ดับเบิลยู โฮเต็ลส์ รุกขยายเครือข่ายโรงแรมในกรุงเทพฯ

เตรียมเปิด “ดับเบิลยู กรุงเทพ (W Bangkok)” ปี 2554 หลังเซ็นสัญญาบริหารโรงแรมให้กับ บริษัท นอร์ทเทริน สาธร โฮต็ลล์ (Northern Sathorn Hotel Company)

สตาร์วู้ด โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท เวิลด์ไวด์ อิงค์ (หรือ HOT ในตลาดหุ้นนิวยอร์ค) รุกเซ็นสัญญาบริหารโรงแรมภายใต้แบรนด์ ดับเบิลยู โฮเต็ลส์ ทั่วโลก ล่าสุดเปิดตัวโรงแรมหรู ดับเบิลยู กรุงเทพ ขนาด 400 ห้อง ซึ่งเป็นโรงแรมแห่งที่สองในไทยที่พร้อมเปิดให้บริการได้ในปี 2554 ชูจุดขายที่ดีไซน์ล้ำสมัย พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มาตรฐานเดียวกับ ดับเบิลยู โฮเต็ลส์ ทั่วโลก

สตาร์วู้ดฯ เซ็นสัญญาบริหารโรงแรมให้กับ บริษัท นอร์ท สาธร โฮต็ลล์ (North Sathorn Hotel Company) ซึ่งเป็นธุรกิจร่วมทุนระหว่าง อิสทิธมาร์ โฮเต็ลส์ (Istithmar Hotels) และบริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ “โกลเด้นแลนด์” โรงแรมแห่งใหม่นี้จะเป็นส่วนหนึ่งของโครงการอาคารเอนกประสงค์ “สาธร สแควร์” ของโกลเด้นแลนด์ โดยมีพื้นที่อาคารสำนักงาน “เกรดเอ” ให้เช่ามากถึง 70,000 ตร.ม. รวมถึงบูติกและร้านค้าหรู

โครงการดังกล่าวตั้งอยู่บนพื้นที่เคยเป็นสถานทูตรัสเซีย และถือเป็นทำเลธุรกิจที่ดีที่สุดบนถนนสาธร เนื่องจากเป็นที่ตั้งของสถานทูตราว 20 ประเทศ และกำลังจะมีโรงแรมหรูผุดขึ้นอีกหลายแห่ง พร้อมกับโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อีกหลายโครงการ ในจำนวนนี้ คือ ดับเบิลยู กรุงเทพ (W Bangkok) ซึ่งเป็นโรงแรมเพียงแห่งเดียวในย่านสาธรที่มีทางเชื่อมตรงถึงสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ถือเป็นความได้เปรียบในการแข่งขันของโรงแรมแห่งนี้ นอกจากนี้ยังอยู่ใกล้กับโซนท่องเที่ยวสำคัญๆ อย่างแม่น้ำเจ้าพระยาอีกด้วย

นายมิเกล โค ประธานของสตาร์วู้ด โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท ภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก เปิดเผยว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นกับการเปิดตัวโรงแรม ดับเบิลยู ในกรุงเทพฯ หลังเปิดตัวของ ดับเบิลยู รีทรีท แอนด์ เรสซิเดนซ์ ครั้งแรกที่เกาะสมุย และ ดับเบิลยู กรุงเทพ ก็เป็นส่วนหนึ่งของแผนขยายธุรกิจบริหารโรงแรมภายใต้แบรนด์ ดับเบิลยู ในประเทศไทย”

“ดับเบิลยู โฮเต็ลส์ มาพร้อมกับจุดยืนทางธุรกิจที่ว่า เราจะนำเสนอประสบการณ์ที่แตกต่างให้กับนักเดินทาง ซึ่งจะทำให้โรงแรมแห่งนี้กลายเป็นจุดหมายที่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมากรุงเทพฯ จะต้องมาเยือน เนื่องจากกรุงเทพฯ มีครบทั้งสีสันของเมืองที่ทันสมัย เสน่ห์ของวัฒนธรรมที่หลากหลาย แหล่งช้อปปิ้งระดับโลก และอาหารเลื่องชื่อ ซึ่งสอดคล้องลงตัวอย่างยิ่งกับแบรนด์ ดับเบิลยู โฮเต็ลส์” เธอกล่าวเสริม

โจ ซิต้า ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ อิสทิธมาร์ โฮเต็ลส์ กล่าวว่า “ย่านสาทรเป็นทำเลสำคัญที่อยู่ใจกลางกรุงเทพฯ จึงเหมาะจะเป็นที่ตั้งของโรงแรมหรูระดับโลกอย่าง ดับเบิลยู และเรารู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่บรรลุข้อตกลงทางธุรกิจกับสตาร์วู้ดฯ ทั้งนี้ ดับเบิลยู กรุงเทพ เป็นโรงแรมแห่งที่สองของ ดับเบิลยู ในประเทศไทย ต่อจาก ดับเบิลยู รีทรีท แอนด์ เรสซิเดนซ์ เกาะสมุย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง”

