สองศึกเบียร์ในชายคาเดียวกัน

จะด้วยเหตุบังเอิญหรือตั้งใจ เบียร์ 2 แบรนด์ ดันมาจัดกิจกรรมในสถานที่เดียวกัน บริเวณไทยเอเชีย แปซิฟิค บริวเวอรี่ ระหว่างน้องรองสามขวบปีอย่าง ”ไทเกอร์” และพี่ใหญ่สิบกว่าขวบอย่าง ”ไฮเนเก้น” ลุยกิจกรรมการตลาดอย่างคึกคัก เรียกว่าชนกันอย่างจังแบบไม่เกรงศักดิ์ศรี

“ไทเกอร์” อาศัย ”Art & Music Party” เชื่อมแบรนด์กับผู้บริโภค ให้ดูสนุกสนานกับแบรนด์ยุคใหม่ ภายใต้โครงการ ”Tiger Translate Thailand” โดยอาศัย 6 กลุ่มศิลปินไทยที่เป็น Idol ของคนรุ่นใหม่และประสบความสำเร็จในแนวทางของตัวเอง มาสร้างสรรค์ ”อินดี้ปาร์ตี้” จำนวน 6 ธีม อาทิ “Graffiti Party” โดย “Muse” “The Art of Motorcycle Party” โดย ”สุกี้” แห่งเบเกอรี่มิวสิก ฯลฯ เพื่อสะท้อนกลุ่มเป้าหมาย ”แนวๆ” จากทุกวงการที่มี ”Identity และ Passion” ในการใช้ชีวิต ไม่เดินตามกระแส

งานปาร์ตี้ ธีมนี้จะมีการประกวด ”วงดนตรีผับ” ที่ผ่านการคัดเลือก 10-15 วง ต่อ 1 ปาร์ตี้ เพื่อเฟ้นหามือหนึ่งไปโชว์เก๋าในผับที่ดีที่สุดของอังกฤษ และมีโอกาสร่วมงานเทศกาลดนตรีและศิลปะ “Tiger Translate 2008’s Global Showcase” ณ กรุงลอนดอน ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Bring Asian Passion to the World” โดยปาร์ตี้ดังกล่าวจะจัดที่กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต และโคราช

ในขณะที่พี่ใหญ่ไฮเนเก้น มุ่งสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า ( Experiential Marketing) ด้วยกิจกรรม ”พรีเมียม” เพื่อตอกย้ำ Positioning ของแบรนด์ ล่าสุด กับการเป็นสปอนเซอร์การแข่งขันกอล์ฟระดับโลก “The Royal Trophy 2008” ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนมกราคม 2551 โดยทุ่มงบ 240 ล้านบาทเพื่อส่งเสริมกิจกรรมและโปรโมชั่นที่จะเกิดขึ้นภายใต้ธีมดังกล่าว ในชื่อแคมเปญ “Heineken’s Road to the Royal Trophy”

พร้อมด้วยกิจกรรมพิเศษใหม่ตั้งแต่เดือน ต.ค.-ธ.ค. สำหรับ “Par73 Party by Heineken” ซึ่งเป็นบริการจัดแข่งกอล์ฟแบบ Exclusive สำหรับก๊วนกอล์ฟมือสมัครเล่น ด้วยมาตรฐานสากล ตั้งแต่ เจ้าหน้าที่ต้อนรับ การจัดโปรเพื่อให้คำปรึกษา เจ้าหน้าที่นับคะแนนและแสดงผลการแข่งขัน พริตตี้คอยบริการเสิร์ฟเบียร์ในงาน ช่างภาพ เบียร์ไฮเนเก้น 144 กระป๋อง เบียร์สด 3 ถัง ตลอดจนโฆษกของงาน โดยสิ่งที่เป็นไฮไลต์ คือ การจัด ”ปาร์ตี้” หลังจบการแข่งขัน พร้อมแจกของรางวัลต่างๆ ในอัตราค่าบริการเพียงครั้งละ 20,000 บาท

นอกจากนี้ยังมีการจัดแข่งขันกอล์ฟมือสมัครเล่น ”Heineken Trophy 2007” ด้วยการคัดเลือก 6 ผู้เล่นที่มีคะแนนสูงสุดไปใช้ชีวิตแบบ ”Superstar” ประหนึ่งโปรกอล์ฟระดับโลก อาทิ เข้าพักโรงแรมและออกรอบกับโปรกอล์ฟที่เข้าแข่งขันThe Royal Trophy มีรถลีมูซีนส่วนตัวรับ-ส่ง ได้รับถุงกอล์ฟ The Royal Trophy ซึ่งปักชื่อของนักกอล์ฟเอง และได้ร่วมงานกาลาดินเนอร์สุดพิเศษกับนักกอล์ฟระดับโลก เป็นต้น

ศึกเบียร์ช่วงร้อนระอุจริงๆ แค่วัดกันด้วยอีเวนต์ก็น่าสนใจแล้ว…

1. สัดส่วนตลาดเบียร์ในไทยปี 2550 : Premium 6.8% (7,200 ล้านบาท) Standard 10% (10,700 ล้านบาท) Economy 83.2% (77,600 ล้านบาท)
2. Premium Beer : ไฮเนเก้น 95% อาซาฮี 2% ซาน มิเกล 2% คลอสเตอร์ 1% อื่นๆ 1%
3. Standard Beer : สิงห์ 94% ไทเกอร์ 4% ช้างไลท์ 1% บลูไอซ์ 1%
4. Economy Beer : ช้าง 42% ลีโอ 42% อาชา 14% อื่นๆ 2%

Did you know?

สถิติตัวเลขพฤติกรรมการดื่มเบียร์พบว่า 77% ของการดื่มเบียร์ในเมืองไทย คือการ ”ดื่มตามบ้าน”