Joe Biden – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 06 May 2021 06:22:50 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 สหรัฐฯ เพิ่มโควต้ารับ ‘ผู้ลี้ภัย’ ขึ้น 4 เท่าเป็น 62,500 คนในปีนี้ ตั้งเป้า 1.25 เเสนคนในปีหน้า https://positioningmag.com/1330629 Thu, 06 May 2021 05:41:04 +0000 https://positioningmag.com/?p=1330629 ‘ไบเดน’ ล้างข้อจำกัดรับผู้ลี้ภัยในยุคทรัมป์ ประกาศเพิ่มโควต้าขึ้น 4 เท่าเป็น 62,500 คน ในปีนี้ ตั้งเป้า 1.25 เเสนคนในปีหน้า

หลังจากที่นโยบายรับผู้ลี้ภัยถูกกีดกันอย่างหนักในสมัยของโดนัลด์ ทรัมป์ เเต่ในสมัยของโจ ไบเดนประธานาธิบดีสหรัฐคนล่าสุด ก็เริ่มเห็นสัญญาณดีขึ้นอีกครั้ง

โดยไบเดน ได้ประกาศเพิ่มจำนวนการรับผู้ลี้ภัยเข้าสหรัฐฯ สูงสุดเป็น 62,500 คนต่อปี หลังจากที่ก่อนหน้านี้อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ตั้งเพดานการรับผู้ลี้ภัยไว้ที่สูงสุดเเค่ 15,000 คนต่อปี น้อยกว่าสมัยของบารัก โอบามาที่เปิดโควต้ารับผู้ลี้ภัยสูงถึง 1.1 แสนคนต่อปี

นี่จะเป็นการลบล้างการรับผู้ลี้ภัยที่ต่ำสุดในประวัติศาสตร์ 15,000 คน ที่กำหนดโดยคณะบริหารชุดก่อน ซึ่งไม่ได้สะท้อนถึงค่านิยมของอเมริกา ในฐานะชาติที่ยินดีต้อนรับและสนับสนุนผู้ลี้ภัย ไบเดนระบุ

เป้าหมายนี้ยังมีอุปสรรคหลายประการ ต้องใช้เวลาเเละอาจจะไม่สามารถบรรลุได้ในปีแรก เเต่ไบเดนยืนยันว่า คณะทำงานจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว เพื่อแก้ไขความเสียหายที่เกิดขึ้นในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา

โดยจะพยายามใช้เครื่องมือทุกอย่างที่มีอยู่ เพื่อช่วยให้ผู้ลี้ภัยที่ได้รับการตรวจสอบ ให้หนีพ้นจากสภาพเเวดล้อมที่น่ากลัวในบ้านเกิดได้

(Photo by Chip Somodevilla/Getty Images)

ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตั้งเป้าว่าจะสามารถขยายโควต้าการรับผู้ลี้ภัยเพิ่มเป็นได้เป็น 1.25 แสนคนต่อปี ในปีงบประมาณ 2022

ทั้งนี้ ปีงบประมาณปัจจุบัน ซึ่งเริ่มมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา มีผู้ลี้ภัยเพียง 2,000 กว่าคนเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ย้ายถิ่นฐานในอเมริกา

โครงการนี้จะเปิดรับผู้ลี้ภัยที่ได้รับการคัดเลือกเเละตรวจสอบอย่างละเอียดจากสำนักงานความมั่นคงของสหรัฐฯ และหน่วยข่าวกรองจากค่ายขององค์การสหประชาชาติ ซึ่งมีกระจายอยู่ทั่วโลก

สำหรับแผนงานปัจจุบันภายใต้การนำของโจ ไบเดนนั้น สหรัฐฯ จะรับผู้ลี้ภัยจากแอฟริการาว  22,000 คน จากเอเชียตะวันออก 6,000 คน จากยุโรปและเอเชียกลาง 4,000 คน จากละตินอเมริกาและเเถบแคริบเบียน 5,000 คน และจากเอเชียใต้อีก 13,000 คน นอกจากนี้ ยังมีโซนที่ยังรอการจัดสรรอีกราว 12,500 คน

อย่างไรก็ตาม หลังรับตำเเหน่งมาเกิน 100 วัน ไบเดนมีคะแนนนิยมต่ำสุดจากการสำรวจความคิดเห็นเรื่องการจัดการปัญหาการอพยพโดยเฉพาะปัญหาในชายแดนสหรัฐฯเม็กซิโก เเละชาวอเมริกันบางส่วนเห็นว่า การลดจำนวนคนการรับผู้ลี้ภัยในสหรัฐฯ การจัดการเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย เป็นเรื่องสำคัญ นอกจากนี้ รัฐยังต้องจัดการปัญหาการเกลียดกลัวคนต่างชาติเเละเหยียดเชื้อชาติ (xenophobic and racist) ต่างๆ ด้วย

