Rolls-Royce – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 11 Jan 2024 04:43:53 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ยังโตได้อีก! ‘โรลส์-รอยซ์’ ทำยอดขายสูงสุดในรอบ 119 ปี ที่ 6,032 คันทั่วโลก https://positioningmag.com/1458342 Thu, 11 Jan 2024 02:55:17 +0000 https://positioningmag.com/?p=1458342 เชื่อว่าในปีที่ผ่านมา คนไทยหลายคนน่าจะรู้จักกับแบรนด์รถหรูอย่าง ‘โรลส์-รอยซ์’ (Rolls-Royce) กันมากขึ้น เพราะมีหนุ่มขับกระบะไปชนท้ายรถโรลส์-รอยซ์ แม้จะไม่ได้เสียหายอะไรมาก แต่ค่าซ่อมที่ประเมินก็กว่า 2 ล้านบาทเลยทีเดียว แม้ราคาจะแพงแค่ไหน แต่สำหรับมหาเศรษฐีก็ไม่ได้ทำให้ขนหน้าแข้งร่วง

สำหรับ โรลส์-รอยซ์ หลายคนน่าจะพอรู้ราคาคร่าว ๆ ว่าเริ่มต้นในไทยนั้นมีไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท ซึ่งในปี 2023 ที่ผ่านมา มอเตอร์ คาร์ส ได้เปิดเผยว่า มีการส่งมอบรถยนต์ไป 6,032 คันทั่วโลก ซึ่งถือเป็นปริมาณมากที่สุดในประวัติศาสตร์ 119 ปีของแบรนด์ แม้จะมีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและความผันผวนของตลาดอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม เทียบกับปีที่ผ่านมามีการส่งมอบเพิ่มขึ้น 11 คัน

โดยในปีที่ผ่านมา Cullinan SUV เป็นรุ่นที่ขายดีที่สุดและบริการสร้างรถสั่งทำพิเศษได้รับคำสั่งซื้อมากกว่าที่เคยมีมา นอกจากนี้ โรลส์-รอยซ์ที่ใช้ไฟฟ้าล้วนรุ่น Spectre ที่เผยโฉมใน 2022 ก็ได้ส่งมอบให้กับลูกค้าบางส่วนแล้ว อย่างไรก็ตาม ปีที่ผ่านมา โรลส์-รอยซ์ได้มีการยกเลิกจำหน่ายรถยนต์ 2 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ Dawn และ Wraith โดยทั้งสองรุ่นขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ V12 เทอร์โบคู่ 6.6 ลิตร

สำหรับตลาดที่ขายดีสุดในปีที่ผ่านมา ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ตามด้วย จีน ส่วนภูมิภาคอื่น ๆ ก็ยังสามารถเติบโตได้ ไม่ว่าจะเป็นยุโรป เอเชียแปซิฟิก และตะวันออกกลาง

“ปีที่แล้วเป็นอีกปีที่พิเศษสำหรับโรลส์-รอยซ์ ด้วยยอดขายที่แข็งแกร่งในทุกภูมิภาคและกลุ่มผลิตภัณฑ์ทั้งหมด” คริส บราวน์ริดจ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ กล่าว

สำหรับโรลส์-รอยซ์ เป็นแบรนด์รถยนต์สัญชาติอังกฤษ ก่อตั้งขึ้นเมื่อต้นศตวรรษที่ 20 และได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของ BMW ยักษ์ใหญ่ด้านรถยนต์ของเยอรมนีในปี 1998 ปัจจุบัน รถยนต์ของโรลส์-รอยซ์ผลิตในเมืองกู๊ดวูด ทางตอนใต้ของอังกฤษ

