เสี่ยวให้ต่อเนื่อง เดี๋ยว Like ก็มาเอง

จากจุดเริ่มต้นของเด็กธรรมศาสตร์ที่นั่งคุยกันริมทะเล หานิยามด้านความรัก พรั่งพรูออกมาด้วยข้อความเสี่ยวๆ  แล้ว “ชาย…นิรนาม” หนึ่งในสมาชิกของกลุ่มก็เลยเกิดไอเดียตั้ง “สมาคมมุขเสี่ยว ๆ” ในเฟซบุ๊ก เพื่อรวบรวมมุก เป็นพื้นที่เล่นสนุกกับเพื่อน ไม่ได้คาดหวัง Like มากมาย แต่วันนี้เฟซบุ๊กเพจของพวกเขากลายเป็นมีเดียทำเลทองที่แบรนด์อยากเข้าหาไปแล้ว

2 ปี 7 เดือน กับ 995,187 Like หรือวันละกว่า 1,000 Like ส่วนใหญ่อายุ 18-24 ปี  คือผลความนิยมที่ไม่ได้คาดหวัง และยิ่งเหนือความคาดหมายเมื่อ “สมาคมมุขเสี่ยวๆ” มีดิจิตอลเอเยนซี่มาทำสัญญาให้เป็นสื่อเพื่อช่วยโปรโมตสินค้าและบริการ เพราะที่ไหนมีกลุ่มเป้าหมายย่อมเป็นที่ที่แบรนด์ควรเข้าไปหา

“ชาย…นิรนาม” ในฐานะแกนนำคนสำคัญของเพจ วันนี้ส่งมุกข้ามประเทศมาจากอังกฤษ  และให้สัมภาษณ์ POSITIONING ผ่านเฟซบุ๊ก พร้อมส่งรูปล่าสุดของเขา ที่ยังคงคอนเซ็ปต์เดิม คือ “ไม่เปิดเผยใบหน้า” Key Success ของสมาคมมุขเสี่ยวๆ ไล่เรียงได้ดังต่อไปนี้

Key Success ที่ทำให้เพจสำเร็จ

Consistencyเสี่ยวสม่ำเสมอ
เป็นเรื่องความสม่ำเสมอของการโพสต์มุก คุณภาพของมุก และเรื่องของการคงคอนเซ็ปต์ความเสี่ยว พยายามไม่โพสต์อะไรที่หลุดThemeนี้ จึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ผมตั้งเพจ ชายนิรนามขึ้นมาเอง เพราะบางอย่างมันโพสต์ในสมาคมแล้วมันไม่เข้ากัน กลัวไปรบกวนNews Feedของสมาชิกที่มากดไลค์เพราะความเสี่ยว

Common Sense ส่งมุก
อัพเดตมุกใหม่ๆ โดยทำทั้งการ ดู ฟัง เที่ยว เล่น บางครั้งมันก็เป็นความรู้สึก ณ ตอนนั้น ที่มันตกตะกอนออกมาเป็นตัวอักษร บางครั้งก็เกิดจากการคุยเล่นกับเพื่อน บางครั้งก็ได้จากการดูหนัง ฟังเพลง และก็ได้มาจากที่สมาชิกส่งมากับในอินเทอร์เน็ต ไม่ต้องโหวตมุกกัน ส่วนมากผมจะใช้ความรู้สึกส่วนตัว อันไหนเราชอบเราก็แชร์ ทำโดยไม่เคยเรียน Marketing ซะด้วย ไม่ได้นำวิชาที่เรียนมาใช้โดยตรง ส่วนมากจะใช้ Common Sense ว่าทำอย่างไหนน่าจะเวิร์คหรือไม่เวิร์ค

Consumer Insight รู้สึกเหมือนกันนะ
ก่อนอื่นต้องขออธิบายก่อนครับว่านิยามความเสี่ยวของเพจนี้ ไม่ได้หมายถึงมุกเสี่ยวที่ใช้จีบสาวอย่างเดียว แต่รวมถึงการบรรยายความรู้สึกหรืออะไรก็ตามออกมาอย่างมีศิลปะ เราจะเรียกว่าคำคมก็ได้

ซึ่งพี่สิงห์ วรรณสิงห์ ประเสริฐกุล (พิธีกรรายการพื้นที่ชีวิต) เคยให้นิยามความเสี่ยวสำหรับเพจสมาคมไว้อย่างดีครับ “ความเสี่ยวคืออิสรภาพจากความเศร้าหมอง คือเสรีภาพที่พวกเราทุกคนควรมี ในการเลือกที่จะมองความรู้สึกเบื้องลึกในใจ หรือแม้กระทั่งอารมณ์ที่เจ็บปวด ผ่านมุมมองที่เปื้อนอารมณ์ขัน ผ่านกระจกที่แต้มสีสดใส”

หนึ่ง ผมมองว่ามันเป็นการค้นหาตัวตน และเข้าถึงความรู้สึกของตัวเองนะครับ อย่างเวลาผมจะคิดมุกผมก็จะเฝ้าสังเกตความรู้สึกของตัวเอง ถึงจุดหนึ่งอารมณ์หรือความรู้สึกเหล่านี้ก็จะตกตะกอนมาเป็นตัวอักษร ร้อยเรียงเป็นข้อความสั้นๆ ที่สามารถอธิบายอารมณ์ ณ ห้วงเวลานั้นได้เป็นอย่างดี

สอง ต่อเนื่องจากหนึ่ง ผมคิดว่าคนในปัจจุบันลึกๆ แล้วต้องการหาแนวร่วมทางความรู้สึก เพื่อต้องการยืนยันว่าเขาไม่ได้ถูกปล่อยให้รู้สึกแบบนี้อยู่คนเดียว ทำให้สเตตัสหรือข้อความสั้นๆ ของสมาคมสามารถตอบโจทย์ของคนเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี เมื่อดูแลคุณภาพของเพจให้ดีๆ เดี๋ยวคนก็จะมาไลค์และแชร์กันไปเอง

