เป๊ปซี่โค ขยายพอร์ตสินค้า “อควาฟิน่า วิตซ่า”ลงตลาด ขยายเซกเมนต์ใหม่ เครื่องดื่มสปาร์คกลิ้งใสผสมวิตามิน ทุ่มงบ 200 ล้านบาท ใช้ “เจมส์จิ” เป็นพรีเซ็นเตอร์
ทิศทางการตลาดของเป๊ปซี่เริ่มมีการเคลื่อนไหวมากขึ้น หลังจากช่วงที่ผ่านมาเน้นกลยุทธ์เรื่องแพคไซส์ของสินค้าให้มีความหลากหลาย เพือตอบโจทย์พฤติกรรมการดื่มมากขึ้น
ยุทธศาสตร์ต่อมา คือการเร่งขยายพอร์ตเครื่องดื่มชนิดอื่น ๆ เมื่อปลายปี 2558 เป๊ปซี่โคได้นำแบรนด์ “อควาฟิน่า”เข้ามาทำตลาดน้ำดื่มในประเทศไทย ปัจจุบันมีส่วนแบ่งตลาด 2-3% โดยเป็นพาร์ทเนอร์ร่วมกับน้ำดื่มสยามในการผลิตให้
“อควาฟิน่า” เป็น 1 ใน 22 แบรนด์แฟลกชิพของทางเป๊ปซี่โคที่มีมูลค่าแบรนด์มากกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐทั่วโลก และสามารถต่อยอดแบรนด์ไปได้อีก ทำให้ในปีนี้เป๊ปซี่โคได้ขยายพอร์ตสินค้าในขื่อแบรนด์อควาฟิน่า วิตซ่าซึ่งเป็นซับแบรนด์ภายใต้อควาฟิน่า เป็นเครื่องดื่มสปาร์คกลิ้งใสกลิ่นผลไม้ จะมีความซ่าน้อยกว่าน้ำอัดลม 40% วางจุดยืนอยู่ในเครื่องดื่มเติมความสดชื่น หรือ ไฮเดรชั่น
ในประเทศสหรัฐอเมริกาได้มีการแตกไลน์สินค้าในพอร์ตสำหรับแบรนด์อควาฟิน่าเช่นกัน ในแบรนด์ อควาฟิน่า สปาร์คกลิ้ง ไม่มีการผสมวิตามิน เท่ากับว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่ 2 ที่มีการแตกไลน์สินค้าของแบรนด์นี้ เป็นการพัฒนาในประเทศไทยเพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมคนไทยโดยเฉพาะ
เป๊ปซี่โคตั้งใจเปิดเซ็กเมนต์ใหม่ที่อยู่ระหว่างตลาดน้ำอัดลมที่มีมูลค่า 50,000 ล้านบาท มีการเติบโต 6% และตลาดน้ำดื่มที่มีมูลค่า 31,000 ล้านบาท เติบโต 10% เป็นตลาดใหญ่ ซึ่งตลาดน้ำดื่มมีการเติบโตมากกว่าน้ำอัดลม เพราะด้วยเทรนด์สุขภาพ และสภาพอากาศร้อน
ในตลาดเครื่องดื่มเติมความสดชื่นทางแบรนด์คู่แข่งอย่างโค้ก็ได้ออกแบรนด์อตวาเรียสมาเช่นกัน แต่เน้นไปทางเครื่องดื่มเกลือแร่ แต่ถ้ามองในตัวสินค้าของอควาฟิน่า วิตซ่าแล้ว ค่อนข้างที่จะก่ำกึ้งกับเครื่องดื่มโซดา อย่างในตลาดก็มีโซดาช้างกลิ่นผลไม้ หรือชเวปป์ โทริควอเตอร์
แต่ตลาดโซดาเป็นตลาดที่เล็กกว่าตลาดน้ำอัดลม และตลาดน้ำดื่มค่อนข้างมาก มีมูลค่าราว 5,000-6,000 ล้านบาท และอควาฟิน่า วิทซ่าไม่ได้เจาะกลุ่มการดื่มเป็นมิกซ์เซอร์ แต่เป็นการดื่มในชีวิตประจำวันที่มีอัตราการการดื่มเยอะกว่า เป๊ปซี่จึงเลือกที่จะสื่อสารไปทาง 2 ตลาดนั้นมากกว่า แต่ในการจัดกลุ่มหรือส่วนตลาดของนีลเส็น กำลังอยู่ในขั้นตอนการคุยอยู่ว่าจะจัดอยู่ในกลุ่มไหน