Source

]]>
1458342
CEO โรลส์-รอยซ์ ชี้เศรษฐียังซื้อรถหรูอยู่ หลังยอดขายทำสถิติใหม่สูงสุดในรอบ 119 ปี https://positioningmag.com/1414893 Tue, 10 Jan 2023 07:53:01 +0000 https://positioningmag.com/?p=1414893 รถหรูอย่าง Rolls-Royce นั้นยังขายได้เติบโตในปี 2022 แม้สภาวะเศรษฐกิจโลกเริ่มจะไม่เป็นใจ ซึ่งในปีที่ผ่านมาบริษัทได้ทำยอดขายสถิติสูงสุดใหม่ ขณะเดียวกันเหล่ามหาเศรษฐีทั่วโลกยังต้องการรถหรูจากแบรนด์ดังกล่าวอยู่ และไม่มีทีท่าลดลงด้วยซ้ำ

Torsten Müller-Ötvös ซึ่งเป็น CEO ของผู้ผลิตรถยนต์หรูจากอังกฤษอย่าง โรลส์-รอยซ์ (Rolls-Royce) ชี้กลุ่มลูกค้าที่เป็นเหล่ามหาเศรษฐียังซื้อรถหรูอยู่ในปี 2022 ที่ผ่านมา หลังจากบริษัทได้รายงานยอดขายทำสถิติใหม่สูงสุดในรอบ 119 ปี

ในปี 2022 ที่ผ่านมา Torsten ได้ชี้ว่ายอดขายรถยนต์ของบริษัทนั้นสูงถึง 6,021 คัน มากกว่าในปี 2021 ที่บริษัททำยอดขายได้ 5,586 คัน ซึ่งถือว่าทำลายสถิติยอดขายสูงสุด 119 ปีของบริษัท

รายได้สำคัญของบริษัทนั้นยังมาจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากถึง 35% ขณะที่ประเทศจีนซึ่งเป็นแหล่งรายได้อันดับ 2 ของ Rolls-Royce กลับมียอดขายลดลง สาเหตุสำคัญมาจากเศรษฐกิจในประเทศจีนจากผลกระทบของนโยบายโควิดเป็นศูนย์ แต่บริษัทได้ยอดขายจากพื้นที่อื่นๆ ทั่วโลกมาทดแทน

ไม่เพียงเท่านี้บริษัทยังเตรียมที่จะออกรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น Spectre ภายในปลายปีนี้ ซึ่งรถยนต์รุ่นดังกล่าวสามารถทำความเร็วๆ 0-100 กิโลเมตรได้ภายในระยะเวลา 4.5 วินาที

ราคาเฉลี่ยรถยนต์ของบริษัทที่ขายในปี 2022 นั้นอยู่ที่ 534,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราวๆ 17.9 ล้านบาท เพิ่มมากขึ้นเนื่องจากลูกค้าของบริษัทต้องการที่จะปรับเปลี่ยนสเปคของรถให้เหมาะสมกับตัวเอง ตั้งแต่วัสดุภายในรถยนต์ไปจนถึงสีของรถยนต์

นอกจากนี้บริษัทยังเตรียมที่จะเปิดโชว์รูมแบบพิเศษที่บริษัทจะเชิญลูกค้าเท่านั้น โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทได้เปิดตัวโชว์รูมและศูนย์บริการไปแล้วที่ดูไบ และจะขยายรูปแบบบริการดังกล่าวทั่วโลกในภายหลัง

CEO รายดังกล่าวยังชี้ว่ายอดจองรถยนต์หรูในปี 2023 นี้ยังแข็งแกร่ง นอกจากนี้แม้บริษัทจะไม่จำหน่ายรถยนต์ในประเทศรัสเซียจากมาตรการคว่ำบาตรของประเทศตะวันตก ก็ยังไม่ทำให้บริษัทได้รับผลกระทบเท่าไหร่นัก แม้ว่ายอดขายรถหรูในรัสเซียของบริษัทจะมากถึงปีละ 250-300 คันต่อปีก็ตาม

