อดิศร เสริมชัยวงศ์ แบงก์ ยิ่งแข่งดุ ก็ยิ่งหอมหวาน

จากวิศวกร มาเป็นผู้บริหารเงินให้นักลงทุน ด้วยพอร์ตมูลค่าสูงสุดถึง 3 แสนล้านบาท จนมาอยู่ในตำแหน่ง ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สายผลิตภัณฑ์เงินฝากและการลงทุน ธนาคารไทยพาณิชย์ แม้“อดิศร เสริมชัยวงศ์” จะบอกว่า นาทีนี้กับหน้าที่ใหม่ในการทำตลาดลูกค้าแบงก์ ที่เขายังอยู่ในช่วงการเรียนรู้ ฝีมืออยู่ในขั้นอนุบาลเท่านั้น แต่นับจากนี้อาจต้องตามติด “อดิศร” กับความเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและมีสีสันของการออกผลิตภัณฑ์ และการทำตลาดกับลูกค้าบุคคลของแบงก์ใบโพธิ์แบบตาไม่กะพริบ

ยิ่งไปกว่านั้น จากความคิดในเชิงบวกของ “อดิศร” ที่ไม่ได้มองโจทย์เป็นปัญหา แต่คือความท้าทายที่ต้องทำให้ได้ และชื่นชอบกับความสำเร็จที่ได้มาด้วยความยากลำบาก เพื่อสัมผัสความรู้สึกชัยชนะที่สะใจในแบบที่ “อดิศร” เรียกว่า Sweet Victory นับจากนี้จึงชัดเจนว่าธุรกิจแบงก์จะแข่งขันกันอย่างคึกคักแน่นอน

สำหรับในแวดวงธุรกิจการเงินแล้วไม่มีใครไม่รู้จัก “อดิศร” เพราะผลงานการสร้างบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนไทยพาณิชย์ ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรง และความยากในการทำธุรกิจของ บลจ. เพราะลูกค้าหมดความเชื่อมั่นกับ บลจ.หลังวิกฤตเศรษฐกิจ แต่ บลจ.ไทยพาณิชย์ โดย “อดิศร” ได้แก้จุดอ่อน กล้าบุกแม้จะเป็นผู้ตามในตลาดด้วยมาร์เก็ตแชร์อันดับท้ายๆ จนเป็นผู้นำตลาดติดลมบนเป็นเบอร์ 1 มีมูลค่าสินทรัพย์ในพอร์ตจาก 1.2 หมื่นล้านบาท และเพิ่มเป็น 3 แสนล้านบาทภายใน 5 ปี

“มุมมองของผมแตกต่างจากคนอื่น ผมไม่ค่อยกลัวปัญหา อย่างมากผมก็กลับไปอยู่บ้าน ทำแล้วไม่รอดก็หาอย่างอื่นทำ เวลาเจอปัญหา ถ้าพลิกกลับมาได้มันสะใจ ฝรั่งบอกว่าหวานกว่าธรรมดา Sweet Victory สำหรับผมถ้ามาแล้วอุปสรรคเต็มไปหมด แล้วมีแต่คนยอม แต่ผมทำได้ สะใจมั้ย …ผมชอบทำแบบนี้”

นี่คือ Sweet Victory ที่เขาได้สัมผัสมาแล้ว และกลายเป็นจุดเริ่มต้นใหม่อีกครั้งสำหรับเขาในแบงก์ไทยพาณิชย์

แต่กว่าจะได้รสชาติความสะใจนี้ “อดิศร” ต้องผ่านประสบการณ์ ค้นหาความชอบที่แท้จริง ซึ่งเขาพบว่าอยากเป็นที่ปรึกษาการลงทุนมากกว่าเป็นวิศวกร อดิศรจึงเลือกทิ้งธุรกิจรับเหมาก่อสร้างของตัวเอง เพื่อบินไปทำงานที่สิงคโปร์ บวกกับความบังเอิญที่เขาบอกว่าเลือกเรียนที่ “ศศินทร์” เพราะอยากได้ความรู้ด้านการเงินและบัญชี เพื่อต่อยอดธุรกิจส่วนตัว จนได้เห็นโลกกว้างที่ Kellogg Business School และได้คอนเนกชั่นที่ดี นำเขาสู่เส้นทางที่ปรึกษาการลงทุน

เริ่มงานแรกที่สวยหรูที่ GIC สิงคโปร์ และเป็นที่จับตาเมื่อบุกตลาดให้กับ บลจ.บีโอเอ และสร้าง บลจ.ไทยพาณิชย์จนสำเร็จ

