youtube – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 29 Nov 2023 11:22:21 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ไม่ได้มีแค่วิดีโอ! ‘YouTube’ เตรียมส่งฟีเจอร์ ‘Playables’ ให้ผู้ใช้พรีเมียมเล่น ‘มินิเกม’ แก้เบื่อ https://positioningmag.com/1453832 Wed, 29 Nov 2023 09:32:25 +0000 https://positioningmag.com/?p=1453832 ดูเหมือน YouTube จะขอลองท้าทายในสิ่งที่หลายแพลตฟอร์มใหญ่ ๆ หลาย ๆ รายล้มเหลว ซึ่งนั่นก็คือ เกม โดยล่าสุด YouTube ได้ทดลองเปิดฟีเจอร์เกม ให้ผู้ใช้งานแบบพรีเมียมได้เล่นแก้เบื่อ

YouTube แพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิ่งรายใหญ่ ได้ทดลองให้บริการฟีเจอร์ Playables ซึ่งจะมี มินิเกม จำนวน 37 เกม ให้ได้เล่น อาทิ Angry Birds Showdown, Brain Out, Daily Solitaire, The Daily Crossword และ เกมอาร์เคด (Arcade Game) อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์ดังกล่าวจะให้บริการแค่สมาชิกพรีเมียมก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะเพิ่มเป็นฟีเจอร์ถาวรหรือไม่

นอกจากฟีเจอร์ Playables แล้ว สมาชิกระดับพรีเมียมยังสามารถลงทะเบียนเพื่อลองใช้ฟีเจอร์ AI การสนทนาของ YouTube ที่ให้ผู้ใช้ถามคําถามเกี่ยวกับวิดีโอที่พวกเขากําลังดูอยู่ได้อีกด้วย

ทั้งนี้ แผนการเพิ่มฟีเจอร์เกมของ YouTube เป็นไปได้ว่ามีไว้เพื่อตรึงให้สมาชิกพรีเมียมอยู่กับแพลตฟอร์มนานขึ้น เพราะมีข่าวว่า YouTube มีแผนจะขึ้นราคาค่าสมาชิกอีกประมาณ 2 ดอลลาร์ (ราว 70 บาท) ซึ่งมีผู้ใช้บางรายที่เลือกจะยกเลิกการเป็นสมาชิกหลังจากแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งขึ้นราคา อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่าฟีเจอร์ Playables คงเป็นแค่ส่วนเสริม เพราะไม่น่าจะมีใครเป็นสมาชิก YouTube เพื่อเล่นเกม

ก็ต้องรอดูว่าฟีเจอร์เกมของ YouTube จะมาช่วยเสริมอะไรให้แพลตฟอร์มได้บ้าง เพราะหลายแพลตฟอร์มที่เริ่มจะเข้ามาในตลาดเกม กลับต้องเหลวไปหลายราย อาทิ Google ที่ยกเลิก Stadia บริการคลาวด์เกมมิ่งอย่างเป็นทางการในเดือนมกราคม หรือเมื่อสองสามสัปดาห์ก่อน Amazon ได้เลิกจ้างงานมากกว่า 130 ตําแหน่งในแผนกเกมฟรี และสด ๆ ร้อน ๆ ก็คือ ByteDance ที่จะเลิกจ้างพนักงานประมาณ 1,000 คนในแผนกเกม

แต่ก็ยังมีผู้เล่นอีกบางส่วนที่ยังดันเกมให้ไปต่อ อาทิ Meta กับ Instant Games ที่ใช้เวลาประมาณเจ็ดปีในการสร้าง แพลตฟอร์มที่ช่วยให้นักพัฒนาเผยแพร่เกมเวอร์ชันเบต้าของตนโดยตรงบน Facebook หรือ Netflix ที่ได้เปิดตัวเกมบนมือถือโดยเฉพาะ และต้องการขยายไปสู่คลาวด์เกมมิ่ง

Source

]]>
1453832
‘TikTok’ เริ่มทดสอบโหมด ‘วิดีโอแนวนอน’ ท้าชน ‘YouTube’ https://positioningmag.com/1412970 Mon, 19 Dec 2022 05:35:05 +0000 https://positioningmag.com/?p=1412970 หากพูดถึงต้นตำรับ ‘วิดีโอสั้น’ และ ‘วิดีโอแนวตั้ง’ แน่นอนว่าต้องเป็น ‘TikTok’ แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียสัญชาติจีนที่มีอัตราการเติบโตเร็วที่สุดในโลก และความ Hot ดังกล่าวก็ทำให้แพลตฟอร์มโซเชียลดั้งเดิมต่างก็ต้องพัฒนาฟีเจอร์วิดีโอสั้นแนวตั้งออกมาแข่งขัน แต่ล่าสุด TikTok ก็ขอก้าวไปในโลกของ ‘วิดีโอแนวนอน’ ซึ่งคนที่ต้องปาดเหงื่อก็ไม่ใช่ใคร แต่เป็น ‘YouTube’

