Oxfam – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 23 May 2022 14:55:17 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 COVID-19 ทำให้ความเหลื่อมล้ำยิ่งถ่างออกทั่วโลก “คนรวย” เพิ่มจำนวน “คนจน” ก็เช่นกัน https://positioningmag.com/1386234 Mon, 23 May 2022 08:41:54 +0000 https://positioningmag.com/?p=1386234 Oxfam รายงานว่า “คนรวย” ทั่วโลกเพิ่มจำนวนขึ้น 573 คนหลัง COVID-19 โดยกลุ่มมหาเศรษฐีมีสินทรัพย์รวมกันกว่า 12.7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 14% ของจีดีพีโลก ขณะที่คน 263 ล้านคนเสี่ยงที่จะเข้าสู่ระดับ “ยากจนสุดขีด” ภายในปีนี้ แนะเก็บ “ภาษี” เศรษฐีเพิ่มและนำไปช่วยบรรเทาค่าครองชีพคนจน

วันแรกของการประชุม World Economic Forum ที่ดาวอส สวิตเซอร์แลนด์ องค์กรไม่แสวงหากำไร “Oxfam” รายงานสถิติพบว่า หลังจากโลกเผชิญโรคระบาด COVID-19 ทุกๆ 30 ชั่วโมงจะมี “มหาเศรษฐีพันล้าน” เพิ่มขึ้น 1 คน ในขณะที่มี “คนจน” เกือบ 1 ล้านคนเสี่ยงเข้าสู่ภาวะยากจนสุดขีดในช่วงเวลาเดียวกัน

หรือเท่ากับมีคนรวยเพิ่มขึ้น 573 คนนับตั้งแต่เกิด COVID-19 (ข้อมูลเก็บสถิติเมื่อเดือนมีนาคม 2022) ขณะที่มีคน 263 ล้านคนกำลังจะยากจนสุดขีด

ณ เดือนมีนาคม 2021 (หลังผ่านโรคระบาดมาแล้ว 1 ปี) มหาเศรษฐีทั่วโลกมีสินทรัพย์รวมกันกว่า 12.7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 14% ของจีดีพีโลก

สาเหตุเป็นเพราะเศรษฐกิจตกต่ำหลังจากเผชิญโรคระบาด ซ้ำร้ายยังมีสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ทำให้ราคาอาหารพุ่งสูง ความเหลื่อมล้ำยิ่งถ่างออก

Photo : Shutterstock

กาเบรียลล่า บูเชอร์ ผู้อำนวยการบริหาร Oxfam International กล่าวว่า เศรษฐีทั่วโลกมารวมกันที่ดาวอสเพื่อ “เฉลิมฉลองให้กับสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ของตนเอง”

“โรคระบาด และราคาพลังงาน-อาหารที่พุ่งสูงขึ้นกลายเป็นแหล่งขุมทรัพย์สำหรับพวกเขา” บูเชอร์กล่าว “ขณะที่หลายทศวรรษแห่งความพยายามที่จะกำจัดความยากจนสุดขีดกลับเดินถอยหลัง และกำลังเผชิญค่าครองชีพที่พุ่งสูงจนแทบเป็นไปไม่ได้แม้เพียงแค่จะมีชีวิตรอด”

 

บุญหล่นทับจากโรคระบาด

Oxfam กล่าวต่อว่า อุตสาหกรรมที่ได้รับอานิสงส์มากที่สุดคือกลุ่มอาหาร พลังงาน และยา มหาเศรษฐีในกลุ่มอุตสาหกรรมนี้มีสินทรัพย์เพิ่มขึ้น 4.53 แสนล้านเหรียญในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา หรือเท่ากับมีสินทรัพย์เพิ่ม 1 พันล้านเหรียญทุกๆ 2 วัน

ตัวอย่างเช่น Cargill ยักษ์ใหญ่ด้านอุตสาหกรรมอาหาร เป็น 1 ใน 4 บริษัทที่ควบคุมตลาดเกษตรกรรมทั่วโลกมากกว่า 70% บริษัทนี้ยังบริหารโดยครอบครัว Cargill สามารถทำกำไรสุทธิเกือบ 5 พันล้านเหรียญเมื่อปีที่แล้ว เป็นกำไรที่สูงที่สุดในประวัติการณ์ ทำให้ครอบครัว Cargill มีมหาเศรษฐีพันแล้วถึง 12 คน เพิ่มจากจำนวน 8 คนเมื่อก่อนเกิดโรคระบาด

