนั้นเปลี่ยนไป

โดยในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาสิงคโปร์ได้ออกมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้น หลังจากพบผู้ติดเชื้อกว่า 61,300 ราย และเสียชีวิต 31 รายในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยนายวิเวียน บาลากริชนัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสิงคโปร์กล่าวว่า

“โควิดจะไม่หายไปจากโลก แม้การฉีดวัคซีนเป็นเรื่องสำคัญ แต่วัคซีนอย่างเดียวไม่ได้เป็นยาครอบจักรวาลที่จะทำให้โควิดหายไปจากโลกนี้ได้ ดังนั้นมาตรการป้องกันอื่น ๆ อาทิ การเว้นระยะห่างทางสังคม หรือการตรวจสอบคนเข้าเมือง อาจจะต้องยังมีอยู่ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดไปอีก 2 ปี

Source

Source

]]>
1331415
ซีอีโอ ‘BioNTech’ มั่นใจวัคซีนใช้ได้ผลกับโควิดสายพันธุ์ ‘อินเดีย’ https://positioningmag.com/1330185 Fri, 30 Apr 2021 09:59:50 +0000 https://positioningmag.com/?p=1330185 ไวรัส COVID-19 สายพันธุ์ B.1.617 ที่พบในอินเดีย เป็นสายพันธุ์ที่หลายคนมองว่าเป็นตัวแปรที่ทำให้เกิดการระบาดหนักระลอก 3 ในหลายประเทศ ซึ่งทาง CEO ของ BioNTech ได้ออกมาระบุว่า ‘มั่นใจ’ ว่าวัคซีน COVID-19 ของบริษัทสามารถใช้ได้ผลกับสายพันธุ์ดังกล่าว

Ugur Sahin CEO ของ BioNTech กล่าวว่า เขา ‘มั่นใจ’ ว่าวัคซีน COVID-19 ของบริษัทที่ร่วมกับ Pfizer บริษัทเภสัชภัณฑ์สัญชาติสหรัฐฯ มีประสิทธิภาพในการต่อต้านไวรัส COVID-19 สายพันธุ์ B.1.617 ที่พบครั้งแรกในอินเดีย โดยไวรัสกลายพันธุ์ดังกล่าวเป็น ‘ชนิดกลายพันธุ์คู่’ ซึ่งบางคนคิดว่าเป็นสาเหตุหลักของการระบาดหนักในปัจจุบัน

Sahin กล่าวว่า บริษัทได้ทำการทดสอบวัคซีนกลายพันธุ์กว่า 30 สายพันธุ์ โดยส่วนใหญ่ประสิทธิภาพของวัคซีนนั้นอยู่ในระดับเดียวกันกับเชื้อไวรัสฯ ชนิดดั้งเดิม ดังนั้น จากข้อมูลเหล่านั้นทำให้มั่นใจว่าวัคซีนจะยังคงป้องกันได้

“เรากำลังประเมิน และข้อมูลจะพร้อมใช้งานในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งที่ผ่านมา เราได้มีการทดสอบกับไวรัสชนิดกลายพันธุ์คู่ที่คล้ายกันกับของอินเดีย และจากข้อมูลที่เรามีทำให้เรามั่นใจว่าวัคซีนจะสามารถทำให้ไวรัสเป็นกลางได้ แต่เราจะยืนยันได้ก็ต่อเมื่อเรามีข้อมูลอยู่ในมือ”

Ugur Sahin (Photo by Bernd von Jutrczenka – Pool/Getty Images)

ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า พวกเขามีความกังวลเกี่ยวกับไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่แพร่กระจายได้ง่าย และอาจมีความสามารถในการหลบต่อต้านการวัคซีนในปัจจุบัน ทำให้อเมริกาเรียกร้องให้ชาวอเมริกันได้รับการฉีดวัคซีนโดยเร็วที่สุดก่อนที่จะมีสายพันธุ์ใหม่และอาจเป็นอันตรายมากขึ้น

