นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายสินเชื่อผู้บริโภค ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า จากการที่ธนาคารได้จัดโครงการเดือนแห่งการส่งเสริมสินเชื่อบ้านกสิกรไทย และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในประเทศที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้น ตามอัตราดอกเบี้ยสหรัฐและสภาพคล่องทางการเงินในประเทศที่ลดลง รวมทั้งได้ม ีธนาคารพาณิชย์บางแห่งได้เริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ขึ้นแล้วนั้น
ส่ง ผลให้ล ูกค้าที่ต้องการมีบ้านได้เริ่มเข้ามาขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยกับธนาคารมากขึ้นในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา โดยเพิ่มจากปกติที่ธนาคารปล่อยกู้ได้เดือนละ 1,200 ล้านบาท มาเป็น 1,700 ล้านบาทในเดือนสิงหาคม และเพิ่มเป็น 2,200 ล้านบาทในเดือนกันยายน เนื่องจากลูกค้าที่มากู้ภายใน 31 ตุลาคมจะยังคงใช้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้เดิม ก่อนที่ธนาคารอาจจะพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนพฤศจิกายน
ซึ่งขณะนี้สินเชื่อบ้านธนาคารกสิกรไทย จะคิดอัตราดอกเบี้ยพิเศษ คือ ดอกเบี้ยคงที่ 1% ใน 6 เดือนแรก หลังจากนั้นสามารถเลือกอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ได้ 6 รูปแบบ คือ แบบที่ 1 เดือนที่ 7-12 คิดอัตราดอกเบี้ยคงที่ 2.75% แบบที่ 2 เดือนที่ 7-24 คิดอัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.75% แบบที่ 3 เดือนที่ 7-36 คิดอัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.75%
แบบที่ 4 เดือนที่ 7-12 คิดอัตราดอกเบี้ยลอยตัวที่ MLR-3.50% แบบที่ 5 เดือนที่ 7-24 คิดอัตราดอกเบี้ยลอยตัวที่ MLR-2.50% และแบบที่ 6 เดือนที่ 7-36 คิดอัตราดอกเบี้ยลอยตัวที่ MLR-1.50% หลังจากระยะเวลาที่กำหนดจะคิดอัตราดอกเบี้ย MLR-0.50% ต่อปี ตลอดระยะเวลาการผ่อนชำระ ซึ่งปัจจุบัน MLR ของธนาคารอยู่ที่ 5.50%
นายชาติชาย กล่าวเสริมว่า ในช่วงที่ผ่านมาลูกค้าส่วนใหญ่จะเลือกกู้แบบอัตราดอกเบี้ยคงที่ 1-2 ปี เนื่องจากเห็นว่าอัตราดอกเบี้ยผ่อนชำระในช่วงแรกจะต่ำ โดยหากกู้เพื่อซื้อบ้านเดี่ยวจะเป็นบ้านราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท คอนโดมิเนียมและทาวน์เฮาส์ราคาประมาณ 1-2 ล้านบาท และอาคารพาณิชย์ราคา 3-4 ล้านบาท สำห รับในปีนี้ธนาคารได้ตั้งเป้าปล่อยกู้สินเชื่อที่อยู่อาศัยที่เป็นสินเชื่อใหม่เพิ่ม 12,000 ล้ายบาท โดย 9 เดือนแรกสามารถปล่อยกู้ได้แล้วกว่า 7,000 ล้านบาท
