Pinterest – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Fri, 02 Jul 2021 08:49:15 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 สั่งแบน! Pinterest ห้ามโฆษณา “ลดความอ้วน” นโยบายใหม่สอดคล้องกับแนวโน้มผู้ใช้งาน https://positioningmag.com/1340299 Fri, 02 Jul 2021 07:36:10 +0000 https://positioningmag.com/?p=1340299 Pinterest โซเชียลมีเดียสายอาร์ตออกนโยบาย “แบน” โฆษณาที่เกี่ยวกับการ “ลดความอ้วน” ทั้งหมด เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2021 ถือเป็นอีกหนึ่งกระแสโซเชียลมีเดียที่ออกนโยบายโฆษณาเกี่ยวกับรูปร่าง/รูปลักษณ์ภายนอก หลังจากปีก่อน TikTok สั่งแบนโฆษณาอาหารเสริมลดน้ำหนักและแอปฯ อดอาหาร

Pinterest ประกาศนโยบายแบนโฆษณาที่เกี่ยวกับการลดความอ้วนออกจากแพลตฟอร์ม สอดคล้องกับห้วงเวลาที่คนจำนวนมากเริ่มออกไปใช้ชีวิตตามปกติหลังโรคระบาดคลี่คลาย ทำให้ความรู้สึกหวาดหวั่นต่อรูปลักษณ์ภายนอกของตนเองกลับมาอีกครั้ง

“ทั่วโลก ผู้คนจากทุกกลุ่มอายุกำลังเผชิญความท้าทายเกี่ยวกับรูปร่างของตนเองและสุขภาพจิต โดยเฉพาะเมื่อเราเพิ่งจะฟื้นตัวจากโรคระบาด COVID-19 และเริ่มเทศกาลฤดูร้อน” Pinterest เปิดเผยในเอกสารแถลงข่าวเมื่อวานนี้ “หลายคนเริ่มรู้สึกกดดันเมื่อเริ่มกลับเข้าสังคมแบบพบปะกันอีกครั้งในรอบ 15 เดือน”

นโยบายดังกล่าวจะแบนข้อมูลในโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับการ “ลดความอ้วน” ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นภาพหรือภาษาที่ “ทำให้รูปร่างแบบหนึ่งๆ เป็นรูปร่างในอุดมคติ” หรือ “ด้อยค่ารูปร่างแบบใดแบบหนึ่ง” การแบนครั้งนี้ยังหมายรวมไปถึงโฆษณาที่อ้างอิงกับมาตรวัด BMI (Body Mass Index) ไปจนถึงสินค้าที่กล่าวอ้างว่า เมื่อสวมใส่หรือทาสิ่งเหล่านี้ลงบนผิวพรรณแล้วจะช่วยให้ลดความอ้วนได้

กระแส body neutrality กำลังมาแรงบน Pinterest

การแบนในครั้งนี้ถือว่าสอดคล้องกับความสนใจของผู้ใช้ Pinterest ในช่วงปีที่ผ่านมาด้วย โดยแพลตฟอร์มพบว่า คำค้นหาอย่าง “body neutrality” (แนวคิดการยอมรับรูปร่างของตนเองและไม่สนับสนุนให้รูปร่างของคนเป็นสิ่งตัดสินคุณค่าของคนคนนั้น) และ “stop body shaming quotes” (คำคมเพื่อหยุดการเหยียดหยามรูปร่าง) พุ่งขึ้นถึง 5 เท่าภายในปีเดียว

นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังค้นหาคำคม (quote) เกี่ยวกับการยอมรับในรูปร่างของตนเองเพิ่มขึ้น 7 เท่า ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2021 เทียบกับเดือนเดียวกันของปี 2020 รวมถึงการค้นคำว่า “self-love illustration art” (ศิลปะภาพวาดเพื่อสนับสนุนความรักในตนเอง) ก็เพิ่มขึ้นไปถึง 63 เท่าเช่นกัน

Pinterest ย้ำว่า แพลตฟอร์มจะยังอนุญาตให้มีโฆษณาที่เกี่ยวกับ “ไลฟ์สไตล์สุขภาพ” หรือบริการ กิจกรรม หรือสินค้าที่เกี่ยวกับการออกกำลังกาย/ความแข็งแรงของร่างกาย ตราบใดที่สินค้าหรือบริการเหล่านั้นไม่มุ่งเน้นพูดถึงเรื่องการลดน้ำหนัก

