Rabbit Care – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 02 Mar 2023 12:12:03 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 Rabbit Care รุกธุรกิจเปรียบเทียบสินเชื่อ มองรายได้รวมโต 50% แม้ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจสูง https://positioningmag.com/1421499 Thu, 02 Mar 2023 08:33:54 +0000 https://positioningmag.com/?p=1421499 แรบบิท แคร์ (Rabbit Care) มองตลาดสินเชื่อของไทยยังเติบโตได้สูง แม้ว่าจะมีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ซึ่งกระทบต่อการอนุมัติสินเชื่อก็ตาม ล่าสุดบริษัทรุกธุรกิจเปรียบเทียบสินเชื่อ ขณะเดียวกันก็คาดว่ารายได้บริษัทในปี 2023 นี้จะโตมากถึง 50%

ไมเคิล มันเฟรด สไตลเบิล ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แรบบิท แคร์ จำกัด เปิดเผยถึงตลาดประกันภัยนั้นมียอดเติบโตแบบทบต้นตั้งแต่ปี 2019-2021 เฉลี่ยที่ 3.8% ขณะที่ปี 2022 ที่ผ่านมานั้นเติบโต 4.3%

ขณะที่ช่องทางจำหน่ายกรมธรรม์นั้นมาจาก Broker ประกันภัยสัดส่วนมากถึง 70% แล้ว จากเดิมในปี 2018 ที่มีสัดส่วนเพียงแค่ 59% เท่านั้น โดยภาพรวมระยะยาว ไมเคิลมองว่าจะมีการควบรวมกิจการของ Broker เข้าด้วยกัน เนื่องจากต้นทุนในการทำธุรกิจที่มากขึ้น

ในปี 2022 ผู้บริหารสูงสุดของ Rabbit Care ได้กล่าวว่า ผลประกอบการในปี พ.ศ. 2565 ที่ผ่านมา แรบบิท แคร์บรรลุเป้าหมายเบี้ยประกันกว่า 3,000 ล้านบาท ขณะที่รายได้คอมมิชชั่นจากผลิตภัณฑ์ทางการเงินเติบโตขึ้น 144% ทะลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ หลังจากการเปิดตัว CareOS ซึ่งเป็นการพัฒนาเครื่องมือเปรียบเทียบ ผลิตภัณฑ์บัตรเครดิต เมื่อปีที่ผ่านมา

สำหรับกลยุทธ์ของ Rabbit Care ในปีนี้ ไมเคิล ได้กล่าวถึง ตลาดสินเชื่อในประเทศไทยมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นสูงขึ้น แม้ว่าความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจจะส่งผลกระทบต่อการอนุมัติสินเชื่อ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมามีความเข้มงวดมากยิ่งขึ้น ส่งผลทำให้ในปีที่ผ่านมายอดสินเชื่อเติบโตแค่ 3% เท่านั้น ลดลงจากปี 2021 ที่เติบโตถึง 4.6%

ขณะเดียวกันเขายังชี้ว่าความต้องการของบริโภคต้องการจะหาสินเชื่อที่เหมาะสมกับตัวเอง จึงทำให้บริษัทมองเห็นช่องทางดังกล่าว

ปัจจัยดังกล่าว ทำให้ในปีนี้ทาง Rabbit Care ได้ขยายบริการสู่ตลาดสินเชื่อส่วนบุคคล โดยมีการเปรียบเทียบสินเชื่อระหว่างสถาบันการเงินต่างๆ นอกจากนี้ยังรวมถึงการจับมือกับพาร์ตเนอร์รายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทั้ง KTC หรือแม้แต่ KBJ Capital ซึ่งเป็นกิจการร่วมทุนระหว่าง Jaymart และ KB Kookmin Card จากประเทศเกาหลีใต้ เพื่อที่จะเจาะตลาดสินเชื่อส่วนบุคคลมากขึ้น

ไมเคิลยังกล่าวว่าคนไทย 15 ถึง 20 ล้านคนยังไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้ ซึ่งเป็นโอกาสของบริษัท

