เรียลลิตี้รีแบรนด์

แอลจี อีเลคทรอนิคส์ เปิดตัวเป็นเจ้าของเรียลลิตี้ล่าสุดของวงการ ภายใต้ชื่อ แอลจี สตาร์ซ ทาเลนต์ โดยจับมือกับสถาบันดนตรีมีฟ้าของค่ายแกรมมี่ ให้เป็นผู้ฝึกสอนทักษะต่างๆ ทั้งร้องทั้งเต้นให้กับเด็กวัยรุ่นจำนวน 16 คนที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายจากผู้เข้าประกวดกว่า 4 พันคน ก่อนจะหาผู้ชนะ 5 คนที่เหลืออยู่ท้ายสุดไปออกเทปกับแกรมมี่ พร้อมกับเซ็นสัญญากับแอลจีเพื่อร่วมกับกิจกรรมการตลาดของแอลจีที่จะมีขึ้นต่อไปเป็นเวลาอีก 2 ปี

ไม่ใช่แค่เป็นสปอนเซอร์ แต่แอลจีทุ่มทุนตั้งแต่เข้าไปปรับเปลี่ยนสถาบันดนตรีมีฟ้าในซอยสุขุมวิท 39 ให้เป็น LG House ประกอบด้วยห้องซ้อมเต้น ที่มีชุดโฮมเธียเตอร์รุ่นล่าสุดของแอลจีพร้อมเครื่องเสียงตั้งไว้ให้ใช้งาน กับส่วนของห้องประชุมใหญ่ในสถาบันที่ถูกปรับเป็นห้องรับแขก ที่ตกแต่งใหม่ด้วยเครื่องใช้ไฟฟ้าจากแอลจี ตั้งแต่แอร์ เครื่องฟอกอากาศ ไมโครเวฟ ทีวี ไปจนถึงตู้เย็นไซด์บายไซด์ประดับคริสตัล และเครื่องซักผ้า แม้ว่าผู้ประกวดจะไม่ได้มานอนค้างในบ้านหลังนี้ก็ตามที

กลยุทธ์ของแอลจีครั้งนี้ นอกจากกลุ่มเด็กประกวดที่จะได้สัมผัสและทำความคุ้นเคยกับแบรนด์แอลจีอย่างใกล้ชิด ภาพของสินค้าเหล่านี้ก็จะถูกส่งผ่านไปยังสายตาผู้บริโภคผ่านรายการทีวีในช่วงเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคมนี้ ทั้งยังมีกลุ่มเด็กนักเรียนของมีฟ้าเป็นอีกกลุ่มที่จะได้สัมผัสและได้เรียนรู้ของแอลจีจากการแวะเวียนมาที่สถาบันแห่งนี้ด้วย

สตาร์ซ ทาเลนต์ เป็นกลยุทธ์สำคัญของแอลจี ที่ต้องการปรับเปลี่ยนโพสิชันนิ่งของแบรนด์ หลังจากเริ่มตระหนักว่า ปัญหาใหญ่ของแบรนด์แอลจีที่พบในเกือบทุกประเทศ คือการถูกมองเป็นแบรนด์ที่ Value for Money ซึ่งทำให้ทำกำไรยากมาก แอลจีจึงต้องการรีแบรนด์ใหม่เป็น Stylish Design and Smart Technology โดยได้ที่ปรึกษาด้านแบรนด์อย่าง Y&R มาเป็นที่ปรึกษา จากนั้นก็ให้แต่ละประเทศนำไปหาวิธีดำเนินงานที่เหมาะสมกับแต่ละประเทศ

ปัจจุบันมีเพียงตลาดอเมริกาแห่งเดียวที่ผู้ซื้อตอบรับแบรนด์แอลจีในแง่ของดีไซน์ แม้กระทั่งในยุโรปก็ยังอยู่ในช่วงเปลี่ยนแปลงเช่นกัน
สำหรับในภูมิภาคเอเชีย วู้ดดี้ นัม ประธานกรรมการบริหาร แอลจี อีเลคทรอนิคส์ ภูมิภาคเอเชีย บอกว่า แต่ละประเภทจะเลือกวิธีการที่เหมาะภายใต้เป้าหมายที่ถูกกำหนดไว้ การที่เมืองไทยเลือกใช้กลยุทธ์เอนเตอร์เทนเมนต์มาร์เก็ตติ้งมาเป็นคีย์ในการสร้างแบรนด์ครั้งนี้ เพราะเป็นกระแสที่ถูกจริตคนไทยที่สุด และทำให้แอลจีเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้โดยตรง

“ลูกค้าของแอลจี 60% อยู่ในวัย 20-45 ปี ซึ่งโดยทั่วไปคนส่วนใหญ่เริ่มรู้ว่าสินค้าแอลจีมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย แต่กลุ่มคนที่มีอายุมากมักจะมีแบรนด์ในใจอยู่แล้ว โดยเฉพาะแบรนด์ญี่ปุ่นที่ครองใจคนไทยมาก่อน แต่ถ้าเป็นเด็กรุ่นใหม่จะค่อนข้างเปิดกว้างและเปิดรับเรื่องเทคโนโลยีมากกว่า ซึ่งมีสิทธิ์ที่เขาจะมีแอลจีเข้าไปเป็นแบรนด์ในใจหรืออย่างน้อยก็เป็นตัวเลือกมากขึ้น”

งบการตลาด
ปี 2007 800 ล้านบาท
ปี 2008 1000 ล้านบาท*
*เฉพาะใช้งบสตาร์ซ ทาเลนต์ 60-70 ล้านบาท

เป้าหมายการเติบโตของการรับรู้แบรนด์
ปี 2007 45%
ปี 2008 55%

Did you know?

LG Techorator Program เป็นกลยุทธ์หนึ่งที่แอลจีใช้ในอเมริกา เป็นการให้ดีไซเนอร์ชื่อดังมาเป็นผู้แนะนำการเลือกซื้อสินค้าเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับดีไซน์บ้าน เช่น ควรซื้อพลาสม่าหรือแอลซีดี สีอะไร ใหญ่หรือเล็กแค่ไหน