ข้อมูลหรือโฆษณาเกี่ยวกับการออกกำลังกายยังได้ไปต่อบน Pinterest

บริษัทยังกล่าวต่อไปด้วยว่า บริษัทขอเรียกร้องให้เพื่อนร่วมวงการเดินตามรอยของบริษัทที่ได้นำทางไปก่อนแล้ว “เราขอสนับสนุนให้คนอื่นๆ ในอุตสาหกรรมทำสิ่งเดียวกัน และให้ความรู้สักครั้งหนึ่งว่า ไม่มีสิ่งที่เรียกว่า ‘ไซส์เดียวใส่ได้ทุกคน’ บนโลกนี้”

ปีที่แล้ว TikTok เป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่เริ่มขยับเรื่องการ “ลดความอ้วน” โดยออกนโยบายแบนการโฆษณาสินค้าอาหารเสริมเพื่อลดน้ำหนักและแอปฯ ที่เกี่ยวกับการอดอาหาร และย้อนไปเมื่อปี 2019 แอปฯ Instagram เคยปรับปรุงกฎการโฆษณาสินค้าลดน้ำหนักและการศัลยกรรมความงามให้เข้มงวดขึ้น จุดประสงค์หลักเพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มเยาวชนเห็นโฆษณากลุ่มนี้

Source

]]>
1340299
อย่างเจ็บ! เมื่อ ‘Facebook’ ถูกเรียก ‘นักก๊อป’ มูลค่า 7.7 แสนล้านเหรียญ https://positioningmag.com/1320170 Fri, 19 Feb 2021 09:59:00 +0000 https://positioningmag.com/?p=1320170 Facebook ยังคงเป็นหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีที่มีมูลค่าใหญ่ที่สุดและเป็นที่รู้จักมากที่สุดในโลก พร้อมกับครองตลาดโฆษณาออนไลน์เช่นเดียวกับ Google แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามีการพาดหัวข่าวเกี่ยวกับการ ‘ก๊อปฟีเจอร์ยอดนิยม’ จากคู่แข่งมากกว่าที่มีในการสร้างฟีเจอร์และผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ด้วยตัวเอง

ย้อนไป 4 ปีที่แล้ว ‘Facebook’ มักจะมีนวัตกรรมอะไรที่น่าตื่นเต้นอยู่เสมอ โดยบริษัทได้จัดตั้งแผนกฮาร์ดแวร์ใหม่ชื่อ ‘Building 8’ โดยมีทีมนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรดูแลโดยผู้บริหารจาก DARPA และประกาศว่ากำลังสร้างเทคโนโลยีเพื่อช่วยให้สามารถ ‘พิมพ์ด้วยสมอง’ และ ‘ได้ยินด้วยผิวหนัง’ นอกจากนี้มีข่าวว่าจะผลิต ‘สมาร์ทโฟน’ ด้วย

ในตอนนั้นยังไม่รู้ว่าสิ่งที่คิดนั้นจะสามารถเกิดขึ้นจริงได้หรือไม่ แต่มันให้ความรู้สึกแปลกใหม่และแตกต่างจากสิ่งที่บริษัทเคยทำมา แต่แล้วผู้บริหาร DARPA ก็ออกจาก Facebook ในอีกไม่กี่เดือนต่อมา และหนึ่งปีหลังจากนั้น Building 8 ก็ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น ‘Portal’ ชื่อเดียวกับ ‘Facebook Portal’ ลำโพงอัจฉริยะที่ Facebook สร้างขึ้นเพื่อแข่งขันกับผลิตภัณฑ์ที่คล้ายคลึงกันจาก ‘Amazon’

Computer screen showing the website for social networking site, Facebook (Photo by In Pictures Ltd./Corbis via Getty Images)

