แอร์มุ้ง : สินค้าตัวเล็ก…แต่มูลค่าตลาดไม่ธรรมดา

“แอร์มุ้ง” หรือเครื่องปรับอากาศแบบเคลื่อนที่ เป็นเครื่องปรับอากาศแบบหนึ่งซึ่งกำลังได้รับความนิยม และเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปแล้วว่าเครื่องปรับอากาศได้กลายมาเป็นผลิตภัณฑ์ที่จำเป็นในชีวิตประจำวันไปแล้ว เนื่องจากประเทศไทยมีภูมิอากาศแบบร้อนชื้นเกือบตลอดปี อีกทั้งสภาพอากาศในปัจจุบันที่มีมลภาวะมาก ดังนั้นเครื่องปรับอากาศจึงเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของคนไทย ทั้งที่มีการติดตั้งเครื่องปรับอากาศในรถส่วนตัว รถโดยสาร รถไฟฟ้า ในอาคารสำนักงาน รวมถึงที่พักอาศัยโดยทั่วไป อีกทั้งยังนิยมติดตั้งเครื่องปรับอากาศในสถานที่ต่างๆ ที่มีการจัดตั้งชั่วคราวเป็นการเฉพาะกิจ เช่น สำนักงานเคลื่อนที่ (Mobile Office) หรือเต็นท์ประกอบพิธีที่สำคัญต่างๆ เป็นต้น

เครื่องปรับอากาศภายในบ้านได้มีการพัฒนามานาน จนถึงในปัจจุบันที่เครื่องปรับอากาศในบ้านมีความหลากหลายในด้านรูปแบบที่มีความสวยงามและใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ที่อำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้มากขึ้น เช่น ระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ อีกทั้งยังมีการออกแบบระบบที่เน้นการประหยัดพลังงาน ซึ่งนับเป็นหนึ่งในบรรดาจุดเด่นที่ผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศนำมาใช้เป็นกลยุทธ์ในการขายเพื่อชิงความโดดเด่นเหนือคู่แข่ง แต่ในการติดตั้งเครื่องปรับอากาศทั้งแบบติดหน้าต่าง (Window Type) และแบบแยกส่วน (Split Type) มักจะต้องดำเนินการโดยช่างเครื่องปรับอากาศที่ชำนาญงาน ด้วยเหตุนี้ ”แอร์มุ้ง” จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่แตกต่างสำหรับการใช้เครื่องปรับอากาศโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการติดตั้งและการเคลื่อนย้ายไปติดตั้งในที่อื่นๆ ตามต้องการ

ปี 2548….มูลค่าตลาดแอร์มุ้งพุ่ง 140 ล้านบาท

เครื่องปรับอากาศแบบเคลื่อนที่หรือ ”แอร์มุ้ง” นับว่าเป็นทางเลือกที่ลงตัวสำหรับการใช้งานที่ต้องการความสะดวกง่ายดายในการติดตั้ง ใช้งาน และเคลื่อนย้ายได้ง่าย เนื่องจากได้ถูกออกแบบมาให้เหมือนกับเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นหนึ่งซึ่งมีขนาดเล็ก กำลังการทำความเย็นระหว่าง 9,000-12,000 บีทียูซึ่งเพียงพอสำหรับห้องที่มีขนาดไม่ใหญ่โตมากนัก ประหยัดไฟ และสามารถใช้งานได้เพียงแค่เสียบกับปลั๊กไฟฟ้าตามบ้านเรือนทั่วไปก็ใช้งานได้แล้ว จากความสะดวกง่ายดายในการใช้งาน ประกอบกับปริมาณผู้พักอาศัยในอพาร์ตเมนท์ ห้องเช่า คอนโดมิเนียม และอาคารสำนักงานขนาดย่อม ได้เพิ่มสูงขึ้นจึงทำให้ความต้องการเครื่องปรับอากาศแบบเคลื่อนที่มีมากขึ้น โดยตลาดในปี 2546 ที่ผ่านมามีความต้องการถึงปีละประมาณ 5,000 เครื่อง หรือมีมูลค่าตลาดประมาณ 100 ล้านบาท1 ในปี 2547 นี้คาดว่าตลาดรวมจะขยายตัวประมาณ 20% หรือคิดเป็นมูลค่าตลาดประมาณ 120 ล้านบาท

