สุคิยะ แตกไลน์เข้าสู่ตลาดขนม สู้ศึกอาหารญี่ปุ่นเข้าสู่ RED OCEAN

ตลาดอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทยยังคงได้เห็นการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยเทรนด์ของการท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นของคนไทยที่มีมากขึ้นทุกปี ทำให้วัฒนธรรมการกินอาหารญี่ปุ่นในไทยยังคงเป็นที่นิยม จึงได้เห็นว่าในปัจจุบันในประเทศไทยมีร้านอาหารญี่ปุ่นหลากหลาย และเทรนด์ก็มีการเปลี่ยนไปด้วย จากเดิมที่เป็นร้านทั่วไปแล้วรวมอาหารญี่ปุ่นทุกรูปแบบ แต่ในตอนนี้มีการแยกเซ็กเมนต์ชัดเจนขึ้น อย่าง ซูชิ, ราเม็ง, ข้าวหน้าต่างๆ และขนมหวาน ในปี 2558 ที่ผ่านมาตลาดรวมของธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นมีมูลค่ากว่า 22,000 ล้านบาท มีการเติบโต 10-15%

แต่ด้วยแบรนด์ และร้านค้าที่เยอะขึ้น การแข่งขันก็ดุเดือดขึ้นตามตลาดเช่นกัน ทำให้ผู้เล่นต่างต้องปรับตัวเพื่อรับกับสมรภูมินี้สุคิยะร้านข้าวหน้าเนื้อ (Gyudon) โดยบริษัท เซนโช (ไทยแลนด์) จำกัด ก็มีการปรับกลยุทธ์เช่นกัน ในการแตกไลน์สุคิฉะเคาน์เตอร์ของหวาน และเครื่องดื่มสไตล์ญี่ปุ่นเพิ่ม เพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น

1_sukiya

สุคิยะได้เริ่มเข้ามาทำตลาดในไทยตั้งแต่ปี 2554 ในช่วงนี้ถือว่าเป็นช่วงที่ร้านอาหารญี่ปุ่นกำลังบูม หลายคนรู้จักร้านสุคิยะจากประเทศญี่ปุ่นก็มีส่วนในการใช้บริการที่ประเทศไทย เพราะที่ญี่ปุ่นทางสุคิยะได้เคลมว่าตนเองเป็นร้านข้าวหน้าเนื้ออันดับหนึ่งโดยมีสาขาทั้งหมด 1,920 สาขา

การปรับกลยุทธ์ของสุคิยะครั้งนี้เรียกว่ามีนัยสำคัญอยู่พอสมควร เพราะเหมือนกับการบุกตลาด และสร้างแบรนด์ดอย่างเต็มสูบ สะท้อนให้เห็นถึงการแข่งขันและกระตุ้นตลาด นอกจากจะมีการแตกไลน์เคาน์เตอร์สุคิฉะแล้ว ทางผู้บริหารยังกระซิบบอกอีกว่าครั้งนี้เป็นการแถลงข่าวเจอนักข่าวครั้งแรกตั้งแต่ที่ทำตลาดมาเลยทีเดียว และได้เริ่มทำโปรโมชั่นอย่างการจับรางวัลให้กับผู้บริโภค รวมทั้งมีการรีโนเวตร้าน ปรับดีไซน์ให้ทันสมัยขึ้น

โนบุยาสุ วาทาดะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เซนโช (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่าจากตลาดที่บูมมากๆ ในหลายปีก่อน แต่ด้วยในช่วงปีที่ผ่านมานี้ตลาดค่อนข้างนิ่งๆ เพราะด้วยมีร้านอาหารเกิดขึ้นมากมายเป็นทางเลือกให้ผู้บริโภค ในศูนย์การค้าแห่งเดียวกันอาจจะมีร้านอาหารญี่ปุ่นด้วยกันถึง 10 แบรนด์ก็เป็นได้ มีคู่แข่งเยอะก็ต้องสร้างความแตกต่างให้ตัวเอง ทั้งการเพิ่มเมนู และต้องขยายสาขาให้ครอบคลุมความต้องการของผู้บริโภค

2_sukiya

คู่แข่งโดยตรงของสุคิยะก็คือโยชิโนย่าเป็นแบรนด์ข้าวหน้าเนื้อเช่นกัน อยู่ภายใต้การดูแลของ CRG ที่ตอนนี้มี 17 สาขา และได้จุดแข็งด้วยการขยายสาขาไปพร้อมกับห้างเซ็นทรัล ทำให้สุคิยะต้องทำการบ้านหนักพอสมควร นอกจากโยชิโนย่าแล้วยังมีคู่แข่งรองในตลาดก็คือร้านอาหารญี่ปุ่น เช่น โคโค่ อิฉิบันยะ, มารุกาเมะ เซเมง, เป็ปเปอร์ลันซ์และอื่นๆอีกมากมาย

3_sukiya

การแตกไลน์เพิ่มแบรนด์สุคิฉะเข้ามา เป็นการเติมพอร์ตขนมหวานและเครื่องดื่ม เป็นประเภทไอศกรีมและชาเขียวมัทฉะ แต่จะมีกิมมิกด้วยมีส่วนผสมของเยลลี่ผลไม้ ซึ่งตรงกับเทรนด์ของผู้บริโภคในยุคนี้ที่ยังคงชอบชาเขียว และชอบเครื่องดื่มที่เคี้ยวได้อย่างชานมไข่มุกอยู่

4_sukiya

แต่สุคิฉะยังไม่ได้มีอยู่ทุกสาขาที่สุคิยะเปิดให้บริการอยู่ ในตอนนี้สุคิยะมีทั้งหมด 12 สาขา เป็นในกรุงเทพฯ 10 สาขา และต่างจังหวัด 2 สาขา ตอนนี้มี 2 สาขาที่มีสุคิฉะคือ สาขาฟิวเจอร์พาร์ครังสิต และเดอะพรอมานาด เพราะขึ้นอยู่กับทำเลต้องมีสาขาที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ สุคิฉะจะใช้พื้นที่ราว 50 ตารางเมตร

ในปีนี้จะทำการขยายสาขาเพิ่มอีก 5 สาขา และในอนาคตจะขยายสาขาให้ได้เฉลี่ยปีละ 5 สาขาเช่นกัน ปีนี้ตั้งเป้ารายได้เติบโต 15-20%

5_sukiyanew

info_marketshare_japan