แน่นอนแล้วว่าปรากฏการณ์ Pokemon Go คือของจริง ไม่ใช่แค่การปั่นกระแสของสื่ออย่างที่ใครปรามาส และคนไทยก็ได้มีโอกาสสัมผัสถึงปรากฏการณ์ครั้งนี้อย่างเป็นทางการแล้ว ตอนนี้ไปที่ไหนก็มักจะเห็นคนก้มหน้าจิ้มมือถือเล่น Pokemon Go กันทั่วไปหมด
ทำให้เวลานี้ Pokemon Go กลายเป็นแอปพลิเคชันที่ผู้ใช้ Android เสียเวลาด้วยต่อวันมากที่สุด และยังมีคนอินสตอลแอปมากกว่า Tinder และ Snapchat ซะอีก
“ผู้เล่น” Pokemon Go ยังครอบคลุมกลุ่มคนมากมาย ทั้งผู้ชาย และผู้หญิง เด็ก จนไปถึงผู้ใหญ่ เพราะประวัติศาสตร์อันยาวนานถึง 20 ปีของเกมทำให้มีแฟนของ Pokemon กระจายไปในกลุ่มที่กว้างมาก ชนิดที่ว่าคนเล่นรุ่นแรกแทบจะแต่งงาน มีลูกไปกันหมดแล้ว
ที่สำคัญ Pokemon Go ได้กลายเป็นปรากฏการณ์ที่สร้างพฤติกรรมของผู้ใช้ให้แตกต่างจากแอปต่างๆ ที่ผ่านมาโดยสิ้นเชิง กับการกระตุ้นให้คนออกมานอกบ้าน พบปะ และทำให้ได้พูคุยกับคนแปลกหน้า เดินทางไปยังสถานที่แปลกใหม่ ได้อย่างไม่น่าเชื่อด้วย จนกลายเป็นเกมที่สามารถดึงคนจากโลกออนไลน์ ให้เข้ามาจับจ่ายใช้สอยได้จริงๆ (Foot Traffic) อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
คุณสมบัติพิเศษข้อนี้ของ Pokemon Go ได้ทำให้เกมถูกใช้เป็นเครื่องมือสำหรับร้านค้าและบริการในการดึงดูดลูกค้าได้อย่างง่ายๆ ด้วย
“ดูด” ลูกค้าด้วย Lure Module
ตามปกติ “โปเกมอน” ในเกม Pokemon Go จะเกิดขึ้นตามแหล่งต่างๆ ด้วยการสุ่ม แต่ทางผู้ผลิตเกมได้ให้บริการ “ไอเท็ม” พิเศษสำหรับการ “ล่อ” โปเกมอนให้เข้ามาหาผู้เล่นด้วยค่าใช้จ่ายเพียงเล็กน้อย ซึ่งก็แน่นอนว่าเป็นเงินที่ไม่มากเลยสำหรับการทำการตลาดของร้านค้าต่างๆ
โดย Lure Module เป็นไอเท็มสำหรับใช้ดึงดูดโปเกมอนให้เข้ามาในบริเวณซึ่งจะใช้ได้ในสถานที่ที่เรียกว่า PokeStop เท่านั้น ซึ่งจะทำให้ใครๆ ที่อยู่บริเวณดังกล่าวได้รับประโยชน์ มีโอกาสได้จับโปเกมอนที่ถูกล่อเข้ามาด้วยทั้งหมด จนกลายเป็นการระดมคนเข้ามาให้รวมตัวกันได้อย่างง่ายๆ จนเป็นข่าวทั้งในแง่ว่ามีอาชญากรใช้ Lure Module “ล่อเหยื่อ” เพื่อปล้น หรือฉกทรัพย์กันมาแล้ว
ที่สำคัญราคาของ Lure Module นับว่าไม่แพงเลย 1 หน่วยต่อ 100 เหรียญ Pokecoins (35 บาท) เท่านั้น ซึ่งถ้าซื้อเหรียญทีละมากๆ ก็จะถูกลงไปอีก โดยปัจจุบันผู้เล่นสามารถซื้อ Pokecoins ได้ทีละมากที่สุดถึง 14,500 เหรียญ ด้วยเงินเพียง 3,500 บาท