สำหรับทิศทางของตลาดแอร์มุ้งในปี 2548 นั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มีความเห็นว่า ถึงแม้ว่ากำลังซื้อของผู้บริโภคในปี 2548 อาจจะชะลอตัวลงอันเนื่องมาจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยมาซึ่งเป็นผลกระทบโดยตรงต่อกำลังซื้อ ประกอบกับการลอยตัวของราคาน้ำมันดีเซลที่จะเริ่มต้นในไตรมาสแรกของปี 2548 ซึ่งจะทำให้ต้นทุนด้านการขนส่งของสินค้าอุปโภคบริโภคปรับตัวสูง แต่ก็ยังคาดการณ์ว่า ตลาดของเครื่องปรับอากาศแบบเคลื่อนที่ในปี 2548 จะยังคงขยายตัวต่อไปที่ประมาณไม่น้อยกว่า 15-20% หรือที่มูลค่าตลาดประมาณ 140 ล้านบาท เนื่องจากสภาพอากาศที่ยังคงร้อนอบอ้าวเกือบตลอดปีประกอบกับฤดูหนาวที่ไม่ยาวนานนัก จึงทำให้เครื่องปรับอากาศยังคงเป็นสิ่งที่ทวีความจำเป็นมากขึ้นในชีวิตประจำวัน

ความแตกต่างที่เหนือกว่าแอร์ธรรมดา : จุดเด่นที่มองเห็นได้

ตลาดของแอร์มุ้งมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี และถึงแม้ว่าแอร์มุ้งจะมีราคาจำหน่ายสูงกว่าเครื่องปรับอากาศแบบทั่วไปที่วางจำหน่ายในท้องตลาดประมาณ 10-30% ซึ่งความแตกต่างในเรื่องของราคาจำหน่ายซึ่งดูเหมือนจะเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจซื้อสำหรับผู้บริโภคบางส่วน แต่ผู้ประกอบการก็สามารถดำเนินกิจกรรมส่งเสริมการขายเพื่อเพิ่มความนิยมในตลาดของผู้บริโภคได้โดยการเน้นที่เอกลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างจากเครื่องปรับอากาศทั่วไป

เอกลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นในด้านของความสะดวกในการติดตั้ง ใช้งาน และเคลื่อนย้ายได้ง่ายของแอร์มุ้งที่ได้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการความสะดวกในการใช้งาน ซึ่งเครื่องปรับอากาศแบบทั่วไปจะไม่สามารถ

1 : ประมาณการณ์โดยผู้ผลิต

ตอบสนองความต้องการในส่วนนี้ได้ แต่เนื่องจากผู้บริโภคที่ยังไม่คุ้นเคยกับผลิตภัณฑ์นี้จะยังคงคิดว่าเครื่องปรับอากาศแบบทั่วไปจะยังคงมีประสิทธิภาพดีกว่าที่กำลังการทำความเย็นเท่ากัน อีกทั้งแอร์มุ้งในปัจจุบันยังมีรูปลักษณ์ที่คล้ายคลึงกับพัดลมไอน้ำ ดังนั้นผู้บริโภคที่ยังไม่ได้มีโอกาสทดลองผลิตภัณฑ์ก็จะยังไม่ทราบถึงประสิทธิภาพที่แท้จริง และอาจจะยังคงขาดความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ ดังนั้นการจัดแสดงหรือสาธิตวิธีการใช้งาน (product demonstration) ให้ใกล้เคียงกับสภาพการใช้งานจริงในงานแสดงสินค้าต่างๆ หรือแม้แต่จุดแสดงสินค้าในห้างสรรพสินค้า (Modern Trade) จะช่วยสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคเห็นถึงประสิทธิภาพที่เท่าเทียมกันกับเครื่องปรับอากาศแบบทั่วไปที่ขนาดเท่ากัน ซึ่งจะได้รับจากการใช้งานจริงของผลิตภัณฑ์และสามารถตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น