นฝั่งของประกันภัยนั้น บริษัทจับมือกับพาร์ตเนอร์เตรียมที่จะออกประกันภัยรถยนต์แบบรายครั้ง (Pay Per Use) ซึ่งเหมาะกับผู้ที่ไม่ได้ใช้รถยนต์บ่อยๆ แต่ต้องการประกันภัยที่ครอบคลุม

ปัจจุบัน Rabbit Care มีผลิตภัณฑ์ทางการเงิน เช่น ประกัน ฯลฯ รวมถึงผลิตภัณฑ์สินเชื่อ 16 ผลิตภัณฑ์ โดยในกลุ่มผลิตภัณฑ์สินเชื่อส่วนบุคคลและสินเชื่อเพื่อธุรกิจรายย่อย จาก 10 พาร์ตเนอร์ชั้นนำ ทั้งที่เป็นสถาบันการเงิน (Bank) และผู้ประกอบธุรกิจที่เป็นสถาบันการเงินที่มิใช่ธนาคาร (Non-bank)

เป้าหมายสำหรับปีนี้นั้น Rabbit Care มีการตั้งเป้าเบี้ยประกันรวมของทุกผลิตภัณฑ์ไว้ที่ 4,500 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้รายได้โดยรวมเติบโตจากปี 2022 มากถึง 50% ขณะที่ฝั่งของสินเชื่อคาดว่าจะปล่อยสินเชื่อ 1,500 ล้านบาทผ่านแพลตฟอร์มของบริษัท

]]>
1421499
Rabbit Care ตั้งเป้า IPO ภายใน 4 ปี มั่นใจเบี้ยประกันภัยแตะ 3 พันล้านได้ตามเป้า https://positioningmag.com/1401144 Wed, 21 Sep 2022 16:57:09 +0000 https://positioningmag.com/?p=1401144 แพลตฟอร์มโบรกเกอร์ประกันภัยอย่าง Rabbit Care ได้ตั้งเป้าที่จะ IPO ในตลาดหุ้นช่วง 4 ปีข้างหน้านี้ โดยในปีนี้บริษัทมั่นใจถึงเบี้ยประกันภัยแตะ 3,000 ล้านบาทได้ตามเป้า ขณะเดียวกันก็เตรียมขยายจำนวนของผลิตภัณฑ์ทางการเงินเพิ่มเติมหลังจากนี้

หลังจากในปี 2021 ทีผ่านมา แรบบิท ไฟแนนซ์ (Rabbit Finance) เริ่มรีแบรนด์ดิ้งปรับภาพลักษณ์ใหม่เป็น แรบบิท แคร์ (Rabbit Care) ตั้งเเต่ช่วงเดือนตุลาคมปี 2021 ที่ผ่านมา รวมถึงได้ผู้ลงทุนในบริษัทรายใหม่ แต่ล่าสุดในช่วงเดือนกันยายนของปี 2022 บริษัทนั้นมีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจในหลายประเด็น

ไมเคิล มันเฟรด สไตลเบิล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Rabbit Care เปิดเผยว่า บริษัทได้ตั้งเป้าว่าเบี้ยประกันภัยในปีนี้จะแตะ 3,000 ล้านบาทได้ เนื่องจากในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2022 บริษัทได้ทำยอดไปแล้วมากกว่า 2,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ Rabbit Care ยังมีการเปิดตัวแพล็ตฟอร์มการเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์บัตรเครดิตในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยภายในสิ้นปี 2022 บริษัทคาดว่าจะมียอดการสมัครบัตรเครดิตกว่า 300,000 ใบ

ขณะเดียวกันบริษัทยังได้เปิดตัว CareOS เป็นระบบปฎิบัติการณ์ความแคร์ ที่ช่วยประมวลผลผลิตภัณฑ์ด้านประกันภัยและการเงินแบบ Omni-Channel ที่ช่วยทำให้สามารถเปรียบเทียบ หรือสามารถซื้อหรือสมัครบริการทางการเงินได้ทันที

