ปี’53 ต่างชาติเที่ยวไทย 15.5 ล้านคน : คาดเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 ในปี’54

สถานการณ์การท่องเที่ยวไทยที่ถูกบั่นทอนลงด้วยวิกฤตทางการเมืองภายในประเทศในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์รุนแรงในช่วงเดือนเมษายน-พฤศจิกายน 2553 ส่งผลให้ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติของไทยที่เริ่มฟื้นตัว และขยายตัวในอัตราสูงต่อเนื่องมาในไตรมาสแรกของปี 2553 กลับถดถอยลงในช่วงเดือนเมษายนต่อเนื่องมาจนถึงเดือนมิถุนายน 2553 อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์ความรุนแรงที่ถูกจำกัดวงอยู่เฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯและบางพื้นที่ในต่างจังหวัด ขณะที่พื้นท่องเที่ยวหลายแห่งโดยเฉพาะในภาคใต้ ทั้งฝั่งทะเลอันดามันและฝั่งอ่าวไทยแทบจะไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว เมื่อประกอบกับความร่วมมือของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งของภาครัฐและภาคเอกชน ในการเร่งสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยในการเดินทางท่องเที่ยวประเทศไทยให้กลับคืนมาโดยเร็วในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่งผลให้ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติของไทยสามารถปรับตัวกลับมาเติบโตตามปกติได้ตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคม 2553 เป็นต้นมา

ปี 2553 ตลาดต่างชาติขยายตัวร้อยละ 10 : ได้แรงหนุนจากตลาดระยะใกล้ในเอเชีย

การเติบโตอย่างรวดเร็วในไตรมาสแรก : หนุนตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติขยายตัวร้อยละ 14 ในช่วงครึ่งปีแรก
ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติของไทย ที่ขยายตัวด้วยอัตราสูงในช่วงไตรมาสแรกของปี 2553 โดยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามายังประเทศไทยรวมทั้งสิ้น 4.66 ล้านคน เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 28 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ได้ถูกบั่นทอนให้ถดถอยลงจากเหตุการณ์รุนแรงในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553 ทำให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามายังประเทศไทยลดลงประมาณร้อยละ 4 ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2553 โดยพบว่ามีนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคเอเชียลดลงอย่างเด่นชัด ขณะที่นักท่องเที่ยวจากภูมิภาคยุโรปค่อนข้างทรงตัว เพราะได้นักท่องเที่ยวจากรัสเซียที่เติบโตในอัตราสูงมาชดเชยได้ระดับหนึ่ง เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคโอเชียเนีย ที่ได้นักท่องเที่ยวจากออสเตรเลียที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย คงมีแต่นักท่องเที่ยวจากภูมิภาคตะวันออกกลางที่เติบโตสวนกระแสตลาด แม้จะขยายตัวในอัตราที่ช้าลงกว่าในไตรมาสแรกก็ตาม

ส่งผลให้สถานการณ์ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยรวมของไทยในช่วงครึ่งแรกของปี 2553 ยังคงขยายตัวในอัตราที่น่าพอใจ โดยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติจากทุกภูมิภาคเดินทางเข้ามายังประเทศไทยรวมทั้งสิ้นประมาณ 7.52 ล้านคนเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 14 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

? ตลาดเอเชียฟื้นตัวเร็ว…รัสเซีย&ตะวันออกกลางโตไม่หยุด : หนุนตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติครึ่งปีหลังโตร้อยละ 7
หลังจากเหตุการณ์ความรุนแรงในเดือนพฤษภาคม 2553 คลี่คลายลงสู่ภาวะปกติได้ในช่วงกลางปีที่ผ่านมา หลายฝ่ายต่างร่วมมือกันเร่งประชาสัมพันธ์ถึงเหตุการณ์ความสงบในกรุงเทพฯ ควบคู่กับการใช้กลยุทธ์การตลาดส่งเสริมการขายในตลาดต่างประเทศ ประกอบกับไทยยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่ปลอดภัย ห่างไกลจากพื้นที่ที่เกิดความรุนแรง ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติยังคงนิยมเดินทางไปเที่ยว (เช่น แหล่งท่องเที่ยวชายทะเลในภาคใต้ อาทิ ภูเก็ต กระบี่ พังงา และสมุย รวมทั้งหาดใหญ่) ทำให้สามารถเรียกความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยกลับคืนมาในหมู่นักท่องเที่ยวได้อย่างรวดเร็ว

ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยรวมของไทยจึงสามารถกลับมาเติบโตตามปกติได้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นมา ส่งผลให้ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยรวมของไทยในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2553 ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 3.69 ล้านคน

