เปิดตัวแล้วสำหรับสมาร์ทโฟนกึ่งแท็บเล็ตตัวใหม่ Samsung Galaxy Note 7 เมื่อวันที่ 2 สิงหาคมที่ผ่านมา Note 7 มาพร้อมกับระบบปลดล็อกสมาร์ทโฟนด้วยการสแกนม่านตา และ S Pen สไตลัสที่เขียนได้แม้หน้าจอเปียก ยังมี 2 อุปกรณ์เสริมที่ซัมซุง วางแผนจะวางจำหน่ายร่วมไปด้วย ด้านนักวิเคราะห์ตั้งคำถามว่า Note 7 จะสร้าง “อิมแพกต์” ในแง่ยอดขายให้ซัมซุงได้หรือ? เพราะสถิติที่ผ่านมา สะท้อนว่า Note รุ่นอื่นนั้น ได้รับความนิยมเป็นรองเรือธงรุ่นอื่นของซัมซุงอย่างไม่เห็นฝุ่น
ข้าม Note 6
จากรุ่นปัจจุบัน คือ Note 5 ที่เปิดตัวเมื่อปี 2015 แทนที่จะเป็น Note 6 ที่เปิดตัวปี 2016 ซัมซุงตัดสินใจข้ามชื่อลำดับ 6 ไปเพราะต้องการให้ Note 7 มีชื่อเรียกที่สอดคล้องกับ S7 และ S7 Edge ที่ออกวางจำหน่ายก่อนหน้านี้ บนความหวังว่าจะช่วยให้สมาร์ทโฟนเรือธงทั้งหมดของซัมซุงมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างแท้จริง
“การเลือกใช้ชื่อ Note 7 จะช่วยลดความสับสนของผู้บริโภค ขณะเดียวกัน ยังช่วยให้การเรียงลำดับสมาร์ทโฟนของซัมซุงเป็นไปในทางเดียวกัน” แถลงการณ์ของซัมซุง ระบุ
ในงานเปิดตัว ซัมซุง ประกาศชัดเจนว่า เตรียมวางจำหน่าย Galaxy Note 7 ในวันที่ 19 สิงหาคมนี้ สำหรับประเทศไทยจะเปิดจองวันที่ 5-14 ส.ค. ผ่านช่องทางโอเปอเรเตอร์ และแบรนด์ช็อป ก่อนกำหนดขายจริง 19 ส.ค. ในราคา 28,900 บาท
รูปลักษณ์ใหม่ของ Note 7 ถูกมองว่า คล้ายคลึงกับ Galaxy S7 Edge ต่างเพียงขนาดที่ Note 7 มีขนาดหน้าจอ 5.7 นิ้ว ที่แข็งแกร่งทนทานด้วยเทคโนโลยี Corning Gorilla Glass 5 ขอบหน้าจอโค้งจากด้านหน้าไปด้านหลัง ขอบโค้งครบทั้ง 2 ด้าน ขณะที่ Galaxy S7 Edge ขนาดหน้าจอ 5.5 นิ้ว เคลือบด้วยเทคโนโลยี Corning Gorilla Glass 4
ความใหม่ของ Note 7 สาธยายแยกได้นับ 7 จุด ที่โดดเด่นที่สุด คือ คุณสมบัติสแกนม่านตา หรือ Iris scanning ที่แสดงว่า นับจากนี้เทคโนโลยีสแกนม่านตามีโอกาสที่จะถูกนำมาใช้ในสินค้าไอทีอื่นมากขึ้นในอนาคต ทั้งสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และพีซี เพื่อให้ผู้ใช้ไม่ต้องวุ่นวายกับการตั้ง หรือใช้พาสเวิร์ดรหัสผ่านอีกต่อไป เนื่องจากการเปิดตัว Note7 แสดงว่า ฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์เพื่อการสแกนม่านตานั้น พร้อมที่จะถูกนำมาใช้ในอุปกรณ์พกพาอย่างเต็มตัว เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเปิดใช้งานเครื่องได้เร็วขึ้นขณะเดินทาง
หลักการทำงานของระบบสแกนม่านตานั้นไม่ยุ่งยาก เพราะอุปกรณ์สแกนจะยิงแสงอินฟราเรด เพื่อตรวจสอบม่านตาของผู้ใช้ที่อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะยืนยันตัวบุคคล เพื่ออนุญาตให้ผู้ใช้เข้าถึงข้อมูลส่วนตัวที่ถูกเก็บในเครื่อง
แม้ซัมซุงจะประกาศตัวเป็นรุ่นแรกของโลกที่ใช้เทคโนโลยีสแกนม่านตา แต่หากย้อนประวัติกลับไปช่วงก่อนหน้านี้จะพบว่า สมาร์ทโฟนของ ฟูจิตซึ Fujitsu Arrows NX F-04G และไมโครซอฟท์ Microsoft Lumia 950 XL ล้วนมีคุณสมบัติสแกนม่านตาแล้ว โดยทั้งคู่ถูกเปิดตัวเมื่อปีที่ผ่านมา
สำหรับสินค้าสุดฮิตของแอปเปิลอย่าง iPhone มีข้อมูลว่า ระบบสแกนม่านตาจะมาใน iPhone แน่นอนช่วงปี 2018
ความใหม่ที่ 2 คือ การกันน้ำ เช่นเดียวกับ Galaxy S7 น้องใหม่ Note 7 สามารถทำงานได้ดีแม้ว่าจะหล่นลงน้ำ หรือถูกแชมเปญหกใส่ ความใหม่ต่อมา คือ การใช้พอร์ต USB-C ใหม่ล่าสุด ซึ่งสายชาร์จรุ่นเก่านั้นใช้งานร่วมด้วยไม่ได้ ยกเว้นระบบชาร์จไร้สายที่ยังใช้ได้กับทุกรุ่นของสมาร์ทโฟนซัมซุง
