6 หลักจิตวิทยาง่ายๆ ที่จะช่วยให้การตลาดของคุณเปรี้ยงกว่าที่เคย

การที่จะประสบความสำเร็จในการทำการตลาดนั้น นอกจากความสามารถในการอธิบายความน่าใช้ของโปรดักส์และหาเหตุผลมาสนับสนุนแล้ว ลูกค้าของคุณต้องการฟังว่าสินค้าชิ้นนั้นจะมีส่วนช่วยแก้ปัญหาในชีวิตหรือทำให้ชีวิตง่ายขึ้นอย่างไร การบอกถึงสิ่งที่สินค้าจะมอบให้กับลูกค้าจะช่วยให้ลูกค้าสนใจและตัดสินใจซื้อในที่สุด

มอบโปรโมชั่นที่ดีแต่ไม่หลากหลายจนเกินไป

การมอบโปรโมชั่นที่มีตัวเลือกมากเกินไปจะทำให้ลูกค้ามีช่องในการปฏิเสธการซื้อมากยิ่งขึ้น หากคุณมอบโปรโมชั่นที่มีตัวเลือกเพียง 2-3 รูปแบบ ลูกค้าจะพิจารณาได้ง่ายกว่ากว่าโปรโมชั่นใดที่เหมาะกับตนเองมากที่สุด แต่หากคุณมีตัวเลือกที่เยอะจริงๆ เกินกว่าสิบแพ็คเกจ ลองสอบถามข้อมูลพื้นฐานของลูกค้าคร่าวๆ เพื่อแนะนำสินค้าและบริการที่ตรงความต้องการของลูกค้าที่สุดก็ได้

ไม่ว่าคุณจะมีสินค้ามากมายหลากหลายเพียงใดในมือ จงนำเสนอเฉพาะสินค้าที่จะมอบประโยชน์ให้กับลูกค้าเท่านั้น การปรับข้อเสนอที่เหมาะสมกับความต้องการและความสนใจของลูกค้าจะทำยอดขายได้มากกว่า และเมื่อลูกค้าเห็นว่าสินค้าของเรามีประโยชน์ เขาก็อาจถามถึงสินค้าอื่นๆ ตาอไปอีก ก็ยิ่งจะช่วยให้ยอดขายพุ่งขึ้นได้อีกทาง

เอาใจลูกค้ามาใส่ใจเรา

การจะเป็นนักการตลาดที่ดีได้ คุณจะต้องสร้างความเชื่อมโยงกับลูกค้าของตัวเองให้ได้ก่อนเป็นอันดับแรก แม้จะดูเป็นเรื่องผิวเผิน แต่การเลือกใช้คำพูดในการสื่อสาร ก็สามารถช่วยให้ลูกค้าเชื่อว่าคุณคิดเห็นเช่นเดียวกับพวกเขาหรือเข้าใจสถานการณ์ที่พวกเขาพบเจอ

แล้วเราจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร? ง่ายๆ เพียงเปลี่ยนให้ลูกค้ากลายมาเป็นนักการตลาดของเรา ด้วยการโชว์รีวิวดีๆ ที่ลูกค้าเขียนให้ไว้ในเว็บไซต์ กรณีศึกษาหนึ่งพบว่า สินค้าที่มีรีวิวยืนยันมากกว่า 10 รีวิวจะมีอัตรา Conversion Rate สูงกว่าสินค้าที่มีรีวิวน้อยกว่า 9 รีวิวถึง 74% จึงพูดง่ายๆ ได้ว่า หากคุณไม่ใช้รีวิวจากลูกค้า คุณจะทำยอดขายได้ไม่ดีเท่าคู่แข่งแน่นอน รีวิวความประทับใจจากผู้ใช้จริงจะช่วยดึงดูดลูกค้าใหม่ๆ และยังช่วยสร้างการบอกต่ออีกทางหนึ่งด้วย

พูดคำง่ายๆ

การใช้คำพูดในการสื่อสารหรือโฆษณาของคุณจะต้องอยู่ในระดับที่กลุ่มลูกค้าของคุณฟังเข้าใจ หากคำอธิบายสินค้าว่าดีอย่างไรเหมาะสมกับชีวิตลูกค้าอย่างไรกลายเป็นสิ่งที่ลูกค้าไม่เข้าใจ คุณจะเสียลูกค้าไปตั้งแต่การทักทายคำแรก และจะไม่สามารถเรียกลูกค้ากลับคือมาได้อีก