เป็นที่น่าสังเกตว่า ตลาดท่องเที่ยวระยะใกล้ในเอเชีย และภูมิภาคโอเชียเนีย ที่ถดถอยลงในช่วงเดือนพฤษภาคม สามารถปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นได้ในช่วงกลางปี และขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีแรงหนุนสำคัญจากการเติบโตในอัตราสูงของนักท่องเที่ยวจากจีน เกาหลี และอินเดีย ขณะที่นักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลางยังคงขยายตัวด้วยอัตราสูงกว่านักท่องเที่ยวจากทุกภูมิภาค ส่วนตลาดท่องเที่ยวระยะไกลในยุโรปและอเมริกาถดถอยลงตั้งแต่เดือนพฤษภาคมต่อเนื่องถึงเดือนกันยายน โดยมีตลาดรัสเซียที่เติบโตอย่างรวดเร็วสวนกระแสตลาดยุโรปโดยรวม

อย่างไรก็ตาม บรรยากาศการท่องเที่ยวของไทยที่มีแนวโน้มแจ่มใสต่อเนื่องไปในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2553 กลับได้รับผลกระทบจากอุทกภัยครั้งร้ายแรง 2 ระลอก โดยครั้งแรกเกิดอุทกภัยในหลายพื้นที่ของภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือช่วงปลายเดือนตุลาคมต่อเนื่องมาถึงเดือนพฤศจิกายน ส่งผลกระทบโดยตรงต่อตลาดนักท่องเที่ยวคนไทย และในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนได้เกิดอุทกภัยระลอกที่ 2 ในหลายพื้นที่ของภาคใต้ ส่งผลกระทบทั้งตลาดนักท่องเที่ยวคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบเพียงแค่เดือนพฤศจิกายน 2553 หากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันเร่งฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวหลังน้ำลด ควบคู่กับการใช้กลยุทธ์การตลาด และการประชาสัมพันธ์ถึงความพร้อมของแหล่งท่องเที่ยว และเส้นทางคมนาคม รวมทั้งการจัดกิจกรรมต่างๆในช่วงที่เหลือของปี เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและสร้างความมั่นใจด้านความสะดวกและปลอดภัยให้นักท่องเที่ยว

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่า ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติของไทยจะมีแนวโน้มชะลอตัวลงเล็กน้อยเดือนพฤศจิกายน และกลับมาเติบโตตามปกติได้ตั้งแต่เดือนธันวาคม ส่งผลให้ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2553 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามายังประเทศไทยรวมทั้งสิ้นประมาณ 4.34 ล้านคน ขยายตัวประมาณร้อยละ 2 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
ในช่วงครึ่งหลังของปี 2553 จึงคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามายังประเทศไทยรวมทั้งสิ้นประมาณ 8.04 ล้านคน เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 7 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ทำให้คาดว่าตลอดทั้งปี 2553 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามายังประเทศไทยรวมทั้งสิ้นประมาณ 15.55 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับปี 2552 ที่ลดลงร้อยละ 3 และมีแนวโน้มจะก่อให้เกิดรายได้ด้านการท่องเที่ยวเข้าประเทศคิดเป็นมูลค่าประมาณ 536,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 จากปี 2552

อุทกภัยภาคใต้ : กระทบตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติช่วงปลายปี’53….เล็กน้อย
ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติของไทยมีแนวโน้มได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในภาคใต้ไม่มากนัก เนื่องจากอุทกภัยได้สร้างความเสียหายในบางส่วนของพื้นที่ภาคใต้ คือ ประมาณ 9 จังหวัด จากทั้งหมด 14 จังหวัดในภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดชุมพร ตรัง นครศรีธรรมราช นราธิวาส (สุไหง โก-ลก) พัทลุง ยะลา (เบตง) สงขลา (หาดใหญ่) สตูล และสุราษฎร์ธานี ขณะที่ยังมีแหล่งท่องเที่ยวชายทะเลแถบอันดามันหลายแห่งที่ไม่ได้รับผลกระทบ อาทิ ภูเก็ต กระบี่ และพังงา นอกจากนี้ ประเทศเพื่อนบ้านของไทยในภูมิภาคเอเชียต่างประสบภัยธรรมชาติเช่นกัน อาทิ มาเลเซีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ประสบอุทกภัย ส่วนอินโดนีเซียเกิดภูเขาไฟระเบิด แผ่นดินไหว และสึนามิ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จึงคาดว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีแผนการเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยในช่วงปลายปีนี้ ส่วนใหญ่ยังคงเดินทางมาเที่ยวประเทศไทย โดยเลือกแหล่งท่องเที่ยวที่ปลอดภัยจากภาวะน้ำท่วม ทำให้ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2553 นักท่องเที่ยวต่างชาติมีแนวโน้มเดินทางเข้ามายังประเทศไทยรวมทั้งสิ้นประมาณ 1.33 ล้านคน ลดลงร้อยละ 2 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ส่งผลให้โดยรวมทั้งปี 2553 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามายังประเทศไทยรวมทั้งสิ้นประมาณ 15.55 ล้านคน ลดลงเล็กน้อยประมาณร้อยละ 0.4 เปรียบเทียบจากที่ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ไว้เดิม ก่อนหน้าเกิดอุทกภัยที่ระดับ 15.61 ล้านคน ซึ่งได้คาดว่าเดือนพฤศจิกายน 2553 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามายังประเทศไทยทั้งสิ้นประมาณ 1.39 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าร้อยละ 2

