youtube – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Fri, 25 Oct 2024 06:40:36 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 เจาะลึก ‘YouTube Shopping’ อีกฟีเจอร์สร้างรายได้ใหม่ให้ทั้ง ‘ยูทูบ’ และ ‘ครีเอเตอร์’ รับเทรนด์ ‘Affiliate Marketing’ https://positioningmag.com/1495443 Fri, 25 Oct 2024 05:37:07 +0000 https://positioningmag.com/?p=1495443 เปิดฟีเจอร์อย่างเป็นทางการแล้วสำหรับ YouTube Shopping ฟีเจอร์ที่ให้ครีเอเตอร์ ปักตะกร้า ขายของที่ร่วมกับ ช้อปปี้ (Shopee) ที่แม้ว่า YouTube จะไม่ได้ขายของเอง แต่ที่แน่ ๆ ฟีเจอร์นี้จะกลายเป็นแหล่งรายได้ทางใหม่ให้กับแพลตฟอร์มแน่นอน

เป็นแหล่งช้อปปิ้งโดยไม่รู้ตัว

หากพูดถึงขนาด เศรษฐกิจดิจิทัล ไทยถือเป็นเบอร์ 2 รองของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รองจากอินโดนีเซีย และตลาด อีคอมเมิร์ซ ก็เป็นตัวขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจดิจิทัลไทย เพราะคิดเป็นสัดส่วนถึง 61% และในปี 2568 คาดว่ามูลค่าของอีคอมเมิร์ซจะแตะ 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโต 16% ด้วยความที่ตลาดมีใหญ่ขนาดนี้ มีหรือที่ ยูทูบ (YouTube) จะไม่สนใจ

ประกอบกับจุดแข็งของแพลตฟอร์มที่ปัจจุบันได้กลายเป็น เสิร์ชเอนจิ้นอันดับ 2 รองจาก Google ที่ผู้บริโภคมักเข้ามาหา รีวิว เพื่อใช้สร้างความมั่นใจก่อนจะตัดสินใจ ซื้อสินค้า จนปัจจุบันยูทูบมี คลิปเกี่ยวกับการช้อปปิ้ง เช่น การรีวิวสินค้ามากกว่า 350 ล้านคลิป มีการรับชมกว่า 3 หมื่นล้านชั่วโมง ซึ่งเติบโตขึ้นถึง 25% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ จากผลการสำรวจโดย Kantar ยังระบุว่า ผู้ชมถึง 87% เห็นด้วยว่า YouTube ช่วยพวกเขาในการตัดสินใจซื้อสินค้า และ 93% รู้สึกว่าข้อมูลบน YouTube ทำให้พวกเขารู้สึกมั่นใจในสินค้าที่ซื้อมากขึ้น ดังนั้น ถ้าให้ครีเอเตอร์มาปักตะกร้าสินค้า ทำไมจะขายไม่ได้? เพราะที่ผ่านมา ก็มีหลายช่องที่แปะลิงก์ซื้อสินค้าของสปอนเซอร์กันเป็นปกติอยู่แล้ว

Affiliate Marketing เทรนด์แรงไม่แผ่ว

ยิ่งปัจจุบัน เม็ดเงินโฆษณาก็ถูกแบ่งให้หลายแพลตฟอร์ม และหลายแบรนด์ก็รัดเข็มขัด ทำให้เทรนด์ Affiliate Marketing ยิ่งกลายเป็นเทรนด์แรง เพราะถือว่า Win-Win ทั้งแบรนด์และอินฟลูเอนเซอร์ เพราะต้นทุนของแบรนด์เป็นการ แบ่งค่าคอมมิชชั่น ยิ่งขายได้เยอะอินฟลูฯ ก็ยิ่งมีรายได้เยอะ ส่วนแบรนด์ก็วัดผลเป็นยอดขายได้ทันที และถ้าขายไม่ได้แบรนด์ก็ ไม่ต้องเสียเงิน

ดังนั้น ไหน ๆ อีคอมเมิร์ซก็เป็นตลาดใหญ่ และครีเอเตอร์บางช่องก็มีการแปะลิงก์สินค้าแล้ว YouTube เลยจับกับ Shopee เปิดฟีเจอร์ YouTube Shopping ให้ปักตะกร้าขายของไปเลย โดยสามารถปักได้หมดไม่ว่าจะเป็นวิดีโอสั้น วิดีโอยาว หรือแม้แต่ไลฟ์สตรีมมิ่ง และผู้ชมเองก็จะได้รับความสะดวกมากขึ้น โดยช้อปได้โดยไม่ต้องออกจากวิดีโอ

Win-Win ทั้ง ครีเอเตอร์, YouTube และ Shopee

ซึ่งฟีเจอร์นี้ ถือว่า Win-Win กันทุกฝ่าย เพราะฝั่งของครีเอเตอร์เองก็สามารถหารายได้เพิ่มมากขึ้น นอกเหนือจากรายได้จากโฆษณา, รายได้จาก YouTube Premium, การเป็นสมาชิกของช่อง, และรายได้จากแฟน ๆ ไม่ว่าจะเป็น Super Thanks, Super Chat และ Super Stickers

ด้าน YouTube ก็แน่นอนว่าจะ มีรายได้จากส่วนแบ่งคอมมิชชั่นนี้ด้วย แม้ว่าในช่วง 6 เดือนแรกที่เปิดตัว ครีเอเตอร์จะยังได้คอมมิชชั่นเต็มก็ตาม และอีกประโยชน์ที่ได้ทางอ้อมก็คือ ผู้ใช้สามารถช้อปอยู่บนแพลตฟอร์มโดยไม่ต้องออกไปไหน