อังเดร โอลิเวอร์ เพรนซโลว์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ ได้กล่าวว่าการพัฒนา CareOS ได้ใช้งบประมาณกว่า 10 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราวๆ 365 ล้านบาท โดยมีนักพัฒนาระบบมากถึง 95 คน นอกจากนี้ระบบดังกล่าวที่ช่วยลูกค้าให้สามารถเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ได้แล้วนั้น ยังช่วยให้พันธมิตรของ Rabbit Care ใช้ข้อมูลในส่วนนี้สร้างแคมเปญทางการตลาดตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายมากขึ้น

ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ Rabbit Care ยังกล่าวว่าในกรณีของบัตรเครดิต Rabbit Care ยังมีฐานคะแนนส่งให้กับสถาบันการเงินว่ามีโอกาสที่จะอนุมัติหรือไม่ และบางแห่งสามารถพิจารณาได้เลย

ทาง Rabbit Care ยังได้ออกแคมเปญ Chief Family Officer หรือ CFO หมายถึง “ผู้บริหารครอบครัว” ซึ่งเป็นผู้นำในการตัดสินใจในการเลือกผลิตภัณฑ์ที่คุ้มค่าให้กับครอบครัว เป็นผู้ที่มีความรับผิดชอบที่หลากหลายในการจัดการภาระหน้าที่ทั้งในด้านการทำงานและที่บ้าน ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ต้องการแพลตฟอร์มอย่าง Rabbit Care ที่ช่วยให้สามารถเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ทางการเงินหรือแม้แต่ประกันภัย เพื่อประกอบการตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

ชยพัทธ์ สกุลร่มโพธิ์ชัย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเชิงพาณิชย์ ยังได้เปิดเผยกับ Positioning ว่าบริษัทมีแผนที่จะ IPO ในตลาดหลักทรัพย์ในช่วง 4 ปีข้างหน้านี้ โดยบริษัทพยายามที่จะครองส่วนแบ่งทางการตลาดในธุรกิจให้ได้ 1 ใน 3  และบริษัทต้องการที่จะกระโดดมาเน้นด้านขายกรมธรรม์ออนไลน์เต็มตัวเจ้าแรกๆ ของไทย

ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเชิงพาณิชย์ ได้กล่าวว่าบริษัทได้ระดมทุน Series C ไป และมีผู้ลงทุนรายใหม่คือ Winter Capital ซึ่งได้นำ Know How ให้กับบริษัทหลายเรื่อง เช่น ระบบการเก็บข้อมูล KYC เป็นต้น

ปัจจุบัน Rabbit Care มีผลิตภัณฑ์แผนประกันและสินเชื่อที่หลากหลายครอบคลุมมากกว่า 40,000 แผนประกัน ขณะที่ผลิตภัณฑ์ทางการเงินนั้นมีมากกว่า 50 ตัวเลือก จากพาร์ทเนอร์รวมมากกว่า 50 บริษัทชั้นนำ โดยบริษัทได้เตรียมที่จะขยายตัวเลือกให้มากขึ้น โดยล่าสุดกำลังมีการเจรจากับพาร์ตเนอร์หลายรายเพื่อที่จะนำผลิตภัณฑ์การเงินอื่นๆ เข้ามาในแพลตฟอร์มมากขึ้นหลังจากนี้

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยจากการสัมภาษณ์

  • ลูกค้าที่ใช้แพลตฟอร์มของ Rabbit Care มากที่สุดนั้นมีอายุราวๆ 30-45 ปี
  • ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเชิงพาณิชย์ของ Rabbit Care มองว่าเบี้ยประกันภัยในภาพรวมในตลาดนั้นมีแต่จะเพิ่มขึ้น
  • บริษัทกำลังขยายไปยังผลิตภัณฑ์การเงินอื่นๆ ด้วย ไม่ใช่แค่ประกันกับสินเชื่อและบัตรเครดิตเท่านั้น เนื่องจากผลิตภัณฑ์ทางการเงินในปัจจุบันมีหลากหลาย
  • ขณะที่การเข้ามาของ Rabbit Life ทำให้ผลิตภัณฑ์ใน Rabbit Care หลากหลาย แต่บริษัทได้เน้นถึงเรื่องของการไม่ยัดเยียดผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้า (ให้ลูกค้าได้ตัดสินใจเอง)
]]>
1401144
ก้าวต่อไป ‘Rabbit Care’ หลังรีเเบรนด์ครั้งใหญ่ กับเป้าหมายเบี้ยประกันโต 3 พันล้านในปีนี้ https://positioningmag.com/1373037 Mon, 07 Feb 2022 11:13:17 +0000 https://positioningmag.com/?p=1373037 ก้าวต่อไปของ ‘Rabbit Care’ โบรกเกอร์ประกันออนไลน์ หลังรีเเบรนด์ครั้งใหญ่จาก ‘Rabbit Finance’ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้ายุคดิจิทัลให้หลากหลายมากขึ้น พร้อมรุกประกันสุขภาพ ตั้งเป้าหมายเพิ่มมาร์เก็ตเเชร์เป็น 5-10% ให้ได้ภายใน 5-10 ปี เล็งบุกเวียดนาม-อินโดฯ 