เขากล่าวอีกว่า “อิสทิธมาร์ โฮเต็ลส์ กำลังขยายธุรกิจไปทั่วโลก โดยมีเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงกรุงเทพฯ เป็นหนึ่งในเป้าหมายที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ และเรายังคงเดินหน้าพัฒนาโครงการใหม่ๆ ที่ให้ผลตอบแทนคุ้มค่ากับการลงทุน”

ดับเบิลยู กรุงเทพ เป็นส่วนเติมเต็มให้กับแบรนด์ ดับเบิลยู โฮเต็ลส์ ซึ่งปัจจุบันบริหารโรงแรมหลายแห่งในเมืองสำคัญและแหล่งท่องเที่ยวทั่วโลก เมื่อเร็วๆ นี้ ดับเบิลยู โฮเต็ลส์ ซึ่งเป็นแบรนด์โรงแรมหรูที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก ได้ประกาศจะเปิดโรงแรมใหม่อีกหลายแห่งในบาร์เซโลนา อิสตันบูล เอเธนส์ ฮ่องกง เซี่ยงไฮ้ เกาะสมุย ซานดิเอโก ดูไบ โดฮา และมาเก๊า ต่อจาก ดับเบิลยู รีทรีท แอนด์ สปา มัลดีฟส์, ดับเบิลยู มอนทรีออล และ ดับเบิลยู เม็กซิโกซิตี้

นอกจากเป็นเมืองหลวงของไทยแล้ว กรุงเทพฯ ยังมีข้อได้เปรียบหลายด้าน เช่น อยู่ใกล้อ่าวไทย เป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและการเงินของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นจุดหมายการท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของประเทศ โดยมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวกรุงเทพฯ คิดเป็นร้อยละ 90 ของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมดที่เดินทางมาเยือนประเทศไทย นอกจากนี้ การเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิ ประกอบกับการเติบโตของธุรกิจจัดประชุมสัมมนา ได้สะท้อนให้เห็นถึงการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของกรุงเทพฯ รวมถึงการเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของภูมิภาค

นอกเหนือจากดีไซน์ที่สวยสะดุดตาและบรรยากาศความทันสมัยของเมือง โรงแรม ดับเบิลยู กรุงเทพ มาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครันและหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่จัดประชุม-สัมมนา 30,000 ตารางฟุต, ดับเบิลยู คิทเช่น, ดับเบิลยู ลิฟวิ่งรูมบาร์, สเวท ฟิตเนส เซ็นเตอร์, สระว่ายน้ำและสปา แขกที่มาเยือนจะได้พบกับความหรูหราของเตียง ดับเบิลยู (W Bed) ที่ให้สัมผัสนุ่มพิเศษ พร้อมชุดเครื่องนอนทำจากผ้าฝ้ายอียิปต์ (Egyptian cotton) 350 เส้น และผ้าคลุมเตียงทำจากขนห่าน นอกจากนี้ยังมีบริการที่เรียกว่า W Whatever/Whenever ที่จะมีเจ้าหน้าที่ต้อนรับคอยให้บริการในเรื่องต่างๆ ตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งแต่ช่วยหารองเท้าใส่วิ่งออกกำลังกาย ไปจนถึงการจัดหาเครื่องบินส่วนตัว

ข้อมูลเกี่ยวกับ ดับเบิลยู โฮเต็ล เวิลด์ไวด์

ปัจจุบัน ดับเบิลยู โฮเต็ลส์ บริหารโรงแรมในเมืองสำคัญๆ ทั่วโลกรวม 21 แห่ง โดยมุ่งเน้นบริการด้วยความเอาใจใส่ เพื่อให้ลูกค้าเกิดความประทับใจและได้รับประสบการณ์ที่ดี พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ทั้งห้องอาหาร บาร์ และสปา ทำให้ ดับเบิลยู โฮเต็ลส์ กลายเป็นแบรนด์โรงแรมหรูที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก ทั้งนี้ โรงแรมแต่ละแห่งต่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วยการผสมผสานดีไซน์ทันสมัยเข้ากับความสะดวกสบายและสีสันทางวัฒนธรรม นับตั้งแต่แฟชั่นไปถึงดนตรีและศิลปะ รวมถึงองค์ประกอบอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

โครงการที่อยู่อาศัยแห่งแรกภายใต้แบรนด์ ดับเบิลยู โฮเต็ลส์ คือ ดับเบิลยู ดัลลาส-วิคทอรี่ ซึ่งเปิดให้บริการในเดือนมิถุนายน 2549 และต่อมาได้รับการจัดอันดับให้เป็น “Top Business Hotel” โดยนิตยสาร Forbes ส่วนโครงการ ดับเบิลยู เรสซิเดนซ์ ซึ่งทุกแห่งสร้างความประทับใจแก่ผู้มาเยือนด้วยบรรยากาศสบายๆ ผ่อนคลายเหมือนอยู่ที่บ้าน กำลังจะเปิดให้บริการที่ สก็อตเดล (2008), มิดทาวน์ แอตแลนตา (2008), ฟอร์ต ลอเดอร์เดล (2008), บัคเฮด (2008), โฮโบเคน (2008), ดาวน์ทาวน์ แอตแลนตา (2009), ดาวน์ทาวน์ นิวยอร์ก (2009), เซาธ์บีช (2009), ฟีนิกซ์ (2009), ฮอลลิวูด (2009), ฟิลาเดลเฟีย (2009), และออสติน (2010)