Cargill Food

ส่วนอุตสาหกรรมยา มีมหาเศรษฐีเพิ่มขึ้น 40 คน เพราะเป็นผู้ควบคุมผูกขาดการผลิตวัคซีน ยา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อจากบริษัทของตัวเอง

เพื่อป้องกันไม่ให้ความเหลื่อมล้ำมากไปกว่านี้ Oxfam แนะนำให้รัฐบาลแต่ละประเทศเก็บภาษีเพิ่มจากกำไรที่ได้เพิ่มพิเศษเพราะโรคระบาด และนำไปช่วยเหลือคนจนที่ต้องประสบปัญหาค่าครองชีพสูงทั้งจากค่าพลังงานและอาหาร

 

จุดจบการทำกำไรจากวิกฤต?

องค์กรไม่แสวงหากำไรรายนี้ยังแนะให้รัฐบาล “หยุดการทำกำไรจากวิกฤต” โดยให้เก็บภาษีกำไรส่วนเกินที่ได้มาเพราะวิกฤต COVID-19 เป็นการชั่วคราว โดยเน้นเก็บกับองค์กรขนาดใหญ่ทุกอุตสาหกรรมที่ได้ประโยชน์

ส่วนกรณีมหาเศรษฐี ผู้กุมอำนาจผูกขาดคลาด และกลุ่มคนรวยที่ปล่อยคาร์บอนสูง แนะนำให้เก็ฐภาษีเพิ่มแบบถาวร

องค์กรระบุว่าการเก็บภาษีคนรวยโดยเริ่มต้นเพียง 2% สำหรับกลุ่มเศรษฐีร้อยล้าน (สินทรัพย์ประมาณ 3 พันล้านบาท) และ 5% สำหรับกลุ่มเศรษฐีพันล้าน (สินทรัพย์ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท) จะทำให้โลกนี้เก็บภาษีคนรวยเพิ่มได้ 2.52 ล้านล้านเหรียญต่อปี

เมื่อนำภาษีไปช่วยคนจน จะทำให้คน 2.3 พันล้านคนทั่วโลกพ้นขีดความยากจน สามารถแจกจ่ายวัคซีนได้เพียงพอแก่คนทั้งโลก และสร้างระบบสาธารณสุขให้กับคนที่อาศัยในประเทศยากจนและประเทศระดับกลางล่างได้ทั้งหมด

Source

]]>
1386234
10 มหาเศรษฐีโลก “รวยขึ้น” 2 เท่า ในช่วง COVID-19 เพิ่มเฉลี่ย 1,300 ล้านเหรียญ/วัน https://positioningmag.com/1370663 Tue, 18 Jan 2022 09:15:13 +0000 https://positioningmag.com/?p=1370663 มูลนิธิอ็อกซ์แฟม (Oxfam) เผย 10 มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลกมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นอีก “เท่าตัว” ในช่วง 2 ปีแรกที่โลกเผชิญกับโรคระบาดใหญ่ COVID-19 ในขณะที่ปัญหาความยากจนและความไม่เท่าเทียมทางรายได้ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น

รายงานที่อ็อกซ์แฟมเผยแพร่วันที่ 17 ม.ค. ระบุว่า มหาเศรษฐีระดับท็อป 10 ของโลกมีทรัพย์สินรวมกันเพิ่มขึ้นจาก 700,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มเฉลี่ยถึง 1,300 ล้านดอลลาร์ต่อวัน

อ็อกซ์แฟมเป็นสมาพันธ์องค์กรการกุศลที่มุ่งบรรเทาปัญหาความยากจนทั่วโลก ระบุด้วยว่า มหาเศรษฐีกลุ่มนี้มีมูลค่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้นในช่วง COVID-19 เร็วที่สุดในรอบ 14 ปี ในขณะที่เศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญภาวะถดถอย (recession) ครั้งรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่กรณีตลาดหุ้นวอลล์สตรีทล่มเมื่อปี 1929