ความใหม่ที่ 4 คือ เคสใหม่สำหรับ Note 7 ปีนี้ซัมซุงออกแบบเคสใหม่ที่ใช้ประโยชน์จากหน้าจอใหญ่ของ Note 7 ได้อย่างเหมาะเจาะ เช่น เคสชื่อ Keyboard Cover ซึ่งเป็นคีย์บอร์ดจิ๋วสำหรับติดหน้าจอด้านหน้า รวมถึงเคสสไตล์ iPad ที่ทำให้การใช้งาน Note 7 ไม่เมื่อย เพราะผู้ใช้ไม่ต้องถือจับเครื่องไว้ตลอดเวลา
ความใหม่ที่ 5 คือ ความสามารถในการสร้างภาพเคลื่อนไหว (GIF) เพราะปากกาสไตลัสของ Note 7 มีฟังก์ชันใหม่ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกพื้นที่ใดก็ได้บนหน้าจอ ก่อนจะเปลี่ยนภาพนั้นให้เป็น “แอนิเมชันสั้น” ในพริบตา
ความใหม่ที่ 6 คือ S Pen ปากกาสไตลัสรุ่นใหม่ที่ถูกปรับให้มีขนาดเบา และบางลง S Pen ถูกชูจุดขายไม่ใช่อุปกรณ์สำหรับช่วยเขียนเท่านั้น แต่เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ทำสิ่งต่างๆ ได้เร็ว และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น S Pen รุ่นใหม่สามารถทำงานทันทีแม้ไม่ได้ปลดล็อกหน้าจอ ผู้ใช้สามารถปักหมุดข้อมูลที่บันทึกไว้บนหน้าจอได้ตลอดเวลา ขณะเดียวกัน ก็สามารถขยายภาพ และแปลภาษาได้ด้วยการ “จ่อ” ที่ภาพ หรือศัพท์นั้นด้วย S Pen
ความใหม่ที่ 7 คือ แบตเตอรี่ พื้นที่เก็บข้อมูล และความเร็ว Note 7 ชนะเลิศรุ่นพี่ด้วยความจุ 64 GB รองรับหน่วยความจำภายนอกสูงสุด 256 GB บน RAM ขนาด 4 GB แบตเตอรี่ ขนาด 3,500 mAh
นอกจาก Note 7 ซัมซุง ยังประกาศจำหน่ายกล้องถ่ายภาพ 360 องศา Gear 360 ในราคา 349 เหรียญสหรัฐหรือประมาณ 12,000 บาท ประหยัดกว่ารุ่นเริ่มต้นของ GoPro กำหนดการเริ่มวางจำหน่าย คือ 19 สิงหาคมเช่นกัน ยังมีชุดอุปกรณ์สวมศีรษะ Samsung Gear VR ซึ่งซัมซุงพัฒนาร่วมกับพันธมิตรอย่าง Oculus บริษัทในเครือเฟซบุ๊ก ผลที่ออกมา คือ Gear VR รุ่นใหม่มีขนาดบางลง ฉายภาพในมุมมองที่กว้างขึ้น รองรับสมาร์ทโฟนหลากรุ่นมากขึ้น สามารถใช้พอร์ต micro-USB หรือ USB-C ก็ได้ในการชาร์จ สนนราคาเพียง 100 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 3,500 บาท เท่ากับรุ่นเก่า
Note 7 จะมีอิมแพกต์ต่อมาร์เกตแชร์ไหม?
ต้องยอมรับว่าปีนี้เป็นปีที่ยิ่งใหญ่ของซัมซุง สถิติล่าสุด ระบุว่า ในสมาร์ทโฟน 292 ล้านเครื่องที่ถูกจัดส่งช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ เป็นสมาร์ทโฟนซัมซุงราว 27.8% มากกว่าคู่แข่งอย่างแอปเปิลเกือบเท่าตัว (แอปเปิล มีส่วนแบ่งตลาด 14.4%) ผลจากยอดจำหน่ายสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่อย่าง Galaxy S7 และ S7 Edge ซึ่งได้รับความนิยมเหนือความคาดหมาย
แต่หากมองเฉพาะสินค้าในมือซัมซุงเอง การเปิดตัว Galaxy Note 7 ถูกตั้งคำถามว่าจะมีผลต่อยอดขายรวมของบริษัทหรือไม่ เพราะที่ผ่านมา สินค้าตระกูล Galaxy Note คิดเป็นสัดส่วน 26% ของตลาดอุปกรณ์ซัมซุงเท่านั้น โดย Galaxy S5, S6 และ S4 คิดเป็น 51%
มีการประเมินกันว่า ผู้ใช้สินค้าตระกูล S นั้นคิดเป็น 3 เท่าของผู้ใช้ตระกูล Note อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าสินค้าใหม่อย่าง Galaxy Note 7 จะสร้างโอกาสในการดึงผู้ใช้กลุ่มนี้ให้ขยายขึ้น จุดหนึ่งเป็นเพราะแนวโน้มการใช้งานของผู้บริโภคปัจจุบัน ซึ่งพบว่าส่วนใหญ่จะใช้เวลากับแอปพลิเคชันนานขึ้น 23% บนอุปกรณ์ที่มีขนาดหน้าจอ 5 นิ้วขึ้นไป เทรนด์นี้ถูกมองว่าจะขยายตัวขึ้นอีกตามวิถีการทำงานของผู้ใช้ทั่วโลก
ที่มา: http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9590000077599