 

 

ที่มา : BBC , Reuters , theguardian

]]>
1330629
สหรัฐฯ ผุดโครงการ ‘ลดหย่อนภาษี’ ดึงดูดใจให้ประชาชนไปฉีด ‘วัคซีนโควิด’ https://positioningmag.com/1329022 Fri, 23 Apr 2021 08:53:24 +0000 https://positioningmag.com/?p=1329022 รัฐบาลสหรัฐฯ สรรหาวิธีดึงดูดใจให้คนไปฉีดวัคซีนโควิด-19’ ผุดโครงการลดหย่อนภาษีให้ผู้ประกอบการที่อนุญาตลูกจ้างลาหยุด’  ไปรับวัคซีน กระตุ้นเอกชนมีส่วนร่วมในการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่‘  ให้เร็วที่สุด หลังมีคนจำนวนมากลังเลไม่อยากฉีด 

โครงการลดหย่อนภาษีดังกล่าว จะเป็นการชดเชยค่าใช้จ่ายของบริษัทที่หายไป ในช่วงที่พนักงานลาหยุดเพื่อไปฉีดวัคซีนและยังได้รับค่าจ้างปกติ รวมไปถึงในช่วงการพักฟื้นจากผลข้างเคียงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นด้วย

สำหรับธุรกิจขนาดเล็กกลาง และองค์กรไม่แสวงหากำไร ที่มีพนักงานน้อยกว่า 500 ราย จะครอบคลุมค่าใช้จ่ายมากสุดถึง 511 ดอลลาร์สหรัฐต่อวันต่อคน ระยะเวลามากสุดถึง 10 วัน หรือ 80 ชั่วโมงทำการงาน ในระหว่างวันที่ 1 เมษายน – 30 กันยายน 2021

ประธานาธิบดีโจ ไบเดนยังเรียกร้องให้นายจ้างช่วยเเบ่งปันข้อมูลที่ถูกต้อง เเละเชิญชวนให้พนักงานออกไปฉีดวัคซีน โดยให้สิทธิพิเศษอย่าง การแจกผลิตภัณฑ์ฟรีและให้ส่วนลดแก่ผู้ที่ได้รับวัคซีนเเล้ว

ทั้งนี้ ธุรกิจที่มีพนักงานน้อยกว่า 500 รายนั้น นับเป็นกว่า 50% ของภาคเอกชนในสหรัฐฯ โดยโครงการลดหย่อนภาษีนี้เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งประธานาธิบดีไบเดนเซ็นรับรองเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

สหรัฐฯ กำลังระดมฉีดวัคซีนระยะต่อไปหลังอนุญาตให้ประชาชนที่อายุมากกว่า 16 ปีทุกคน สามารถเข้ารับวัคซีนได้ ถ้าคุณกำลังรอว่าเมื่อไรจะถึงคิวของคุณ คุณไม่ต้องรออีกต่อไป

ขณะที่กลุ่มผู้สูงอายุกว่า 80% ได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 โดส ส่งผลให้อัตราเสียชีวิตในผู้สูงวัยลดลงตามไปด้วย

โจ ไบเดน ได้ประกาศความสำเร็จ หลังรัฐบาลสามารถกระจายวัคซีนต้านโควิด-19 ให้กับชาวอเมริกันได้ทะลุเป้าหมายใหม่ที่วางไว้ 200 ล้านโดส ภายใน 100 วันแรกของการดำรงตำแหน่งแล้ว เเละสำเร็จก่อนกำหนดถึง 1 สัปดาห์

จากข้อมูลของศูนย์ควบคุมเเละป้องกันโรคของสหรัฐฯ (CDC) รายงานอัตราการฉีดวัคซีนทั่วประเทศ เฉลี่ย 3 ล้านครั้งต่อวันในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นจากประมาณ 1.8 ล้านครั้ง ในช่วงต้นเดือนมีนาคม

เเต่อัตราการฉีดวัคซีนลดลงเล็กน้อยในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา แม้ว่าประชาชนวัยผู้ใหญ่ในสหรัฐฯ ทุกคนจะมีสิทธิ์ได้รับวัคซีนเเล้วก็ตาม