แม้จะเป็นผู้บุกเบิกวิดีโอสั้น แต่ล่าสุด TikTok ก็ได้เริ่มทดสอบโหมด แนวนอน (Landscape) กับผู้ใช้ทั่วโลก โดยผู้เชี่ยวชาญบางคน มองว่า ฟีเจอร์ใหม่นี้จะทำให้ TikTok สามารถแข่งขันโดยตรงกับแพลตฟอร์มวิดีโอเบอร์ 1 อย่าง YouTube

ไม่ใช่แค่ฟีเจอร์วิดีโอแนวนอน แต่อีกหนึ่งในสัญญาณของ TikTok ที่ส่งออกมาว่าจะแข่งขันกับ YouTube มากขึ้นก็คือ การเพิ่มความยาวของวิดีโอเป็นไม่เกิน 10 นาที จากที่ก่อนหน้านี้แพลตฟอร์มจะจำกัดความของวิดีโอที่ไม่เกิน 3 นาที ซึ่งการเพิ่มทั้งความยาวและวิดีโอแนวนอนจะช่วยดึงดูดกลุ่มผู้ใช้ที่เป็น ผู้ใหญ่ มากขึ้น

“ดูเหมือนว่าเป้าหมายคือการดึงดูดผู้ชมที่เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น โดยเฉพาะวิดีโอในกลุ่มการเรียนการสอน หรือให้ข้อมูลความรู้ ซึ่งโหมดเต็มหน้าจอน่าจะเป็นที่ต้องการมากกว่า” Paul Triolo ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีของบริษัทที่ปรึกษา Albright Stonebridge Group กล่าว

ขณะที่ Carolina Milanesi ผู้ก่อตั้งที่ปรึกษา The Heart of Tech มองว่า ฟีเจอร์ใหม่นี้จะทำให้ TikTok ดึงดูดใจเหล่าคอนเทนต์ครีเอเตอร์มากขึ้น และแม้ว่าทั้ง 2 แพลตฟอร์มจะส่งสัญญาณการแข่งขันกันดุเดือดมากขึ้น แต่ Jonathon Hutchinson อาจารย์อาวุโสแห่งมหาวิทยาลัยซิดนีย์ เชื่อว่าทั้ง YouTube และ TikTok จะเติบโตต่อไป

ที่ผ่านมา TikTok ถือเป็นแอปยอดนิยมในหมู่วัยรุ่นทั่วโลก โดยมียอดดาวน์โหลดรวมทั่วโลกเกือบ 4 พันล้านครั้ง แม้จะมีการเติบโตอย่างสูง แต่ TikTok เองก็ถือเป็นแพลตฟอร์มที่ถูกตรวจสอบจากหลาย ๆ ประเทศอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะในสหรัฐฯ โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ส.ส.ของสหรัฐฯ เสนอให้แบน TikTok เนื่องจากพวกเขาอ้างถึงความกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงของชาติ

นอกจากนี้ ยังมีการเรียกร้องให้แบน TikTok ในประเทศต่าง ๆ เช่น ออสเตรเลีย ในขณะที่ไต้หวันเพิ่งแบน TikTok จากอุปกรณ์สาธารณะ ส่วนอินเดียก็แบน TikTok ไปตั้งแต่ปี 2020 เนื่องจากมีข้อพิพาททางการทหาร

Source

]]>
1412970
รายได้โฆษณา ‘YouTube’ ลดลง 2% สะท้อนการ ‘หดตัว’ เม็ดเงินโฆษณาออนไลน์ https://positioningmag.com/1405564 Wed, 26 Oct 2022 07:31:44 +0000 https://positioningmag.com/?p=1405564 คงไม่ใช่แค่แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook ที่เจอกับปัญหาเรื่องเม็ดเงินโฆษณาที่ลดลง แต่จากรายงานผลประกอบการล่าสุดของ Alphabet บริษัทแม่ของ Google และ YouTube ก็ได้สะท้อนให้เห็นว่า ตลาดโฆษณาออนไลน์ยังคงประสบปัญหาต่อเนื่อง

รายได้จากการโฆษณาบน YouTube ลดลง 2% เมื่อเทียบเป็นรายปี มาอยู่ที่ 7.07 พันล้านดอลลาร์ในช่วงไตรมาส 3/2022 โดยถือว่าเป็นการ ลดลงครั้งแรก นับตั้งแต่ที่ Alphabet บริษัทแม่ได้เริ่มแยกย่อยรายได้แต่ละส่วนตั้งแต่ปี 2019 ขณะที่ภาพรวมการเติบโตของ Alphabet เองก็ลดลงอย่างมาก จากปีที่แล้วเติบโต 41% เหลือ 6% มีรายได้รวม 69,092 ล้านดอลลาร์ มีกำไรสุทธิ 13,910 ล้านดอลลาร์