เเม้จะเจอความท้าทายจากวิกฤตโควิด เเต่ดูเหมือนว่าธุรกิจแพลตฟอร์มนายหน้าประกันภัย จะได้รับอานิสงส์ที่ดีจากการที่ลูกค้าเริ่มเห็นความสำคัญในการซื้อประกันมากขึ้น

ในปี 2564 ที่ผ่านมา Rabbit Care มีเบี้ยประกันภัยเติบโตเพิ่มขึ้นจาก 700 ล้านบาทในปี 2563 เป็น 1.9 พันล้านบาทในปี 2564 เพิ่มขึ้นถึง 166% เป็นแพลตฟอร์มนายหน้าประกันภัยที่เติบโตเร็วที่สุดในประเทศไทย ขยายทีมงาน 300 คนสู่ 700 คนในปัจจุบัน

โดยประกันภัยรถยนต์ของบริษัท มีการเติบโตเพิ่มขึ้น 212% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ส่วนหนึ่งมาจากการเข้าซื้อกิจการของโบรกเกอร์ ‘Asia Direct’ ขณะที่กลุ่มประกันสุขภาพ เติบโตขึ้น 261% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า รวมถึงด้านประกันภัยองค์กรที่เติบโต 63%

นอกจากนี้ บริษัทยังได้ผู้ถือหุ้นรายใหม่ผ่านรอบการลงทุน Series B ได้แก่ Samsung Ventures และ Korea Investment Partners

รีเเบรนด์ให้เข้าถึงง่าย 

Rabbit Finance (แรบบิท ไฟแนนซ์) เริ่มรีแบรนด์ดิ้งปรับภาพลักษณ์ใหม่เป็น Rabbit Care (แรบบิท แคร์) ตั้งเเต่ช่วงเดือนตุลาคม ปีที่ผ่านมา

ไมเคิล มันเฟรด สไตลเบิล ผู้ร่วมก่อตั้ง และประธานกรรมการผู้จัดการ บริษัท แรบบิท แคร์ จำกัด เล่าว่า นับเป็นก้าวสำคัญที่จะทำให้ผู้คนได้รู้จักเเบรนด์มากขึ้น ให้มากกว่าการเป็นมาร์เก็ตเพลสของผลิตภัณฑ์ประกัน ซึ่งได้ร่วมมือกับเอเยนซี่เจ้าใหญ่อย่างโอกิลวี่เพื่อสื่อสารเเบรนด์ในรูปแบบใหม่

โดยจะมุ่งเน้นไปยังการให้คำปรึกษาเเละนำเสนอโซลูชันการเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ประกันและการเงินอย่างโปร่งใส ในขณะเดียวกันยังแสดงออกถึงความใส่ใจทุกความต้องการของลูกค้า

ในส่วนของการออกเเบบโลโก้ใหม่นั้นที่เป็นรูปหัวใจนั้น ได้แรงบันดาลใจมาจากหูของมาสคอตกระต่าย รวมถึงการเปลี่ยนสีประจำองค์กรให้เป็น “Caring Blue” ที่สื่อถึงความสงบ และดูน่าเชื่อถือมากขึ้น ตลอดจนการเปลี่ยนสโลแกนของแบรนด์เป็นใช้ใจแคร์ ดูแลครบหรือ “Complete Care” ควบคู่ไปกับการนำเสนอมาสคอตน้องแคร์ในฐานะผู้จัดการความแคร์ สื่อให้เห็นถึงการดูแลและสนับสนุนลูกค้า