บรรยากาศการต่อคิวเข้ารับวัคซีน COVID-19 ในนครนิวยอร์ก สหรัฐฯ

ทางการสหรัฐฯ ได้สั่งระงับการฉีดวัคซีน COVID-19 ของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) เป็นการชั่วคราว หลังพบรายงานภาวะการเกิดลิ่มเลือดอุดตัน 6 ราย แม้ว่าวัคซีน J&J จะมีสัดส่วนน้อยกว่า 4% ของวัคซีนทั้งหมดกว่า 213 ล้านโดสที่สหรัฐฯ ฉีดไปจนถึงปัจจุบัน แต่ก็มีการใช้วัคซีนนี้ไปเเล้วมากกว่า 6.8 ล้านโดส

เจ้าหน้าที่สาธารณสุข เผยว่า ตอนนี้สหรัฐฯ มีวัคซีน COVID-19 ของบริษัท Pfizer เเละ Moderna เพียงพอที่จะเร่งฉีดได้ 3 ล้านครั้งต่อวัน

ก่อนหน้านี้ มีความเห็นจากแพทย์ในสหรัฐฯ ที่เกรงว่าจะเกิดปัญหาวัคซีนล้นประเทศ’ เพราะยังมีกลุ่มคนจำนวนมากกว่า 15-20% ที่ลังเลไม่อยากฉีดวัคซีน

 

ที่มา : CNBC , NBC News

]]>
1329022
‘ไบเดน’ เร่งสปีดฉีดวัคซีน เพิ่มเป้าหมายใหม่ให้ได้ 200 ล้านโดสใน 100 วันแรก หลังรับตำแหน่ง https://positioningmag.com/1325157 Fri, 26 Mar 2021 11:37:50 +0000 https://positioningmag.com/?p=1325157 โจ ไบเดนประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ เร่งสปีดกระจายวัคซีน COVID-19 ตั้งเป้าหมายใหม่ ฉีดวัคซีนให้ชาวอเมริกัน 200 ล้านโดส ภายใน 100 วันเเรกหลังเข้ารับตำแหน่ง เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากเดิมที่เคยวางไว้เพียง 100 ล้านโดส

เเม้จะฟังดูเป็นไปได้ยาก เพราะเป็นการเพิ่มขึ้นสองเท่าจากเป้าหมายเดิมของเรา เเต่ก็ยังไม่มีประเทศไหนทำได้เท่าที่เราอยู่ทำตอนนี้ผมเชื่อว่าเราทำได้

ไบเดนเคยให้คำมั่นไว้เมื่อก่อนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีว่า จะเร่งกระจายวัคซีนเเก่ประชาชนทั่วประเทศให้ได้ 100 ล้านโดส ภายใน 100 วันแรกที่รับตำแหน่ง โดยหลังชนะเลือกตั้งเเละได้เข้ามาบริหารจริง รัฐบาลสหรัฐฯ สามารถบรรลุเป้าหมายนี้ไปได้เเล้วตั้งแต่วันที่ 59

ข้อมูล ณ วันที่ 26 มีนาคม สหรัฐฯ ฉีดวัคซีนให้ประชาชนไปเเล้วกว่า 133 ล้านโดส อัตราเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 2.5 ล้านโดสต่อวัน โดยมีการประเมินว่า หากยังมีอัตราการฉีดวัคซีนต่อวันเท่าเดิมไปเรื่อยๆ รัฐบาลจะบรรลุเป้าหมาย (200 โดส) ได้ในวันที่ 23 เมษายน 2564 เร็วกว่าเป้าหมาย 100 วันเเรกของไบเดนราว 1 สัปดาห์

เพื่อเพิ่มจำนวนวัคซีนป้องกัน COVID-19 ให้ทั่วถึง รัฐบาลกลางสหรัฐฯ ทำข้อตกลงกับJohnson & Johnson’ (J&J) สั่งซื้อวัคซีนเพิ่มอีก 200 ล้านโดส โดยครึ่งเเรกของล็อตนี้ คาดว่าจะจัดส่งได้ภายในสิ้นเดือนมิถุนายน

วัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนาของ J&J ถือเป็นชนิดที่ 3 ที่ผ่านการรับรองให้ใช้ได้ในอเมริกา เป็นกรณีฉุกเฉินสำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ต่อจาก Pfizer-Biontech เเละ Moderna 

สำนักงานอาหารและยาหรือเอฟดีเอ (FDA) ระบุว่า วัคซีนของ J&J ที่ฉีดเพียงเข็มเดียวก็มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันผู้ป่วย COVID-19 และสามารถป้องกันไวรัสกลายพันธุ์ได้