การเติบโตที่ลดลงของ Alphabet เป็นการตอกย้ำว่า บริษัทต่าง ๆ ชะลอใช้เงินกับแคมเปญโฆษณาและการตลาด เนื่องจากความกังวลถึงภาวะเศรษฐกิจที่กำลังถดถอยทั่วโลก โดย Ruth Porat ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน ออกมาเปิดเผยว่า อุตสาหกรรมที่ลดการใช้งบส่วนใหญ่มาจากบริการทางการเงิน การประกันภัย สินเชื่อ และคริปโต

“รายได้ที่ลดลงของ YouTube สะท้อนถึงการลดเงินในการใช้จ่ายในการทำแคมเปญโฆษณาในหลายองค์กร” Ruth Porat ย้ำ

ไม่ใช่แค่ Alphabet ที่เจอกับปัญหาดังกล่าว แต่ Microsoft เองก็รายงานถึงการชะลอตัวของธุรกิจโฆษณาออนไลน์ โดยธุรกิจการค้นหาและโฆษณาข่าวสาร (Bing และ Microsoft News) มีการเติบโตเพียง 16% ในช่วงไตรมาส 3/2022 เมื่อเทียบกับปีก่อนที่เติบโตได้ถึง 40% และการเติบโตที่ลดลงไม่ได้เกิดแค่ในไตรมาส 3 แต่ลดลงทุกไตรมาสในปีนี้ สอดคล้องกับแนวโน้มขาลงทั่วไปของตลาดโฆษณาออนไลน์ทั้งหมด

การเติบโตที่ลดลงและความท้าทายทางเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเงินเฟ้อและภาวะถดถอยที่อาจเกิดขึ้น ทำให้ ซันดาร์ พิชัย ซีอีโอ Alphabet ต้องใช้มาตรการ ลดต้นทุน ทั้งบริษัท โดยจะชะลอการจ้างงานและลดการออกผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ โดยเขาต้องการทำให้บริษัทมีประสิทธิภาพมากขึ้น 20%

Google ceo sundar pichai
(Photo by Justin Sullivan/Getty Images)

ปัจจุบัน Alphabet มีพนักงานประจำทั้งหมด 186,779 คน เพิ่มขึ้นจาก 150,028 คนในปีที่แล้ว แต่ในการเพิ่มพนักงานในช่วงไตรมาส 4 จะต่ำกว่าไตรมาส 3 อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากบริษัทจะต้องการจะลดค่าใช้จ่ายของการดำเนินงานในองค์กร

จำนวนการจ้างงานในไตรมาส 4 จะลดลงกว่าการจ้างในไตรมาส 3 กว่าครึ่ง และการชะลอการจ้างงานจะมีความชัดเจนมากขึ้นในปี 2023” พิชัย กล่าว

หลังจากรายงานผลประกอบการ หุ้นของ Alphabet ร่วงลงประมาณ 7% โดยอยู่ต่ำกว่า 97 ดอลลาร์ โดยทั้งปีหุ้นของ Alphabet ลดลง 28%

Source

]]>
1405564
อัปเดต 3 เทรนด์ ‘YouTube’ ในวันที่ ‘Gen Z’ กว่าครึ่งดูวิดีโอที่คนทั่วไปไม่ดู https://positioningmag.com/1403033 Tue, 04 Oct 2022 08:17:15 +0000 https://positioningmag.com/?p=1403033 ปฏิเสธไม่ได้ว่าในช่วงแรกวิดีโอไวรัลบน YouTube เป็นตัวกำหนดเทรนด์ต่าง ๆ แต่บทบาทของ YouTube เปลี่ยนไปจากแมสเทรนด์ไปสู่คน แต่ตอนนี้เป็นการสร้างเทรนด์ ยิ่งในยุคนี้ที่ใคร ๆ ก็ครีเอทวิดีโอเองได้ โดยเฉพาะ Gen Z ที่เกิดมาพร้อมกับเทคโนโลยี อีกทั้ง ยังมีความเป็นตัวเองสูง ดังนั้น ไปอัปเดต 3 Types ที่เหล่าครีเอเตอร์ควรรู้ เพื่อที่จะสร้างวิดีโอให้ตรงใจคนดู

จากการสำรวจของ Ipsos พบว่า Gen Z ถึง 85% เคยโพสต์วิดีโอมาก่อน และเพราะคน Gen Z คุ้นเคยกับการผลิตและชมวิดีโอ ทำให้มีความเป็นตัวเองมากที่สุด 65% ของคน Gen Z ดูคอนเทนต์ที่ เกี่ยวของกับตัวเองมากกว่าคอนเทนต์ที่เป็นที่สนใจ และ 50% ดูคอนเทนต์ที่คนทั่วไปไม่ดู ดังนั้น ไปเจาะลึก 3 เทรนด์ ที่เหล่าครีเอเตอร์ควรรู้