Lure Module แบบแพ็ก 8 อันจะมีราคา 680 Pokecoins และแต่ละอันจะดูดโปเกมอนได้ 30 นาที นั่นหมายความว่าผู้เล่นจะใช้เงินแค่ 3,500 บาทในการดูดโปเกมอนในสถานที่ใดสถานที่หนึ่งได้นานถึง 85 ชั่วโมงเลย นับว่าเป็นตัวเลขราคาที่ธุรกิจขนาดไม่ใหญ่นักก็น่าจะรับได้
กลยุทธ์หลากหลายกับ Pokemon Gym
อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์จากการใช้ Lure Module จะประสบความสำเร็จได้หากร้านเป็น PokeStop หรืออยู่ใกล้เคียง PokeStop มาตั้งแต่ต้น แต่หากไม่ได้อยู่ใกล้กับ PokeStop ร้านค้าก็อาจใช้ประโยชน์ของ Gym ได้เช่นเดียวกัน
Gym คือ ที่ซึ่งผู้เล่นสามารถนำโปเกมอนตัวเองไปสู้กันนั่นเอง สำหรับในวงการ Gym แล้วนับว่าเป็นสถานที่ที่เหล่าโปเกมอนเทรนเนอร์ทุกคนต้องการครอบครอง และต้องต่อสู้เพื่อแย่งชิงการเป็นเจ้าของ Gym กัน ซึ่งตามปกติ Gym จะเป็นสถานที่สำคัญหรือเป็นแลนด์มาร์กในโลกความเป็นจริงอยู่แล้ว ซึ่งร้านค้าต่างๆ ก็อาจอาศัย Gym มาช่วยกระตุ้นยอดขายได้เช่นเดียวกัน
ลดราคา และโปรโมชัน สำหรับผู้เล่น Pokemon Go หรืออาจจะสร้างสีสันขึ้นไปอีกด้วยการเพิ่มส่วนลดพิเศษให้กับผู้เล่นที่เป็นเจ้าของ Gym หรือครอบครองโปเกมอนตัวใดตัวหนึ่งโดยเฉพาะ ซึ่งแน่นอนว่าจะเป็นโปรโมชันที่สร้างความน่าสนใจให้กับร้าน
โซเชียลมีเดีย หากโชคดีร้านได้เป็น Gym ก็อาจโปรโมตร้านให้เป็น Pokemon Gym ผ่านโซเชียลมีเดียต่างๆ อย่าง Instagram และ Twitter สร้าง hashtag ของร้านคู่ไปกับ hashtag ฮิตในหมู่ผู้เล่นอย่าง #Pokemon Go ไปด้วย ก็จะทำให้ร้านได้รับความสนใจขึ้นไปด้วย
กลยุทธ์ต่างๆ ที่เจ้าของร้านค้าและบริการสามารถใช้ประโยชน์จาก Pokemon Go ได้มักจะขึ้นอยู่กับว่าร้านอยู่ใกล้เคียงกับ PokeStop, Gym หรือเป็นแหล่งที่มีโปเกมอนหายากมากๆ อยู่แค่ไหน
โดยปัจจุบัน Niantic ผู้ผลิตเกมยังไม่ได้เปิดรับสปอนเซอร์สำหรับการเปลี่ยนให้สถานที่ต่างๆ ให้กลายเป็นจุดดึงดูดสำหรับผู้เล่นเกม
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เกม Ingress ที่ใช้หลักการผสมโลกออนไลน์เข้ากับโลกแห่งความเป็นจริงของ Niantic ก็เคยรับโฆษณาสถานที่ต่างๆ แบบนี้มาแล้ว ซึ่ง จอห์น แฮงค์ ซีอีโอ ของ Niantic ผู้ผลิต Pokemon Go ก็ยอมรับตรงๆ ว่าในอนาคต Pokemon Go ก็น่าจะเดินทางไปทิศทางเดียวกัน