โดยเมื่อรวมจำนวนวัคซีนของ J&J กับวัคซีนของ Pfizer-Biontech เเละ Moderna จะทำให้สหรัฐฯ มีวัคซีนเพียงพอต่อการฉีดให้กับประชาชนถึง 300 ล้านคน เกือบครอบคลุมประชากรทั้งหมดในประเทศที่มีอยู่ราว 328 ล้านคนในปี 2019

 

 

ที่มา : CNBC , Bloomberg 

]]>
1325157
‘สตาร์บัคส์’ ขึ้นค่าแรงพนักงานอีก ‘10%’ หวังดึงดูดเเรงงานใหม่และตอบรับนโยบายของ ‘Joe Biden’ ไปในตัว https://positioningmag.com/1306956 Fri, 20 Nov 2020 06:15:03 +0000 https://positioningmag.com/?p=1306956 เนื่องจากอุตสาหกรรมร้านอาหารกำลังปรับค่าแรงขั้นต่ำเพิ่มขึ้น หลังจากที่ ‘Joe Biden’ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งหนึ่งในนโยบายของ Biden ก็คือ การเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำเป็น 15 ดอลลาร์/ชั่วโมง

ส่งผลให้ ‘สตาร์บัคส์ (Starbucks)’ เชนกาแฟรายใหญ่ของโลกกำลังเพิ่มค่าจ้างรายชั่วโมงให้กับบาริสต้า, หัวหน้างานกะ และพนักงานร้านกาแฟที่ทำอยู่ในสหรัฐอเมริกา โดยพนักงานที่ได้รับการว่าจ้างก่อนวันที่ 24 กันยายนจะได้รับค่าจ้างเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 10% ส่วนพนักงานที่มีอายุงานเกิน 3 ปีขึ้นไป จะปรับเงินอย่างน้อย 11% ขณะที่ค่าแรงขั้นต่ำของสตาร์บัคส์จะปรับเพิ่มขึ้น 5% ทั้งนี้ ค่าแรงที่ปรับขึ้นจะมีผลตั้งแต่วันที่ 14 ธันวาคมที่จะถึงนี้

สำหรับการขึ้นค่าแรงดังกล่าว จะช่วยให้สตาร์บัคส์มีแรงดึงดูดในการหาพนักงานได้ง่ายขึ้น เพราะแม้ว่าอัตราการว่างงานในสหรัฐฯ จะสูงขึ้น แต่งานภาคบริการถือเป็นส่วนที่เสี่ยงจะติดเชื้อ COVID-19 ที่ยังระบาดอยู่

Photo : AFP

อย่างไรก็ตาม สตาร์บัคส์เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องการให้สิทธิประโยชน์และการจ่ายเงินแก่พนักงานมากกว่าร้านค้าปลีกและเชนร้านอาหารระดับโลกอื่น ๆ ซึ่งหมายถึงสตาร์บัคส์จ่ายค่าแรงสูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำอยู่แล้ว โดยปัจจุบันค่าแรงขั้นต่ำของอเมริกาอยู่ที่ 7.25 ดอลลาร์/ชั่วโมง (ราว 230 บาท) ขณะที่ค่าแรงของสตาร์บัคส์เริ่มต้นที่ 9-10 เหรียญ/ชั่วโมง (ราว 310 บาท)

ทั้งนี้ การปรับขึ้นค่าจ้างไม่ใช่แค่ทำเพื่อดึงดูดให้คนมาสมัครงาน แต่ยังเป็นการตอบสนองนโยบายของ Joe Biden ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ ในการปรับค่าแรงขั้นต่ำของรัฐบาลให้สูงขึ้นจากที่ 7.25 เหรียญ/ชั่วโมง โดยหลายรัฐและเมืองต่าง ๆ กำลังดำเนินการเชิงรุกมากขึ้น โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้รัฐฟลอริดาได้รับการโหวตให้เพิ่มชั้นค่าแรงขั้นต่ำให้ถึง 15 ดอลลาร์/ชั่วโมงภายใน 6 ปีข้างหน้า และมีประมาณ 8 รัฐที่อนุมัติค่าจ้างขั้นต่ำที่ 15 ดอลลาร์/ชั่วโมงแล้ว

Source

]]>
1306956
‘โจ ไบเดน’ คว้าชัยเลือกตั้งอเมริกา เตรียมขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 46 https://positioningmag.com/1305018 Sat, 07 Nov 2020 17:21:44 +0000 https://positioningmag.com/?p=1305018 ‘โจ ไบเดน’ คว้าชัยเลือกตั้งอเมริกา เตรียมขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 46 เเต่ส่อเเววมีปัญหายืดเยื้อ หลังทรัมป์ฟ้องศาลในหลายรัฐ

