SoftBank Group เผยผลการดำเนินการของปี 2019/20 สิ้นสุดเมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา ว่าขาดทุนถึง 13,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 4.1 เเสนล้านบาท) สาเหตุหลักๆ มาจากการลงทุนอย่างหนักในธุรกิจสตาร์ทอัพทั่วโลก ซึ่งตอนนี้กำลังเดือดร้อนจากการเเพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 หนึ่งในนั้นคือ WeWork อดีตสตาร์ทดาวรุ่งผู้ให้บริการ Co-Working Space

• “แจ็ค หม่า” ลาออกจากบอร์ด SoftBank หลังร่วมบริหาร 13 ปี ขณะที่บริษัทกำลังขาดทุนหนัก

เมื่อประสบภาวะขาดทุนหนัก ทำให้บริษัทจำเป็นต้องหาหนทางเพิ่มทุนและลดหนี้ หนึ่งในนั้นคือเทการขายหุ้น T-Mobile ที่ปัจจุบัน SoftBank ถือหุ้นอยู่ราว 25% โดย CNBC รายงานว่า อาจจะมีการขายหุ้นออกมากว่า 2 ใน 3 ของทั้งหมด

ด้าน Bloomberg รายงานว่า แผนการขายหุ้น T-Mobile ดังกล่าว จะมีมูลค่ารวมราว 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งมีความเป็นไปได้ทั้งการขายแบบจัดสรรในวงจำกัด (Private Placement) เปิดขายให้สาธารณะหรืออาจจะขายคืนให้บริษัทแม่ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นอย่าง Deutsch Telekom ที่ปัจจุบันถือหุ้น T-Mobile อยู่ราว 40%

สำหรับการเตรียมขายหุ้น T-Mobile ครั้งนี้ เป็นไปตามแนวทางการปรับองค์กรครั้งใหญ่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในแผนการขายสินทรัพย์กว่า 4.1 หมื่นล้านเหรียญของ SoftBank เพื่อลดหนี้และเพิ่มเงินทุนสำรอง นอกจากนี้ ยังมีแผนซื้อหุ้นคืนอีก 5 แสนล้านเยน (4.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ) ภายในเดือนมี.ค.ปีหน้าด้วย

• หนาวๆ ร้อนๆ เมื่อนายทุนใหญ่ “SoftBank” เผชิญวิกฤต กดดันเม็ดเงินลงทุนใน “Grab”

ที่มา : Bloomberg  , CNBC , techcrunch

อินโดนนีเซีย เป็นประเทศที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 4 ของโลก ประกาศเเผนจะสร้างเมืองหลวงแห่งใหม่ ตั้งแต่เดือน ส.ค. 2019 โดยจะย้ายจากกรุงจาการ์ตา ที่มีประชากรอาศัยอยู่ถึง 10 ล้านคน มีปัญหามลภาวะเเละการจราจร รวมถึงความเสี่ยงจากภัยน้ำท่วมเเละแผ่นดินทรุดสะสมต่อเนื่อง ไปยังพื้นที่ป่าขนาดใหญ่บนเกาะบอร์เนียว ให้ได้ในปี 2024

ทั้งนี้ เมื่อเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา ผู้นำอินโดนีเซีย ได้สั่งเร่งโครงการเมกะโปรเจกต์ดังกล่าว มีมูลค่ากว่า 3.3 หมื่นล้านเหรียญ โดยเลื่อนกำหนดให้เเล้วเสร็จภายในปี 2023 ซึ่งเร็วกว่ากำหนดเดิมที่วางไว้ 1 ปี พร้อมตั้งเป้าเป็น “Silicon Valley” ศูนย์รวมแหล่งพัฒนานวัตกรรมเเละเทคโนโลยีของประเทศ และเป็นเมืองที่มิตรต่อสิ่งแวดล้อม

อ่านเพิ่มเติม : ผู้นำอินโดนีเซีย สั่งเร่งย้ายเมืองหลวงใหม่ หวังปั้นเป็น “Silicon Valley” พัฒนานวัตกรรม

Bahlil Lahadalia หัวหน้าหน่วยงานการลงทุนอินโดนีเซีย (BKPM) บอกกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า รัฐบาลกำลังประเมินความเป็นไปได้ในการเสนอเมืองหลวงเเห่งใหม่นี้เพื่อการจัดการเเข่งขันกีฬาโอลิมปิกปี 2032 เเม้จะยังไม่มีรายละเอียดเเน่ชัด เเต่เเผนการเบื้องต้นก็ได้ถูกนำไปเสนอกับนักลงทุนบางส่วนเเล้ว

เเหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของอินโดนีเซียได้พูดคุยกับ Masayoshi Son ประธานและซีอีโอของ SoftBank บริษัทโทรคมนาคมรายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นในการสนับสนุนเเผนการจัดงานโอลิมปิกในเมืองหลวงเเห่งใหม่นี้

ก่อนหน้านี้ SoftBank มีความสนใจอย่างยิ่งที่จะเข้าร่วมพัฒนาเมืองหลวงแห่งใหม่ของอินโดนีเซีย โดยจะนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยและปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาพัฒนาให้เป็นสมาร์ทซิตี้ รวมถึงจะเพิ่มการลงทุนในอินโดนีเซีย
หลังจากได้ลงทุน 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ใน Grab สตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์นด้าน Ride Hailing ที่ใหญ่ที่สุดของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Masayoshi Son ได้พูดคุยกับประธานาธิบดี Widodo พร้อมด้วย Tony Blair อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาช่วยเหลือในด้านการระดมทุนสร้างเมืองใหม่ เมื่อวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยมีการพูดคุยกันหลายประเด็นในการสร้างเมืองหลวงใหม่ รวมถึงประเด็นสิ่งอำนวยความสะดวกด้านกีฬาด้วย

อย่างไรก็ตาม ทาง SoftBank เเละ Grab ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นต่อข่าวนี้ ขณะที่คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) จะทำการคัดการคัดเลือกประเทศที่เหมาะสมเพื่อเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันโอลิมปิกปี 2032 ภายในปี 2025

สำหรับการจะเป็นเจ้าภาพจัดการเเข่งขันกีฬาโอลิมปิกนั้น ต้องใช้เงินทุนมหาศาลเเละมีความพร้อมในทุกด้าน ซึ่งโตเกียว โอลิมปิก 2020 ที่กำลังจะจัดขึ้นในปีนี้กำลังเผชิญความท้าทายจากการเเพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ที่มีความเสี่ยงที่จะถูกยกเลิกหรือเลื่อนการเเข่งขันซึ่งญี่ปุ่นยังคงยืนยันที่จะจัดต่อไปให้สำเร็จ

อ่านเพิ่มเติม : ยังมีเวลา! ญี่ปุ่นเผยสัญญาจัดงาน “โอลิมปิก 2020” ที่ทำไว้กับ IOC สามารถเลื่อนได้ถึงสิ้นปี

ที่มา : Reuters / Exclusive: Indonesia considers 2032 Olympics bid for new capital city with SoftBank’s help