ส่วน Shopee เองก็เพิ่มโอกาสการขายของร้านค้าบนแพลตฟอร์ม รวมถึงยังขยายฐานลูกค้าใหม่ ๆ ได้อีกด้วย เพราะปัจจุบัน คอนเทนต์คอมเมิร์ซ ถือว่ามีบทบาทสำคัญมากกับแพลตฟอร์ม โดยฟีเจอร์อย่าง Shopee Live และ Shopee Video ก็ส่งผลต่อยอดขายของผู้ขายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และยังช่วยให้เข้าถึงกลุ่มผู้ใช้ ต่างจังหวัด มากขึ้นด้วย

มุกพิม อนันตชัย หัวหน้าฝ่ายพันธมิตรธุรกิจ YouTube ประเทศไทย และ การัน อำบานี ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจ ช้อปปี้ (ประเทศไทย)

อยากปักตะกร้าต้องเป็น YPP 1 หมื่นซับ

สำหรับประเทศไทยถือเป็นประเทศที่ 4 ของโลกที่เปิดตัว YouTube Shopping ต่อจากประเทศสหรัฐอเมริกา, เกาหลีใต้ และอินโดนีเซีย โดยไทยยังถือเป็นประเทศที่ 2 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

อย่างไรก็ตาม สำหรับครีเอเตอร์ที่จะปักตะกร้าได้ต้องเป็นครีเอเตอร์ที่เข้าร่วมในโปรแกรม Youtube Partner Program (YPP) แล้ว และมีผู้ติดตามช่องมากกว่า 10,000 คนขึ้นไป โดยรายได้จะเข้าในบัญชี Google AdSense ภายใน 30 – 120 วัน

จะเห็นว่า YouTube ไม่ได้ทำแอปขายสินค้าเพิ่ม ไม่ได้ขายของเอง แต่เป็นแค่พื้นที่ให้ครีเอเตอร์นำสินค้าจาก Shopee มาขาย และสร้างรายได้จากยอดขายนั้น เรียกได้ว่าไม่ต้องพยายามเป็นอย่างอื่น แค่ใช้จุดแข็งของตัวเองก็พอ ใครที่เคยช้อปด้วย YouTube Shopping ลองคอมเมนต์มาหน่อยว่าเป็นอย่างไรบ้าง 

]]>
1495443
หวั่นเยาวชนเลียนแบบ! YouTube เตรียมจํากัดการเข้าถึงคลิปออกกำลังกายของวัยรุ่น หวั่นสร้างค่านิยม Beauty Standard  https://positioningmag.com/1488961 Fri, 06 Sep 2024 07:44:55 +0000 https://positioningmag.com/?p=1488961 ปัจจุบัน ผู้คนสามารถแสวงหาความบันเทิงและความรู้ได้จากแหล่งข้อมูลที่หลากหลายบนอินเทอร์เน็ต ซึ่ง Youtube ถือเป็นเครือข่ายโซเชียลมีเดียที่มีความรู้ความบันเทิงหลากหลายรูปแบบที่ผู้ใช้งานสามารถค้นหาได้ตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็น เพลง บทสวดมนต์ คลิปการซ่อมรถเบื้องต้น คลิปสอนภาษา คลิปสอนทำอาหาร คลิปสารคดี ไลฟ์สไตล์ต่างๆ รวมทั้งคลิปการออกกำลังกาย เป็นต้น

แต่ล่าสุด YouTube กำลังพิจารณาการจำกัดการแนะนําวิดีโอสุขภาพและการออกกําลังกายบางอย่าง เพราะวิดีโอการออกกำลังกายบางประเภท สร้างค่านิยมและอุดมคติเกี่ยวกับร่างกายแบบผิดๆ ให้กับเหล่าคนวัยรุ่นหนุ่มสาว โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุระหว่าง 13-17 ปี

YouTube กล่าวว่า บริษัทฯ กําลังเร่งดำเนินการเนื่องจากมีความกังวลว่าการเข้าถึงเนื้อหาวิดีโอสุขภาพและการออกกำลังกายซ้ำๆ อย่างต่อเนื่อง อาจทําให้กลุ่มคนหนุ่มสาวมีความเชื่อเชิงลบเกี่ยวกับรูปร่างของตัวเองมากเกินไป

เพราะอัลกอริทึมของ YouTube มักจะแนะนําเนื้อหาที่คล้ายกันให้ผู้ใช้ดู เมื่อพวกเขาดูเนื้อหาจากวิดีโอใดวิดีโอหนึ่งเสร็จแล้ว รวมถึงแสดงวิดีโอที่เกี่ยวข้องบนแถบวิดีโอแนะนำด้านข้าง อาทิ วิดีโอออกกำลังกาย วิดีโอการเปรียบเทียบลักษณะทางกายภาพ ซึ่งอาจสร้างอุดมคติแปลกๆ เกี่ยวกับรูปร่างของคนให้กับเยาวชนได้

YouTube กล่าวว่า มาตรการดังกล่าวถูกนํามาใช้หลังจากคณะกรรมการที่ปรึกษาเยาวชนและครอบครัวพบว่า วัยรุ่นมีแนวโน้มที่จะสร้างความเชื่อเชิงลบเกี่ยวกับตัวเองมากกว่าผู้ใหญ่ เมื่อเห็นข้อความหรือวิดีโอที่เกี่ยวกับมาตรฐานอุดมคติในเนื้อหาที่ได้ดูทางออนไลน์ซ้ำๆ ซึ่งข้อจํากัดเกี่ยวกับวิดีโอที่นําเสนอดังกล่าว จะทำได้ก็ต่อเมื่อผู้ใช้เข้าสู่ระบบบัญชี YouTube และได้ลงทะเบียนวันเกิดที่ถูกต้อง