สมชัย เกตุชัยโกศล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด กลุ่มธุรกิจเครื่องดื่ม บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด กล่าวว่า “ความท้าทายที่สุดของเราตอนนี้คือการพาเป๊ปซี่กลับมาเป็นผู้นำอีกครั้ง ในช่วงนี้จึงเน้นการขยายพอร์ตสินค้าให้กว้างขึ้น และพบว่าเทรนด์ตลาดโลกเครื่องดื่มไม่ได้โตจากกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่เป็นการเครื่องดื่มกลุ่มต่างๆ มาผสมกันเป็นกลุ่มใหม่เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค”
ทุ่มงบ 200 ล้าน ดึงเจมส์จิพรีเซ็นเตอร์
ในครั้งนี้ได้ใช้งบการตลาดรวม 200 ล้านบาทภายในครึ่งปีหลัง มีทั้งสื่อโฆษณา และสื่อออนไลน์ พร้อมทั้งดึง “เจมส์จิ” หรือ จิรายุ ตั้งศรีสุข เป็นพรีเซ็นเตอร์คนแรกของแบรนด์
แต่ด้วยเจมส์จิเคยเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับเครื่องดื่มมินิดเมดของค่ายคู่แข่งอย่างโคคา-โคล่ามาก่อน แต่ทางสมชัยไม่ได้กังวล พร้อมบอกว่า ได้ทำผลสำรวจแล้วพบว่าผู้บริโภคจดจำไม่ได้แล้วว่าเจมส์จิเคยเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับแบรนด์นั้น แต่ที่เลือกให้เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับอควาฟีน่า วิทซ่าเพราะมีบุคลิคสดใส แอคทีฟ เหมาะกับแบรนด์
ในอนาคตเป๊ปซี่โคเตรียมที่จะตาอยอดแบรนด์อควาฟิน่าไปยังเครื่องดื่มตัวอื่นอีกอย่างโซดา และน้ำแร่ แต่อาจจะได้เห็นในปีถัดไป
เทรนด์สุขภาพมาแรง แต่ก็ต้องสดชื่น
เหตุผลที่เป๊ปซี่โคได้ออกแบรนด์นี้ออกมาหลังจากทำการศึกษาตลาดอยู่ราว 1 ปี พบว่าคนไทยต้องการเครื่องดื่มที่เติมความสดชื่น แต่ไม่อยากดื่มน้ำอัดลมเพราะดูหนักเกินไป ซึ่งผู้บริโภคมองหาเครื่องดื่มที่ดูสนุกมากขึ้น และด้วยเทรนด์สุขภาพ ทำให้เกิดช่องว่างที่เป๊ปซี่เข้ามาจับกลุ่มตรงนี้ เน้นกลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มคนที่ดื่มเครื่องดื่มทั่วไป คนรุ่นใหม่
อควาฟิน่า วิตซ่าจะมีความซ่าน้อยกว่าน้ำอัดลมอยู่ 40% และมีความหวานน้อยกว่า 30%
ผุดโรงงานใหม่ ดึงลิปตันผลิตเอง
ส่วนความคืบหน้าเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาเป๊ปซี่โคได้ลงทุนสร้างโรงงานแห่งใหม่ที่แก่งคอย จ.สระบุรี ทำให้โรงงานใหม่ที่สระบุรีเป็นฐานใหญ่ในการผลิตเป๊ปซี่ และทำให้เป๊ปซี่โคมีศักยภาพในการผลิตมากขึ้น ได้ดึงลิปตันมาผลิตและจัดจำหน่ายเอง หลังจากที่อยู่ในการทำตลาดของเสริมสุขมานาน