Community Creativity

การสร้างคอนเทนต์สำหรับคนที่สนใจเรื่องเดียวกัน โดย 61% ของคน Gen Z ระบุว่าพวกเขาเป็น BigFan ของใครสักคนหรืออะไรสักอย่าง ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจหากแค่ วิดีโอเครื่องบินขึ้น-ลง จะมียอดวิวหลักหมื่นล้าน หรือครีเอเตอร์บางคนก็ผันตัวจาก แฟนด้อม ไปสู่การสร้างคอนเทนต์ที่ตรงใจเหล่าแฟน จนสามารถขยายฐานผู้ติดตามไปจนกลายเป็นแมส

“เราเห็นชุมชนย่อย ๆ ที่มีความเฉพาะตัวสูงบน YouTube มากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งมันอาจไม่แมสแต่มีคนดูเหนียวแน่น และ 92% รอตอนต่อไปของครีเอเตอร์ นอกจากนี้ ยังพบเห็นการสนับสนุนผ่าน Fan Funding จากแฟนคลับด้วยฟีเจอร์ Membership” มุกพิม อนันตชัย หัวหน้าฝ่ายพันธมิตรธุรกิจ ยูทูบ ประเทศไทย และเวียดนาม กล่าว

มุกพิม อนันตชัย หัวหน้าฝ่ายพันธมิตรธุรกิจ ยูทูบ ประเทศไทย และเวียดนาม

Responsive Creativity

การสร้างคอนเทนต์เพื่อตอบสนองต่อความรู้สึกหรืออารมณ์ของคน โดย 83% ของ Gen Z หาคอนเทนต์ที่ทำให้ ผ่อนคลาย ทำให้คอนเทนต์ประเภท ASMR (Autonomous Sensory Meridian Response) มีการค้นหามากขึ้น โดยยอดวิวทั่วโลกของคอนเทนต์ประเภทนี้มีกว่า 65,000 ล้านวิวเลยทีเดียว นอกจากนี้ Gen Z 64% ยังต้องการหาคอนเทนต์ที่สามารถดูเรื่อย ๆ เพื่อเป็น เพื่อนแก้เหงา และ 80% ใช้วิดีโอรำลึกอดีต

Multi-format Creativity

เพราะฟอร์แมตวิดีโอบน YouTube เปลี่ยนไป มีทั้ง Shorts From, Long From และ Live-Stream ดังนั้น ครีเอเตอร์ควรสร้างสรรค์หลาย ๆ แบบ เพื่อหารูปแบบที่ตรงใจกับผู้ชม อย่าง Shorts อาจตั้งสั้น ๆ เป็น Meme เพื่อดึงดูดให้มาดูวิดีโอยาว เพราะ 59% ของ Gen Z ระบุว่า เขามักเจอวิดีโอใหม่ ๆ ในวิดีโอสั้น

]]>
1403033
CEO ของ Instagram เผย “แพลตฟอร์มเรายังตามหลัง TikTok หรือแม้แต่ Youtube อีกมาก” https://positioningmag.com/1400683 Mon, 19 Sep 2022 05:46:53 +0000 https://positioningmag.com/?p=1400683 สถานการณ์ใน Meta นั้นอาจไม่ได้ดีเท่าไหร่นัก เมื่อล่าสุด Adam Mosseri ซึ่งเป็น CEO ของ Instagram ส่งข้อความให้กับพนักงานบริษัท โดยเขากล่าวว่าแพลตฟอร์มของบริษัทยังตามหลังคู่แข่งอย่างในทุกมิติ และเร่งให้พนักงานต้องสร้างความคืบหน้าในหลายเรื่องหลังจากนี้

The Information เว็บข่าวไอทีชื่อดัง ได้เปิดเผยข้อความที่ Adam Mosseri ซึ่งเป็น CEO ของ Instagram ส่งให้กับพนักงานในบริษัท โดยเขากล่าวว่าแพลตฟอร์มของบริษัทยังตามหลังคู่แข่งอย่าง TikTok หรือแม้แต่ Youtube ในทุกมิติ นอกจากนี้ยังทำให้เหล่าครีเอเตอร์พึงพอใจน้อยกว่าแพลตฟอร์มคู่แข่งอีกด้วย

ข้อความดังกล่าวยังกล่าวถึงผลการสำรวจเหล่าครีเอเตอร์นั้นได้กล่าวว่า “Instagram ล้าหลังกว่า TikTok และ Youtube ในทุกมิติของการสร้างความพึงพอใจ” ขณะเดียวกันถ้าหากในมุมของสิ่งที่ไม่ทำเงินอย่าง ความสนุกสนานระบบอัลกอริทึ่ม รวมถึงการเข้าถึงในการใช้งาน ก็ยังถือว่าตามหลังคู่แข่ง นอกจากนี้การทำงานของทีมงานยังถือว่าทำงานได้ตามหลังคู่แข่ง