ที่มา – Reuters, CNBC

]]>
1414893
3 เหตุผลส่ง Rolls-Royce เป็นแบรนด์ “รถหรู” ของ “คนรุ่นใหม่” อายุผู้ซื้อเฉลี่ยลดเหลือ 43 ปี https://positioningmag.com/1371543 Tue, 25 Jan 2022 11:33:52 +0000 https://positioningmag.com/?p=1371543 Rolls-Royce เป็นแบรนด์ “รถหรู” ที่ขึ้นชื่อเรื่อง “นั่งสบายดุจแพรไหม” ภาพลักษณ์เดิมของแบรนด์เป็นรถสำหรับผู้บริหารชั่วโมงบินสูง แต่ปัจจุบันอายุเฉลี่ยผู้ซื้อรถยนต์แบรนด์นี้ทั่วโลกลดเหลือเพียง 43 ปี! น้อยกว่าแบรนด์รถหรูอื่น เช่น BMW, Mercedes-Benz หรือกระทั่ง Lamborghini ด้วยเหตุผลทั้งที่เกิดจากสภาวะในสังคมคนรวยเอง และการปรับกลยุทธ์ของแบรนด์ที่ดึงดูดคนรุ่นใหม่มากขึ้น

เมื่อปีก่อน Rolls-Royce ประกาศยอดขายสถิติใหม่ สามารถขายได้ 5,600 คันทั่วโลกภายในปีเดียว และยังเปิดเผยอายุเฉลี่ยของผู้ซื้อที่ลดลงเหลือเพียง 43 ปีทั่วโลกและในสหรัฐฯ นั่นหมายความว่าอายุของผู้ซื้อจำนวนมากจริงๆ แล้วอายุน้อยกว่าที่เราคิด อยู่ในวัยเพียง 20 กว่าจนถึง 30 กว่าปีเท่านั้น

ตัวเลขนี้ไม่ใช่เรื่องสามัญในกลุ่มรถหรู เพราะแบรนด์อื่นๆ เช่น Mini (อยู่ในเครือเดียวกับ BMW ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์ Rolls-Royce) มีอายุเฉลี่ยผู้ซื้อในสหรัฐฯ สูงถึง 52 ปี! ส่วนแบรนด์ BMW อายุเฉลี่ยอยู่ที่ 55 ปี

IHS Markit บริษัทที่ปรึกษาค้นพบดาต้าที่สอดคล้องกันว่า Rolls-Royce มีผู้ซื้อที่อายุต่ำกว่า 45 ปีเป็นสัดส่วนมากกว่าแบรนด์อื่นๆ เช่น Mercedes-Benz, Audi, Lexus หรือกระทั่ง Lamborghini

เหตุผลที่ทำให้แบรนด์ซึ่งเมื่อหลายทศวรรษก่อนเป็นแบรนด์ของคนวัยเกษียณ เป็นเครื่องแสดงฐานะของนักธุรกิจรุ่นใหญ่ วันนี้กลายเป็นแบรนด์ยอดฮิตของคนรุ่นใหม่ อายุผู้ซื้อเด็กลง สามารถแยกเป็นข้อๆ ได้ดังนี้

1.ช่องว่างอายุระหว่าง “เศรษฐี” กับ “มหาเศรษฐี”

เนื่องจากรถ Rolls-Royce นั้นเป็นรถหรูราคาสูงมาก ในไทยจำหน่ายกันที่ 30 ล้านบาทถึงมากกว่า 50 ล้านบาท ดังนั้น ผู้ที่ตัดสินใจซื้อจึงมักจะเป็นระดับมหาเศรษฐี

รถยนต์ Rolls-Royce ใน MV เพลง I Don’t Care ของ Ed Sheeran และ Justin Bieber

เมื่อเจาะลึกระดับความร่ำรวย Spectrem Group บริษัทที่ปรึกษาที่ศึกษาด้านนักลงทุน พบว่า ผู้ที่มีสินทรัพย์สุทธิระหว่าง 33 ล้านบาท – 825 ล้านบาท หรือกลุ่มเศรษฐีหลักสิบล้านถึงร้อยล้าน มีอายุเฉลี่ยที่ 62 ปี แต่กลับกัน กลุ่มมหาเศรษฐีที่มีสินทรัพย์สุทธิมากกว่า 825 ล้านบาท หรือมหาเศรษฐีพันล้าน มีอายุเฉลี่ย 48 ปีเท่านั้น

