พรรษิษฐ์ ต่อสุวรรณ “การเมือง เรื่องสยามสแควร์”

หากคุณเป็นลูกของสถาปนิกมือหนึ่งของเมืองไทย และนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับบิ๊กโปรเจกต์ ตึกระฟ้า และระบบอาคารที่ทันสมัยของประเทศ ชีวิตน่าจะไปได้สวย ด้วยสถานะหรูเริ่ด ถึงขั้นชนชั้นไฮโซของเมืองไทย แต่สำหรับ “พรรษิษฐ์ ต่อสุวรรณ” บุตรชายของ “รังสรรค์ ต่อสุวรรณ” กลับตรงกันข้าม

จากอุบัติเหตุชีวิตของครอบครัว “ต่อสุวรรณ”ที่ “รังสรรค์” ในฐานะผู้นำของครอบครัว ถูกกล่าวหาว่าพัวพันกับการจ้างวานฆ่าบุคคลระดับประเทศอย่าง “ประมาณ ชันซื่อ” ประธานศาลฎีกา เมื่อปี 2536 จนส่งผลลบต่อเครดิตของโครงการที่กำลังเกิดขึ้นทั้งหมด สถานะเวลานั้นคือแทบล้มละลาย เพราะหลายโครงการกำลังระดมทุนจากลูกค้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงการขายก่อนก่อสร้าง (Pre-sale) มูลค่ากว่า 2 พันล้านบาท เมื่อเจ้าของโครงการมีปัญหา ผู้ซื้อย่อมไม่ไว้วางใจ จนเกิดวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 ถูกฟ้องร้องเพื่อเรียกเงินคืน ทำให้ “พรรษิษฐ์” บอกว่า “เพราะเหตุนี้ที่ทำให้เขากลายเป็นคนอย่างนี้ หากไม่เจอปัญหา ผมคงเป็นไฮโซเดินในสังคม”

มุมมองด้านสังคม และการเมือง “พรรษิษฐ์” จึงเข้มข้น ถึงขั้นเขียนบทความสะท้อนความคิดเห็นในหลากหลายประเด็น ตั้งแต่โครงการบ้านเอื้ออาทร กฎหมายรัฐธรรมนูญ มุมมองต่อรัฐบาลทักษิณ และที่เข้มข้นมากที่สุดคือเรื่องราวของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในการบริหารที่ดินสยามสแควร์ จนเป็นแรงบันดาลใจให้ “พรรษิษฐ์” กำลังปั่นพ็อกเกตบุ๊ก เรื่อง “การเมือง เรื่องสยามสแควร์” ที่เขาบอกว่าจะร่ายยาวตั้งแต่ความเป็นมา จนถึงความสลับซับซ้อนในสยามสแควร์

ผลงาน “การเมือง เรื่องสยามสแควร์” เป็นประเด็นที่เขาให้ความสนใจมานานกว่า 2 ปี และเขียนบทความลงหนังสือพิมพ์หลายฉบับอย่างต่อเนื่อง แม้จะยังไม่ถึงขั้นคอลัมนิสต์ชื่อดัง แต่ก็ไม่ถึงขั้นโนเนม ซึ่ง “พรรษิษฐ์” บอกว่าเขาได้สัมผัสข้อมูลที่สังคมควรรับรู้เกี่ยวกับสยามสแควร์ เพราะวิ่งเล่นมาตั้งแต่เด็ก มาหาคุณพ่อที่เปิดบริษัทสถาปนิกและอสังหาริมทรัพย์ ที่สยามฯ ซอย 3 ด้วยเหตุผลความสะดวก สามารถเดินไปสอนนิสิตที่คณะสถาปัตย์ฯ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้

ในมุมมองของ “พรรษิษฐ์” นั้นเขาเน้นย้ำว่า “ไม่ได้ต่อต้านจุฬาฯ ที่จะขึ้นค่าเช่าที่ แต่ต้องการให้ขึ้นค่าเช่าและบริหารจัดการอย่างเป็นธรรม เพราะสยามสแควร์คือแหล่งสร้างอาชีพของคนจำนวนมาก การต่อสัญญาหรือไม่ต่อสัญญา การขึ้นค่าเช่าโดยไม่สมเหตุสมผล ไม่เป็นธรรมทำให้เจ้าของร้านเล็กๆ ที่มีทั้งแม่ค้าทั่วไป และนักศึกษาจบใหม่ที่ไม่ต้องการเป็นลูกจ้าง แต่อยากสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยกิจการของตัวเองได้รับความเดือดร้อนไปตามๆ กัน”

นี่คือตัวอย่างไอเดียที่เฉียบคม ซึ่งใครสนใจมากกว่านี้เขาบอกว่าโปรดติดตามในพ็อกเกตบุ๊กที่เขาอยากเขียนจบก่อนสิ้นปีนี้

ส่วนภาระหน้าที่ของธุรกิจครอบครัว “พรรษิษฐ์” มีคุณพ่อเป็นที่ปรึกษา คือ การเร่งโครงการที่ยังคั่งค้างที่รู้จักกันดี คือโครงการสาทรยูนิค ทาวเวอร์ เพื่อส่งมอบให้กับลูกค้า โดยหวังว่า “สาทร ยูนิค” จะเป็นโครงการเรือธงให้ธุรกิจของครอบครัวอีกครั้ง และนำโครงการเดิมมาปัดฝุ่น อย่างคอนโดมีเนียม ที่พัทยา เพื่อสร้างรายได้ส่วนหนึ่ง โดยยึดถือความซื่อสัตย์ และประโยชน์ของลูกค้าเป็นหลัก อย่างที่ “รังสรรค์” เน้นย้ำกับเขาเสมอ