ซึ่ง ดร. Petya Eckler อาจารย์อาวุโสที่มหาวิทยาลัย Strathclyde ซึ่งศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างภาพลักษณ์ร่างกายและโซเชียลมีเดีย กล่าวว่า ยินดีกับการประกาศกฎระเบียบใหม่ในครั้งนี้ของ Youtube เนื่องจากการรับรู้เกี่ยวกับร่างกายของวัยรุ่นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่ากังวล ทั้งจากอิทธิพลสื่อต่างๆ ที่สร้างค่านิยมเกี่ยวกับร่างกายที่เกินความพอดีให้คนหนุ่มสาวอยากจะทำตาม ซึ่งแนวคิดการออกกําลังกาย เป็นวิธีที่ดีในการเสริมสร้างสุขภาพและความเป็นอยู่โดยรวมของมนุษย์ แต่ก็ไม่ควรทําเพียงเพื่อเหตุผลด้านรูปลักษณ์ภายนอก หรือ มาตรฐานความงามเพียงเท่านั้น

Source : BBC

]]>
1488961
‘TikTok’ เริ่มทดลองขยายความยาวคลิปเป็น ’60 นาที’ คาดเตรียมแย่งชิงตลาดกับ ‘YouTube’ https://positioningmag.com/1474660 Wed, 22 May 2024 11:42:07 +0000 https://positioningmag.com/?p=1474660 สำนักข่าว TechCrunch รายงานว่า ‘TikTok’ กำลังทดสอบระบบให้ผู้ใช้สามารถอัปโหลดคลิปความยาวสูงสุด ’60 นาทีโดยทดสอบในวงจำกัดทั้งจำนวนผู้ใช้และประเทศที่สามารถใช้ฟีเจอร์ใหม่นี้ได้ โดยบริษัทยังไม่ยืนยันว่าจะมีการขยายการใช้งานฟีเจอร์นี้เป็นวงกว้างเมื่อไหร่

ความเคลื่อนไหวใหม่ของ TikTok ถือว่าน่าสนใจ เพราะแรกเริ่มเดิมที TikTok เป็นแพลตฟอร์มวิดีโอสั้นที่ให้ผู้ใช้อัปโหลดคลิปยาวไม่เกิน 15 วินาที ก่อนจะค่อยๆ ขยายความยาวเรื่อยมาจนปัจจุบันสามารถอัปโหลดได้สูงสุด 10 นาทีต่อคลิป

เห็นได้ว่าแพลตฟอร์มนี้กำลังปรับตัวเองจากการเป็นโซเชียลมีเดียสำหรับลงคลิปสั้นมาเป็นคลิปยาว และเป็นไปได้ว่า TikTok กำลังพยายามจะแย่งชิงตลาดกับคู่แข่งรายใหญ่ที่สุดในวงการโซเชียลมีเดียที่เน้นวิดีโอคลิป นั่นก็คือ ‘YouTube’

TikTok ระบุว่า ที่ผ่านมาครีเอเตอร์ที่ต้องการจะลงคอนเทนต์ขนาดยาวสามารถใช้ฟีเจอร์ ‘Playlist’ เพื่อรวมวิดีโอที่แยกออกเป็นตอนๆ ให้ผู้ชมสามารถกดเข้าไปดูตอนต่อไปได้ แต่แพลตฟอร์มเองก็ได้รับเสียงเรียกร้องจากครีเอเตอร์เสมอมาว่าพวกเขาอยากจะลงคลิปที่ยาวกว่านี้ได้ เพราะคอนเทนต์บางประเภทเป็นคอนเทนต์ที่จำเป็นต้องใช้เวลานาน เช่น คลิปสอนทำอาหาร คลิปสอนแต่งหน้า คลิปทางการศึกษา ฯลฯ

ดังนั้น การเพิ่มความยาวคลิปจะทำให้ครีเอเตอร์มีโอกาสทดลองคอนเทนต์แบบใหม่ได้ และแน่นอนว่าถ้าเป็นเช่นนั้น TikTok จะกลายเป็นคู่แข่งกับ YouTube มากกว่าที่เคย ทางบริษัท TikTok เองก็หวังว่าครีเอเตอร์ที่ปกติแล้วโพสต์คอนเทนต์ลงใน YouTube เป็นหลัก จะหันมาลงคลิปวิดีโอของตนใน TikTok ด้วย

TikTok
ตัวอย่างฟีเจอร์ลงวิดีโอแนวนอนและให้ผู้ใช้กดดูแบบเต็มจอ (Full Screen) ได้บน TikTok

หนึ่งในโอกาสใหม่ที่จะเกิดขึ้นหาก TikTok อนุญาตให้โพสต์คลิปยาวถึง 60 นาที คือการนำ ‘ซีรีส์’ มาลงใน TikTok

ยกตัวอย่างเช่น ปีที่แล้ว Peacock มีการทดลองนำตอนแรกของซีรีส์ชื่อ Killing It มาลงให้ดูฟรีบน TikTok แต่ด้วยข้อจำกัดเรื่องความยาวคลิป ทำให้ซีรีส์ตอนแรกนี้ถูกแบ่งออกเป็น 5 ส่วน ถ้าหาก TikTok ขยายความยาวคลิปสูงสุดเป็น 60 นาที ต่อไปค่ายผู้ผลิตซีรีส์ต่างๆ ถ้าอยากจะลงซีรีส์ให้ชมฟรีบนแพลตฟอร์มนี้ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องซอยย่อยออกเป็นส่วนๆ อีกต่อไป

กลยุทธ์ดึงดูดผู้ผลิตซีรีส์จะไปชนกับ YouTube โดยตรง เพราะทุกวันนี้ค่ายผู้ผลิตซีรีส์ฝั่งตะวันตกหลายแห่งมักจะนำตอนแรกของซีรีส์มาให้ดูฟรีก่อนบน YouTube เพื่อเข้าถึงฐานผู้ชมให้ได้มากที่สุด

อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่ TikTok ถูกผูกติดอยู่กับนิยามการเป็นแพลตฟอร์มวิดีโอสั้นมาตลอด ทำให้หลายคนไม่มีพฤติกรรมที่จะดูวิดีโอยาวๆ บน TikTok ทางบริษัทก็เห็นช่องโหว่ตรงนี้จึงพยายามจะเสริมประสบการณ์ให้ผู้ใช้ยอมชมวิดีโอขนาดยาวบนแพลตฟอร์มให้มากขึ้น เช่น มีการทดลองระบบดูวิดีโอแนวขวางได้จากเดิมที่ต้องลงแต่วิดีโอแนวตั้ง (เหมือนกับบน YouTube)