ท่องเที่ยวปี’54 …ยังมีอุปสรรคที่ต้องฟันฝ่า : คาดต่างชาติเที่ยวไทยเพิ่มขึ้นร้อยละ 5
สถานการณ์การท่องเที่ยวไทยในปี 2554 ยังคงเป็นไปในทิศทางที่ดี หากไม่มีเหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองมากระทบอีก ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติของไทยยังคงมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปี 2553 แม้ว่าจะต้องฟันฝ่าอุปสรรคบางประการ อาทิ เงินบาทที่แข็งค่าขึ้น และภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวยของกลุ่มตลาดท่องเที่ยวระยะไกลในภูมิภาคยุโรปและอเมริกา

อย่างไรก็ตาม ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่า หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชนร่วมมือกันส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยอย่างจริงจังและต่อเนื่องแล้ว ในปี 2554 ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติของไทยจะยังสามารถเติบโตต่อไปได้ แม้อยู่ในอัตราที่ช้าลงกว่าปี 2553 ทั้งนี้ ด้วยแรงเกื้อหนุนสำคัญจากการขยายตัวของตลาดท่องเที่ยวระยะใกล้ในภูมิภาคเอเชีย อาทิ จีน เกาหลี และอินเดีย รวมทั้งบางประเทศในยุโรปที่เศรษฐกิจฟื้นตัวได้เร็ว เช่น รัสเซีย และนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลาง ทั้งนี้ ภายใต้เงื่อนไขที่สถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองภายในประเทศยังอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาล

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่า ในปี 2554 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาประเทศไทยเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 โดยมีจำนวนรวมทั้งสิ้นประมาณ 16.33 ล้านคน และก่อให้เกิดรายได้ด้านการท่องเที่ยวเข้าประเทศคิดเป็นมูลค่าประมาณ 555,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.5 จากปี 2553

ปัจจัยสำคัญที่เกื้อหนุน ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติของไทยให้เติบโตต่อเนื่องในปี 2554 ได้แก่

– ความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยในการเดินทางท่องเที่ยวประเทศไทยกลับคืนมาในหมู่นักท่องเที่ยวจากตลาดท่องเที่ยวระยะใกล้ในภูมิภาคเอเชีย โดยได้แรงหนุนสำคัญจากตลาดจีน และเกาหลี

– ความร่วมมืออย่างจริงจังและต่อเนื่องของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของไทย ในการขยายตลาดท่องเที่ยวใหม่ที่มีศักยภาพสูง โดยเฉพาะรัสเซีย อินเดีย และตะวันออกกลาง ขณะเดียวกันก็พยายามรักษาส่วนแบ่งในตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มเดิมไว้อย่างเหนียวแน่น

– การขยายตัวของธุรกิจการบินต้นทุนต่ำ การเพิ่มเส้นทางบิน ทั้งเที่ยวบินประจำ และเที่ยวบินเช่าเหมาลำ จากต่างประเทศมายังประเทศไทย ตลอดจนการขยายเส้นทางบินเชื่อมเมืองท่องเที่ยวหลักระหว่างภูมิภาคต่างๆของไทย เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ และเพิ่มความหลากหลายด้านการท่องเที่ยวของไทย

– การขยายตัวของเชนบริหารโรงแรมชั้นนำระดับโลก สู่ธุรกิจโรงแรมของไทยอย่างต่อเนื่อง และการขยายเครือข่ายการบริหารโรงแรมของผู้ประกอบการคนไทยไปในต่างประเทศ ส่งผลดีต่อการขยายฐานตลาดต่างประเทศให้กว้างขวางขึ้น โดยเฉพาะตลาดในระดับบนที่มีกำลังซื้อสูง

– การขยายตัวไปตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆของที่พักในรูปแบบ Boutique Hotel ที่เน้นในด้านความสวยงาม และเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้ต้องการเดินทางมาสัมผัสบรรยากาศด้วยตนเอง

– ค่าครองชีพที่ต่ำกว่าบรรดาประเทศที่พัฒนาแล้ว และประเทศคู่แข่งในภูมิภาคเดียวกัน โดยเฉพาะค่าบริการในด้านสุขภาพ และบริการด้านที่พัก ซึ่งเกื้อหนุนต่อการขยายตลาดท่องเที่ยวพำนักระยะยาวในช่วงฤดูหนาวของประเทศในแถบตะวันตก และกลุ่มวัยหลังเกษียณอายุ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากประเทศในกลุ่มสแกนดิเนเวีย และนักท่องเที่ยวญี่ปุ่น

