ไตรมาสแรก “ช่อง 3” ติดลบ 10% “ไร้สรยุทธ-โฆษณาหด-ต้นทุนพุ่ง”

นายสุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธุ์ รองกรรมการผู้จัดการและผู้ปฏิบัติการแทนรักษาการกรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด [แฟ้มภาพ]

ผู้จัดการรายวัน 360 – สื่อทีวีดิ่งลงคลอง เหตุเศรษฐกิจแย่ การแข่งขันสูง ราคาคอนเทนต์พุ่ง เม็ดเงินโฆษณาส่อติดลบ “ช่อง 3” กรำศึกปรับทัพรับมือ ยอมรับไตรมาสหนึ่งไร้เงา “สรยุทธ” ทำรายได้ติดลบ 10% มองคอนเทนต์ดีไม่จำเป็นต้องมีครบ ล่าสุดคว้าฟุตบอลยูโรถ่ายสดครบ 51 แมตช์ ทำใจไม่เน้นกำไร หวังได้ใจคนดู

นายสุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธุ์ รองกรรมการผู้จัดการและผู้ปฏิบัติการแทนรักษาการกรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด ผู้บริหารสถานีวิทยุโทรทัศน์ ไทยทีวีสีช่อง 3 เปิดเผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมทีวีดิจิตอลในปีนี้มองว่าจะอยู่ในภาวะขาดทุนอีกปี เนื่องจากเศรษฐกิจยังไม่ดี เม็ดเงินโฆษณาจึงแย่ตาม บวกกับต้นทุนการดำเนินงานยังสูงอยู่ และแต่ละช่องพร้อมปล่อยคอนเทนต์หลักมาแข่งขัน ทำให้ฐานผู้ชมไม่นิ่งขยับไปมา เรตติ้งจึงขยับขึ้นๆ ลงๆ ทำให้ภาพรวมเม็ดเงินโฆษณาในสื่อทีวีดิจิตอลช่วง 4 เดือนแรกติดลบ 10% และแอนะล็อกติดลบ 13% ส่งผลให้ภาพรวมโฆษณาติดลบ 8-9%

ส่วน “ช่อง3” ในช่วงไตรมาสหนึ่งรายได้ติดลบ 10% มาจากหลายส่วน เช่น 1. รายได้ของรายการข่าวในช่วงของ “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” ที่หายไปมีผลกระทบบ้าง ทำให้เรตติ้งจากเดิมอยู่ระดับ 2 ลดมาเป็น 1.3 โดยฐานแฟนพันธุ์แท้ “สรยุทธ” ที่หายไปราว 0.5 นั้นไม่ได้ไปปรากฏที่ช่องอื่น จึงน่าจะเกิดจากผู้ชมหายไปจากหน้าจอมากกว่าจะไปดูที่ช่องอื่นแทน 2. สภาพเศรษฐกิจในไตรมาสหนึ่งไม่ดี เป็นธรรมชาติของตลาดที่ในไตรมาสสองน่าจะดีขึ้น แต่อาจจะไม่เท่ากับช่วงเดียวกันของปีก่อน 3. ต้นทุนสูงขึ้น มีค่าใช้จ่ายมากขึ้นแต่คอนเทนต์และเรตโฆษณายังเท่าเดิมไม่สามารถปรับได้ และ4. ผังรายการมีการปรับอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะละครเย็นปรับจาก 1.30 ชม.มาเป็น 45 นาที

1_ch3

ภาพจากอินเทอร์เน็ต

“ในช่วงไตรมาสสองรายได้น่าจะดีขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากการคว้าสิทธิ์การถ่ายทอดสด EURO 2016 ครบ 51 แมตช์ตลอดการแข่งขันมาออกอากาศทั้ง 3 ช่อง คือ 3HD, 3SD และช่อง 3 แฟมิลี่ ซึ่งจะมีการถ่ายทอดสดในช่วงไตรมาสสองหลายคู่ทำให้มีรายได้เพิ่ม”

การคว้าสิทธิ์การถ่ายทอดสด EURO 2016 ครบ 51 แมตช์ตลอดการแข่งขันมาออกอากาศในครั้งนี้ เดิมวางไว้ที่ 20 แมตช์ แต่จากการเรียกร้องเข้ามาของผู้ชม บริษัทฯ จึงตัดสินใจเจรจาขอซื้อสิทธิ์ต่อจาก “ซีทีเอช” มาครบทั้ง 51 แมตช์ โดย 20 แมตช์แรกนั้นได้มีการขายสปอนเซอร์เรียบร้อยแล้ว แม้ว่าจะทำรายได้ขาดทุน แต่บริษัทฯ พร้อมที่จะนำเข้ามาให้ได้ชมทั้ง 51 แมตช์ ส่วนสำคัญเพื่อต้องการให้ผู้ชมได้รับชมอย่างเต็มที่และเป็นการสร้างภาพลักษณ์ให้แก่สถานีฯ

“การขายสปอนเซอร์ของ 31 แมตช์หลังนี้จะมีหลายราคาตามเวลาออกอากาศ เช่น 4แสนบาทต่อนาทีในช่วงเวลา 20.00 น. หรือ 2 แสนบาทต่อนาทีในช่วงเวลา 23.00 น. ถือเป็นราคาใกล้เคียงกับที่ขายในช่วงละครหลังข่าว ซึ่งในความจริงน่าจะขายได้สูงกว่านี้เพราะลิขสิทธิ์มีราคาแพง แต่เนื่องจากได้มาในช่วงเศรษฐกิจไม่ดีจึงวางราคาไว้เพียงเท่านี้ โดยลูกค้าส่วนใหญ่ที่ซื้อโฆษณายังเป็นรายเดิมที่ซื้อใน 20 แมตช์ก่อนหน้านั้น”

นายสุรินทร์กล่าวต่อว่า ภาพรวมด้านราคาโฆษณาของช่อง 3 ปีนี้ไม่สามารถปรับขึ้นได้จากสภาพเศรษฐกิจที่ไม่ดีและตัวเลือกที่มีเพิ่มขึ้นจากจำนวนช่องทีวีดิจิตอลที่มีมากขึ้น บวกกับแนวโน้มเรตติ้งที่ลดลงตามสถานการณ์การรับชมทีวีที่ลดลง ซึ่งปัจจุบันมีเพียงละครหลังข่าวช่วงไพรม์ไทม์เท่านั้นที่สามารถขายโฆษณาได้เต็ม แต่รายการอื่นก็ลดหลั่นกันลงมา ส่งผลให้รายได้ในปี 2559 อาจจะมีกำไรลดลง ส่วนช่อง 3SD และช่อง 3 แฟมิลี่จะดีขึ้นจากฐานรายได้ที่ต่ำของปีก่อน ขณะที่ภาพรวมอุตสาหกรรมโฆษณาสิ้นปีนี้เชื่อว่าติดลบแน่นอน และอุตสาหกรรมทีวีปีนี้ยังอยู่ในภาวะขาดทุนเป็นส่วนใหญ่

2_ch3

 

ที่มา : http://astv.mobi/AJsrdjA