การศึกษาแสดงให้เห็นว่าวัคซีน Pfizer-BioNTech ยังคงสามารถป้องกันสายพันธุ์อื่น ๆ ได้รวมถึง B.1.526 ซึ่งตรวจพบครั้งแรกในนิวยอร์กและ B.1.1.7 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่พบในสหราชอาณาจักร ขณะที่การศึกษาของอิสราเอลพบว่า B.1.351 ซึ่งเป็นตัวแปรที่ค้นพบในแอฟริกาใต้สามารถต่อต้านการป้องกันวัคซีน Pfizer-BioNTech ได้บางส่วน แม้ว่าการฉีดจะยังคงมีประสิทธิภาพสูง

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการยิงจะฉีดวัคซีนจะมีประสิทธิภาพ แต่ Sahin กล่าวว่า อาจต้องฉีดวัคซีนเป็น 3 เข็มเพื่อเป็นการสร้างภูมิคุ้มกัน ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นก่อนหน้านี้ของ Albert Bourla CEO ของ Pfizer โดยในเดือนกุมภาพันธ์ Pfizer และ BioNTech ได้ร่วมกันทดสอบการฉีดวัคซีนครั้งที่ 3 เพื่อให้เข้าใจการตอบสนองของภูมิคุ้มกันต่อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ได้ดีขึ้น

“เราสามารถขยายการตอบสนองของแอนติบอดีให้สูงกว่าระดับที่เรามีในตอนแรก และนั่นสามารถทำให้เราได้รับความสะดวกสบายอย่างแท้จริงสำหรับการป้องกันเป็นเวลาอย่างน้อย 12 เดือนหรือ 18 เดือน”

Source

]]>
1330185
เเคนาดา เริ่มฉีดวัคซีน COVID-19 ล็อตเเรก สั่งจอง “เกินจำนวน” ประชากร เผื่อส่งต่อให้ประเทศยากจน https://positioningmag.com/1310428 Tue, 15 Dec 2020 06:38:26 +0000 https://positioningmag.com/?p=1310428 เเคนาดาเริ่มฉีดวัคซีนป้องกันโรค COVID-19 ของบริษัท Pfizer เเละ BioNTech ล็อตเเรกเเล้ววันนี้ หลังมีการอนุมัติการใช้วัคซีนเป็นกรณีฉุกเฉิน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

โดยเจ้าหน้าที่ผู้มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ 5 รายในรัฐออนแทรีโอ เป็นหนึ่งในชาวแคนาดากลุ่มแรกที่ได้รับวัคซีนดังกล่าว เเละคาดว่าวัคซีนราว 2.5 แสนโดส จะส่งถึงแคนาดาภายในเดือนธันวาคมนี้ 

Patty Hajdu รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของเเคนาดา กล่าวว่านี่ถือเป็นก้าวเเรกที่สำคัญ เเละยังมีงานหนักหนาที่รออยู่ข้างหน้า ท่ามกลางช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้

การเเพร่ระบาดของไวรัสโคโรนายังมีอยู่ต่อเนื่อง ล่าสุดมีผู้ติดเชื้อสะสมทั่วโลกแล้วกว่า 72.7 ล้านราย เสียชีวิตรวม 1.6 ล้านราย โดยเฉพาะประเทศในโซนยุโรป สหรัฐฯ เเละเอเชียตะวันออกอย่างญี่ปุ่นเเละเกาหลีใต้ โดยผู้คนใน
สหราชอาณาจักรและอเมริกา ก็เริ่มได้รับวัคซีน COVID-19 เเล้วเช่นกัน

ทั้งนี้ วัคซีนของ Pfizer ได้รับการอนุมัติการใช้งานแล้วในอังกฤษ แคนาดา บาห์เรน และซาอุดีอาระเบีย มีผลการทดลองที่ยืนยันประสิทธิภาพในการป้องกัน COVID-19 สูงกว่า 90% โดยเป็นวัคซีนแบบตัดต่อสารพันธุกรรม หรือที่เรียกกันว่า RNA (mRNA)

แคนาดา ได้ทำสัญญาสั่งจองกับผู้ผลิตวัคซีนรายอื่นๆ อีก 6 รายในตลาดโลก เเละกำลังตรวจสอบวัคซีนอีก 3 ชนิด รวมถึงวัคซีนของบริษัท Moderna ที่คาดว่ารัฐบาลแคนาดาจะอนุมัติการใช้ในเร็วๆ นี้