ประสบการณ์ใน บลจ.กลายเป็นจุดแข็งของ “อดิศร” ที่เติมเต็มตำแหน่งปัจจุบัน ที่แม้เขาจะไม่เคยทำตลาด Mass ในธุรกิจการเงินมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์การออม หรือประกัน แต่การแข่งขันของแบงก์ไม่ใช่แค่การฝากเงินเท่านั้น แต่มีการออมในรูปแบบการลงทุนที่หลากหลาย ประสบการณ์จากการวางแผนการเงินให้ลูกค้าจำนวนมาก ทำให้รู้ว่า Product ไหนเหมาะที่จะสนองตอบลูกค้าที่มีความต้องการซับซ้อนมากขึ้น เมื่อบวกกับประสบการณ์ของผู้บริหารที่เชี่ยวชาญการตลาดอย่าง “กรรณิกา ชลิตอาภรณ์” กรรมการผู้จัดการใหญ่ “อดิศร” จึงมาถูกที่ ถูกเวลา

แต่ถึงอย่างไรหน้าที่ใหม่นี้ “อดิศร” ย้ำว่า นี่ไม่ใช่ Promotion เพราะจากธุรกิจ บลจ.ที่ดูในเชิงลึก ทุกมิติของธุรกิจนั้น แต่หน้าที่ใหม่เขาต้องเริ่มเรียนรู้ คือเรื่องการตลาด การพัฒนา Product ให้ลูกค้าบุคคล กลุ่ม Mass เน้นขยายฐานลูกค้าที่เขายึดคือในแบบ Customer Centric หรือมองเชิงยุทธศาสตร์ที่เริ่มต้นจากตัวลูกค้า แบ่งตาม Need ของลูกค้า สิ่งที่อยากสร้างให้ลูกค้าคือความมั่นคงทางการเงิน และให้ผลตอบแทนที่ดี ตอบโจทย์ในชีวิตของลูกค้า ให้เขาออมเงิน และบรรลุถึงเป้าหมายในชีวิต

ยุทธ์ศาสตร์นี้ฟังดูคุ้นๆ เพราะเวลานี้ไม่ว่าสินค้าอุปโภคบริโภคหรือแบงก์ ต่างก็ใช้กลยุทธ์ Customer Centric เป็นตัวตั้งทั้งนั้น

นี่คือสิ่งที่ “อดิศร” บอกว่าเป็น Strategy ที่ใครๆ ก็คิดได้ แต่ความต่างอยู่ที่ Implementation

”อดิศร” ยกตัวอย่าง วิธี Implementation ของธนาคารไทยพาณิชย์ ว่า จะไม่ใช้วิธีเรียกลูกค้ามานั่งวางแผนการเงิน แต่ให้ลูกค้ามาพบกับผลิตภัณฑ์ของแบงก์ในรูปแบบที่เขาบอกว่าเป็นการพยายามยัดเยียดแบบง่ายๆ และใช้เทคนิคการตลาด เพื่อสร้างความคุ้นเคยแล้วตามด้วยการเรียนรู้ แม้กระทั่งโฆษณาทางทีวี ที่หลายคนจำไทยพาณิชย์ได้อย่างดี ก็เพราะความชัดเจนว่า ขายของ และสร้างแบรนด์ คู่กันไป

แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าลูกค้าต้องการอะไร คำตอบจาก “อดิศร” คือ ส่วนหนึ่งมาจากความเป็นตัวตนของเขาเอง

“ผมไม่ค่อยเก่ง ผมก็ชอบทำอะไรง่ายๆ คนเก่งเขาอยากทำอะไรยากๆ ก็ปล่อยเขาทำไป เราไม่ค่อยเก่ง เราก็เริ่มต้นทำแบบง่ายๆ ทำแบบที่เราเข้าใจ พอไปคุยกับพ่อแม่พี่น้อง เขาเข้าใจว่าทำอะไร ถ้าคุยแล้วเขาไม่เข้าใจ ก็ไม่ต้องไปขายชาวบ้านแล้ว”

นี่คือตัวอย่างหนึ่งในหลากหลายกลยุทธ์ที่จะทำให้เขาเชื่อมั่นว่าพอร์ตด้านการออม และการลงทุนกลุ่มลูกค้าบุคคลของแบงก์ไทยพาณิชย์เพิ่มขึ้นเท่าตัว เหมือนอย่างที่เขาเคยทำสถิติให้กับ บลจ.มาแล้ว

ในยุคที่ธุรกิจการเงินเปลี่ยนแปลง เต็มไปด้วยสีสันการตลาด เพราะการแข่งขันที่รุนแรง แต่ไม่ว่าจะมีสีสันมากเพียงใด สำหรับนายแบงก์ทุกคนแล้วต่างรู้ดีว่า ไม่มีลูกค้าคนไหนต้องการนำเงินของตัวเองไป “เสี่ยง” เพราะเพียงแค่ “สีสัน” เป็นตัวหลอกล่อเท่านั้น

คำตอบของแบงก์ไทยพาณิชย์จึงลงตัวที่นักบริหารจัดการลงทุนอย่าง “อดิศร เสริมชัยวงศ์” และสำหรับเขาคือการตามหารสชาติของ Sweet Victory อีกครั้ง

Profile:

Name : อดิศร เสริมชัยวงศ์
Age : 42 ปี (Bron : 30 มีนาคม 2509)
Education :
– มัธยมศึกษาตอนปลาย Broadrick Secondary School ประเทศสิงคโปร์
– ปริญญาตรี วิศวกรรมเครื่องกล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
– ปริญญาโท บริหารธุรกิจ สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์
Career Highlights :
– ปี 2533 หลังจบปริญญาตรีเริ่มงานในสายอาชีพวิศวกร ที่บริษัท บี.กริม เอ็นจิเนียริ่ง ซิสเต็มส์ และธนบุรีออโต้โมทิฟ แอสแซม บลีแพลน ขณะเดียวกัน เริ่มตั้งบริษัททำธุรกิจก่อสร้างเอง
– ปี 2537-2543 Investment Manager ที่ Government of Singapore Investment Corporation
– ปี 2543-2545 หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.บีโอเอ จำกัด
– ปี 2545-2550 กรรมการผู้อำนวยการ บลจ.ไทยพาณิชย์ จำกัด
– มกราคม 2551-ปัจจุบัน ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สายผลิตภัณฑ์เงินฝาก และการลงทุน ธนาคารไทยพาณิชย์
หลักและวิธีการทำงาน : ไม่ยึดติด พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง มองปัญหาเป็นเรื่องปกติ เดินเข้าหาพื้นที่ พูดคุยกับผู้บริหารและพนักงานสาขา
Status : สมรส (มีบุตรชาย 2 คน)
Lifestyle :
– ทำกิจกรรมหลากหลาย ที่ชื่นชอบปัจจุบัน คือการขับขี่มอเตอร์ไซค์ท่องเที่ยว ถ่ายภาพสถานที่ต่างๆ , ดำน้ำ, ตีกอล์ฟ
– สะสมนาฬิกา
– เรียนรู้หาประสบการณ์ในโลกอินเทอร์เน็ต ปัจจุบันใช้ Facebook

ชีวิตที่อิสระ

“อดิศร เสริมชัยวงศ์” ที่ดูมาดเข้ม ค่อนข้างขรึม ตามสไตล์นักการเงินทั่วไป ตรงกันข้ามกับความสุขส่วนตัว ที่มาจากไลฟ์สไตล์อันหลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อยู่บนมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู คู่ใจที่นำพาเขาท่องเที่ยวไปทั่วเมืองไทยแล้ว ความสุขและอิสระแบบนี้เองที่นักการเงินอย่างอดิศร บอกว่า เป็นความสุขหาไม่ได้ง่ายๆ ที่เขาเพิ่งค้นพบมาได้เพียงแค่ปีเดียว

เป็นเวลาปีเศษที่ “อดิศร” ได้ใช้พาหนะนี้ท่องเที่ยวพร้อมกับภรรยาในบางครั้ง ทำให้ “อดิศร” แนะนำหลายๆ คนว่า เมืองไทยยังมีที่เที่ยวอีกมาก ที่เพิ่งไปมาเมื่อ 3-4 เดือนก่อน คือเชียงคาน จังหวัดเลย ทานอาหารริมน้ำ เลาะเรียบตามแม่น้ำโขง จนถึงหนองคาย ในระยะทางประมาณ 100 กิโลเมตร ทำให้เขาได้ภาพสวยๆ มากมาย และที่ภูทับเบิก จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เขาภูมิใจนำเสนอ หรือไกลไปถึงข้ามชายแดนไปถึงหลวงพระบาง ที่เขาได้สัมผัสทะเลหมอก

หรือแม้กระทั่งความรู้สึกผ่านน้ำเสียงที่บอกเล่าว่าเสียดายที่ไม่ได้ร่วมก๊วนกับเพื่อนที่เพิ่งโทรมาบอกเขาว่า กำลังจะข้ามชายแดนลาว และอีก 200 กิโลเมตร จะเข้าประเทศจีน

และถึงแม้จะมีเวลาน้อย เพียงครึ่งวัน เขาก็สามารถไปกับพาหนะคู่ใจไปถึงเขื่อนศรีนครินทร์ จังหวัดกาญจนบุรีได้

หากใครอยากรู้ว่าเขาไปที่ไหนมาบ้าง สามารถดูภาพถ่ายสถานที่ต่างๆ ของเขาได้ผ่าน Facebook ที่เขาใช้มาแล้ว 3-4 เดือน ที่เขาใช้ Share ภาพสวยๆ กับเพื่อนได้แล้ว ยังทำให้เขาเกาะติดเทรนด์ใหม่ๆ ได้

เป็นประสบการณ์ใหม่ๆ ที่อดิศรบอกว่า ต้องออกไปหา และสัมผัส เพราะจะอยู่นิ่งๆ หรือเฉยๆ อยู่กับตัวเอง ไม่ตามเทรนด์ ทำมาร์เก็ตติ้งไม่ได้