แต่ขณะนี้ข้อมูลเรื่องฟีเจอร์การลงวิดีโอ 60 นาทีก็เหมือนกับการทดสอบฟีเจอร์อื่นๆ คือยังไม่รู้ว่า TikTok จะเดินหน้าขยายฟีเจอร์นี้ให้ใช้ได้ทั่วโลกเมื่อไหร่

Source  

]]>
1474660
Youtube ประกาศสู้ศึก Podcast ชูจุดเด่น ‘พอดแคสต์แบบวิดีโอ’ ท้าชน 2 คู่แข่งสำคัญ Spotify และ Apple https://positioningmag.com/1473606 Wed, 15 May 2024 01:47:45 +0000 https://positioningmag.com/?p=1473606 Youtube ประกาศสู้ศึก Podcast โดยชูจุดเด่นในเรื่องของ ‘พอดแคสต์แบบวิดีโอ’ เพื่อที่จะชนกับคู่แข่งรายสำคัญอย่าง Spotify และ Apple ซึ่งปัจจุบันตัวเลขผู้ฟังนั้นยังเติบโตเพิ่มขึ้นทุกปี ทำให้บริษัทเห็นโอกาสในการขยายช่องทางผู้ฟัง

Youtube โดยล่าสุดบริษัทเตรียมลุยตลาดพอดแคสต์ (Podcast) ที่มีผู้ฟังเติบโตเพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีคู่แข่งรายสำคัญนั่นก็คือ Spotify และ Apple ที่เป็น 2 ผู้เล่นใหญ่ในตลาดนี้ โดยมองว่าแพลตฟอร์มของบริษัทสามารถที่จะเป็นจุดที่ผู้ฟังสามารถหารายการใหม่ๆ ในสิ่งที่ตัวเองสนใจได้

ในงานสัมมนาของผู้ผลิต Podcast ซึ่งจัดโดย Youtube เมื่อไม่นานมานี้ ทีมงานผู้บริหารของ Youtube ถึง 2 รายได้กล่าวถึงความนิยมในแพลตฟอร์มสำหรับผู้ฟัง Podcast ไม่ว่าจะเป็นการฟังด้วยเสียงเพียงอย่างเดียว หรือแม้แต่ Podcast ที่เป็นวิดีโอก็เช่นกัน

ขณะที่ Johanna Voolich ผู้บริหารสูงสุดด้านผลิตภัณฑ์ของ Youtube เคยกล่าวใน Blog ของบริษัทว่า สูตรลับของ YouTube คือคำแนะนำของแพลตฟอร์ม ช่วยให้ผู้คนค้นพบสิ่งใหม่ๆ หรือเจาะลึกสิ่งที่พวกเขาชื่นชอบ (ผ่าน Podcast) ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้ผู้ผลิต Podcast เข้าถึงผู้ชมใหม่ๆ ที่พบได้บน YouTube เท่านั้น

Emma Sweet ผู้จัดการฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับ Podcast และเพลง ของ Youtube กล่าวว่า บริษัทได้ให้ความสำคัญกับ Podcast แม้ว่าจะไม่ใช่วิดีโอ ผลงานของผู้ผลิตก็สามารถขึ้นโชว์บนหน้าแรกได้ และนอกจาก Youtube Music แล้ว บริษัทยังขยายทางเลือกให้กับผู้ฟังสามารถฟัง Podcast ได้

นอกจากนี้ Youtube เองเตรียมที่จะพัฒนาระบบการฟังข้ามอุปกรณ์ ให้ผู้ฟังสามารถที่จะฟัง Podcast ได้สะดวกเพิ่มมากขึ้น ถ้าหากมีการสลับใช้งานอุปกรณ์เช่น ฟัง Podcast บนคอมพิวเตอร์ที่บ้าน แล้วมาใช้งานบนโทรศัพท์มือถือต่อ เป็นต้น

ทางด้านในส่วนของผู้ผลิต Podcast นั้นในการอัปโหลดรายการขึ้นไปยัง Youtube Music นั้นก็สามารถมีรายการอยู่บน Youtube ได้ทันที ไม่ต้องอัปโหลดซ้ำ ไม่เพียงเท่านี้ถ้าหากผู้ผลิต Podcast ได้อัปโหลด Podcast ทั้ง 2 รูปแบบทั้งแบบมีเสียงอย่างเดียว หรือมีวิดีโอด้วย ผู้ใช้งานสามารถกดเปิดปิดว่าจะดูวิดีโอได้ทันที

ข้อมูลจาก eMarketer และ PodcastIndex ชี้ว่าจำนวนผู้ฟัง Podcast นั้นมีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปีนับตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นมา ตัวเลขล่าสุดในปี 2021 อยู่ที่ 383.7 ล้านราย เติบโตมากถึง 15.5% และคาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะยังเติบโตเรื่อยๆ

คู่แข่งรายสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น Spotify หรือแม้แต่ Apple เองได้เอาจริงเอาจังในส่วนของ Podcast เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากผู้ฟังมีจำนวนที่มาก และยังมีการนำเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาช่วยให้ผู้ฟังสามารถที่จะหารายการโปรดหรือรายการแนวที่ชอบได้สะดวกมากยิ่งขึ้น

หลังจากนี้ศึกของแพลตฟอร์มในการฟัง Podcast นั้นจะดุเดือดกว่านี้อย่างแน่นอน เพราะหลายบริษัทได้มีการลงทุนในเรื่องดังกล่าวไปไม่น้อย

