ไทยออพติคอล กรุ๊ป ประกาศพร้อมเข้าตลาดหุ้นต้นไตรมาส 3

27 พฤษภาคม 2548 – บริษัท ไทยออพติคอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายเลนส์สายตาชั้นนำในประเทศไทย เดินหน้าเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยแต่งตั้งบริษัท เอแคป แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน แจงระดมทุนเพื่อสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจและขยายสายงานการผลิตเลนส์สายตาชนิดพิเศษรองรับความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นของตลาดเลนส์ทั่วโลก โดยกำหนดออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนเสนอขายแก่ประชาชนทั่วไป (IPO) จำนวน 6.8 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท

ดร. สว่าง ประจักษ์ธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยออพติคอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงอุตสาหกรรมเลนส์ในตลาดโลกว่า ในแต่ละปีจะมีความต้องการใช้เลนส์สายตาจำนวน 800-850 ล้านชิ้นทั่วโลก โดยร้อยละ 90 เป็นการขายเพื่อทดแทนเลนส์เดิม เพราะโดยเฉลี่ยแล้วผู้บริโภคจะมีระยะเวลาในการเปลี่ยนเลนส์ทุก 3-4 ปี สำหรับสภาพการแข่งขันนั้น ประเทศไทยนับเป็นแหล่งผลิตเลนส์รายใหญ่ของโลกที่มีกำลังการผลิตรวมแล้วกว่าร้อยละ 22 ของความต้องการใช้เลนส์ทั่วโลก ซึ่งอุตสาหกรรมการผลิตเลนส์สายตาในประเทศไทยนั้นเป็นการผลิตเพื่อส่งออกเป็นหลัก

จากการประมาณการของ PPG Industries Inc. ผู้ผลิต Monomer ที่เป็นวัตถุดิบในการผลิตเลนส์พลาสติกรายใหญ่ที่สุดของโลก ได้วิเคราะห์แนวโน้มของตลาดเลนส์โลกในปี พ.ศ. 2545-2550 ว่าจะมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในอัตราเฉลี่ยประมาณร้อยละ 2.5 ต่อปี โดยจะมีการขยายตัวเพิ่มสูงขึ้นในเขตเอเชียแปซิฟิค ยุโรป อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา ซึ่งนับเป็นโอกาสสำคัญที่บริษัทฯ จะขยายตลาดผลิตภัณฑ์เลนส์สายตาของบริษัทฯ ให้ครอบคลุมทุกภูมิภาคของโลกมากยิ่งขึ้นในอนาคต

บริษัท ไทยออพติคอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายเลนส์สายตาในประเทศไทยรายแรกที่เป็นของคนไทย และมีผลิตภัณฑ์เลนส์สายตาหลากหลายครบทุกประเภท โดยมีบริษัทย่อยคือ บริษัท อุตสาหกรรมแว่นตาไทย จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตเลนส์สายตากระจกแห่งแรกในประเทศไทย ด้วยประสบการณ์การดำเนินธุรกิจอย่างมืออาชีพมายาวนานกว่า 42 ปี ทำให้บริษัทฯ สามารถผลิตเลนส์สายตารองรับทุกความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบถ้วน ทั้งนี้กลุ่มบริษัท ไทยออพติคอล กรุ๊ป เป็นผู้ผลิตอิสระรายใหญ่ระดับ 1 ใน 4 ของโลก ที่ปัจจุบันมีปริมาณการจำหน่ายเลนส์อยู่ที่ประมาณ 17 ล้านชิ้นต่อปี คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดโลกร้อยละ 2 ของปริมาณความต้องการเลนส์ทั้งหมดทั่วโลก

ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ และบริษัทย่อย แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มหลักคือ