รายงานฉบับนี้เตือนว่า ความไม่เท่าเทียมดังกล่าวถือเป็น “ความรุนแรงทางเศรษฐกิจ” (economic violence) และมีส่วนทำให้ประชากรเฉลี่ย 21,000 คนต่อวันต้องเสียชีวิตจากการเข้าไม่ถึงบริการด้านสุขภาพ เผชิญความรุนแรงบนฐานของเพศสภาพ เผชิญความหิวโหย และได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ

อ็อกซ์แฟมระบุด้วยว่า COVID-19 ทำให้ประชากรโลกเข้าสู่วงจรความยากจนเพิ่มขึ้นถึง 160 ล้านคน โดยชาติพันธุ์กลุ่มน้อยต่างๆ ที่ไม่ใช่คนผิวขาว (non-white ethnic minorities) และสตรีเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด

องค์กรเพื่อการกุศลแห่งนี้เรียกร้องให้มีการปฏิรูปภาษี เพื่อนำมาเป็นทุนอุดหนุนการผลิตวัคซีนสำหรับทั่วโลก รวมถึงสนับสนุนบริการด้านสุขภาพ การปรับตัวให้เข้ากับสภาพภูมิอากาศ และการต่อต้านความรุนแรงบนฐานของเพศสภาพ เพื่อรักษาชีวิตผู้คน

อ็อกซ์แฟมอ้างอิงรายชื่อมหาเศรษฐีโลกประจำปี 2021 ที่จัดทำโดยนิตยสารฟอร์บส และคำนวณมูลค่าทรัพย์สินโดยอาศัยแหล่งข้อมูลที่ทันสมัย และครอบคลุมที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

สำหรับ 10 สุดยอดมหาเศรษฐีโลกตามการจัดอันดับของฟอร์บส ได้แก่

  • อีลอน มัสก์ ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารเทสลาและสเปซเอ็กซ์
  • เจฟฟ์ เบซอส เจ้าพ่อแอมะซอน
  • แลร์รี เพจ และเซอร์เกย์ บริน ผู้ร่วมก่อตั้งกูเกิล
  • มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ก
  • บิล เกตส์ และ สตีฟ บอลล์เมอร์ อดีตซีอีโอไมโครซอฟท์
  • แลร์รี แอลลิสัน อดีตซีอีโอออราเคิล
  • วอร์เรน บัฟเฟตต์ เศรษฐีชาวอเมริกันเจ้าของฉายา “พ่อมดการลงทุน”
  • แบร์นาร์ด อาร์โนลต์ ประธานและซีอีโออาณาจักรแบรนด์หรูของฝรั่งเศส LVMH

Source

]]>
1370663
IMF เเนะประเทศร่ำรวย ปรับ ‘ขึ้นภาษี’ เพื่อลดปัญหา ‘ความเหลื่อมล้ำ’ จากวิกฤต COVID-19 https://positioningmag.com/1326430 Fri, 02 Apr 2021 11:59:48 +0000 https://positioningmag.com/?p=1326430 IMF เเนะประเทศร่ำรวยขึ้นภาษี’ นำงบมาพัฒนาสังคม เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ’ ที่รุนเเรงขึ้นจากวิกฤต COVID-19

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ระบุถึงรายงานของ Fiscal Monitor เผยเเพร่ในเดือนเมษายน 2021 ที่ชี้ให้เห็นว่า การเเพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาที่ลุกลามไปทั่วโลกนั้น ทำให้ความไม่เท่าเทียมในสังคม ทวีความรุนเเรงขึ้น

โดยเฉพาะความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการดูเเลสุขภาพ การศึกษา เเละโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล ส่งผลให้เกิดช่องว่างระหว่างรายได้ ที่จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ส่งต่อไปยังรุ่นสู่รุ่น ดังนั้นรัฐบาลในประเทศต่างๆ จึงต้องจัดสรรงบประมาณ เพื่อนำมาพัฒนาในด้านต่างๆ เหล่านี้ หลังผ่านพ้นวิกฤตไปเเล้ว