ปรับแต่งข้อความในพรีเซนเทชั่นหรือโฆษณาที่คุณใช้สื่อสารให้เหมาะกับกลุ่มผู้ฟัง แม้คุณจะต้องทำพรีเซนท์หรือโฆษณาหลายชุด ก็ถือเป็นสิ่งจำเป็น ยิ่งลูกค้าเข้าใจคำพูดเราได้ง่ายมากเท่าไหร่ ลูกค้าก็ยิ่งเปิดเราสินค้าของเราได้มากเท่านั้น

รับฟังคำติชมเสมอ

ในฐานะนักการตลาด เราควรรับฟังคำติชมที่มีเข้ามาอยู่เสมอ เพราะการได้รับรู้ความรู้สึกของลูกค้าที่มีต่อวิธีการนำเสนอสินค้าของเราเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง การทำแบบสำรวจว่าลูกค้าจะแนะนำสินค้าเราให้เพื่อนใช้หรือไม่ จะกลับมาซื้อสินค้าซ้ำหรือไม่ และภาพรวมความรู้สึกที่มีต่อการนำเสนอสินค้าเป็นอย่างไร ถือเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการมองหาฟีดแบค

เมื่อได้รับฟีดแบค สิ่งสำคัญอีกสิ่งที่จำเป็นต้องทำก็คือการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้มา โดยเฉพาะอัตราการซื้อสินค้าหรือ Conversion Rate หากตัวเลขส่วนนี้ยังตำ่กว่า 70% ลองปรับกลยุทธ์แล้วหาทางทำการตลาดสินค้าเดิมอีกครั้ง

ให้ความสำคัญกับประโยชน์ของสินค้าและบริการ

ผู้บริโภคต้องการรู้ว่าสินค้าและบริการของคุณนั้นจะสร้างประโยชน์ให้พวกเขาอย่างไรได้บ้าง สื่อสารด้วยการบอกกับลูกค้าว่าสินค้าของคุณจะช่วยให้ชีวิตเขาดีขึ้นอย่างไร เช่น หากคุณขายที่ชาร์จแบ็ตพลังงานแสงอาทิตย์แบบพกพา คุณก็ต้องอธิบายให้ลูกค้าฟังว่าการที่ไม่ต้องหาที่ชาร์จจากไฟบ้านหรือในรถยนต์นั้นมีดีอย่างไรและสะดวกตรงไหน

มอบส่วนลดให้กับลูกค้าที่ซื้อครั้งแรก

ลูกค้ามักจะตัดสินใจซื้อสินค้าเมื่อมีการให้ส่วนลดหรือโค้ดรับส่วนลด การยอมควักเงินเต็มจำนวนลองซื้อสินค้าที่ตนเองไม่คุ้นเคยนั้นถือเป็นความเสี่ยง และหลายคนก็มักไม่อยากเสี่ยงนัก ดังนั้น การมอบส่วนลด ราคาพิเศษสำหรับช่วงแนะนำ หรือส่วนลดสำหรับการซื้อครั้งแรก จะช่วยให้ Conversion Rate สูงขึ้นได้

บทสรุป

การพัฒนาตนเองเพื่อเป็นนักการตลาดที่ดีนั้นต้องอาศัยเวลา ความอดทน และการทุ่มเท คุณอาจต้องพบกับการปฏิเสธและความผิดหวังนับครั้งไม่ถ้วนก่อนที่จะค้นพบแนวทางที่เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าของคุณ การใช้เทคนิคด้านจิตวิทยามาช่วยในการทำการตลาดอาจช่วยให้คุณประสบปลสำเร็จได้ง่ายขึ้น เพราะความประทับใจที่ลูกค้ามีต่อแบรนด์นั้นมาจากสิ่งที่พวกเขาได้ยิน ได้เห็น และได้อ่านทั้งสิ้น

ที่มา http://www.forbes.com/sites/ajagrawal/2016/05/14/6-psychology-hacks-you-need-to-know-to-be-a-better-marketer/
เครดิตภาพ http://www.elcomcms.com/Images/UserUploadedImages/870/thinking.jpg