1. เลนส์สายตาพลาสติก ซึ่งประกอบไปด้วยสินค้าอีก 4 กลุ่มย่อยคือ
1.1 เลนส์พลาสติกธรรมดา (CR-39)
1.2 เลนส์พลาสติกเปลี่ยนสี (Photochromic Lens)
1.3 เลนส์พลาสติกบางพิเศษ (Hi-Index Lens)
1.4 เลนส์นิรภัยทนต่อแรงกระแทกสูง (High Impact Resistance Lens)
2. เลนส์สายตากระจก (Mineral Lens)
3. เลนส์สั่งฝนพิเศษ (Rx Lab) ทั้งที่เป็นเลนส์สายตากระจกและเลนส์สายตาพลาสติก สำหรับสายตาที่มีความผิดปกติเกินกว่าจะใช้เลนส์มาตรฐานที่มีจำหน่ายทั่วไปได้
4. สินค้าและบริการอื่น ได้แก่ แม่แบบแก้ว (Glass Mould) ที่ใช้ในกระบวนการผลิตเลนส์สายตาพลาสติก สินค้าซื้อมาเพื่อขายต่อ และการให้บริการเคลือบเคมีผิวแข็ง และเคลือบเคมีตัดแสงสะท้อน

บริษัทฯ เน้นการจัดจำหน่ายให้กับผู้ค้าส่งทั้งในประเทศและต่างประเทศใน 2 รูปแบบคือ จำหน่ายภายใต้เครื่องหมายการค้าของลูกค้า (“OEM” หรือ Original Equipment Manufacturer) และจำหน่ายภายใต้เรื่องหมายการค้า “Excelite” ของบริษัทฯ เอง ปัจจุบันบริษัทฯ ส่งออกผลิตภัณฑ์เลนส์ทุกประเภทไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก ทั้งในยุโรป อเมริกา เอเชีย และแอฟริกา ในสัดส่วน 93.13% และจำหน่ายในประเทศในสัดส่วน 6.87%

ดร. สว่าง กล่าวเพิ่มเติมถึงนโยบายและกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจว่า บริษัทฯ มุ่งเน้นพัฒนาสินค้าใหม่ๆ เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดโลกอยู่ตลอดเวลา โดยเน้นการทดลองและพัฒนาการผลิตเลนส์สายตาที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง รวมถึงการผลิตสินค้าในทิศทางเดียวกันกับความต้องการของตลาดโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของเลนส์นิรภัยกันแรงกระแทกสูงและเลนส์สั่งฝนพิเศษ ที่คาดว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์หลักที่สร้างรายได้และผลกำไรให้กับบริษัทฯ และบริษัทย่อยในอนาคต โดยล่าสุดทีมวิศวกรของบริษัทฯ ได้ทดลองและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตเลนส์นิรภัยกันแรงกระแทกสูงสำเร็จ ถือเป็นผู้ผลิต 1 ใน 3 ของโลกที่สามารถผลิตเลนส์ชนิดนี้ได้สำเร็จ ภายใต้ชื่อ “Excelite TVX“ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เลนส์สายตาที่สอดคล้องกับมาตรฐานความปลอดภัยบังคับใช้ตามกฎหมายของสหรัฐอเมริกา โดยร้านแว่นตาจะต้องเสนอเลนส์ชนิดกันแรงกระแทกสูงนี้เท่านั้นให้กับเด็กและเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี จึงเป็นโอกาสที่บริษัทฯ จะขยายตลาดสินค้าพรีเมียม (Premium) ในอเมริกาให้เติบโตยิ่งขึ้นไป

สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อย ในปี 2547 ที่ผ่านมา บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายรวมทั้งสิ้น 1,012.18 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นของรายได้ถึงร้อยละ 16.62 เมื่อเทียบกับรายได้จากการขายในช่วงเดียวกันของบริษัทฯ และบริษัทย่อย ตามงบเสมือนรวมของปี 2546 จำนวน 867.92 ล้านบาท และจากไตรมาสแรกที่ผ่านมาของปี 2548 นี้ บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายทั้งสิ้น 261.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ในอัตราร้อยละ 14.49 ซึ่งคาดว่ารายได้จากการขายของบริษัทฯ และบริษัทย่อย จะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในระดับดังกล่าวตลอดปีนี้ ซึ่งเป็นผลมาจากการขยายตลาดสู่กลุ่มสินค้าพรีเมียม (Premium) และการรักษาฐานลูกค้าเดิม รวมถึงการขยายสู่ฐานลูกค้าใหม่ๆ ด้วย