แทนที่จะใช้เทคโนโลยีหรืออุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ใหม่ ๆ Facebook ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ลอกเลียนแบบจำนวนมากที่ยกมาจาก YouTube, Twitch, TikTok, LinkedIn, Pinterest และ Slack โดย Facebook ดำเนินการเกี่ยวกับแอปหาคู่ยอดนิยมเปิดตัวคู่แข่ง Craigslist และฉีกฟีเจอร์ Stories ยอดนิยมของ Snapchat ในปี 2559 ไม่นานก่อนที่จะเผยแพร่ต่อสาธารณะ และที่เพิ่งมีข่าวไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ก็คือ Facebook กำลังต้องการทำฟีเจอร์แบบเดียวกับ ‘Clubhouse’ ซึ่งเป็นแอปที่กำลังเป็นที่นิยมในขณะนี้

นอกเหนือจากการก๊อปแล้ว เมื่อ Facebook ไม่สามารถเอาชนะพวกเขาได้มันก็ซื้อมันเหมือนกับที่ซื้อ ‘Instagram’ ในปี 2012 เช่นเดียวกับ ‘WhatsApp’ และ ‘Oculus’

เพราะทั้งซื้อและก๊อปฟีเจอร์ทำให้หน่วยงานกำกับดูแลในสหรัฐอเมริกากล่าวหา Facebook ว่าใช้ “อำนาจการครอบงำและการผูกขาดเพื่อบดขยี้คู่แข่งที่มีขนาดเล็กกว่า” ตามคำพูดของ Letitia James อัยการสูงสุดแห่งนิวยอร์ก ซึ่งเป็นผู้นำกลุ่มในการสืบสวน Facebook

ด้วยความพยายามในการก็อปที่ต่อเนื่องทำให้เกิดคำถามพื้นฐานเกี่ยวกับความสามารถในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ของ Facebook ซึ่งมักถูกมองว่าเป็นส่วนสำคัญของบริษัทเทคโนโลยี อย่างไรก็ตาม Facebook นั้นไม่ใช่บริษัทเทคโนโลยีรายแรกหรือรายเดียวที่ก๊อปฟีเจอร์ แต่ทุกแพลตฟอร์มออนไลน์ดูเหมือนจะคัดลอก TikTok ในระดับหนึ่งรวมถึง Snapchat และ YouTube อย่างไรก็ตาม สำหรับ Facebook เองก็ยากที่จะบอกได้ว่าครั้งสุดท้ายที่ Facebook สร้างนวัตกรรมที่เป็นของตัวเองอย่างแท้จริงคือตอนไหน

Tucker Marion รองศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยนอร์ทอีสเทิร์น ที่มุ่งเน้นไปที่การเป็นผู้ประกอบการและนวัตกรรม กล่าวว่า การก๊อปของคู่แข่งไม่ใช่กลยุทธ์ที่ไม่ดี แต่จำเป็นต้องควบคู่ไปกับการที่บริษัทดำเนินการตามแนวคิดดั้งเดิมของตนเองด้วย

เพื่อความเป็นธรรมการสร้างสรรค์สิ่งใหม่เป็นเรื่องยาก โดย Google ได้เผาผลาญเงินหลายพันล้านดอลลาร์ในโครงการต่าง ๆ ตั้งแต่การร่วมทุนบอลลูนอินเทอร์เน็ตที่มีความทะเยอทะยานไปจนถึงรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเองและมีความขยันขันแข็งมากขึ้นเกี่ยวกับการทดลอง

Facebook ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมานับตั้งแต่เปิดตัว News Feed ในปี 2006 หลายเดือนหลังจากที่ Twitter เปิดตัวและช่วยเปลี่ยนวิธีที่ผู้คนบริโภคข้อมูลทางออนไลน์ จากนั้นการเปิดตัวโทรศัพท์ Facebook ก็ล้มเหลว การทดลองใช้โดรนส่งมอบอินเทอร์เน็ตที่บินด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ก็เงียบไป และ cryptocurrency ตัวใหม่ (TBD ก็ยังมีปัญหาในช่วงแรก ๆ)

ในทางกลับกันความพยายามบางส่วนในการเลียนแบบคู่แข่งประสบความสำเร็จอย่างมหาศาล Instagram Stories ซึ่งเป็นก๊อป Snapchat กลายเป็นวิธีเริ่มต้นในการสื่อสารและเชื่อมต่อสำหรับผู้คนนับล้าน รวมถึง Facebook Marketplace กลายเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยม

ที่ผ่านมา Kevin Systrom ผู้ร่วมก่อตั้งและอดีต CEO ของ Instagram เคยกล่าวไว้เมื่อถูกถามเกี่ยวกับปัญหาการลอกเลียนแบบว่า “ลองนึกภาพรถคันเดียวในโลกคือ Model T ในตอนนี้มีคนประดิษฐ์รถขึ้นมาใหม่มันเจ๋งมาก แต่คุณจะโทษไหมที่บริษัทอื่น ๆ สร้างรถยนต์ที่มีล้อพวงมาลัยและแอร์และหน้าต่างเหมือนกัน คำถามคือ คุณสร้างสิ่งที่ไม่เหมือนใครได้อย่างไร?”