นั่นทำให้สภาวะในสังคมเศรษฐีเปลี่ยนไปอยู่แล้ว โดย Martin Fritches ซีอีโอ Rolls-Royce อเมริกา เปิดเผยว่า กลุ่มมหาเศรษฐีซึ่งซ้อนทับกับผู้ซื้อ Rolls-Royce กลายเป็นกลุ่ม ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ อีลีท นักกีฬา นักแสดง และกลุ่มนี้พร้อมจะใช้เงินตั้งแต่ยังเด็กเพื่อหาความสำราญจากสิ่งที่มี ไม่ได้รอลงทุนจนฐานะมั่นคงก่อนแล้วจึงซื้อเหมือนแต่ก่อน

 

2.การปรับสินค้าของ Rolls-Royce

รถหรูคันใหญ่ของ Rolls-Royce มีการออกรถรุ่นที่เล็กกว่า (แต่ก็ยังใหญ่กว่ารถทั่วไป) อย่างรุ่น Ghost และปรับดีไซน์ให้ทันสมัยมากขึ้น เท่ขึ้น ซึ่งทำให้คนรุ่นใหม่สนใจ

Rolls-Royce รุ่น Cullinan Black Badge

นอกจากนี้ ยังมีการออกรถเอสยูวีเมื่อปี 2019 รุ่น Cullinan SUV ที่เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้เต็มๆ เพราะเหมาะกับการเป็นรถครอบครัว ดูเด็กลงกว่าเดิม และลักษณะรถไม่โดดเด่นออกจากรถคันอื่นบนถนนมากเกินไป ดูไม่โอ้อวดแสดงฐานะมากเกินควร

ผู้บริหารแบรนด์และดีลเลอร์รถยังมองด้วยว่า องค์ประกอบงานดีไซน์ใหม่ๆ ของ Rolls-Royce มีส่วนช่วยดึงดูดคนรุ่นใหม่ได้มากขึ้น เช่น Starlight Headliner ฟังก์ชันเพดานรถเป็นรูปหมู่ดาว ซึ่งสามารถปรับแต่งได้เอง (customize) ตามที่ต้องการ อาจจะปรับเป็นท้องฟ้าในคืนวันเกิดของตัวเองก็ได้ (ฟังก์ชันนี้เกิดขึ้นครั้งแรกในรถรุ่น Phantom ที่ผลิตเมื่อปี 2003)

อีกงานดีไซน์ที่ฮิตมากในกลุ่มคนวัยหนุ่มสาวคือฟังก์ชัน Black Badge เป็นการสั่งทำดีไซน์รถให้เป็นธีมสีดำ ภายในห้องโดยสารจะมีกลิ่นอายของรถสปอร์ตมากขึ้น และเลือกตกแต่งห้องโดยสารได้เอง ทั้งที่ต้องจ่ายค่าสั่งทำเพิ่มอีกไม่ต่ำกว่า 1.5 ล้านบาท แต่มีการสั่งทำดีไซน์นี้มากขึ้นเรื่อยๆ

 

3.ปรับระบบ CRM ให้เป็นดิจิทัล

อีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ Rolls-Royce ปรับลุคให้ทันสมัยได้ คือการพัฒนาแอปพลิเคชัน Whispers ขึ้นมาใช้เชื่อมต่อสัมพันธ์กับเจ้าของรถ เป็นคลับดิจิทัลที่มีเฉพาะผู้ครอบครองรถเท่านั้นที่จะเข้าร่วมได้ คอนเทนต์ในแอปฯ ก็จะคล้ายกับที่แบรนด์เคยใส่ลงในนิตยสารพิเศษที่สมัยก่อนส่งตรงไปให้เจ้าของรถ และจะมีโปรโมชันต่างๆ ที่คัดสรรมาให้คนในชุมชน Rolls-Royce เช่น แพ็กเกจท่องเที่ยวสุดหรู