นอกจากนี้เขายังกล่าวว่าจะต้องเร่งความคืบหน้าต่างๆ ในหลายเรื่องหลังจากนี้อย่างเร่งด่วนด้วย

ซึ่งผลสำรวจของ Instagram นั้นมักจะมีการส่งแบบสอบถามไปยังครีเอเตอร์เหล่านี้ประจำ ซึ่งจะสอบถามเรื่องความพึงพอใจในการใช้งานแพลตฟอร์ม รวมถึงการเปรียบเทียบกับคู่แข่ง

การเปลี่ยนแปลงของฟังก์ชันต่างๆ ได้ส่งผลกระทบต่อ Instagram ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นการออกฟังก์ชันการทำงานที่เหมือนกับ TikTok เข้าไปเรื่อยๆ จนทำให้เหล่าคนดังอย่าง Kylie Jenner และ Kim Kardashian เรียกร้องให้แพลตฟอร์มกลับมาเป็นอย่างที่เคยเป็น (ไม่ใช่เป็นแบบทุกวันนี้)

ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทแม่ของ Instagram อย่าง Meta เองก็ได้รับเสียงวิจารณ์จาก Bill George ศาสตราจารย์ผู้อาวุโสที่ Harvard Business School (HBS) กล่าวถึงภาวะผู้นำของ Mark Zuckerberg ถึงทักษะการเป็นผู้นำที่ย่ำแย่ของเขา อาจทำให้บริษัทค่อยๆ ล้มเหลวลง

ช่วงเวลาดังกล่าวนี้ถือว่าเป็นความท้าทายของ Meta ในการพลิกฟื้นสถานการณ์ที่ต้องตามหลังคู่แข่ง ให้กลับมากลายเป็นผู้นำได้อีกครั้ง และอะไรที่จะเป็นไม้ตายของบริษัทในการพลิกเกมดังกล่าวนี้ 

]]>
1400683
Youtube เตรียมเปิดหน้าร้านออนไลน์ให้ผู้บริการวิดีโอสตรีมมิ่งรายอื่นหาลูกค้าเพิ่มได้ https://positioningmag.com/1396077 Sun, 14 Aug 2022 10:07:25 +0000 https://positioningmag.com/?p=1396077 Wall Street Journal รายงานข่าวโดยอ้างอิงแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องว่า Youtube เตรียมที่จะส่งบริการหน้าร้านให้กับผู้ให้บริการวิดีโอสตรีมมิ่งรายอื่นๆ มาใช้งานบนแพลตฟอร์มของบริษัทเพื่อที่จะหาลูกค้าเพิ่มเติมในสหรัฐอเมริกา หลังจากใช้เวลาพัฒนามาสักพัก

บริการดังกล่าวนั้นได้ใช้เวลาพัฒนาระบบถึง 18 เดือนและคาดว่าจะเปิดใช้งานในปีนี้ ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้ Youtube สามารถที่จะซื้อบริการจากแพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิ่งเจ้าอื่นได้ ก่อนหน้านี้ผู้ใช้งานสามารถซื้อบริการของ HBO Max  รวมถึงผู้ให้บริการช่องกีฬารายอื่นๆ เพิ่มเติมได้

ขณะเดียวกันผู้ให้บริการวิดีโอสตรีมมิ่งที่สนใจเข้าร่วมหน้าร้านดังกล่าวคือ Peacock ซึ่งเป็นบริการวิดีโอสตรีมมิ่งของ NBC Univeral นั้นได้เริ่มพูดคุยกับทาง Youtube แล้ว ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาการแข่งขันของแพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิ่งในสหรัฐอเมริกามีการแข่งขันกันที่สูง และจำนวนผู้ใช้งานไม่ได้เติบโตอย่างก้าวกระโดดมากนัก

สำหรับบริการหน้าร้านของ Youtube จะทำให้บริษัทเป็นผู้เล่นอีกรายเหมือนกับ Amazon และ Roku ที่มีหน้าร้านให้กับผู้ให้บริการวิดีโอสตรีมมิ่งรายอื่นๆ สามารถใช้เป็นช่องทางในการหาลูกค้ารายใหม่ๆ ได้ ซึ่งทาง Youtube เองได้พูดคุยกับหลายแพลตฟอร์มในเรื่องของการแบ่งรายได้แล้ว