โดยเเคนาดาได้สั่งจองวัคซีนต้านไวรัสโคโรนา ด้วยจำนวนที่มากกว่าประชากรในประเทศที่มีอยู่ราว 38 ล้านคนไปเกือบ 4 เท่า ซึ่งรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโดได้เตรียมส่งต่อวัคซีนจำนวนหนึ่งไปยังประเทศยากจนที่ขาดเเคลนทุนทรัพย์ในการจัดการกับวิกฤต COVID-19 ต่อไป

 

ที่มา : AP , ABC News 

 

]]>
1310428
ชาติแรก! “อังกฤษ” อนุมัติใช้วัคซีน COVID-19 ของ “ไฟเซอร์” เริ่มฉีดสัปดาห์หน้า https://positioningmag.com/1308769 Wed, 02 Dec 2020 14:34:41 +0000 https://positioningmag.com/?p=1308769 อังกฤษกลายเป็นประเทศแรกในโลกที่อนุมัติการใช้งานวัคซีนป้องกัน COVID-19 ซึ่งพัฒนาโดยบริษัทเวชภัณฑ์ไฟเซอร์ (Pfizer) และไบโอเอ็นเทค (BioNTech) โดยจะเริ่มแจกจ่ายวัคซีนให้แก่ประชากร 20 ล้านคนตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์หน้า

ผู้คนทั่วโลกต่างรอคอยวัคซีนที่มีประสิทธิภาพซึ่งจะช่วยให้การดำเนินชีวิตกลับสู่ภาวะปกติอีกครั้ง หลังการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในปีนี้ทุบเศรษฐกิจโลกพังยับเยิน และคร่าชีวิตประชากรไปแล้วเกือบ 1.5 ล้านคน

“วันนี้รัฐบาลได้เห็นพ้องตามคำแนะนำจากสำนักงานกำกับดูแลผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพและยา (Medicines and Healthcare products Regulatory Agency – MHRA) และรับรองการใช้งานวัคซีนป้องกัน COVID-19 ของบริษัท ไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค” รัฐบาลอังกฤษระบุในถ้อยแถลง

“วัคซีนตัวนี้จะถูกนำมาแจกจ่ายทั่วสหราชอาณาจักรตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป”

รัฐบาลอังกฤษได้ทำสัญญาสั่งซื้อวัคซีนจากไฟเซอร์จำนวน 40 ล้านโดส ซึ่งเพียงพอสำหรับประชากร 20 ล้านคน โดยคณะกรรมการด้านวัคซีนจะพิจารณาว่าคนกลุ่มใดที่จำเป็นต้องได้รับวัคซีนเป็นกลุ่มแรกๆ ตัวอย่างเช่น ผู้ที่อาศัยอยู่ตามสถานสงเคราะห์, เจ้าหน้าที่สาธารณสุข, ผู้สูงวัย หรือผู้ที่มีความเปราะบางเป็นพิเศษ เป็นต้น

วัคซีนของไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค และวัคซีนจาก “โมเดอร์นา” บริษัทด้านเทคโนโลยีชีวภาพของสหรัฐฯ ล้วนมีผลการทดลองที่ยืนยันประสิทธิภาพในการป้องกัน COVID-19 สูงกว่า 90% โดยทั้ง 2 ชนิดต่างเป็นวัคซีนแบบตัดต่อสารพันธุกรรม หรือที่เรียกกันว่า RNA (mRNA)

ไฟเซอร์ระบุว่า การอนุมัติใช้วัคซีนเป็นกรณีเร่งด่วนในอังกฤษ ถือเป็นห้วงเวลาที่สำคัญในการต่อสู้กับเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

“การรับรองนี้คือเป้าหมายที่พวกเราทุกคนคาดหวังมาโดยตลอดนับตั้งแต่เราออกมาประกาศครั้งแรกว่าวิทยาศาสตร์จะต้องชนะ และเราขอชื่นชม MHRA ที่ได้ตรวจประเมินอย่างรอบคอบ และตัดสินใจดำเนินการอย่างทันท่วงทีเพื่อปกป้องพลเมืองของสหราชอาณาจักร” อัลเบิร์ต บูร์ลา ซีอีโอของไฟเซอร์ ระบุ