คลับดิจิทัล Whispers เชื่อมต่อเฉพาะผู้ครอบครองรถ Rolls-Royce

เมื่อเป็นแอปฯ แล้วยิ่งทำให้แบรนด์ปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าดีขึ้น และลูกค้าเองก็ใช้เป็นพื้นที่รู้จักกับคนอื่นๆ ซึ่งมีรสนิยมเดียวกัน อยู่ในฐานะสังคมใกล้เคียงกัน ใช้เป็นเครือข่ายหาคอนเน็กชันเพิ่มได้อีก ปัจจุบัน ลูกค้า Rolls-Royce ในสหรัฐฯ มีมากกว่า 25% ที่เข้าเป็นสมาชิก Whispers

เพื่อสรุปให้เห็นภาพว่าเจ้าของรถ Rolls-Royce ปัจจุบันเป็นคนแบบไหน CNN สัมภาษณ์เจ้าของรถวัย 30 ปี Maxie Kaan-Lilly ที่เป็นทั้งนางแบบและนายหน้าขายบ้าน เธอมองว่าการใช้รถ Rolls-Royce คือการแสดงถึงจุดสูงสุดของการประสบความสำเร็จ แถมยังเป็นการลงทุนที่ดีกับอาชีพ เพราะเธอมักจะใช้รถรุ่น Dawn ของเธอขับไปรับลูกค้าเพื่อไปชมบ้านซึ่งสร้างความประทับใจแรกได้ดีมาก รวมถึงใช้แอปฯ Whispers หาลูกค้าใหม่ๆ ได้อีกด้วย

Source

]]>
1371543
ไปให้สุดขั้วจินตนาการ Rolls-Royce เปิดให้คุณ “ออกแบบรถ” เองได้แล้ว https://positioningmag.com/1335101 Wed, 02 Jun 2021 10:46:34 +0000 https://positioningmag.com/?p=1335101 Rolls-Royce แบรนด์รถหรูอังกฤษเปิดให้ลูกค้า “ออกแบบรถ” เองได้ หากผ่านความเห็นชอบจากผู้บริหาร (และถ้าคุณพร้อมจ่าย) คุณจะได้เห็นรถในฝันของตัวเองเป็นจริง

แบรนด์รถยนต์ Rolls-Royce เป็นแบรนด์รถหรูล่าสุดที่เปิดให้ลูกค้าเศรษฐีออกแบบปรับแต่งรถยนต์พิเศษของตัวเองได้ ก่อนหน้านี้มีสองแบรนด์ที่เปิดโอกาสนี้แล้วคือ Bentley กับ Porsche (ทั้งสองแบรนด์ดังกล่าวอยู่ในเครือ Volkswagen ส่วนแบรนด์ Rolls-Royce อยู่ในเครือ BMW)

บริการพัฒนารถตามแบบที่ลูกค้าต้องการอยู่ภายใต้โครงการ Rolls-Royce Coachbuild แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนที่ต้องการจะได้รับการตอบรับ เพราะบอร์ดบริหารของแบรนด์จะเลือกรถในฝันของลูกค้าเพียงหนึ่งคันในช่วง 2-3 ปี โดยแบรนด์ไม่ได้ระบุราคาที่ชัดเจน แต่แน่นอนว่ารถแบบนี้ต้องมีค่าใช้จ่ายหลักล้านดอลลาร์สหรัฐหรือหลายสิบถึงหลายร้อยล้านบาท

“ลูกค้าของ Rolls-Royce Coachbuild จะได้ร่วมพัฒนาอย่างใกล้ชิดด้วยตนเองตลอดทุกขั้นตอนของการออกแบบดีไซน์และงานวิศวกรรม” ทอร์สเทน มุลเลอร์-ออตวอส ซีอีโอของ Rolls-Royce กล่าว

