หลังจากในช่วงหลายปีที่ผ่านมาควิกแสบได้ทำการค้นหาตัวเองอยู่พอสมควร และได้สร้างคาแร็กเตอร์ให้ตัวเองอย่างชัดเจนด้วยการเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสจัดจ้าน เล่นเรื่องอีโมชันนอล และเจาะกลุ่มวัยรุ่นคนรุ่นใหม่ ซึ่งการทำการตลาดแต่ละปีก็จะมีความแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับทิศทางของตลาด
ให้น้ำหนักในส่วนของการสร้างแบรนด์เป็นส่วนใหญ่ เพื่อสร้างการรับรู้ของผู้บริโภค โดยการใช้พรีเซ็นเตอร์ ในปีก่อนได้เน้นบะหมี่แบบซอง ก็ทำแคมเปญภาพยนตร์สั้นโดยร่วมกับศิลปินแทททู คัลเลอร์ ส่วนในปี 58 ที่ผ่านมาต้องการเน้นบะหมี่แบบถ้วย ก็ได้ใช้พรีเซ็นเตอร์ทั้งหมด 7 คนในแคมเปญ 7 อรหันต์
สำหรับในปีนี้ภายใต้บังเหียนของผู้บริหารเจน 3 คนใหม่ที่จะมาดูแลด้านการตลาด “ยศสรัล แต้มคงคา“ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัทผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด ได้ตั้งโจทย์ถึงการเติบโตทางด้านยอดขาย ทำให้ควิกแสบต้องคัมแบ็กการจัดโปรโมชั่นชิงโชค หลังจากที่จัดครั้งล่าสุดเมื่อ 6-7 ปี มาแล้ว ตอนนั้นเป็นการชิงโชครถยนต์
แคมเปญนี้ได้ได้เลือกจักรยานฟิกเกียร์มาเป็นของรางวัลจำนวน 500 คัน มูลค่า 6 ล้านบาท เพราะด้วยเทรนด์การปั่นจักรยานยังเป็นที่นิยมในเมืองไทย และเพื่อต้องการขยายฐานกลุ่มเป้าหมายไปยังกลุ่มคนรักจักรยานมากขึ้นด้วย
“การใช้พรีเซ็นเตอร์ที่ผ่านก็ได้รับผลตอบรับที่ดี สร้างการรับรู้แก่ผู้บริโภค และคนรู้จักรสชาติของควิกแสบมากขึ้น แต่จะกระตุ้นการเติบโตทางด้านยอดขายต้องกระตุ้นด้วยการทำโปรโมชั่นชิงโชค ซึ่งไม่ได้ทำนานมากแล้วตั้งแต่ก่อนผมเข้าทำงานที่นี่ในปี 53 อีก ปีนี้ต้องทำการเน้นทั้งรูปแบบซองและถ้วย เพื่อสร้างการเติบโตพร้อมๆ กัน“
แคมเปญนี้ได้ใช้งบการตลาดทั้งหมด 10 ล้านบาท แบ่งเป็นมูลค่าของรางวัล 6 ล้านบาท และด้านสื่อ 4 ล้านบาท เน้นในด้านกิจกรรม Below the line ซึ่งในปีนี้อาจจะมีการต่อยอดแคมเปญเกี่ยวกับจักรยานต่อไปในรูปแบบการจัดแข่งจักรยาน หรือปั่นจักรยานมาราธอนก็ได้
ปัจจุบันควิกแสบมีส่วนแบ่งการตลาด 9% ในปีนี้ไม่ได้ตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด แต่ได้ตั้งเป้าการเติบโตรายได้ที่ 3-5% และคาดการณ์ตลาดรวมในปีนี้น่าจะเติบโต 2-3% จากปีก่อนที่มีการเติบโตน้อยมาก เชื่อว่าปีนี้เศรษฐกิจจะดีขึ้น และกำลังซื้อของผู้บริโภคดีขึ้น จากครึ่งปีแรกมีมูลค่า 15,000 ล้านบาท เติบโต 2-3%
ควิกแสบคิดเป็นสัดส่วนรายได้ 20-30% ของไวไว