ส่วนในต่างประเทศ ดับเบิลยู โฮเต็ลส์ มีแผนจะเปิดโรงแรมแห่งใหม่ในอิสตันบูล (2008), โดฮา (2008), ฮ่องกง (2008), เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก (2008), เอเธนส์ (2008), ซานดิเอโก (2008), มิลาน (2008), ดูไบ เฟสติวัล ซิตี้ (2008), เซี่ยงไฮ้ (2009), บาเซโลนา (2009), กวางเจา (2010), เดอะ ปาล์ม ดูไบ (2010) และมาเก๊า (2009)
ดับเบิลยู มัลดีฟส์ ซึ่งเป็นรีสอร์ทแอนด์สปาแห่งแรกในเครือ ดับเบิลยู โฮเต็ล เปิดให้บริการในเดือนกันยายน 2006 และในเดือนมีนาคมที่ผ่านมาได้รับรางวัล Travel + Leisure Design Award ในฐานะ Best Resort และต่อไปมีแผนจะเปิดอีกแห่งในเกาะเวกาส์ นอกชายฝั่งเปอร์โตริโก (2008), เกาะสมุย (2008) และเวอร์แบร์ ในสวิตเซอร์แลนด์ (2010) ซึ่งเป็นสกีรีสอร์ทแห่งแรกของ ดับเบิลยู โฮเต็ล

ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.whotels.com

เกี่ยวกับ สตาร์วู้ด โฮเต็ลส์ แอนด์ รีสอร์ท เวิลด์ไวด์ อิงค์

สตาร์วู้ด โฮเต็ลส์ แอนด์ รีสอร์ท เวิลด์ไวด์ อิงค์ เป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจบริหารโรงแรมและรีสอร์ทชั้นนำระดับโลก โดยในปัจจุบันบริหารโรงแรมและรีสอร์ทราว 890 แห่งในกว่า 100 ประเทศ และมีพนักงานรวมกว่า 145,000 คน ทั้งนี้ลักษณะการดำเนินธุรกิจของกลุ่มสตาร์วู้ดฯ จะเป็นทั้งเจ้าของ ผู้บริหาร และผู้ขายแฟรนไซส์โรงแรมและรีสอร์ทภายใต้แบรนด์ที่ได้รับการยอมรับทั่วโลกดังต่อไปนี้: St. Regis®, The Luxury Collection®, W®, Westin®, Le Méridien®, Sheraton®, Four Points® by Sheraton, Aloft(SM), and Element(SM)

นอกจากนี้ สตาร์วู้ดฯ ยังเป็นเจ้าของ สตาร์วู้ด แวเคชั่น โอนเนอร์ชิป อิงค์ ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำด้านการพัฒนาและบริหารสิทธิ์ความเป็นเจ้าของรีสอร์ทอีกด้วย ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
www.starwoodhotels.com

อิสทิธมาร์ และ ดูไบเวิลด์

อิสทิธมาร์ (Istithmar PJSC) ดำเนินงานในลักษณะ investment company ของดูไบเวิลด์ (Dubai World) โดยปัจจุบันลงทุนในธุรกิจที่ประสบความสำเร็จกว่า 50 บริษัท ในส่วนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะเน้นการเข้าซื้อกิจการและบริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีศักยภาพอย่างหลากหลาย นับตั้งแต่อาคารสำนักงาน โรงแรม และรีสอร์ท ไปจนถึงสถานที่พักผ่อนและศูนย์การค้า ปัจจุบันลงทุนใน Kerzner Group, International Hotel Investments, Mandarin Oriental ในนิวยอร์ก, The Adelphi ในลอนดอน, Jumeirah Golf Estates, QE2, Cape Town’s V&A Waterfront และ Pearl Valley Golf Estates

ดูไบเวิลด์ เป็นบริษัทโฮลดิ้งที่รับผิดชอบงานบริหารและกำกับดูแลการลงทุนในธุรกิจและโครงการต่างๆ ของรัฐบาลดูไบ เพื่อผลักดันดูไบสู่การเป็นศูนย์กลางด้านการค้าและการลงทุน ปัจจุบัน ดูไบเวิลด์ มีพนักงานกว่า 50,000 คนในกว่า 100 เมืองทั่วโลก มีบริษัทในเครือ ได้แก่ DP World, P&O, Nakheel, Istithmar PJSC, Inchcape Shipping Services และ Tejari