ด้านท้ายของรถรุ่น Boat Tail เป็นจุดเก็บอุปกรณ์ปิคนิค

เพื่อเป็นการเปิดตัวโครงการนี้ ทางแบรนด์จึงออกรถรุ่นใหม่ชื่อ Boat Tail ซึ่งจะผลิตขึ้นเพียง 3 คันสำหรับลูกค้า 3 คนเท่านั้น (บริษัทไม่เปิดเผยชื่อผู้ซื้อ) รถรุ่นนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการแล่นเรือและต้องการให้รถมีความรู้สึกใกล้เคียงกับพาหนะทางทะเล แบรนด์ไม่ได้ระบุแน่ชัดว่ารถรุ่นนี้สนนราคาเท่าใด แต่มีผู้ประเมินราคว่าน่าจะสูงถึง 25 ล้านบาทต่อคัน (ประมาณ 779 ล้านบาท)

รถรุ่น Boat Tail ออกแบบคล้ายกับรถคลาสสิกยุค 1920-30s ยุคนั้นรถหรูมักจะดีไซน์ให้ท้ายรถเรียวลู่เหมือนกับหางเรือ ซึ่งช่วยให้รถวิ่งได้เร็วขึ้น และได้ลุคเพรียวลม รถรุ่นนี้ยังออกแบบให้หลังคาสามารถถอดออกได้เลย ไม่ใช่แค่เปิดประทุนแล้วนำหลังคาไปไว้ด้านหลัง ทำให้พื้นที่ด้านหลังกลายเป็นที่เก็บของได้ ซึ่งในรถรุ่นนี้ถูกออกแบบให้เก็บอุปกรณ์ปิกนิก เช่น ร่ม เก้าอี้ โต๊ะ กล่องไวน์และแก้วไวน์ ทั้งหมดสามารถเลือกสีและสไตล์ให้ตรงกับแชมเปญที่ลูกค้าโปรดปรานได้

 

ออกแบบเองได้เหมือนกับยุคก่อนสงครามโลก

ที่จริงแล้ว การออกแบบรถพิเศษเฉพาะตัวไม่ใช่เรื่องใหม่ ย้อนกลับไปในยุคแรกเริ่มของรถยนต์ ผู้ซื้อที่ต้องการรถยนต์ จะจ้างการผลิตแยกกัน โดยแยกเป็นฝั่งผู้พัฒนาเครื่องยนต์ เช่น แบรนด์ Rolls-Royce, Hispano-Suiza หรือ Duesenberg และอีกฝั่งคือการจ้างพัฒนาตัวถังรถ ซึ่งมักจะเป็นบริษัทเดียวกับที่ผลิตตู้รถม้ามาก่อน บริษัทตัวถังรถออกแบบเฉพาะเหล่านี้ยังคงมีชื่อเสียงในกลุ่มนักสะสมรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ LeBaron ในสหรัฐฯ Touring จากอิตาลี Figoni et Falaschi และ Saoutchik จากฝรั่งเศส ฯลฯ

รถคลาสสิกออกแบบเฉพาะ 1934 Rolls-Royce Phantom II Continental Drophead Coupé (Photo : Rolls-Royce / CNN)

ในที่สุด บริษัทเครื่องยนต์รถก็เป็นฝ่ายซื้อกิจการบริษัททำตัวถังให้เข้ามาทำงานภายในบริษัท สำหรับ Rolls-Royce ยังคงให้บริการรถออกแบบเฉพาะต่อไปจนกระทั่งถึงยุค 1960s เป็นต้นมาที่เลิกมีบริการนี้ ยกเว้นส่วนประกอบเล็กๆ น้อยๆ ในรถหรือสีของรถที่เลือกได้ (ในปี 2017 บริษัทเคยมีข่าวว่าพัฒนารถพิเศษให้เศรษฐีรายหนึ่ง บริษัทไม่เคยปฏิเสธแต่ก็ไม่เคยยืนยันข่าวนี้เลย)

เหตุที่การผลิตรถเฉพาะบุคคลยากขึ้น เพราะกฎระเบียบด้านความปลอดภัย แม้แต่การออกแบบรถสำหรับผลิตระดับแมสก็ยังยากที่จะออกแบบให้ถูกต้อง