คงจะจริงอย่างที่ว่า เพราะผู้บริโภคทั่วไปไม่สนใจว่าใครจะนึกถึงแนวคิดนี้ก่อน พวกเขาสนใจว่าใครเป็นผู้ดำเนินการได้ดีที่สุด อย่าง Apple ไม่ได้คิดค้นสมาร์ทโฟนขึ้นมา แต่เพียงแค่สร้างเครื่องที่ดีที่สุดในเวลานั้น นั่นเป็นเหตุผลที่ Instagram Stories ทำให้ฐานผู้ใช้ทั้งหมดของ Snapchat ลดลงอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งปีแม้ว่า Facebook จะไม่ใช่คนที่คิดค้น และด้วยเหตุนี้ Reels ซึ่งเป็นฟีเจอร์วิดีโอรูปแบบสั้นจึงพยายามดิ้นรนเพื่อให้ได้รับแรงการตอบรับและแข่งขันกับอัลกอริทึมการแนะนำที่มีประสิทธิภาพของ TikTok

แม้แต่เทคโนโลยีการพิมพ์ด้วยสมองก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ เมื่อไม่ถึงหนึ่งเดือนก่อนหน้านี้ Elon Musk มีแผนจะใช้สมองกับคอมพิวเตอร์ อินเทอร์เฟซคอมพิวเตอร์สมองอื่น ๆ มีการใช้งานมานานหลายทศวรรษแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหวังว่าวันหนึ่งจะตื่นขึ้นมาพร้อมกับนวัตกรรมใหม่ ๆ จาก Facebook และแม้จะมีนักวิจารณ์พูดถึง Facebook แบบนี้ แต่ตัวแทนของบริษัทก็ยังไม่ตอบกลับคำร้องขอความคิดเห็นในเรื่องนี้ทันที

Source

]]>
1320170
แบกคนเดียวไม่ไหว Facebook-Microsoft จับมือ WHO ผุด ‘Hackathon’ เฟ้นหาโซลูชั่นกู้วิกฤติ Covid-19 https://positioningmag.com/1269861 Wed, 25 Mar 2020 05:09:55 +0000 https://positioningmag.com/?p=1269861 มหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกิ้นส์ระบุว่า ทั่วโลกมีผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มากกว่า 375,498 รายและมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 16,362 คน ส่งผลให้บริษัทผู้พัฒนาแพลตฟอร์มระดับโลกต้องจับมือกับ องค์การอนามัยโลก หรือ WHO เพื่อจัดโครงการ Hackathon สำหรับเฟ้นหาซอฟต์แวร์ที่จะมาช่วยแก้วิกฤติในครั้งนี้

องค์การอนามัยโลก ได้ร่วมมือกับ Facebook, Microsoft และบริษัท เทคโนโลยีอื่น ๆ หลายแห่ง อาทิ Twitter, WeChat, TikTok, Pinterest, Slack และ Giphy ในกาจัดโครงการ Hackathon #BuildforCOVID19 เพื่อส่งเสริมการพัฒนาซอฟต์แวร์ สำหรับใช้รับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

โดย Hackathon #BuildforCOVID19 ถูกประกาศเมื่อวันอังคาร และจะเริ่มเปิดรับส่งโครงการในวันพฤหัสบดี โดยเหล่าพาร์ตเนอร์ต่าง ๆ ที่ร่วมกันจัดงานจะช่วงแบ่งปันทรัพยากรเพื่อสนับสนุนผู้เข้าร่วมตลอดระยะเวลาการทำโครงการ โดย Hackathon นี้ จะช่วยกระตุ้นให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์ สร้างโครงการที่มุ่งเน้นเรื่องสุขภาพประชากรที่ยังคงมีช่องโหว่