ที่มา – 9to5Google, Business Insider

]]>
1473606
ไม่ได้มีแค่วิดีโอ! ‘YouTube’ เตรียมส่งฟีเจอร์ ‘Playables’ ให้ผู้ใช้พรีเมียมเล่น ‘มินิเกม’ แก้เบื่อ https://positioningmag.com/1453832 Wed, 29 Nov 2023 09:32:25 +0000 https://positioningmag.com/?p=1453832 ดูเหมือน YouTube จะขอลองท้าทายในสิ่งที่หลายแพลตฟอร์มใหญ่ ๆ หลาย ๆ รายล้มเหลว ซึ่งนั่นก็คือ เกม โดยล่าสุด YouTube ได้ทดลองเปิดฟีเจอร์เกม ให้ผู้ใช้งานแบบพรีเมียมได้เล่นแก้เบื่อ

YouTube แพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิ่งรายใหญ่ ได้ทดลองให้บริการฟีเจอร์ Playables ซึ่งจะมี มินิเกม จำนวน 37 เกม ให้ได้เล่น อาทิ Angry Birds Showdown, Brain Out, Daily Solitaire, The Daily Crossword และ เกมอาร์เคด (Arcade Game) อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์ดังกล่าวจะให้บริการแค่สมาชิกพรีเมียมก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะเพิ่มเป็นฟีเจอร์ถาวรหรือไม่

นอกจากฟีเจอร์ Playables แล้ว สมาชิกระดับพรีเมียมยังสามารถลงทะเบียนเพื่อลองใช้ฟีเจอร์ AI การสนทนาของ YouTube ที่ให้ผู้ใช้ถามคําถามเกี่ยวกับวิดีโอที่พวกเขากําลังดูอยู่ได้อีกด้วย

ทั้งนี้ แผนการเพิ่มฟีเจอร์เกมของ YouTube เป็นไปได้ว่ามีไว้เพื่อตรึงให้สมาชิกพรีเมียมอยู่กับแพลตฟอร์มนานขึ้น เพราะมีข่าวว่า YouTube มีแผนจะขึ้นราคาค่าสมาชิกอีกประมาณ 2 ดอลลาร์ (ราว 70 บาท) ซึ่งมีผู้ใช้บางรายที่เลือกจะยกเลิกการเป็นสมาชิกหลังจากแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งขึ้นราคา อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่าฟีเจอร์ Playables คงเป็นแค่ส่วนเสริม เพราะไม่น่าจะมีใครเป็นสมาชิก YouTube เพื่อเล่นเกม

ก็ต้องรอดูว่าฟีเจอร์เกมของ YouTube จะมาช่วยเสริมอะไรให้แพลตฟอร์มได้บ้าง เพราะหลายแพลตฟอร์มที่เริ่มจะเข้ามาในตลาดเกม กลับต้องเหลวไปหลายราย อาทิ Google ที่ยกเลิก Stadia บริการคลาวด์เกมมิ่งอย่างเป็นทางการในเดือนมกราคม หรือเมื่อสองสามสัปดาห์ก่อน Amazon ได้เลิกจ้างงานมากกว่า 130 ตําแหน่งในแผนกเกมฟรี และสด ๆ ร้อน ๆ ก็คือ ByteDance ที่จะเลิกจ้างพนักงานประมาณ 1,000 คนในแผนกเกม

แต่ก็ยังมีผู้เล่นอีกบางส่วนที่ยังดันเกมให้ไปต่อ อาทิ Meta กับ Instant Games ที่ใช้เวลาประมาณเจ็ดปีในการสร้าง แพลตฟอร์มที่ช่วยให้นักพัฒนาเผยแพร่เกมเวอร์ชันเบต้าของตนโดยตรงบน Facebook หรือ Netflix ที่ได้เปิดตัวเกมบนมือถือโดยเฉพาะ และต้องการขยายไปสู่คลาวด์เกมมิ่ง

Source

]]>
1453832
‘TikTok’ เริ่มทดสอบโหมด ‘วิดีโอแนวนอน’ ท้าชน ‘YouTube’ https://positioningmag.com/1412970 Mon, 19 Dec 2022 05:35:05 +0000 https://positioningmag.com/?p=1412970 หากพูดถึงต้นตำรับ ‘วิดีโอสั้น’ และ ‘วิดีโอแนวตั้ง’ แน่นอนว่าต้องเป็น ‘TikTok’ แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียสัญชาติจีนที่มีอัตราการเติบโตเร็วที่สุดในโลก และความ Hot ดังกล่าวก็ทำให้แพลตฟอร์มโซเชียลดั้งเดิมต่างก็ต้องพัฒนาฟีเจอร์วิดีโอสั้นแนวตั้งออกมาแข่งขัน แต่ล่าสุด TikTok ก็ขอก้าวไปในโลกของ ‘วิดีโอแนวนอน’ ซึ่งคนที่ต้องปาดเหงื่อก็ไม่ใช่ใคร แต่เป็น ‘YouTube’

แม้จะเป็นผู้บุกเบิกวิดีโอสั้น แต่ล่าสุด TikTok ก็ได้เริ่มทดสอบโหมด แนวนอน (Landscape) กับผู้ใช้ทั่วโลก โดยผู้เชี่ยวชาญบางคน มองว่า ฟีเจอร์ใหม่นี้จะทำให้ TikTok สามารถแข่งขันโดยตรงกับแพลตฟอร์มวิดีโอเบอร์ 1 อย่าง YouTube

ไม่ใช่แค่ฟีเจอร์วิดีโอแนวนอน แต่อีกหนึ่งในสัญญาณของ TikTok ที่ส่งออกมาว่าจะแข่งขันกับ YouTube มากขึ้นก็คือ การเพิ่มความยาวของวิดีโอเป็นไม่เกิน 10 นาที จากที่ก่อนหน้านี้แพลตฟอร์มจะจำกัดความของวิดีโอที่ไม่เกิน 3 นาที ซึ่งการเพิ่มทั้งความยาวและวิดีโอแนวนอนจะช่วยดึงดูดกลุ่มผู้ใช้ที่เป็น ผู้ใหญ่ มากขึ้น