มุตเลอร์-ออตวอสระบุว่า โครงการนี้จะทำกำไรให้บริษัท และไม่เหมือนกับการออกแบบคอนเซ็ปต์คาร์ เพราะไม่ได้เป็นการทำรถเพื่อโชว์เท่านั้น

Source

]]>
1335101
ไวรัสสะเทือนวงการผลิตเครื่องบิน Rolls-Royce จ่อปลดพนักงานกว่า 8,000 คน https://positioningmag.com/1276639 Sun, 03 May 2020 07:43:45 +0000 https://positioningmag.com/?p=1276639 COVID-19 สะเทือนอุตสาหกรรมการบินตั้งเเต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ สายการบินบางแห่งเจอมรสุมต้องยื่นล้มละลาย ขณะที่ฝ่ายผู้ผลิตกำลังเเห่ปลดพนักงานเพื่อลดค่าใช้จ่าย

ล่าสุดเเหล่งข่าวผู้บริหารระดับสูง เปิดเผยกับ Financial Times ว่า Rolls-Royce Holdings ผู้ผลิตเครื่องยนต์ของเครื่องบินรายใหญ่จากเกาะอังกฤษ กำลังตัดสินใจที่จะปลดพนักงานกว่า 8 พันคน จากพนักงานทั่วโลก 5.2 หมื่นคน โดยจำนวนนี้เป็นพนักงานในสหราชอาณาจักรราว 2.3 หมื่นคน ซึ่งบริษัทคาดว่าจะแจ้งจำนวนพนักงานที่จะเสียตำแหน่งได้อย่างเเน่ชัด ภายในสิ้นเดือนพ.ค.นี้

โดยคาดการณ์ว่าบริษัทจะลดพนักงานส่วนใหญ่ในสหราชอาณาจักร รวมไปถึงในสิงคโปร์และเยอรมนี อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามของ Reuters ทางสหภาพเเรงงานของสหราชอาณาจักรยังไม่ได้เเสดงความคิดเห็นต่อกรณีนี้

ขณะเดียวกัน การปลดพนักงานกว่า 15% นี้จะทำควบคู่ไปกับเเผนการประหยัดค่าใช้จ่าย 750 ล้านยูโร (ราว 2.6 หมื่นล้านบาท) ที่จะต้องดำเนินการต่อไป หนึ่งในนั้นคือการลดเงินเดือนทั่วพนักงานทั่วโลกลงอย่างน้อย 10% ในปีนี้

สำหรับเเผนการปลดพนักงานของ Rolls-Royce ครั้งนี้ถือว่า “หนักกว่า” เหตุวินาศกรรม 9/11 เมื่อปี 2001 ที่บริษัทเคยปลดพนักงานกว่า 5 พันคน

ในช่วงการระบาดของ COVID-19 หลายประเทศต้องออกมาตรการล็อกดาวน์ งดการเดินทางทั้งในเเละต่างประเทศ ทำให้สายการบินต่างๆ ต้องจอดเครื่องบินไว้ชั่วคราว ต้องระงับเเผนสั่งซื้อเครื่องบินใหม่ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อธุรกิจของ Rolls-Royce ที่เป็นผู้ผลิต “เครื่องยนต์” ให้กับเครื่องบินทั้ง Airbus, Boeing เเละเจ้าอื่นๆ อีกมากมาย

ก่อนหน้านี้ Boeing ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตเครื่องบินแห่งสหรัฐฯ ก็เพิ่งประกาศเตรียมปลดพนักงาน 16,000 คน หลังไตรมาสแรกรายได้หดไปแล้ว 26% และขาดทุน 641 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

อ่านเพิ่มเติม : Boeing ปลดพนักงาน 16,000 คน หลังประเมิน “อุตสาหกรรมการบิน” จะไม่ฟื้นอีกหลายปี

ที่มา : Reuters, BBC

 

]]>
1276639