แม็ตต์ แฮนค็อก รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขอังกฤษ ยอมรับว่า “นี่เป็นข่าวดีมาก” พร้อมประกาศว่าโครงการแจกวัคซีนโควิด-19 จะเริ่มตั้งแต่ต้นสัปดาห์หน้า โดยโรงพยาบาลทั่วอังกฤษมีความพร้อมที่จะทำการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชน

Source

]]>
1308769
หุ้น ‘ดิสนีย์’ พุ่ง 12% หลังข่าว ‘วัคซีน’ ช่วยสร้างความหวังให้ธุรกิจ ‘ดิสนีย์แลนด์’ https://positioningmag.com/1305308 Tue, 10 Nov 2020 09:13:42 +0000 https://positioningmag.com/?p=1305308 ที่ผ่านมานักลงทุนส่วนใหญ่ใช้เวลาหลายเดือนในการรวบรวมหุ้นเทคโนโลยีที่ได้รับประโยชน์จากมาตรการล็อกดาวน์ เช่น Zoom Video และ Peloton แต่หลังจากบริษัท Pfizer และ BioNTech ได้ประกาศว่าวัคซีนของเขามีประสิทธิภาพมากกว่า 90% ในการป้องกัน COVID-19 ส่งผลให้นักลงทุนดูแห่กันไปหาบริษัทที่จะได้รับประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง

หนึ่งในนั้นก็คือ ‘ดิสนีย์’ (Disney) ที่มีธุรกิจเด่นอย่าง ‘ดิสนีย์แลนด์’ (DisneyLand) โดยหุ้นของดิสนีย์ปิดตัวขึ้นเกือบ 12% ในวันจันทร์ที่ผ่านมา หลังจากผู้ผลิตยา Pfizer และ BioNTech รายงานผลบวกจากการทดลองวัคซีน COVID-19 ทำให้นักลงทุนแห่กลับไปที่หุ้นของธุรกิจที่มีการเดินทางจำนวนมาก

ที่ผ่านมา ดิสนีย์ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 อย่างมาก โดยเฉพาะธุรกิจสวนสนุกและสตูดิโอภาพยนตร์ รวมถึงละครเวทีต่าง ๆ ส่งผลให้บริษัทต้องเลิกจ้างพนักงานในส่วนของดิสนีย์แลนด์และส่วนของธุรกิจอุปโภคบริโคถึง 28,000 คน เมื่อช่วงปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา

โดยบริษัทกล่าวในรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ของปีงบประมาณว่ามีรายได้แตะ 3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยรายได้ในกลุ่มสวนสาธารณะ, ประสบการณ์และผลิตภัณฑ์ ซึ่งรวมถึงการล่องเรือรีสอร์ตและการขายสินค้าลดลง 85% ทำรายได้ต่ำกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงไตรมาสดังกล่าว ส่วนรายได้ของสตูดิโอภาพยนตร์และละครเวทีของบริษัทลดลง 55% ในไตรมาสนี้เป็น 1.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

Source

]]>
1305308
“ไฟเซอร์” บริษัทยายักษ์ใหญ่ วางเป้าผลิตวัคซีน COVID-19 ให้ได้ 10-20 ล้านโดสในสิ้นปีนี้ https://positioningmag.com/1276431 Sat, 02 May 2020 14:52:46 +0000 https://positioningmag.com/?p=1276431 ไฟเซอร์ อิงค์ วางเป้าหมายผลิตวัคซีครักษา COVID-19 ที่พวกเขากำลังพัฒนาร่วมกับไบโอเอ็นเทค (BioNTech) แห่งเยอรมนี ให้ได้ 10-20 ล้านโดส ในช่วงสิ้นปี 2020 สำหรับใช้กรณีฉุกเฉิน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับผลของการทดลอง

ทั้ง 2 บริษัทกำลังพัฒนาวัคซีนตัวทดลอง 4 ตัว และได้ทำการทดลองในมนุษย์ครั้งแรกไปแล้วในเยอรมนี แสดงความหวังว่าจะสามารถเริ่มต้นการทดลองในสหรัฐฯ เร็วๆ นี้ ทันที่ที่ได้รับการอนุมัติจากคณะผู้ควบคุมกฎระเบียบ