Mark Zuckerberg

“เมื่อพิจารณาถึงความโดดเดี่ยวในชุมชนในขณะนี้ เราต้องการสร้างพื้นที่ออนไลน์ที่นักพัฒนาสามารถคิดทดลองและสร้างโซลูชั่นซอฟต์แวร์เพื่อช่วยแก้ไขวิกฤตินี้ ฉันหวังว่าต้นแบบและความคิดที่มีประโยชน์บางอย่างจะออกมาจากงานนี้เช่นกัน” Mark Zuckerberg CEO Facebook กล่าว

ทั้งนี้ กำหนดส่งโครงการคือวันจันทร์ Hackathon จะประกาศผลงานยอดนิยมในวันที่ 3 เมษายน

Source

#Hackathon #BuildforCOVID19 #Covid19 #Facebook #Microsoft #Twitter #WeChat #TikTok #Pinterest #Slack #Giphy #WHO #Positioningmag

]]>
1269861
Facebook คลอด “Hobbi” แอปใหม่ใช้รวมไอเดีย งานอดิเรก ท้าชน Pinterest https://positioningmag.com/1265074 Wed, 19 Feb 2020 18:31:56 +0000 https://positioningmag.com/?p=1265074 Facebook เปิดตัวแอปพลิเคชันใหม่ที่ถูกวิจารณ์ว่ามองเหมือนแอปปักหมุดเว็บไซต์น่าสนใจ Pinterest ที่ชาวเน็ตใช้แบ่งปันเรื่องราวงานอดิเรกของตัวเอง ด้าน Facebook ยืนยันแอปนี้เน้นให้ผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง ขณะที่ Pinterest มองต่างเพราะทั้งคู่ยืนคนละจุด

แอปพลิเคชันใหม่ของ Facebook มีชื่อว่าฮอบบิ” (Hobbi) แอปพลิเคชันจะเชิญให้ผู้ใช้จดบันทึก และรวมไอเดียแนวคิด ชิ้นงานอดิเรก และแรงบันดาลใจไว้ในที่เดียว แนวคิดนี้คล้ายกับแอปที่เน้นไลฟ์สไตล์ซึ่งเปิดให้ผู้ใช้ทำบุ๊คมาร์ค (bookmark) หรือบันทึกไอเดียนั้นเพื่อไม่ลืมและกลับมาอ่านซ้ำได้ง่ายในอนาคต

เช่นเดียวกัน Hobbi ยังช่วยให้ผู้ใช้บุ๊กมาร์กรูปภาพและวิดีโอในแอป ขณะเดียวกันก็จัดระเบียบเนื้อหาเหล่านี้ภายใต้หมวดหมู่ต่างๆ คุณสมบัติเพิ่มอีกอย่างคือความสามารถที่ผู้ใช้จะตรวจสอบความคืบหน้าของโปรเจกต์ตัวเอง ทั้งหมดนี้ Hobbi จะถูกแยกออกจาก Facebook เพื่อเป็นแอปของตัวเองผู้ใช้สามารถดูเนื้อหาตามไลฟ์สไตล์โดยไม่ต้องมีเครือข่ายสังคมใดมารองรับ

อย่างไรก็ตาม โฆษกของ Pinterest กล่าวกับสื่อใหญ่อย่างซีเอ็นเอ็น (CNN) ว่าจุดต่างคือ Hobbi เน้นช่วยให้ผู้ใช้จัดเก็บข้อมูล และจดจำสิ่งที่ผู้ใช้ทำ ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับอดีต แต่ Pinterest นั้นเกี่ยวกับการค้นหาไอเดีย และสิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจสำหรับอนาคต

น่าเสียดายที่ Facebook ยังไม่ออกมาแสดงความเห็นใด โดย Hobbi เป็นผลงานการพัฒนาของทีม NPE ใน Facebook ซึ่งถูกตั้งขึ้นในเดือนกรกฎาคม 2019 เพื่อพัฒนาแอปที่เน้นผู้บริโภคเป็นศูนย์กลางหรือ consumer-centered apps ผลงานที่ผ่านมาคือแอปสร้าง meme ชื่อ Whale และล่าสุดคือ Hobbi แอปพลิเคชันล่าสุดที่มีให้บริการบน iPhone และ iPad แล้ว ผ่านร้านแอปสโตร์ (App Store)

Source

]]>
1265074