การแข่งขันในตลาดค้าปลีกเรียกว่ายังคงดุเดือดทุกเซ็กเมนต์เลยทีเดียว โดยเฉพาะฟู้ดรีเทลที่มีมูลค่า 1 ล้านล้านบาทก็มีการแข่งขันทั้งกลุ่มไฮเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ และซูเปอร์มาร์เก็ต แต่ในปีที่ผ่านมาดูเหมือนว่าเทรนด์ของซูเปอร์มาร์เก็ตมีการเติบโตมากที่สุด เพราะด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคที่ต้องการสินค้าที่พรีเมียมขึ้น และด้วยภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา ทำให้กระทบกลุ่มคนระดับล่าง แต่กลุ่มคนระดับบนไม่ได้กระทบมากนัก ทำให้ร้านค้าแบบซูเปอร์มาร์เก็ตมีการเติบโตได้ดี
“ท็อปส์” เองก็ได้วางจุดยืนในกลุ่มซูเปอร์มาร์เก็ตมาโดยตลอด ได้ทำตลาดในประเทศไทยมาแล้ว 20 ปี ได้สร้างจุดแข็งด้วยคุณภาพของสินค้า และมีการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ พร้อมทั้งมีการสรรหาวัตถุดิบจากแหล่งโดยตรงจากเกษตรกร
ก้าวเข้าสู่ปีที่ 21 และปีต่อๆ ไป ความท้าทายที่สุดของท็อปส์ยังคงอยู่ที่การเร่งขยายสาขาเพื่อให้ครอบคลุมความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละพื้นที่ ในปัจจุบันมีอยู่ 205 สาขา ในปีนี้จะขยายเพิ่มอีก 45 สาขา รวมทั้งหมดเป็น 250 สาขา พร้อมทั้งปรับปรุงรีโนเวตอีก 12 สาขา ใช้งบลงทุน 1,300 ล้านบาท แบ่งเป็นงบขยายสาขา และปรับปรุงร้าน 1,000 ล้านบาท และลทุนด้านระบบการจัดการต่างๆ 300 ล้านบาท
ในปีหน้าตั้งเป้าที่จะขยายให้ได้ 70 สาขา และปีต่อๆ ไปก็เฉลี่ยให้ได้ราว 70 สาขาเช่นกัน เป้าหมายในระยะยาวภายใน 5 ปีจะต้องมี 600 สาขา
ในการขยายสาขายังคงเน้นโมเดลท็อปส์ มาร์เก็ต และท็อปส์ เดลี่เป็นพระเอกหลักอยู่ เพราะด้วยขนาดที่ไม่ใหญ่ไม่เล็กจนเกินไป และยังเข้ากับพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคนี้ที่เน้นความสะดวกสบายมากขึ้นด้วย ในปัจจุบันท็อปส์ มาร์เก็ตมีสาขารวม 85 สาขา และท็อปส์ เดลี่ มีสาขารวม 51 สาขา
ส่วนโมเดลเซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ ที่ตอนนี้มีทั้งหมด 7 สาขาก็มีการเติบโตสูงเช่นกัน เพียงแต่ว่าติดข้อจำกัดในเรื่องพื้นที่ที่ต้องใช้ขนาดใหญ่ ทำให้ยากต่อการขยายสาขา
อลิสเตอร์ เทย์เลอร์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด กล่าวว่า “การแข่งขันในตลาดมีให้เห็นอยู่เสมอตลอดเวลา แต่ก็มองว่าเป็นโอกาสที่ดี เราก็ต้องปรับตัวอยู่เสมอ เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด ต้องมีนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาตอบโจทย์ผู้บริโภค และต้องแตกต่างจากคนอื่น”
สำหรับยอดการใช้จ่ายต่อบิลแต่ละฟอร์แมต ได้แก่ เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ 650-700 บาท, ท็อปส์ มาร์เก็ต 550 บาท, ท็อปส์ ซูเปอร์สโตร์ 500 บาท, ท็อปส์ ซูเปอร์คุ้ม 300 บาท และท็อปส์ เดลี่ 200 บาท ส่วนช่องทางออนไลน์มียอดการใช้จ่าย 1,500 บาท