สูสีเเละดุเดือดมาก กับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในครั้งนี้ ‘โจ ไบเดน’ เฉือนชนะ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ไปหวุดหวิด โดยไบเดนมีคะเเนนเสียงคณะผู้เลือกตั้งล่าสุดที่ 284 เสียง (เกินครึ่งที่ 270 เสียงเเล้ว)

ไบเดน จากพรรคเดโมเเครต พลิกเอาชนะทรัมป์ จากรีพับลิกัน ได้ในพื้นที่ “สวิงสเตท” สำคัญๆ เช่น รัฐวิสคอนซิน รัฐมิชิแกน รัฐแอริโซนา โดยเฉพาะ “รัฐเพนซิลเวเนีย” ที่ต้องลุ้นกันอย่างใจระทึก

ขณะที่โดนัลด์ ทรัมป์ มีคะแนนตามอยู่ที่ 214 เสียง โดยรัฐที่ตอนนี้ยังนับคะแนนอยู่ได้แก่ เนวาดา อลาสกา นอร์ท แคโรไรนา และจอร์เจีย

ก่อนหน้านี้ ทีมงานหาเสียงของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาในกรุงวอชิงตัน ขอให้ระงับการนับ “คะแนนทางไปรษณีย์” ที่มาถึงหน่วยเลือกตั้งหลังวันลงคะแนน 3 พ.ย. ในรัฐเพนซิลเวเนีย หลังศาลสูงของรัฐเพนซิลเวเนียอนุญาตให้นับคะแนนจากบัตรทั้งหมด ที่มาถึงภายในวันที่ 6 พ.ย. โดยมีข้อยกเว้นคือ ต้องประทับตราไปรษณีย์ “ภายในวันที่ 3 พ.ย.”

ฝ่ายทรัมป์ ยังยื่นเรื่องต่อศาลรัฐมิชิแกน ขอให้ระงับการนับคะแนน จนกว่าคณะผู้สังเกตการณ์จะสามารถเข้าถึงครบทุกหน่วยลงคะแนน เเละยังขอนับคะแนนใหม่ในรัฐวิสคอนซินเเละจอร์เจียด้วย เนื่องจากพบความผิดปกติหลายอย่าง เเต่ไม่ได้เปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติม

ข้อกังขาในเรื่อง “คะแนนทางไปรษณีย์” ดังกล่าว มีขึ้นเนื่องจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2020 มีประชาชนใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้ามากเป็นประวัติการณ์ เกิน 103 ล้านคน โดยเน้นการส่งบัตรลงคะแนนทางไปรษณีย์ เนื่องจากการเเพร่ระบาดของ COVID-19

การที่กฎหมายและระบบไปรษณีย์ของแต่ละรัฐ มีรายละเอียดแตกต่างกัน ส่งผลให้บัตรลงคะแนนเดินทางมาถึงทางการช้ากว่าวันที่ 3 พ.ย. ซึ่งทรัมป์ต้องการไม่ให้มีการนับบัตรส่วนนี้

ขณะที่บางความเห็นมองว่า ชาวอเมริกาที่เลือก “โหวตทางไปรษณีย์” เป็นผู้ที่มีความกังวลในโรคระบาด จะมีเเนวโน้มจะเลือกไบเดนมากกว่า เนื่องจากไม่พอใจต่อการจัดการวิกฤต COVID-19 ของรัฐบาลทรัมป์ที่สหรัฐฯ มีผู้ติดเชื้อมากที่สุดในโลก

พรรคเดโมแครต รักษาเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ แต่ส่วนต่างเหนือพรรครีพับลิกันลดลง หลังแพ้เหนือความคาดหมายหลายที่นั่ง ขณะที่พรรครีพับลิกันคาดว่าจะยังคงรักษาเสียงข้างมากในวุฒิสภาได้อีกหนึ่งสมัย

การชนะเลือกตั้งของ “ไบเดน” ครั้งนี้ ยังสร้างประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญ เพราะ “คามาลา แฮร์ริส” จะได้ก้าวขึ้นเป็น “รองประธานาธิบดีหญิง” คนแรกของสหรัฐฯ ด้วย ซึ่งรัฐบาลใหม่มีกำหนดเข้าทำงานในทำเนียบขาว ช่วงเดือนม.ค.ปีหน้า

อ่านเพิ่มเติม : คำสัญญาเเละนโยบายของ “โจ ไบเดน” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 46…ทิศทางใหม่อเมริกา

 

]]>
1305018