ฟิทช์ เรทติ้งส์-กรุงเทพฯ/ฮ่องกง/สิงคโปร์- 25 พฤษภาคม 2548: บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ให้อันดับเครดิตภายในประเทศ (National Rating) ระยะยาวที่ ‘AAA(tha)’ แก่หุ้นกู้จำนวนรวม 4,000 ล้านบาท ที่จะออกโดยบริษัท ซิกโก้ นิติบุคคลเฉพาะกิจ 1 หรือ ซิกโก้ เอสพีวี 1 อันดับเครดิตดังกล่าวแสดงถึงความสามารถในการชำระดอกเบี้ยตามกำหนด และชำระคืนเงินต้นได้ครบภายในวันครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้วันสุดท้าย (legal final maturity) ในเดือนพฤศจิกายน 2554
โครงการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้เป็นการแปลงสินทรัพย์ประเภทลูกหนี้เช่าซื้อรถยนต์ของบริษัทเงินทุน สินอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ ซิกโก้ โดยในขณะนี้มีธนาคารไทยพาณิชย์เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 39% ในวัน Closing Date (30 พฤษภาคม 2548) ซิกโก้จะทำการขายสิทธิเรียกร้องจากกลุ่มลูกหนี้เช่าซื้อรถยนต์ให้กับ ซิกโก้ เอสพีวี 1 โดยเงินที่ใช้ในการชำระค่าซื้อขายจะมาจากการออกหุ้นกู้ 81% ส่วนที่เหลืออีก 19%จะเป็นการทยอยผ่อนชำระ (deferred purchase price) ซึ่งเป็นส่วนสนับสนุนอันดับเครดิตสำหรับโครงการนี้ โดยหากไม่เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้มีการทยอยชำระเงินต้นหุ้นกู้คืนก่อนกำหนด (early amortisation) หรือเหตุผิดนัดชำระหนี้ ผู้ถือหุ้นกู้คาดว่าจะได้รับชำระคืนเงินต้นภายในวันที่คาดว่าจะเป็นวันครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้ (expected maturity) ในเดือนพฤศจิกายน 2552
อันดับเครดิตนี้มีพื้นฐานจากคุณภาพของกลุ่มลูกหนี้ (ซึ่งเป็นลูกหนี้ที่ซื้อรถยนต์ใหม่และทำสัญญาในกรุงเทพฯเท่านั้น)และการมีกลไกการผ่อนชำระค่าซื้อขาย(รวมถึงการกันเงินสำรองต่างๆ)เป็นส่วนช่วยสนันสนุนอันดับเครดิต (credit enhancement) ประสบการณ์และความสามารถในการเรียกเก็บหนี้ของซิกโก้ และรวมถึงโครงสร้างทางกฎหมายและทางการเงินที่รัดกุมของโครงการนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงการกำหนดเกณฑ์การคัดเลือกกลุ่มลูกหนี้ เพื่อป้องกันการลดลงอย่างมีนัยสำคัญของคุณภาพสินทรัพย์ในช่วงเวลาการซื้อขายสิทธิเรียกร้องเพิ่มเติมและการกำหนดเหตุการณ์ต่างๆที่เมื่อเกิดขึ้นจะทำให้โครงการสามารถทยอยชำระเงินต้นคืนก่อนกำหนดได้ ทั้งนี้เพื่อป้องกันการลดลงของคุณภาพของกลุ่มลูกหนี้เและความเสี่ยงหากซิกโก้มีปัญหาทางการเงิน นอกจากนี้ ยังมีการแต่งตั้งธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้ แบงกิ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด เข้ามาทำหน้าที่ตัวแทนสำรองการเรียกเก็บหนี้ (Back-up servicer)
ซิกโก้ เอสพีวี 1 เป็นบริษัทนิติบุคคลเฉพาะกิจที่จัดตั้งขึ้นภายใต้กฎหมายของประเทศไทยเพื่อโครงการการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ สิทธิเรียกร้องที่จะทำการซื้อในวันแรก (initial cut-off date)ในวันที่ 30 เมษายน 2548 นี้ จะมีมูลค่าทางบัญชีประมาณไม่เกิน 4.9 พันล้านบาท