ไบโอเอ็นเทค ระบุในถ้อยแถลงว่าได้เริ่มทำการทดลองวัคซีนป้องกัน COVID-19 ที่ชื่อว่า BNT162 ในมนุษย์กลุ่มแรกแล้ว 12 คนตั้งแต่วันที่ 23 เมษายนที่ผ่านมา โดยอาสาสมัครแต่ละคนจะได้รับปริมาณวัคซีนที่แตกต่างกันออกไปตั้งแต่ 1 ไมโครกรัม ไปจนถึง 100 ไมโครกรัม เพื่อหาปริมาณที่เหมาะสม

ส่วนระยะถัดไปทางบริษัทจะทำการทดลองกับกลุ่มอาสาสมัคร 200 คน ซึ่งมีอายุระหว่าง 18-55 ปี ในปริมาณวัคซีนที่แตกต่างกันออกไปเช่นกัน เพื่อดูความปลอดภัยและการสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมา

ไฟเซอร์, ไบโอเอ็นเทค และบริษัทอื่นๆ อีกมากมาย รวมถึงเหล่านักวิทยาศาสตร์ในทั่วทุกมุมโลก กำลังเร่งมือพัฒนาวัคซีนรักษาไวรัส COVID-19 เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มียา และวิธีการรักษาใดที่ได้รับการอนุมัติ ขณะที่ยาหลากหลายตัวที่อยู่ภายใต้การศึกษา มีผลการทดลองออกมาผสมผสาน

วันที่ 30 เม.ย. ที่ผ่านมา “แอสตราเซเนกา” บริษัทยาของสหราชอาณาจักร ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอร์ดในโครงการพัฒนาวัคซีนตัวหนึ่งก็ได้เริ่มทดสอบในอาสามัครแล้วเช่นกัน

ในการผลิตวัคซีนให้ได้หลายสิบล้านโดสภายในเวลาไม่กี่เดือนตามที่ทางไฟเซอร์ตั้งความหวังไว้ มันจะกลายเป็นปฏิบัติการเร่งผลิตวัคซีนใหม่อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน และทางผู้ควบคุมกฎระเบียบจำเป็นต้องดำเนินการอย่างว่องไว แม้ว่ามันจะถูกนำไปใช้เฉพาะในกรณีฉุกเฉินก็ตาม

“แน่นอนว่าเราต้องการเห็น และตั้งตาคอยที่จะดูว่าการทดลองวัคซีนจะแสดงประสิทธิผลและความปลอดภัยออกมาอย่างไร หวังว่าผลจะออกมาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า” เนเนตเต โคเซโร หัวหน้าฝ่ายวัคซีนของไฟเซอร์กล่าวระหว่างร่วมประชุมทางไกลที่จัดโดยกลุ่มอุตสาหกรรมยา IFPMA

Photo by Halil Sagirkaya/Anadolu Agency via Getty Images

“แต่หากสันนิษฐานว่ามันผ่านการพิสูจน์แล้ว เราเล็งเป้าหมายยกระดับกำลังผลิตอย่างรวดเร็วให้ได้ 10 ถึง 20 ล้านโดสภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งแน่นอนว่าในตอนนั้น คาดหมายว่าน่าจะเป็นการใช้ในกรณีฉุกเฉิน”

นอกจากนี้ไฟเซอร์แล้ว บริษัทยาอื่นๆ ก็กำลังทดสอบวัคซีนที่เป็นไปได้สำหรับใช้รักษา COVID-19 เช่นกัน ในนั้นรวมถึง โมเดอร์นา, จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน และโนวาแว็กซ์ เช่นดียวกับโครงการขนาดเล็กกว่าอื่นๆ อย่างเช่น โรงพยาบาลอินเซลสปิตอล ในเมืองเบิร์น ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

ประเทศต่างๆ ยอมเสี่ยงเดิมพันทุ่มเงินมหาศาลในโครงการต่างๆ ที่อาจไม่ประสบความสำเร็จเลย ท่ามกลางความตะเกียกตะกายดิ้นรนหาแนวทางป้องกัน และรักษาไวรัส COVID-19 ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนแล้วมากกว่า 200,000 ศพทั่วโลก

Source

]]>
1276431