บริษัท ไทยออพติคอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ได้เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 332 ล้านบาทในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เป็นทุนจดทะเบียน 400 ล้านบาท ซึ่งชำระแล้ว จำนวน 332 ล้านบาท โดยมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้กำหนดให้ออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนเสนอขายแก่ประชาชนทั่วไป (IPO) จำนวน 6.8 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท โดยมีวัตถุประสงค์ในการระดมทุนเพื่อนำเงินทุนที่ได้ไปใช้ลงทุนในการซื้อที่ดินโรงงาน และทำการขยายกำลังการผลิตเลนส์นิรภัยทนต่อแรงกระแทกสูง ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์กำลังเป็นที่ต้องการอย่างมากในตลาดโลก รวมทั้งนำไปใช้จัดวางระบบไอทีและเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ

ส่วนเป้าหมายการดำเนินธุรกิจในอนาคต บริษัทฯ วางเป้าหมายไว้ 3 ประการ ได้แก่ 1. มุ่งเน้นการขยายตลาดสินค้าเลนส์ระดับ Premium ให้มากขึ้น 2. มุ่งเน้นการขายสินค้าที่บริษัทฯ ผลิตเองทั้งหมด และ 3. ค้นคว้าและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตเลนส์สายตาให้ทันสมัย เพื่อพร้อมจะสนองความต้องการของตลาดโลกได้ตลอดเวลา ดร.สว่างกล่าวในที่สุด

ดร. วิวัฒน์ วิฑูรย์เธียร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอแคป แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า
เอแคป แอ๊ดไวเซอรี่มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้รับมอบหมายให้เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน เพื่อดูแลและให้คำแนะนำในการเตรียมความพร้อมการนำบริษัท ไทยออพติคอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TOG เข้าจดทะเบียนเพื่อกระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งเป็นการสนับสนุนนโยบายของตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ต้องการรับบริษัทที่มีคุณภาพดี มีศักยภาพทางธุรกิจ มีแนวโน้มเติบโตสูง และเป็นที่สนใจของผู้ลงทุน โดยหุ้น TOG จะจัดอยู่ในหมวดสินค้าอุปโภคบริโภค

ทางด้านนายศฤงคาร สุทัศน์ชูโต กรรมการบริหาร บริษัท เอแคป แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด (มหาชน) กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจัยสนับสนุนการลงทุนในหุ้น TOG อยู่ที่ศักยภาพความเป็นผู้นำในธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตเลนส์สายตาที่มีผลประกอบการสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตามความต้องการของตลาดเลนส์สายตาทั้งในประเทศและทั่วโลก รวมถึงการมีนโยบายและแผนการดำเนินงานที่ชัดเจน ซื่อสัตย์ โปร่งใส มีหลัก
ธรรมาภิบาลที่ดี และมีทีมผู้บริหารที่มากด้วยประสบการณ์ในธุรกิจเลนส์สายตา ซึ่งทางเอแคป แอ๊ดไวเซอรี่ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินเชื่อมั่นว่าหุ้น TOG จะเป็นที่น่าสนใจและน่าลงทุน ทั้งนี้บริษัทฯ ได้ยื่นร่างแบบแสดงรายการข้อมูลเสนอขายหลักทรัพย์ต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ รวมถึงการยื่นขออนุมัติเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแล้ว โดยคาดว่าจะได้รับอนุมัติและสามารถเสนอขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายในต้นไตรมาสที่ 3 ของปีนี้