“ซัมซุง” เตือนชาวเกาหลีหยุดใช้ Galaxy Note 7 หลังปัญหาแบตเตอรรี่ระเบิด

เอเอฟพี – บริษัทซัมซุงออกมาเรียกร้องในวันนี้ (10) ให้ลูกค้าชาวเกาหลีใต้หยุดใช้สมาร์ทโฟนรุ่น กาแล็คซี่ โน๊ต 7 ภายหลังการเตือนลักษณะเดียวกันนี้โดยหน่วยงานด้านผู้บริโภคของสหรัฐฯและสายการบินหลายแห่งซึ่งกังวลเรื่องปัญหาการระเบิดของแบตเตอรี่

เมื่อสัปดาห์ที่แล้วบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอิเล็คทรอนิคของเกาหลีใต้แห่งนี้ได้สั่งระงับการขายสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นล่าสุดและประกาศเรียกคืนเครื่องที่ขายไปแล้ว 2.5 ล้านเครื่อง หลังจากแบตเตอรี่ซึ่งมีข้อบกพร่องทำให้โทรศัพท์บางเครื่องเกิดระเบิดระหว่างการชาร์จ

นับตั้งแต่นั้นมา สายการบินหรือหน่วยงานด้านความปลอดภัยทางอากาศทั่วโลกรวมถึงสหรัฐฯและสิงคโปร์ได้เตือนผู้โดยสารไม่ให้ใช้โทรศัพท์รุ่นนี้บนเครื่องบิน เมื่อวานนี้ (9) คณะกรรมการคุ้มครองความปลอดภัยสินค้าของสหรัฐฯ (Consumer Product Safety Commission) เรียกร้องให้ผู้เป็นเจ้าของโน๊ต 7 ยุติการใช้งานโทรศัพท์รุ่นนี้

“เราแนะนำให้ลูกค้าชาวเกาหลีใต้ที่ใช้กาแล็คซี่ โน้ต 7 ยุติการใช้โทรศัพท์รุ่นนี้และไปศูนย์บริการที่ใกล้ที่สุดเพื่อดำเนินการตามความจำเป็น” ซัมซุง ระบุในเว็บไซต์

ซัมซุงแนะนำให้ลูกค้าใช้โทรศัพท์เครื่องทดแทนที่ทางบริษัทจะให้ยืมเป็นการชั่วคราวจนกว่า กาแล็คซี โน๊ต 7 เครื่องใหม่ที่มีแบตเตอรี่ที่ปลอดข้อบกพร่องจะได้รับการจัดหามาให้

นับตั้งแต่การเปิดตัวสมาร์ทโฟนหน้าจอใหญ่กว่าปกติหรือที่เรียกกันว่า “แฟบเล็ต” รุ่นนี้ในเดือนสิงหาคม ผู้ใช้หลายคนได้โพสต์ภาพในสื่อสังคมออนไลน์แสดงให้เห็นมือถือที่ไหม้เกรียมพร้อมระบุว่ามัดติดไฟอย่างกะทันหัน

เมื่อสัปดาห์ที่แล้วซัมซุงยอมรับว่าปัญหาดังกล่าวเกิดมาจากแบตเตอรรี่ที่มีข้อบกพร่องและประกาศเรียกคืนดังกล่าว การเรียกคืนหนึ่งในโทรศัพท์ระดับพรีเมียมครั้งใหญ่ครั้งแรกของซัมซุง

การระเบิดของแบตเตอรีซึ่งทำให้ชื่อเสียงของซัมซุงเสื่อมเสียอย่างหนักยังทำให้ทางบริษัทต้องเลื่อนกำหนดการเปิดตัวโทรศัพท์รุ่นนี้ในยุโรปในเดือนนี้ด้วย

ธุรกิจโทรศัพท์เป็นที่มาของผลกำไรส่วนใหญ่ของซัมซุงซึ่งเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่ที่สุดของโลกแต่ก็ผลิตเครื่องใช้ภายในบ้านและชิปหน่วยความจำด้วย

ซัมซุงซึ่งถูกไอโฟนของบริษัทแอปเปิลแย่งพื้นที่มากขึ้นเรื่อยๆ ในตลาดระดับบนและคู่แข่งจากจีนในตลาดระดับล่างเปิดตัวโน๊ต 7 เร็วกว่าที่คาดการณ์ ก่อนหน้าการเปิดตัวไอโฟน 7 เมื่อวันที่ 7 กันยายน

ที่มา: http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9590000091098