IMF เเนะนำว่า ประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ หรือประเทศร่ำรวย อาจจะต้องใช้มาตรการปรับเพิ่มอัตราภาษีก้าวหน้าของเงินได้เพิ่มการเก็บภาษีมรดกให้สูงขึ้นรวมถึงภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างด้วย

ส่วนกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาหรือตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) นั้น ควรเพิ่มงบประมาณในการพัฒนาด้านสังคม เพื่อเสริมสร้างรายได้ให้ประชาชนมีความสามารถจ่ายภาษีเพิ่มขึ้น

Photo : Getty Images

ด้านมูลนิธิ Oxfam ระบุว่า ในช่วงเดือนมี.. – .. 2020 มหาเศรษฐีทั่วโลกมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นถึง 3.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่คนจนมีรายได้ลดลงต่อเนื่อง สะท้อนถึงความเหลื่อมล้ำที่ขยายตัวขึ้น

โดยเมื่อนำสินทรัพย์ของเหล่ามหาเศรษฐีรวยที่สุด 10 อันดับแรกของโลก ที่เพิ่มขึ้นนับตั้งแต่ COVID-19 เริ่มระบาดมารวมกัน จะพบว่ามีมูลค่าสูงกว่าประมาณ 5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เพราะมีระบบเศรษฐกิจเอื้อให้กลุ่มคนร่ำรวย สามารถรักษาความร่ำรวยไว้ได้ ท่ามกลางภาวะวิกฤตทางอันเลวร้าย

อ่านเพิ่มเติม : COVID-19 เร่ง ‘ความเหลื่อมล้ำ’ ให้ร้าวลึก เศรษฐีรวยเเล้วรวยอีก คนจนยิ่งจนลง

ขณะที่กลุ่มมหาเศรษฐี 1,000 อันดับเเรกของโลก กลับมามีสภาพคล่องทางการเงินเทียบเท่าช่วงก่อนเกิดโรคระบาดได้ (Pre-pandemic) เร็วภายใน 9 เดือน ส่วนคนยากจนต้องใช้เวลามากกว่านั้นถึง 14 เท่า หรือคิดเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 10 ปีในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยกลุ่มคนที่มีฐานะร่ำรวยจำนวนนี้ ที่เป็นผู้ชายผิวขาว (White Male) จะกลับมาฟื้นตัวทางการเงินได้เร็วกว่ากลุ่มอื่นๆ ด้วย

Oxfam ให้ความเห็นว่า ทั้ง IMF และรัฐบาลประเทศต่างๆ ควรหลีกเลี่ยงดำเนินนโยบายทางการเงินที่จะซ้ำรอยกับวิกฤตการเงินปี 2008-2009 ด้วยการผลักภาระภาษีจากคนรวยและบริษัทยักษ์ใหญ่ไปสู่ครัวเรือน

 

ที่มา : Reuters , IMF

]]>
1326430
COVID-19 เร่ง ‘ความเหลื่อมล้ำ’ ให้ร้าวลึก เศรษฐีรวยเเล้วรวยอีก คนจนยิ่งจนลง https://positioningmag.com/1316290 Mon, 25 Jan 2021 10:53:41 +0000 https://positioningmag.com/?p=1316290 โรคระบาดเป็นตัวเร่งทำให้ ‘ความเหลื่อมล้ำ’ ในสังคมร้าวลึกมากขึ้น คนรวยยิ่งรวยขึ้น คนจนยิ่งจนลง โดยมหาเศรษฐี TOP 10 ของโลกมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นรวมกันกว่า ‘5 เเสนล้านดอลลาร์สหรัฐ’ ในช่วงวิกฤต COVID-19 ขณะที่ผู้คนหลายร้อยล้านคนมีรายได้ลดลง หนี้สินเพิ่มขึ้นเเละต้อง ‘ตกงาน’

จากรายงานขององค์การ Oxfam ระบุว่า เกือบทุกประเทศในโลก มีความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น อันเป็นผลมาจากการเเพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา

เมื่อนำสินทรัพย์ของเหล่ามหาเศรษฐีรวยที่สุด 10 อันดับแรกของโลก ที่เพิ่มขึ้นนับตั้งแต่ COVID-19 เริ่มระบาด พบว่าจะมีมูลค่าสูงกว่าประมาณ 5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีระบบเศรษฐกิจเอื้อให้กลุ่มคนร่ำรวย สามารถรักษาความร่ำรวยไว้ได้ ท่ามกลางภาวะวิกฤตทางอันเลวร้าย