]]>
1396077
สรุปภาพ ‘โซเชียลมีเดีย’ ครึ่งปีแรก สำหรับ ‘แบรนด์’ เตรียมพร้อม รับมือช่วงเวลาที่เหลือ https://positioningmag.com/1394817 Wed, 03 Aug 2022 09:58:49 +0000 https://positioningmag.com/?p=1394817 จากข้อมูลของ We Are Social พบว่าช่วง 6 เดือนแรกคนไทยใช้อินเทอร์เน็ตเฉลี่ย 9.06 ชั่วโมงต่อวัน สูงเป็นอันดับ 7 ของโลก เฉพาะเวลาที่ใช้กับโซเชียลมีเดียอยู่ที่ 2.59 ชั่วโมงต่อวัน ขณะที่ค่าเฉลี่ยทั่วโลกอยู่ที่ 2.27 ชั่วโมงต่อวัน โดยไทยอยู่อันดับ 15 ร่วงลงมาจาก Top 5 เมื่อเทียบกับช่วง 2-3 ปีก่อนหน้า โดยแนวโน้มชี้ไปว่าคนไทยเริ่มใช้โซเชียลมีเดียน้อยลง

ในส่วนของโซเชียลมีเดียยอดนิยมของไทย 5 ปีหลังพบว่า YouTube แซง Facebook ขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ส่วน Line อยู่อันดับ 3 ตามด้วย Facebook Messenger เป็นอันดับ 4 ขณะที่ TikTok มาแรงแซงทั้ง Instagram และ Twitter

Facebook ไม่ได้ Dominated โซเชียลอีกต่อไป

ในส่วนของแพลตฟอร์มที่มีแบรนด์เปิดบัญชีทางการของตัวเองมากที่สุดในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2022 ได้แก่

  • Facebook 99%
  • Instagram 65%
  • YouTube 53%
  • Twitter 33%

“ตัวเลขของ Facebook ไม่เปลี่ยนมานาน มันกลายเป็นสิ่งพื้นฐานที่ทุกแบรนด์ต้องมี ที่น่าสนใจคือ YouTube กับ Instagram ที่เติบโตมากขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา รวมถึงในแง่เอ็นเกจเมนต์ด้วย แปลว่า Facebook ไม่ได้ dominated แบรนด์เริ่มกระจายไปยังแพลตฟอร์มอื่นแล้ว” กล้า ตั้งสุวรรณ Chief Executive Officer, Wisesight

อย่าสนใจ Like ให้สนรีแอคชั่นอื่น ๆ

จำนวนการกดไลก์เริ่มลดลงจาก 98% เหลือ 96% เนื่องจากผู้ใช้เริ่มกดอีโมชั่นอื่น ๆ มากขึ้น แปลว่า ไลก์ไม่ใช่ตัวชี้วัดอีกต่อไป แต่รีแอคชั่นอื่น ๆ มีความหมายมากขึ้น เพราะไลก์เป็นปุ่มที่กดง่ายที่สุด ดังนั้น ไม่มีความหมายอะไรทั้งนั้น

“ไลก์เยอะไม่ได้แปลว่าดี เพราะมันกดง่าย แต่ควรใส่ใจกับอีโมชั่นอื่น ไม่ว่าจะ Love หรือ Angry”

แบรนด์ทำคอนเทนต์เองมากกว่าจ้าง

จำนวนคอนเทนต์ของแบรนด์ในโลกโซเชียลมีปริมาณเพิ่มขึ้น 10.2% จาก 222,000 โพสต์ต่อเดือน เป็น 225,000 โพสต์ต่อเดือน แต่ที่ เอเจนซี่ กลับยิ่งเหนื่อยเป็นเพราะ แบรนด์ผลิตเอง เลือกที่จะไม่จ้างเอเจนซี่เนื่องจากต้องการ ประหยัดงบ ขณะที่อุปกรณ์ที่ใช้ถ่ายทำก็หาได้ง่ายในราคาที่ไม่แพง

คนพิมพ์สั้นลงแต่โพสต์เยอะขึ้น

ชาวโซเชียลในปัจจุบันมีพฤติกรรมที่ชอบโพสต์ แต่พิมพ์ข้อความน้อยลง เนื่องจากกลัวว่าจะถูกมองว่า ไม่เรียล หรือถูกมองว่า โดนจ้างโพสต์ ซึ่งแปลว่าจากนี้ แบรนด์จะจับพฤติกรรมผู้บริโภคได้ยากขึ้นหากยังยึดติดกับ คีย์เวิร์ด หรือ แฮชแท็ก ดังนั้น แบรนด์อาจต้องหาเอไอจับโลโก้ เป็นต้น

“เรานึกภาพของโซเชียลมีเดียช่วง 3 เดือนก่อนไม่ออกด้วยซ้ำ เพราะอุตสาหกรรมดิจิทัลมีเดียเปลี่ยนแปลงเร็วมาก คงมีแค่ตลาดคริปโตฯ ที่เปลี่ยนเร็วกว่า และพฤติกรรมใหม่ ๆ ของผู้บริโภคถือเป็นสัญญาณที่ทำให้แบรนด์เข้าใจผู้บริโภคได้น้อยลง ถ้ายังวนเวียนกับคำว่าคีย์เวิร์ด”