“ดูเหมือนว่าเป้าหมายคือการดึงดูดผู้ชมที่เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น โดยเฉพาะวิดีโอในกลุ่มการเรียนการสอน หรือให้ข้อมูลความรู้ ซึ่งโหมดเต็มหน้าจอน่าจะเป็นที่ต้องการมากกว่า” Paul Triolo ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีของบริษัทที่ปรึกษา Albright Stonebridge Group กล่าว

ขณะที่ Carolina Milanesi ผู้ก่อตั้งที่ปรึกษา The Heart of Tech มองว่า ฟีเจอร์ใหม่นี้จะทำให้ TikTok ดึงดูดใจเหล่าคอนเทนต์ครีเอเตอร์มากขึ้น และแม้ว่าทั้ง 2 แพลตฟอร์มจะส่งสัญญาณการแข่งขันกันดุเดือดมากขึ้น แต่ Jonathon Hutchinson อาจารย์อาวุโสแห่งมหาวิทยาลัยซิดนีย์ เชื่อว่าทั้ง YouTube และ TikTok จะเติบโตต่อไป

ที่ผ่านมา TikTok ถือเป็นแอปยอดนิยมในหมู่วัยรุ่นทั่วโลก โดยมียอดดาวน์โหลดรวมทั่วโลกเกือบ 4 พันล้านครั้ง แม้จะมีการเติบโตอย่างสูง แต่ TikTok เองก็ถือเป็นแพลตฟอร์มที่ถูกตรวจสอบจากหลาย ๆ ประเทศอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะในสหรัฐฯ โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ส.ส.ของสหรัฐฯ เสนอให้แบน TikTok เนื่องจากพวกเขาอ้างถึงความกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงของชาติ

นอกจากนี้ ยังมีการเรียกร้องให้แบน TikTok ในประเทศต่าง ๆ เช่น ออสเตรเลีย ในขณะที่ไต้หวันเพิ่งแบน TikTok จากอุปกรณ์สาธารณะ ส่วนอินเดียก็แบน TikTok ไปตั้งแต่ปี 2020 เนื่องจากมีข้อพิพาททางการทหาร

Source

]]>
1412970
รายได้โฆษณา ‘YouTube’ ลดลง 2% สะท้อนการ ‘หดตัว’ เม็ดเงินโฆษณาออนไลน์ https://positioningmag.com/1405564 Wed, 26 Oct 2022 07:31:44 +0000 https://positioningmag.com/?p=1405564 คงไม่ใช่แค่แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook ที่เจอกับปัญหาเรื่องเม็ดเงินโฆษณาที่ลดลง แต่จากรายงานผลประกอบการล่าสุดของ Alphabet บริษัทแม่ของ Google และ YouTube ก็ได้สะท้อนให้เห็นว่า ตลาดโฆษณาออนไลน์ยังคงประสบปัญหาต่อเนื่อง

รายได้จากการโฆษณาบน YouTube ลดลง 2% เมื่อเทียบเป็นรายปี มาอยู่ที่ 7.07 พันล้านดอลลาร์ในช่วงไตรมาส 3/2022 โดยถือว่าเป็นการ ลดลงครั้งแรก นับตั้งแต่ที่ Alphabet บริษัทแม่ได้เริ่มแยกย่อยรายได้แต่ละส่วนตั้งแต่ปี 2019 ขณะที่ภาพรวมการเติบโตของ Alphabet เองก็ลดลงอย่างมาก จากปีที่แล้วเติบโต 41% เหลือ 6% มีรายได้รวม 69,092 ล้านดอลลาร์ มีกำไรสุทธิ 13,910 ล้านดอลลาร์

การเติบโตที่ลดลงของ Alphabet เป็นการตอกย้ำว่า บริษัทต่าง ๆ ชะลอใช้เงินกับแคมเปญโฆษณาและการตลาด เนื่องจากความกังวลถึงภาวะเศรษฐกิจที่กำลังถดถอยทั่วโลก โดย Ruth Porat ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน ออกมาเปิดเผยว่า อุตสาหกรรมที่ลดการใช้งบส่วนใหญ่มาจากบริการทางการเงิน การประกันภัย สินเชื่อ และคริปโต

“รายได้ที่ลดลงของ YouTube สะท้อนถึงการลดเงินในการใช้จ่ายในการทำแคมเปญโฆษณาในหลายองค์กร” Ruth Porat ย้ำ

ไม่ใช่แค่ Alphabet ที่เจอกับปัญหาดังกล่าว แต่ Microsoft เองก็รายงานถึงการชะลอตัวของธุรกิจโฆษณาออนไลน์ โดยธุรกิจการค้นหาและโฆษณาข่าวสาร (Bing และ Microsoft News) มีการเติบโตเพียง 16% ในช่วงไตรมาส 3/2022 เมื่อเทียบกับปีก่อนที่เติบโตได้ถึง 40% และการเติบโตที่ลดลงไม่ได้เกิดแค่ในไตรมาส 3 แต่ลดลงทุกไตรมาสในปีนี้ สอดคล้องกับแนวโน้มขาลงทั่วไปของตลาดโฆษณาออนไลน์ทั้งหมด

การเติบโตที่ลดลงและความท้าทายทางเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเงินเฟ้อและภาวะถดถอยที่อาจเกิดขึ้น ทำให้ ซันดาร์ พิชัย ซีอีโอ Alphabet ต้องใช้มาตรการ ลดต้นทุน ทั้งบริษัท โดยจะชะลอการจ้างงานและลดการออกผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ โดยเขาต้องการทำให้บริษัทมีประสิทธิภาพมากขึ้น 20%

Google ceo sundar pichai
(Photo by Justin Sullivan/Getty Images)