การปรับตัวของผู้ประกอบการ : รองรับโอกาสที่เอื้อของการท่องเที่ยวไทยในปี 2554
จากแนวโน้มการเติบโตต่อเนื่องของตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2554 ผู้ประกอบการในธุรกิจการท่องเที่ยวของไทยควรปรับกลยุทธ์ในด้านต่างๆ เพื่อให้ได้ประโยชน์จากโอกาสที่เอื้ออำนวย ซึ่งมีแนวทาง ดังนี้

– กำหนดตลาดเป้าหมายที่ชัดเจน โดยมุ่งเน้นนักท่องเที่ยวที่มีความสนใจเฉพาะกลุ่มมากขึ้น เช่น กลุ่มที่นิยมการจับจ่ายซื้อสินค้า กลุ่มประชุมสัมมนา กลุ่มท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล กลุ่มท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ และกลุ่มที่นิยมกีฬาประเภทต่างๆ รวมทั้งกลุ่มที่นิยมการท่องเที่ยวในรูปแบบ Green Concept

– พัฒนาบริการและแหล่งท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพื่อสร้างจุดขายที่โดดเด่นแก่ภาคการท่องเที่ยวของไทย
– ส่งเสริมการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อให้สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆยังคงไว้ซึ่งความสมบูรณ์ทางธรรมชาติ พร้อมที่จะรองรับกระแสการท่องเที่ยวในปัจจุบัน และช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวได้อย่างต่อเนื่อง

– E-marketing ช่องทางตลาดที่น่าสนใจในยุคดิจิตอล ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ผู้ประกอบการไม่ควรมองข้าม เพราะนับวันยิ่งจะมีกระแสความนิยมมากขึ้น อีกทั้ง มีค่าใช้จ่ายต่ำ และสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ทุกที่ทุกเวลา

อย่างไรก็ตาม ยังคงมี “ประเด็นพึงระวัง” สำหรับภาคบริการด้านการท่องเที่ยวของไทย ได้แก่ ปัญหาด้านเสถียรภาพทางการเมืองในประเทศที่บั่นทอนความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยในหมู่นักท่องเที่ยว, ปัญหาความเสื่อมโทรมของสภาพแวดล้อมและภาวะโลกร้อน, ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในต่างประเทศ, ความผันผวนของค่าเงินในสกุลต่างๆ และการปรับตัวของคู่แข่ง โดยเฉพาะประเทศในภูมิภาคเดียวกัน ซึ่งมีลักษณะภูมิประเทศ ภูมิอากาศ และขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมที่คล้ายคลึงกับไทย เป็นต้น

สรุป
หลังเหตุการณ์รุนแรงในกรุงเทพฯช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553 คลี่คลายลงสู่ภาวะปกติ และจากความร่วมมือของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทำให้ความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว ซึ่งสะท้อนได้จากการฟื้นตัวกลับมาเติบโตตามปกติได้อย่างรวดเร็วของตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติของไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2553 แม้คาดว่าจะชะลอตัวลงเล็กน้อยในช่วงที่เกิดอุทกภัยร้ายแรงในภาคต่างๆของไทย

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่า โดยรวมตลอดทั้งปี 2553 ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติของไทยจะขยายตัวเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 10 โดยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามายังประเทศไทยรวมทั้งสิ้นไม่ต่ำกว่า 15.55 ล้านคน ก่อให้เกิดรายได้ด้านการท่องเที่ยวเข้าประเทศคิดเป็นมูลค่าประมาณ 536,000 ล้านบาท และคาดว่าหากไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรงใดมากระทบแล้ว ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติของไทยยังคงมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องไปในปี 2554 แม้ในอัตราไม่สูงนัก คือ เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 โดยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามายังประเทศไทยประมาณ 16.33 ล้านคน ก่อให้เกิดรายได้ด้านการท่องเที่ยวคิดเป็นมูลค่าประมาณ 555,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม การขยายตัวด้านการท่องเที่ยวของไทยดังกล่าวจะประสบความสำเร็จไม่ได้ หากขาดความร่วมมือจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะการสร้างเสถียรภาพด้านการเมืองในประเทศ ซึ่งจะก่อให้เกิดความสงบสุข และไม่มีความแตกแยกในประเทศ ส่งผลให้เกิดความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยในการเดินทางท่องเที่ยวประเทศไทยในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งเกื้อหนุนการเติบโตอย่างต่อเนื่องของตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ และก่อให้เกิดรายได้เข้าประเทศคิดเป็นมูลค่าปีละกว่า 5 แสนล้านบาท