 

Do’t

Do’t – มุกที่ไม่เล่นแน่ ๆ 
เพจผมมีจุดยืนคือ ไม่เล่นมุกหยาบ มุกเสื่อม ผมมองว่าเพจคือพื้นที่สาธารณะแล้วการเล่นมุกพวกนี้มันเป็นการบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์บางอย่างให้กับสังคม บางทีผมก็เห็นคนเค้าชอบและแชร์กันเยอะนะ พวกมุกประมาณต่อว่าคนรักเก่าแบบเสียๆ หายๆ คนจะอ้างว่ามันเป็นเสรีภาพในการแสดงความคิดหรืออะไรก็ตาม แต่ไม่ใช่แนวทางของเพจเรา

Do’t – เลือกโฆษณา
ผมเลือกโฆษณาที่มาลงครับ ต้องเป็นโฆษณาที่โพสต์แล้วไม่เป็นการยัดเยียดคนดูมากจนเกินไป ซึ่งทำให้ผมปฏิเสธโฆษณาที่ติดต่อเข้ามาเป็นส่วนมาก การตั้งราคาก็มีผลต่อทั้งปริมาณและคุณภาพของโฆษณาเช่นกัน ผมเลือกที่จะเน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณครับ เลือกแบรนด์ที่มีความน่าเชื่อถือระดับหนึ่งครับ โดยส่วนมากจะเน้นไปที่ Viral Marketing ซะมากกว่า

 

Results – รายได้
1 .ขายเสื้อยืด

2. พ็อกเกตบุ๊กรวมมุกเสี่ยว และ

3.โฆษณาในเพจ

“มีรายได้จากการขายเสื้อยืดไปแล้ว 3 รอบ ครั้งแรก นำรายได้ทั้งหมดไปสมทบมูลนิธิหัวใจแห่งประเทศไทย ครั้งที่สอง นำรายได้ส่วนหนึ่งไปไถ่ชีวิตโคกระบือจากโรงฆ่าสัตว์ ครั้งที่สาม นำรายได้ไปช่วยเหลือโรงเรียนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมเมื่อปลายปี 2554และตอนนี้กำลังจะทำรอบที่สี่เพื่อนำรายได้ไปช่วยเหลือผ่าตัดน้องๆที่เป็นโรคปากแหว่ง เพดานโหว่”

ส่วนรายได้จากโฆษณา “ขอไม่เปิดเผยนะครับ”

cellpadding=”2″ cellspacing=”2″>

Profile
: เฟซบุ๊กเพจสมาคมมุขเสี่ยวๆ ก่อตั้ง
: 29 มกราคม 2553
โดยกลุ่มเพื่อน 3 คน นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
คณะเศรษฐศาสตร์ อินเตอร์ ที่ไม่ขอเปิดเผยชื่อเสียง และหน้าตา คือ
ชาย…นิรนาม, ทางสายเปลี่ยว, เสี่ยวพเนจร ความมืด และรุ่นพี่อีกคนคือ
ณ.ณ.ณ. พวกเขาไม่ได้เป็น Net Idol
ไม่ได้เป็นบล็อกเกอร์ ไม่ได้เป็น Online Influencer มาก่อน
และไม่เคยมีเป้าหมายทำธุรกิจในโซเชี่ยลมีเดีย ปัจจุบัน
: ปัจจุบันทั้งหมดอายุประมาณ
20 กลางๆ ถึงปลายๆ โดยชาย…นิรนาม
และทางสายเปลี่ยวกำลังจะจบปริญญาโทที่อังกฤษ ส่วนเสี่ยวพเนจร ความมืด และ
ณ.ณ.ณ. เป็นที่ปรึกษา และงานวิจัย Fan
Growth – 100-200 :  Like ที่ได้ในเดือนแรกได้
100,000 Like ภายใน 10 เดือน (ที่มา : ชาย…นิรนาม) ปัจจุบันมี
Fans :  995,187 People talking
about 257,113 อัตราการเติบโต
: 1,072 ต่อวัน/5,324
ต่อสัปดาห์/24,374 ต่อเดือน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอายุ 18-24 ปี (ที่มา :
Socialbakers.com 16 กรกฎาคม 2555)

cellpadding=”2″ cellspacing=”2″>

People
: ชาย…นิรนาม ชื่อเล่น
: “บาส” ครอบครัวและชีวิตวัยเด็ก  ที่บ้านฐานะปลานกลาง
แต่ก็ไม่ได้รู้สึกลำบากหรือขาดแคลนอะไร
เพราะคุณพ่อกับคุณแม่เลี้ยงดูและให้อิสระในชีวิตเราอย่างเต็มที่ การศึกษา
: จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
คณะเศรษฐศาสตร์ เอกเศรษฐศาสตร์การเงิน ปัจจุบัน
: กำลังเรียนต่อปริญญาโทด้านการเงิน
ที่ Imperial College Business Schoolอังกฤษ เพราะใช้เวลาเรียนแค่ 1 ปี
แต่หากเรียนที่อเมริกาต้องใช้เวลา 2 ปี อนาคต : อาจลองหางานแนวInvestment
Bank หรือแนวAnalystดู “ตอนเด็กๆ ใฝ่ฝันอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง
แต่ก็ไม่รู้เป็นธุรกิจอะไร ฮ่าๆ ๆ
ผมคงต้องหาประสบการณ์การทำงานจากข้างนอกอีกสักพัก