ปัจจุบัน Alphabet มีพนักงานประจำทั้งหมด 186,779 คน เพิ่มขึ้นจาก 150,028 คนในปีที่แล้ว แต่ในการเพิ่มพนักงานในช่วงไตรมาส 4 จะต่ำกว่าไตรมาส 3 อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากบริษัทจะต้องการจะลดค่าใช้จ่ายของการดำเนินงานในองค์กร

จำนวนการจ้างงานในไตรมาส 4 จะลดลงกว่าการจ้างในไตรมาส 3 กว่าครึ่ง และการชะลอการจ้างงานจะมีความชัดเจนมากขึ้นในปี 2023” พิชัย กล่าว

หลังจากรายงานผลประกอบการ หุ้นของ Alphabet ร่วงลงประมาณ 7% โดยอยู่ต่ำกว่า 97 ดอลลาร์ โดยทั้งปีหุ้นของ Alphabet ลดลง 28%

Source

]]>
1405564
อัปเดต 3 เทรนด์ ‘YouTube’ ในวันที่ ‘Gen Z’ กว่าครึ่งดูวิดีโอที่คนทั่วไปไม่ดู https://positioningmag.com/1403033 Tue, 04 Oct 2022 08:17:15 +0000 https://positioningmag.com/?p=1403033 ปฏิเสธไม่ได้ว่าในช่วงแรกวิดีโอไวรัลบน YouTube เป็นตัวกำหนดเทรนด์ต่าง ๆ แต่บทบาทของ YouTube เปลี่ยนไปจากแมสเทรนด์ไปสู่คน แต่ตอนนี้เป็นการสร้างเทรนด์ ยิ่งในยุคนี้ที่ใคร ๆ ก็ครีเอทวิดีโอเองได้ โดยเฉพาะ Gen Z ที่เกิดมาพร้อมกับเทคโนโลยี อีกทั้ง ยังมีความเป็นตัวเองสูง ดังนั้น ไปอัปเดต 3 Types ที่เหล่าครีเอเตอร์ควรรู้ เพื่อที่จะสร้างวิดีโอให้ตรงใจคนดู

จากการสำรวจของ Ipsos พบว่า Gen Z ถึง 85% เคยโพสต์วิดีโอมาก่อน และเพราะคน Gen Z คุ้นเคยกับการผลิตและชมวิดีโอ ทำให้มีความเป็นตัวเองมากที่สุด 65% ของคน Gen Z ดูคอนเทนต์ที่ เกี่ยวของกับตัวเองมากกว่าคอนเทนต์ที่เป็นที่สนใจ และ 50% ดูคอนเทนต์ที่คนทั่วไปไม่ดู ดังนั้น ไปเจาะลึก 3 เทรนด์ ที่เหล่าครีเอเตอร์ควรรู้

Community Creativity

การสร้างคอนเทนต์สำหรับคนที่สนใจเรื่องเดียวกัน โดย 61% ของคน Gen Z ระบุว่าพวกเขาเป็น BigFan ของใครสักคนหรืออะไรสักอย่าง ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจหากแค่ วิดีโอเครื่องบินขึ้น-ลง จะมียอดวิวหลักหมื่นล้าน หรือครีเอเตอร์บางคนก็ผันตัวจาก แฟนด้อม ไปสู่การสร้างคอนเทนต์ที่ตรงใจเหล่าแฟน จนสามารถขยายฐานผู้ติดตามไปจนกลายเป็นแมส

“เราเห็นชุมชนย่อย ๆ ที่มีความเฉพาะตัวสูงบน YouTube มากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งมันอาจไม่แมสแต่มีคนดูเหนียวแน่น และ 92% รอตอนต่อไปของครีเอเตอร์ นอกจากนี้ ยังพบเห็นการสนับสนุนผ่าน Fan Funding จากแฟนคลับด้วยฟีเจอร์ Membership” มุกพิม อนันตชัย หัวหน้าฝ่ายพันธมิตรธุรกิจ ยูทูบ ประเทศไทย และเวียดนาม กล่าว

มุกพิม อนันตชัย หัวหน้าฝ่ายพันธมิตรธุรกิจ ยูทูบ ประเทศไทย และเวียดนาม

Responsive Creativity

การสร้างคอนเทนต์เพื่อตอบสนองต่อความรู้สึกหรืออารมณ์ของคน โดย 83% ของ Gen Z หาคอนเทนต์ที่ทำให้ ผ่อนคลาย ทำให้คอนเทนต์ประเภท ASMR (Autonomous Sensory Meridian Response) มีการค้นหามากขึ้น โดยยอดวิวทั่วโลกของคอนเทนต์ประเภทนี้มีกว่า 65,000 ล้านวิวเลยทีเดียว นอกจากนี้ Gen Z 64% ยังต้องการหาคอนเทนต์ที่สามารถดูเรื่อย ๆ เพื่อเป็น เพื่อนแก้เหงา และ 80% ใช้วิดีโอรำลึกอดีต

Multi-format Creativity

เพราะฟอร์แมตวิดีโอบน YouTube เปลี่ยนไป มีทั้ง Shorts From, Long From และ Live-Stream ดังนั้น ครีเอเตอร์ควรสร้างสรรค์หลาย ๆ แบบ เพื่อหารูปแบบที่ตรงใจกับผู้ชม อย่าง Shorts อาจตั้งสั้น ๆ เป็น Meme เพื่อดึงดูดให้มาดูวิดีโอยาว เพราะ 59% ของ Gen Z ระบุว่า เขามักเจอวิดีโอใหม่ ๆ ในวิดีโอสั้น

]]>
1403033
CEO ของ Instagram เผย “แพลตฟอร์มเรายังตามหลัง TikTok หรือแม้แต่ Youtube อีกมาก” https://positioningmag.com/1400683 Mon, 19 Sep 2022 05:46:53 +0000 https://positioningmag.com/?p=1400683 สถานการณ์ใน Meta นั้นอาจไม่ได้ดีเท่าไหร่นัก เมื่อล่าสุด Adam Mosseri ซึ่งเป็น CEO ของ Instagram ส่งข้อความให้กับพนักงานบริษัท โดยเขากล่าวว่าแพลตฟอร์มของบริษัทยังตามหลังคู่แข่งอย่างในทุกมิติ และเร่งให้พนักงานต้องสร้างความคืบหน้าในหลายเรื่องหลังจากนี้