ขณะที่กลุ่มมหาเศรษฐี 1,000 อันดับเเรกของโลก กลับมามีสภาพคล่องทางการเงิน ‘เทียบเท่า’ ช่วงก่อนเกิดโรคระบาดได้ (Pre-pandemic) เร็วภายใน 9 เดือน ส่วนคนยากจนต้องใช้เวลามากกว่านั้นถึง 14 เท่า หรือคิดเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 10 ปีในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยกลุ่มคนที่มีฐานะร่ำรวยจำนวนนี้ ที่เป็นผู้ชายผิวขาว (White Male) จะกลับมามีฟื้นตัวทางการเงินได้เร็วกว่ากลุ่มอื่นๆ ด้วย

ผลการสำรวจขององค์การ Oxfam ครั้งนี้ จัดทำขึ้นโดยนักเศรษฐศาสตร์ 295 คนจาก 79 ประเทศทั่วโลก พบว่า 87% ของผู้ตอบแบบสอบถาม คาดว่าจะเกิดความเหลื่อมล้ำทางรายได้ในประเทศของตน ‘เพิ่มขึ้น’ หรือ ‘เพิ่มขึ้น อย่างมาก’ อันเป็นผลมาจาก COVID-19

โดยวิกฤตนี้ ทำให้เกิดปัญหาการจ้างงานที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 90 ปี ส่งผลให้ประชาชน ‘หลายร้อยล้านคน’ ทั่วโลกต้องตกอยู่ในภาวะไม่มีงานทำ เวลาทำงานลดลงและตกงาน ส่วนผู้คนอีก ‘หลายพันล้านคน’ เเละผู้ที่อยู่แนวหน้าในการเผชิญกับโรคระบาด อย่าง พนักงานร้านค้า ผู้ค้าขายในตลาด เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ก็ยิ่งมีความเสี่ยงต่อชีวิตเเละรายได้มากขึ้นเรื่อยๆ

ด้านปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเพศก็ยังมีเพิ่มขึ้นต่อไป โดยผู้หญิง เป็นหนึ่งในกลุ่มประชากรที่ได้รับผลกระทบชัดเจนที่สุด เพราะได้ค่าจ้างต่ำกว่าที่จะเป็น เเละยังต้องตกงานในช่วงล็อกดาวน์มากกว่าผู้ชาย

Oxfam ระบุอีกว่า การแพร่ระบาดของ COVID-19 ยังเเสดงให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำทางเชื้อชาติอีกด้วย โดยกลุ่มชาติพันธุ์ชายขอบ มีแนวโน้มที่จะถูกผลักให้ต้องเผชิญกับความยากจนมากขึ้น และถูกกีดกันออกจากระบบทางสาธารณสุข

Gabriela Bucher ผู้อำนวยการ Oxfam International เเนะว่า การต่อสู้กับความเหลื่อมล้ำเป็นหัวใจสำคัญของการเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจ รัฐบาลต้องจัดการเเละดูแลให้ทุกคนสามารถเข้าถึงเงินช่วยเหลือ สวัสดิการต่างๆ รวมถึงวัคซีน โดยควรมีการ ‘จัดเก็บภาษี’ อย่างยุติธรรมเพื่อประโยชน์ของทุกคนไม่ใช่แค่เฉพาะผู้มีสิทธิพิเศษเพียงไม่กี่คนโลกเท่านั้น

 

ที่มา : Oxfam , aljazeera

]]>
1316290
ผลวิจัย “อ็อกซ์แฟม” COVID-19 ทำให้ทั่วโลกมี “คนจน” เพิ่มขึ้นกว่า 500 ล้านคน https://positioningmag.com/1272460 Thu, 09 Apr 2020 07:49:13 +0000 https://positioningmag.com/?p=1272460 มูลนิธิอ็อกซ์แฟม (Oxfam) เปิดเผยว่าไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ กลายเป็นบ่อนทำลายเศรษฐกิจโลก และกลืนกินชีวิตผู้คนไปแล้วกว่า 83,000 ศพ อาจทำให้ประชากรโลกดำดิ่งสู่วงจรความยากจนเพิ่มขึ้นถึง 500 ล้านคน