เราอยากจะเป็นทางเลือกเเรกที่ให้คอยคำปรึกษา เมื่อผู้คนคิดจะซื้อประกันหรือผลิตภัณฑ์การเงินใดๆ สร้างความรู้เเละความเข้าใจ ให้สามารถตัดสินใจเลือกสิ่งที่เหมาะกับตัวเองมากที่สุด ในราคาที่ดีที่สุด

เป้าปี 65 เบี้ยประกันภัย 3 พันล้าน เล็งขยายอาเซียน 

สำหรับภาพรวมของตลาดประกันภัยทั่วโลก และในประเทศไทย ปี 2565 คาดว่าจะทยอยฟื้นตัวจากโควิด-19

โดยตลาดประกันภัยในไทย อยู่ในระดับที่ยังสามารถดำเนินการได้ดีเเละมีโอกาสขยายตัวได้สูง เนื่องจากสัดส่วนเบี้ยประกันรวมยังอยู่ที่ 5.3% ของ GDP ถือว่าต่ำกว่าตลาดอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก อย่าง ฮ่องกง ไต้หวัน เกาหลีใต้ เเละสิงคโปร์ ซึ่งมีสัดส่วนเบี้ยประกันภัยอยู่ที่ 20.8%, 17.4% , 11.6% เเละ 9.5% ของ GDP ตามลำดับ

แนวโน้มของตลาดในเชิงบวกนี้ สอดคล้องไปกับแนวโน้มพฤติกรรมการซื้อสินค้าและบริการออนไลน์ของประชาชนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

Rabbit Care คาดว่าการเติบโตของบริษัทในปีนี้ จะเเตะตัวเลข 2 หลัก ตั้งเป้าเบี้ยประกันภัยเติบโตเเตะ 3 พันล้านบาท พร้อมตั้งเป้าหมายมีส่วนแบ่งทางการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) เบี้ยประกันวินาศภัยในระดับ 5-10% ในช่วง 10 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันครองมาร์เก็ตแชร์เพียง 1% เพราะยังเป็นบริษัทขนาดเล็กที่มีโอกาสเติบโตต่อไป

นอกจากนี้ ภายใน 18 เดือนข้างหน้า Rabbit Care มีเเผนจะขยายธุรกิจออกไปยังอาเซียนอย่างเวียดนามและอินโดนีเซียด้วย

โดยในช่วงนี้จะมุ่งโฟกัสไปที่การสร้างเเพลตฟอร์มประกันเเละการเงินที่ครบวงจรให้เเข็งเกร่งก่อน ยังไม่ได้มองข้ามสเต็ปว่าจะขยายไปยังธุรกิจอื่น

พัฒนาระบบ ‘CareOS’ ช่วยลูกค้า ‘เปรียบเทียบ’ ได้ง่าย 

กลุ่มลูกค้าหลัก Rabbit Care ส่วนใหญ่จะเป็นวัยทำงาน อายุ 30-50 ปีมีกำลังซื้ออาศัยในเมืองเเละเเถบชานเมืองซึ่งมักจะเป็นคนดูเเลการซื้อประกันให้คนในครอบครัว โดยบริษัทมีเเผนจะขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมมากขึ้นทั้งกลุ่มคนรุ่นใหม่เเละคนต่างจังหวัด

โจฮันเนส ฟริดริค วอน โรห์ ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท แรบบิท แคร์ จำกัด เปิดเผยถึงกลยุทธ์ธุรกิจในปีนี้ ว่าจะเน้นตลาดออนไลน์ โดยได้พัฒนาระบบ ‘CareOS’ ด้วยงบประมาณหลายสิบล้านบาท เพื่อเสนอดีลประกันภัยในราคาที่ดีที่สุดภายในเวลาไม่ภายใน 30 วินาที เชื่อมต่ออัตโนมัติกับระบบของพันธมิตรกว่า 70 รายเเละพร้อมมองหาพันธมิตรใหม่ๆ