และถึงแม้ว่าราคาจำหน่ายของแอร์มุ้งที่มักจะสูงกว่าเครื่องปรับอากาศแบบทั่วไปประมาณ 10-30% ดังที่กล่าวมาและเครื่องปรับอากาศแบบทั่วไปส่วนใหญ่มักจะมีกิจกรรมส่งเสริมการขายโดยมีบริการติดตั้งโดยไม่คิดค่าแรงเคียงคู่กับการลดราคาพร้อมทั้งแจกของแถมในรูปแบบต่างๆนั้น แต่สำหรับผู้ที่ต้องการใช้เครื่องปรับอากาศและต้องการความสะดวกคล่องตัวในการใช้งานหรือเคลื่อนย้ายบ่อยครั้งแล้ว แอร์มุ้งนี้จะมีความคุ้มค่าต่อการลงทุนมากกว่าและเหมาะสมกว่า เนื่องจากผู้ใช้สามารถตัดปัญหาเรื่องค่าบริการ ในการรื้อถอนหรือเคลื่อนย้ายเครื่องปรับอากาศ ค่าใช้จ่ายในการเติมน้ำยาแอร์แต่ละครั้งที่มีการรื้อและถอดแยก รวมทั้งค่าวัสดุและอุปกรณ์เสริมต่างๆ ซึ่งรวมแล้วประมาณไม่น้อยกว่า 2,000-2,500 บาทต่อการรื้อถอนและติดตั้งหนึ่งครั้ง

ขยายกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายใหม่…สิ่งสำคัญที่ช่วยขยายตลาด

ผู้ประกอบการแอร์มุ้งสามารถขยายการทำตลาดไปยังกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายใหม่ เช่น ข้าราชการหรือพนักงานบริษัทเอกชนที่ต้องย้ายไปทำงานในต่างจังหวัดเป็นเวลานานๆ ทั้งในเขตนครหลวงและในส่วนภูมิภาค ที่ค่าใช้จ่ายในส่วนที่เป็นค่าเช่าที่พักที่สามารถเบิกจ่ายได้อาจไม่ครอบคลุมถึงค่าเช่าที่พักประเภทที่มีเครื่องปรับอากาศ ซึ่งจะมีราคาค่าเช่าแพงกว่าห้องเช่าธรรมดาที่ไม่ติดตั้งเครื่องปรับอากาศ แต่ยังคงต้องการใช้เครื่องปรับอากาศและยินดีที่จะแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในการซื้อหาเครื่องปรับอากาศแบบเคลื่อนที่มาติดตั้งเอง รวมทั้งสำนักงานชั่วคราวขนาดเล็กต่างๆที่ต้องการใช้เครื่องปรับอากาศที่สะดวกง่ายดายในการใช้งานและต้องเคลื่อนย้ายสถานที่บ่อยๆ เป็นต้น ซึ่งแอร์มุ้งนี้จะมีความเหมาะสม และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคเป้าหมายกลุ่มนี้ได้เป็นอย่างดี

บทสรุป

ตลาดแอร์มุ้งในปี 2548 ยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้อีก และการแข่งขันอันเนื่องมาจากการเข้าสู่ตลาดของเครื่องปรับอากาศราคาถูกที่คุณภาพไม่แน่นอนจากต่างประเทศที่อาจเข้ามาแย่งส่วนแบ่งในตลาดและอาจทวีความรุนแรงขึ้น ดังนั้น ผู้ประกอบการควรอย่างยิ่งที่จะเตรียมพร้อมรับการแข่งขันในอนาคต ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆอย่างต่อเนื่องของผลิตภัณฑ์ การรับประกันคุณภาพ รวมถึงอะไหล่และศูนย์บริการที่ได้มาตรฐานในอัตราค่าบริการที่เหมาะสม จะสามารถทำให้ผู้ประกอบการสามารถขยายตลาดสู่ตลาดระดับบนซึ่งสามารถตั้งราคาขายให้เหมาะสมกับต้นทุนได้้มอีกทั้งยังเป็นการเลี่ยงการแข่งขันด้านราคาในตลาดล่าง

การขยายตลาดต่างประเทศก็เป็นสิ่งที่เป็นไปได้และควรนำมาพิจารณาเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งจากความได้เปรียบที่ประเทศไทยมีอุตสาหกรรมคอมเพรสเซอร์ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของเครื่องปรับอากาศ ที่ได้มาตรฐานสากลและจากการที่ไทยเป็นผู้ส่งออกเครื่องปรับอากาศมากเป็นอันดับสามของโลกรองจาก จีน และ สหรัฐอเมริกา ดังนั้นผู้ประกอบการสามารถนำผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศแบบเคลื่อนที่ที่ผลิตในประเทศไทยเข้าเสริมตลาดส่งออกให้มากขึ้นเพื่อเป็นการขยายตลาดในต่างประเทศ เพิ่มเติมจากผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศแบบทั่วไปที่ได้เปิดตลาดส่งออกมาช้านานแล้ว ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการเตรียมตัวรองรับการขยายตัวของความต้องการแอร์มุ้งในอนาคตต่อไป