อ็อกซ์แฟมได้เผยแพร่รายงานชิ้นใหม่ในวันที่ 9 เม.ย. ก่อนที่จะมีการประชุมประจำปีของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) ในสัปดาห์หน้า โดยมุ่งศึกษาผลกระทบจากวิกฤตไวรัส COVID-19 ที่มีต่อปัญหาความยากจนทั่วโลก เนื่องจากครัวเรือนมีรายได้และการบริโภคที่ลดลง

“วิกฤตเศรษฐกิจที่กำลังเกิดขึ้น ถือว่าย่ำแย่ยิ่งกว่าวิกฤตการเงินโลกเมื่อปี 2008 เสียอีก จากการประเมินพบว่า ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นไร ระดับความยากจนทั่วโลกก็จะพุ่งสูงขึ้นเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1990”

อ็อกซ์แฟม คาดว่า การระบาดของไวรัสจะทำให้บางประเทศมีฐานะยากจนลงจนเทียบได้กับเมื่อช่วง 3 ทศวรรษก่อน

คณะผู้วิจัยได้อ้างอิงถึงเส้นความยากจน (poverty lines) หลายระดับตามคำนิยามของเวิลด์แบงก์ ซึ่งครอบคลุมผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 1.90 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน ขึ้นไปจนถึงต่ำกว่า 5.50 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน

หากรายได้ลดลง 20% ซึ่งเป็นฉากทัศน์ขั้นเลวร้ายที่สุด จำนวนประชากรที่ยากจนสุดขีด (extreme poverty) จะเพิ่มขึ้น 434 ล้านคน รวมเป็น 922 ล้านคนทั่วโลก และภายใต้เงื่อนไขเดียวกันนี้จะมีประชากรที่มีรายได้ต่ำกว่า 5.50 ดอลลาร์สหรัฐต่อวันเพิ่มขึ้น 548 ล้านคน รวมเป็นเกือบๆ 4,000 ล้านคน

ผู้หญิงจะมีความเสี่ยงสูงกว่าผู้ชาย เนื่องจากผู้หญิงมักประกอบอาชีพแบบไม่เป็นทางการ ซึ่งทำให้พวกเธอเข้าถึงสิทธิแรงงานเพียงเล็กน้อยหรืออาจจะไม่มีเลย

“ประชากรที่ยากจนที่สุดเหล่านี้ต้องทำงานหาเช้ากินค่ำ ไม่มีสิทธิ์ลางานหรือสะสมปัจจัยยังชีพ” รายงานระบุ พร้อมชี้ว่าแรงงานนอกระบบกว่า 2,000 ล้านคนไม่มีสิทธิ์ลาป่วยโดยได้รับค่าจ้าง

เวิลด์แบงก์เตือนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ภูมิภาคเอเชียตะวันออก และแปซิฟิกจะมีคนจนเพิ่มขึ้นถึง 11 ล้านคน หากสถานการณ์ไวรัสย่ำแย่ลงกว่าที่เป็นอยู่

เพื่อบรรเทาผลกระทบจากไวรัส อ็อกซ์แฟม ได้เสนอแผนปฏิบัติการ 6 ข้อ ซึ่งรวมถึงการแจกเงินสดหรือเงินอุดหนุนแก่พลเมืองและภาคธุรกิจที่มีความเดือดร้อน, การยกหนี้, การสนับสนุนจากไอเอ็มเอฟ และการยกระดับความช่วยเหลือต่างๆ นอกจากนี้ ยังเสนอให้มีการจัดเก็บภาษีจากสินทรัพย์, ผลกำไรพิเศษ และสินค้าทางการเงินแบบเก็งกำไร (speculative financial products) เพื่อระดมเงินทุนที่จำเป็น

อ็อกซ์แฟม ระบุด้วยว่า รัฐบาลทั่วโลกจำเป็นต้องระดมเงินทุนอย่างน้อยๆ 2.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสนับสนุนประเทศกำลังพัฒนาให้สามารถต่อสู้เชื้อไวรัสได้

Source

]]>
1272460