ช่วยให้ลูกค้าสามารถเปรียบเทียบและซื้อประกันภัยและผลิตภัณฑ์ทางการเงินได้สะดวกสบาย ตรงกับความต้องการแบบเฉพาะบุคคลและประหยัดเวลา

นอกจากนี้จะมีเจ้าหน้าที่กว่า 300 คนให้คำปรึกษาผ่านการโทรและแชท ตลอด 24 ชั่วโมง หรือ Care Emergency บริการช่วยเหลือเร่งด่วนสำหรับผู้ซื้อประกันรถยนต์ เเละ Health Caresultant บริการรับคำปรึกษาจากแพทย์สำหรับลูกค้าประกันสุขภาพ

Rabbit Care เตรียมจะขยายข้อเสนอผลิตภัณฑ์ในกลุ่มการประกันภัยรถยนต์เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กว้างขึ้น ตลอดจนการนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพในราคาที่เข้าถึงได้ เเละวางแผนที่จะเปิดตัวแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซสำหรับผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่มีความคุ้มครองทันทีภายในปีนี้

พอร์ตการเติบโตหลักของเราในปีนี้ จะมาจากธุรกิจประกัยรถยนต์ ตามมาด้วยประกันสุขภาพและประกันชีวิต

สำหรับการความท้าทายเเละการเเข่งขันในตลาด ผู้บริหาร Rabbit Care ยอมรับว่ามีการเเข่งขันสูงมากจึงต้องสร้างความเเตกต่างให้ได้เเละทำงานให้มีประสิทธิภาพ ทั้งการนำเสนอข้อมูลที่ครบถ้วนชัดเจนโปร่งใส ง่ายต่อการเปรียบเทียบ นำมาสู่การเเข่งขันด้านราคา บริการเเละคุณค่าที่ให้กับลูกค้า โดยเร็วๆ นี้จะเปิดตัวโปรดักต์ใหม่มาลองตลาดด้วย

เร่งโปรโมตเเบบ 360 องศา 

ขณะที่ ชยพัทธ์ สกุลร่มโพธิ์ชัย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเชิงพาณิชย์ บริษัท แรบบิท แคร์ จำกัด กล่าวถึงกลยุทธ์การตลาดของ Rabbit Care ว่า จะมีการสื่อสารเเบบแบบครบวงจรบนแพลตฟอร์มออมนิแชแนลทั้งก่อนซื้อเเละดูเเลหลังการขายนำเสนอโปรโมชันต่างๆ ที่ดึงดูดใจ

อย่างในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ต้องทำให้ผลิตภัณฑ์ประกันภัยและการเงินเข้าถึงได้ง่ายขึ้น จึงได้จัดโปรโมชันด้วยข้อเสนอสุดคุ้ม ให้ลูกค้าได้ประหยัดสูงสุด 70% และซื้อเลยจ่ายทีหลังกับโปรโมชัน ผ่อน 0% นาน 10 เดือนเป็นต้น

นอกจากนี้ ยังเตรียมเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาครั้งแรก ซึ่งจะโปรโมตผ่านทางทีวี สื่อนอกบ้าน ทางวิทยุ และออนไลน์ โดยเนื้อเรื่องจะเป็นการยกตำแหน่งให้บุคคลที่คอยทำหน้าที่จัดการเรื่องการประกันภัยและการเงินให้คนในครอบครัว เป็นเหมือน Chief Family Officer หรือ CFO

สำหรับเเนวโน้มการบริหารความเสี่ยงของธุรกิจประกันในไทย เขามองว่า จากนี้จะมีการเปลี่ยนเเปลงพอสมควร หลังเจอกรณีเจอ จ่าย จบโดยเทรนด์ของธุรกิจประกันจะเน้นไปที่การรุกตลาดเรื่องรักษาพยาบาลมากขึ้น เเละประกันสุขภาพจะเป็นตัวชูโรงในตลาดไทย

 

 

]]>
1373037