หลังจากที่เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่นได้ทำการซื้อแบรนด์ดีน แอนด์ เดลูก้า มูลค่ากว่า 4,550 ล้านบาทมาเป็นเวลา 1 ปีครึ่งแล้ว เพิ่มเติมธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มที่มีการเติบโตสูง และมีรายได้ที่คงที่ เพื่ออุดช่องว่างของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องรอรายได้จากการขายโครงการ
ในตอนนี้เพซฯ เป็นเจ้าของแบรนด์ที่บริหารเองในประเทศสหรัฐอเมริกาและไทย ส่วนในประเทศญี่ปุ่นได้ทำการร่วมทุนกับบริษัท Dean&Delica Japan ในสัดส่วน 50:50 เป็นรูปแบบคาเฟ่ เดินหน้าขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง
ทำให้ในปัจจุบันมีสาขาในสหรัฐอเมริกา 11 สาขา ไทย 6 สาขา และญี่ปุ่น 10 สาขา ในประเทศไทยมีการตั้งเป้าเปิดอีก 6 สาขาในปีนี้ จะมีครบ 12 สาขาในสิ้นปี
และมีการลงทุนในแบบขายแฟรนไขส์ในประเทศญี่ปุ่น สิงคโปร์ คูเวต เกาหลีใต้ ดูไบ ฟิลิปปินส์ และสหรัฐอเมริกา (ฮาวาย) ปัจจุบันมีทั้งหมด 51 สาขา ในสิ้นปีตั้งเป้ามี 63 สาขา
ซึ่งทางเพซฯ เองต้องการดันแบรนด์ดีนแอนด์เดลูก้าพอสมควร เพราะเป็นธุรกิจที่มีรายได้คงที่ ในครึ่งปีแรกมีรายได้จากธุรกิจนี้ 2,200 ล้านบาท และมีแผนที่จะขยายสาขาในประเทศสหรัฐอเมริกาอีก 300 สาขา ภายในปี 2563 เพื่อดันเข้าตลาดหลักทรัพย์ที่นิวยอร์ก อาจจะใช้งบลงทุนราว 6,000-7,000 ล้านบาท
ทำให้คาดการณ์ว่าในปี 2563 เพซฯ จะมีรายได้ราว 30,000 ล้านบาท และเป็นรายได้จากดีนแอนด์เดลูก้า 50-70% หรือราว 15,000 ล้านบาท และเป็นรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 10,000 ล้านบาท และธุรกิจโรงแรม 5,000 ล้านบาท
นฑา กิตติอักษร ประธานเจ้าหน้าบริหารฝ่ายการเงิน บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “แม้เราเติบโตมาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แต่ได้มองเห็นโอกาสของธุรกิจอาหารที่มีการเติบโตสูงขึ้นทุกปีๆ ทำให้เรามีแผนลงทุนกับแบรนด์ดีนแอนด์เดลูก้าค่อนข้างเยอะ เพราะเป็นรายได้ที่คงที่ ต่างจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่รายได้ไม่คงที่“
ส่วนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เตรียมเปิดโครงการมหานคร ที่เป็นบิ๊กโปรเจกต์ พร้อมเปิดให้ลูกบ้านเข้าอยู่เดือนพฤศจิกายนนี้ โดยที่ในแต่ละปีทางเพซฯ มีแผนที่จะลงทุนโครงการอสังหาริมทรัพย์มูลค่ารวม 10,000 ล้านต่อปี
ปัจจุบัน PACE มีมูลค่าส่วนที่พักอาศัยรวม 4 โครงการ ได้แก่ มหานคร, มหาสมุทร, นิมิต หลังสวน และโครงการใหม่บนถนนนราธิวาสราชนครินทร์ รวมมูลค่าโครงการทั้งหมด 32,800 ล้านบาท มีรายได้จากยอดโอนแล้ว 937 ล้านบาท และรอโอนอีก 17,500 ล้านบาท
โครงการที่ถนนนราธิวาสมูลค่า 2,800 ล้านบาท ยังไม่มีชื่อโครงการที่ชัดเจน โดยคาดว่าจะเปิดตัวภายในไตรมาสที่ 4 ปีนี้ นอกจากนี้ PACE ยังมีโครงการบ้านพักตากอากาศที่นิเซโกะ เกาะฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น คาดว่าจะเปิดตัวภายในปี 2560 และพร้อมรับรู้รายได้ภายในปี 2562