]]>
1394817
‘YouTube’ เจอพิษ ‘TikTok’ และสงคราม ‘รัสเซีย-ยูเครน’ ทำรายได้ไตรมาสแรกพลาดเป้า ฉุดหุ้นร่วง 4% https://positioningmag.com/1383054 Wed, 27 Apr 2022 06:13:25 +0000 https://positioningmag.com/?p=1383054 ‘อัลฟาเบท’ (Alphabet) บริษัทแม่ของ ‘Google’ และ ‘YouTube’ ได้รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกซึ่งต่ำกว่าที่หลาย ๆ คนคาดการณ์ไว้ ส่งผลให้หุ้นของบริษัทตกลง 4% โดยภาพรวมทั้งปีหุ้นของบริษัทตกลงไปแล้วถึง 18% ร่วงสู่จุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปี 2564

รายได้ของ Alphabet ในไตรมาสแรกของปีปิดที่ 6.8 หมื่นล้านดอลลาร์ เติบโตขึ้น 23% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่ยังต่ำกว่าที่คาดไว้ว่าจะทำรายได้ 6.81 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยช่วงไตรมาสแรกของปี 64 Alphabet สามารถเติบโตได้ถึง 34% หลังจากที่เศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวอีกครั้งจากการระบาดใหญ่

โดยบริษัทรายงานรายได้โฆษณาจากฝั่งของ Google ที่ 5.46 หมื่นล้านดอลลาร์สำหรับไตรมาสนี้ เพิ่มขึ้นจาก 4.46 พันล้านดอลลาร์ในปีก่อนหน้า ส่วนรายได้จาก YouTube ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ โดยปิดที่ 6.9 พันล้านดอลลาร์ พลาดเป้าของนักวิเคราะห์ที่ 7.5 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจาก TikTok ครองส่วนแบ่งตลาดวิดีโอโซเชียลมีเดียที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งบริษัทหยุดการขายโฆษณาในรัสเซีย เนื่องจากสงคราม

สืบเนื่องจากภาวะสมครามรัสเซีย-ยูเครน ทางบริษัทได้ระงับการให้บริการ Google ในรัสเซีย ส่งผลให้การขยายตัวของรายได้ในภูมิภาคยุโรปซึ่งรวมถึงตะวันออกกลางและแอฟริกา ชะลอตัวลงสู่ระดับ 19% ในไตรมาสแรก จาก 33% ของปีก่อน

Ruth Porat CFO กล่าวว่า YouTube เติบโตเพียงเล็กน้อย การชะลอตัวดังกล่าวสะท้อนถึงความยากลำบากเมื่อเทียบกับเวลาเดียวของปีที่แล้ว ด้าน Sundar Pichai CEO เปิดเผยว่า ฟีเจอร์ Shorts มียอดรับชมกว่า 3 หมื่นล้านครั้ง/วัน ซึ่งเติบโตเป็นสองเท่าในไตรมาสก่อนหน้าและสี่เท่าของปีก่อน

ส่วนรายได้อื่น ๆ ของ Google ซึ่งรวมถึงฝั่งฮาร์ดแวร์, Play Store และรายได้ที่ไม่ใช่โฆษณาบน YouTube อยู่ที่ 6.81 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าปีก่อนเล็กน้อยเล็กน้อย ส่วนแผนกอื่น ๆ อย่าง Waymo หน่วยรถยนต์ไร้คนขับ มีรายได้เพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าจากปีก่อนหน้าปิดที่ 440 ล้านดอลลาร์ จาก 198 ล้านดอลลาร์ 

สำหรับธุรกิจที่โดดเด่นในช่วงไตรมาสแรกนี้ ได้แก่ คลาวด์ โดยเติบโตขึ้น 44% และทำลายสถิติเกินคาด เนื่องจากองค์กรขนาดใหญ่จำนวนมากขึ้นเปลี่ยนการเก็บข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลของตนเองไปไว้บนคลาวด์ อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงขาดทุนจากการดำเนินงาน 931 ล้านดอลลาร์ เทียบกับ 974 ล้านดอลลาร์ในปีก่อนหน้า

ทั้งนี้ กำไรต่อหุ้นในไตรมาสนี้อยู่ที่ 24.62 ดอลลาร์ ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 30.69 ดอลลาร์ และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ของเรฟินิทีฟ (Refinitiv) คาดการณ์ไว้ที่ 25.91 ดอลลาร์ หุ้นของ Alphabet ลดลง 18% สำหรับปี โดยร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่พฤษภาคม 2564