The Information เว็บข่าวไอทีชื่อดัง ได้เปิดเผยข้อความที่ Adam Mosseri ซึ่งเป็น CEO ของ Instagram ส่งให้กับพนักงานในบริษัท โดยเขากล่าวว่าแพลตฟอร์มของบริษัทยังตามหลังคู่แข่งอย่าง TikTok หรือแม้แต่ Youtube ในทุกมิติ นอกจากนี้ยังทำให้เหล่าครีเอเตอร์พึงพอใจน้อยกว่าแพลตฟอร์มคู่แข่งอีกด้วย

ข้อความดังกล่าวยังกล่าวถึงผลการสำรวจเหล่าครีเอเตอร์นั้นได้กล่าวว่า “Instagram ล้าหลังกว่า TikTok และ Youtube ในทุกมิติของการสร้างความพึงพอใจ” ขณะเดียวกันถ้าหากในมุมของสิ่งที่ไม่ทำเงินอย่าง ความสนุกสนานระบบอัลกอริทึ่ม รวมถึงการเข้าถึงในการใช้งาน ก็ยังถือว่าตามหลังคู่แข่ง นอกจากนี้การทำงานของทีมงานยังถือว่าทำงานได้ตามหลังคู่แข่ง

นอกจากนี้เขายังกล่าวว่าจะต้องเร่งความคืบหน้าต่างๆ ในหลายเรื่องหลังจากนี้อย่างเร่งด่วนด้วย

ซึ่งผลสำรวจของ Instagram นั้นมักจะมีการส่งแบบสอบถามไปยังครีเอเตอร์เหล่านี้ประจำ ซึ่งจะสอบถามเรื่องความพึงพอใจในการใช้งานแพลตฟอร์ม รวมถึงการเปรียบเทียบกับคู่แข่ง

การเปลี่ยนแปลงของฟังก์ชันต่างๆ ได้ส่งผลกระทบต่อ Instagram ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นการออกฟังก์ชันการทำงานที่เหมือนกับ TikTok เข้าไปเรื่อยๆ จนทำให้เหล่าคนดังอย่าง Kylie Jenner และ Kim Kardashian เรียกร้องให้แพลตฟอร์มกลับมาเป็นอย่างที่เคยเป็น (ไม่ใช่เป็นแบบทุกวันนี้)

ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทแม่ของ Instagram อย่าง Meta เองก็ได้รับเสียงวิจารณ์จาก Bill George ศาสตราจารย์ผู้อาวุโสที่ Harvard Business School (HBS) กล่าวถึงภาวะผู้นำของ Mark Zuckerberg ถึงทักษะการเป็นผู้นำที่ย่ำแย่ของเขา อาจทำให้บริษัทค่อยๆ ล้มเหลวลง

ช่วงเวลาดังกล่าวนี้ถือว่าเป็นความท้าทายของ Meta ในการพลิกฟื้นสถานการณ์ที่ต้องตามหลังคู่แข่ง ให้กลับมากลายเป็นผู้นำได้อีกครั้ง และอะไรที่จะเป็นไม้ตายของบริษัทในการพลิกเกมดังกล่าวนี้ 

]]>
1400683
Youtube เตรียมเปิดหน้าร้านออนไลน์ให้ผู้บริการวิดีโอสตรีมมิ่งรายอื่นหาลูกค้าเพิ่มได้ https://positioningmag.com/1396077 Sun, 14 Aug 2022 10:07:25 +0000 https://positioningmag.com/?p=1396077 Wall Street Journal รายงานข่าวโดยอ้างอิงแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องว่า Youtube เตรียมที่จะส่งบริการหน้าร้านให้กับผู้ให้บริการวิดีโอสตรีมมิ่งรายอื่นๆ มาใช้งานบนแพลตฟอร์มของบริษัทเพื่อที่จะหาลูกค้าเพิ่มเติมในสหรัฐอเมริกา หลังจากใช้เวลาพัฒนามาสักพัก

บริการดังกล่าวนั้นได้ใช้เวลาพัฒนาระบบถึง 18 เดือนและคาดว่าจะเปิดใช้งานในปีนี้ ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้ Youtube สามารถที่จะซื้อบริการจากแพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิ่งเจ้าอื่นได้ ก่อนหน้านี้ผู้ใช้งานสามารถซื้อบริการของ HBO Max  รวมถึงผู้ให้บริการช่องกีฬารายอื่นๆ เพิ่มเติมได้

ขณะเดียวกันผู้ให้บริการวิดีโอสตรีมมิ่งที่สนใจเข้าร่วมหน้าร้านดังกล่าวคือ Peacock ซึ่งเป็นบริการวิดีโอสตรีมมิ่งของ NBC Univeral นั้นได้เริ่มพูดคุยกับทาง Youtube แล้ว ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาการแข่งขันของแพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิ่งในสหรัฐอเมริกามีการแข่งขันกันที่สูง และจำนวนผู้ใช้งานไม่ได้เติบโตอย่างก้าวกระโดดมากนัก

สำหรับบริการหน้าร้านของ Youtube จะทำให้บริษัทเป็นผู้เล่นอีกรายเหมือนกับ Amazon และ Roku ที่มีหน้าร้านให้กับผู้ให้บริการวิดีโอสตรีมมิ่งรายอื่นๆ สามารถใช้เป็นช่องทางในการหาลูกค้ารายใหม่ๆ ได้ ซึ่งทาง Youtube เองได้พูดคุยกับหลายแพลตฟอร์มในเรื่องของการแบ่งรายได้แล้ว

]]>
1396077