การทำหน้าที่เพื่อครอบครัวครั้งนี้ไม่ใช่เป้าหมายแรกของ “พรรษิษฐ์” แต่เขาก็ทำได้อย่างเต็มที่ แม้ว่าขณะกำลังเรียนอยู่ที่สหรัฐอเมริกา เขายังอยากที่จะเรียนต่อ ไม่อยากกลับเมืองไทย แต่เขาบอกว่าปี 2540 เศรษฐกิจของไทยเกิดวิกฤต ก็รู้ทันทีว่าที่บ้านกำลังเผชิญปัญหาแน่นอน จึงเดินทางกลับมาทันที

“ช่วงแรกผมเจอลูกค้าเข้ามาทวงเงินทุกวัน ก็ไม่ไหว รับสภาพไม่ได้ ก็เลยปลีกตัวไปเป็นอาจารย์ที่เอแบค ไม่มาเกี่ยวข้องกับธุรกิจของครอบครัวเลย สักพักก็เข้าใจ เข้ามาเรียนรู้แก้ปัญหาทั้งหมด ทั้งเรื่องการเงิน การติดต่อและการขายโครงการให้ลูกค้า ทุกอย่างสำหรับผมเริ่มต้นใหม่หมด”

จากนั้น “พรรษิษฐ์” ก็ทำหน้าที่ตั้งแต่ภาระใหญ่จนถึงการทำหน้าที่ขายคอนโดมีเนียม พบลูกค้าด้วยตัวเอง แม้กระทั่งขณะที่กำลังให้สัมภาษณ์ POSITIONING อยู่ ที่สำนักงาน บริษัท รังสรรค์ แอนด์ พรรษิษฐ์ สถาปัตยกรรม ที่สยามฯ ซอย 3 นั้น ก็ยังมีลูกค้าโทรเข้าที่โทรศัพท์มือถือของเขา เพื่อขอข้อมูลคอนโดมีเนียมที่พัทยาซึ่งอยู่ระหว่างการเปิดขาย

“เบอร์มือถือผมก็เปิดสำหรับลูกค้าอยู่แล้ว เวลาโอนผมก็ไปเซ็นโอน ทำทุกอย่างละครับ”

หากถามถึงความรู้สึกต่อภาระหน้าที่แล้ว “พรรษิษฐ์” บอกว่า “ไม่เหนื่อย ไม่ท้อ แต่เบื่อนิดหน่อย ถ้าเบื่อก็เขียนหนังสือ เขียนหนังสือถือเป็นการ Relax ของผม”

กำลังใจสำหรับเขาทุกวันนี้ คือต้องการบรรลุเป้าหมายส่งมอบโครงการให้ลูกค้าได้หมด และที่สำคัญคือกำลังใจจากที่เห็นความยิ่งใหญ่ในความเป็นสถาปนิกและนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของ “รังสรรค์ ต่อสุวรรณ” ที่ “พรรษิษฐ์” บอกว่า “คุณพ่อไม่ใช่เป็นเพียงแค่สถาปนิก ออกแบบอาคารตามที่เจ้าของต้องการเท่านั้น แต่เป็น นักพัฒนาที่คิดกว้างและไกลให้หลายโครงการ ถือเป็น Inventor ที่แท้จริง”

สำหรับ “พรรษิษฐ์” แล้วอาจไม่ได้ตั้งเป้าหมายเทียบชั้นเป็น Inventor แต่เขาไม่ได้วาง Positioning ตัวเองเป็นเพียงสถาปนิกเท่านั้น แต่ขอเป็นนักพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ ที่แม้จะไม่ได้มีบิ๊กโปรเจกต์ แต่ยืนยันว่าความซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา จะเป็นจุดขายของโครงการภายใต้บริษัทของเขา

เกือบ 2 ชั่วโมงกับการสนทนากับ “พรรษิษฐ์” ไม่เพียงคำพูดที่สามารถนำมาร้อยเรียงเป็นตัวอักษรเท่านั้น แต่ความรู้สึกที่ได้กลับออกมา คือความชัดเจนจากท่าที และคำพูดที่ตรงไปตรงมา ทำให้บอกได้ว่า “พรรษิษฐ์” เข้าถึงได้ไม่ยาก หากใครอยากรู้จักเขา

Profile

Name : พรรษิษฐ์ ต่อสุวรรณ
Age : 36 ปี
Education :
พ.ศ. 2538 สถาปัตยกรรมศาสตรบัณฑิต New Jersey Institute of Technology (NJIT) สหรัฐอเมริกา
พ.ศ. 2541 สถาปัตยกรรมศาสตรมหาบัณฑิต University of Michigan, Ann Arbor, สหรัฐอเมริกา
พ.ศ. 2545 ศิลปศาสตรบัณฑิต (รัฐศาสตร์) มหาวิทยาลัยรามคำแหง
Career Highlights :
พ.ศ. 2541-2543 อาจารย์ประจำ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัย อัสสัมชัญ (เอแบค)
พ.ศ. 2542-2547 อาจารย์พิเศษ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
พ.ศ. 2544-2547 กรรมการผู้จัดการ บริษัทบางกอกเอ็กโซติก 2544 จำกัด
พ.ศ. 2541 – ปัจจุบัน กรรมการผู้จัดการ บริษัท รังสรรค์ แอนด์ พรรษิษฐ์ สถาปัตยกรรม จำกัด
พ.ศ. 2549-ปัจจุบัน กรรมการบริษัท และกรรมการนิติบุคคลอาคารชุด บริษัทสกายบีช คอนโดมีเนียม จำกัด
Status : สมรส ภรรยา : สรชา สัมพัสนีธำรง
Lifeltyle : ใช้เวลาว่างเขียนหนังสือ หรืออ่านหนังสือที่ร้านกาแฟ