Source

]]>
1383054
‘Google’ ฟาดกำไร Q4 ‘2 หมื่นล้านเหรียญ’ ดันหุ้นพุ่ง 8% https://positioningmag.com/1372659 Wed, 02 Feb 2022 06:20:50 +0000 https://positioningmag.com/?p=1372659 แม้จะไม่ใช่เป็นยักษ์ใหญ่ด้านโฆษณาออนไลน์รายเดียว แต่ธุรกิจโฆษณาของ Google ก็ยังคงเติบโตอย่างรวดเร็วถึง 33% ซึ่งช่วยดันให้ให้ผลประกอบการในไตรมาส 4 เติบโตได้ดีเกินคาด สามารถฟันกำไรได้ถึง 20,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากรายได้ทั้งหมด 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ และปิดปีที่ 2.57 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ทำยอดขายได้เกิน 2 แสนล้านดอลลาร์

ยอดขายโฆษณาของ Google ช่วงไตรมาส 4 เพิ่มขึ้นเกือบ +33% เมื่อเทียบเป็นรายปี ปิดที่ 6.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีส่วนทำให้รายได้โดยรวมดีขึ้นเกินคาดสำหรับ Alphabet ซึ่งเป็นบริษัทแม่ โดยบริษัทมีผลกำไรประจำไตรมาสที่ 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 30.69 ดอลลาร์ต่อหุ้น โดยมีรายได้รวม 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ดีกว่าที่นักวิเคราะห์ของวอลล์สตรีทคาดการณ์ไว้ ซึ่งส่งผลให้หุ้น Alphabet เติบโตขึ้นมากถึง 8%

ยอดขายโฆษณาที่เพิ่มขึ้นเกิดขึ้นหลังจากที่ธุรกิจประสบกับการเติบโตอย่างรวดเร็วในไตรมาสที่ผ่านมา เนื่องจากผู้คนใช้เวลาออนไลน์มากขึ้นขณะอยู่ที่บ้านในช่วงการระบาดใหญ่ และธุรกิจต่าง ๆ ใช้เงินไปกับโฆษณาออนไลน์มากขึ้นเพื่อเข้าถึงผู้บริโภค แนวโน้มเดียวกันเหล่านี้ดูเหมือนจะทำให้ Big Tech ยิ่งเติบโตมากขึ้นไปอีก

“เป็นที่ชัดเจนว่าผู้ลงโฆษณาจำนวนมากลงงบไปที่การค้นหาและแสดงโฆษณาออนไลน์ และนี่ไม่ใช่แนวโน้มระยะสั้น” ทอม จอห์นสัน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายดิจิทัลระดับโลกของหน่วยงานสื่อ Mindshare Worldwide กล่าว

นอกเหนือจากโฆษณาที่เป็นแหล่งรายได้หลักแล้ว หน่วยอื่น ๆ ของบริษัทก็มีการเติบโตที่แข็งแกร่งเช่นกัน อย่างธุรกิจฮาร์ดแวร์ก็สามารถทำรายได้ 8.1 พันล้านดอลลาร์ (+22%) โดยสมาร์ทโฟน Pixel ของบริษัททำสถิติยอดขายในช่วงวันหยุดที่สำคัญทั้งหมด แม้ ซันดาร์ พิชัย ซีอีโอของ Alphabet จะระบุว่า Google เองก็เจอข้อจำกัดด้านซัพพลายที่เกิดจากปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกก็ตาม อย่างไรก็ตาม Google ไม่ได้เปิดเผยตัวเลขของยอดขาย Pixel โดยเฉพาะ

ส่วนธุรกิจระบบคลาวด์ของ Google ทำรายได้ 5.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+45%) โดยนับตั้งแต่ปี 2019 Google ได้เพิ่มพนักงานขายของระบบคลาวด์มากกว่าสามเท่า ส่วนโฆษณาบน YouTube ทำรายได้ 8.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (+25%)

อย่างไรก็ตาม Google ก็มีบางส่วนที่ติดตัวแดง อาทิ ค่าใช้จ่ายในการเข้าซื้อกิจการของ Google ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่ใช้เพื่อให้ผู้ใช้เข้าสู่แพลตฟอร์มของตนเพิ่มขึ้นประมาณ 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงไตรมาสดังกล่าว นอกจากนี้ รายได้จากส่วนอื่น ๆ ที่ Google เข้าไปลงทุน อาทิ Waymo บริษัทที่เกี่ยวกับรถยนต์ไร้คนขับ มีรายได้ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบปีต่อปีที่ 181 ล้านดอลลาร์และขาดทุนเกือบ 1.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

Source

]]>
1372659
ส่อง 5 ประเภทคอนเทนต์มาแรงช่วงโควิดในไทยบน YouTube https://positioningmag.com/1353027 Wed, 22 Sep 2021 08:15:50 +0000 https://positioningmag.com/?p=1353027 1353027