วางแผนเพื่อเอาชนะคู่แข่งขันกับ 5 กลยุทธ์ความได้เปรียบทางการแข่งขันที่ต้องมีในการตลาดยุคดิจิทัล

บทความโดย : สโรจ เลาหศิริ – Rabbit’s Tale/ Moonshot Digital

ปรมาจารย์ทางการจัดการอย่าง Michael e. Porter ได้เคยกล่าวถึงความได้เปรียบทางการแข่งขัน หรือ (Competitive Advantage) 3 ข้อ จนกลายเป็นที่กล่าวขาน และถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลายนั่นก็คือ Differential Strategy หรือ การสร้างความแตกต่าง, Cost Leadership Strategy หรือ ความได้เปรียบทางด้านต้นทุน และ Focus Strategy หรือ การจับตลาดเฉพาะกลุ่ม สำหรับกลุ่มธุรกิจขนาดเล็ก

แต่ในยุคดิจิทัล ที่เทคโนโลยีต่างๆ ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต พฤติกรรมผู้บริโภค และการทำธุรกิจไปเสียสิ้น การที่เรามีอินเทอร์เน็ต เทคโนโลยีมือถือ มีโปรแกรมที่เร็วขึ้นดีขึ้น มาช่วยในการทำงาน การแข่งขันแบบเมื่อก่อนที่เคยมีนั้นอาจไม่เพียงพอ วันนี้เรามาดู 5 กลยุทธ์ความได้เปรียบทางการแข่งขัน ที่ทุกธุรกิจควรนำไปเลือกใช้ เพื่อเอาชนะคู่แข่งขันในโลกที่เป็นยุคดิจิทัล

1. Differential Strategy กลยุทธ์ในการสร้างความแตกต่าง

ยังคงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการวางกลยุทธ์ไม่ว่าจะเป็นยุคไหนก็ตามนั่นก็คือ สินค้าหรือบริการของคุณจะต้องมีความแตกต่างอย่างชัดเจนในสายตาของผู้บริโภคเมื่อเทียบกับคู่แข่งขัน และสิ่งสำคัญคือความแตกต่างนั้น เป็นความต่างที่ผู้บริโภครู้สึกได้ และมีคุณค่าต่อพวกเขา ไม่ใช่แตกต่างแต่เป็นความต่างที่ผู้บริโภคไม่ได้เห็นค่า ทดสอบด้วยคำถามที่ว่า “ทำไมลูกค้าของเราจึงจะต้องมาซื้อของของเรา ไม่ใช่ของคู่แข่ง?” 

2. Cost Effective Strategy กลยุทธ์ต้นทุนคุณค่าที่มีประสิทธิภาพ

ข้อนี้จะคล้ายกับ Cost Leadership Strategy เพียงแต่ว่าในยุคที่เป็นดิจิทัล ในวันที่ผู้บริโภคสามารถเปรียบเทียบราคาสินค้าได้ทันที และอ่านรีวิวหรือความคิดเห็นจากลูกค้าคนอื่นๆ ได้ อีกทั้งคู่แข่งขันของเราที่สามารถทำต้นทุนได้ถูกที่สุดอย่างประเทศจีน อาจทำให้ Cost Leadership ไม่ใช่กลยุทธ์ที่ใช้ได้ผลและทำได้จริงเสมอไปนัก ผู้บริโภคอาจจะไม่ได้มองถึงของที่ถูกมากที่สุดเสมอไป หากเพียงแต่มองหาสินค้าที่ราคาเหมาะสมประกอบกับความเชื่อมั่นของสินค้า ถึงแม้จะแพงกว่าแต่ก็มีข้อได้เปรียบบางอย่างที่ผู้บริโภคยอมรับได้ ผู้บริโภคย่อมยินดีที่จะจ่าย ดังนั้น การทำธุรกิจที่มองแต่เพียงจะทำให้ต้นทุนถูกที่สุด วันนี้อาจจะไม่ใช่กลยุทธ์ที่ได้ผลเสมอไป แต่ทำอย่างไรที่การส่งมอบคุณค่าในแต่ละส่วนจะทำให้ผู้บริโภคมองเห็นได้และยินดีจ่ายแพงกว่า เช่น ธุรกิจค้าส่งที่ต้องแข่งขันกับราคาที่ถูกกว่าจีน แต่แบรนด์ของเราการันตีเรื่องบริการหลังการขายที่สามารถคืนสินค้า ตรวจสอบสินค้า และระบบจัดการการส่งที่รวดเร็วตอบสนองได้ดีกว่าการสั่งจากต่างประเทศที่ถึงแม้จะถูกแต่ก็ไม่มีบริการหลังการขาย เป็นต้น

3. Speed to Market Strategy กลยุทธ์ในการสร้างความรวดเร็วและว่องไว

การวางแผนเพื่อทำให้ของการส่งมอบสินค้า บริการ ผลิตภัณฑ์ การออกสินค้าใหม่ รวมไปถึงค้นคว้านวัตกรรมใหม่ๆ ที่เป็นที่ต้องการ ให้รวดเร็วกว่าคู่แข่ง ปัจจุบันธุรกิจต้องตอบสนองอย่างรวดเร็วต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาด เป็นหนึ่งในความได้เปรียบทางการแข่งขันอย่างมาก ในโลกของดิจิทัลที่ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มันเป็นยุคของปลาเร็วกินปลาช้าอย่างเต็มตัว ธุรกิจที่มีขนาดองค์กรใหญ่ โครงสร้างซับซ้อน มีหลายลำดับขั้น เวลาจะเปลี่ยนทีใช้เวลานานกว่าจนอาจจะปรับตัวไม่ทันการแข่งขัน เช่น ธนาคารจำเป็นต้องตั้งหน่วยงานใหม่ที่เป็นอิสระเพื่อค้นคว้ารับมือกับการเข้ามาของ Fin Tech เป็นต้น

4. Data Driven Strategy กลยุทธ์การขับเคลื่อนธุรกิจด้วยข้อมูล

พื้นฐานที่สำคัญของดิจิทัลเทคโนโลยีที่ทุกคนมองข้ามไปคือ “ข้อมูล” ทำกิจกรรมทางการตลาดของเราล้วนแล้วสามารถที่จะจัดเก็บไว้เป็นข้อมูลจำนวนมากถึงกลุ่มลูกค้าของเรา เพื่อนำไปวิเคราะห์สร้างกลยุทธ์เพื่อตอบสนองลูกค้าได้อย่างตรงจุดมากขึ้น สิ่งที่คู่แข่งไม่มีวันที่จะได้รับมาคือ ข้อมูลต่าง ๆ ของลูกค้าของธุรกิจเราที่เป็นความได้เปรียบทางการแข่งขัน หากเราสามารถที่จะมีกระบวนการจัดเก็บข้อมูลลูกค้าอย่างมีคุณภาพ การประมวลผล การวิเคราะห์ จะทำให้เราสามารถกำความได้เปรียบของการแข่งขัน และสร้างความพึงพอใจต่อผู้บริโภคของเราได้

5. Accessibility Strategy กลยุทธ์สร้างความได้เปรียบทางการเข้าถึงลูกค้า

ในยุคที่ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูล หรือซื้อสินค้าได้ทุกที่ ทุกเวลาเพียงแค่มีโทรศัพท์ และระบบ Search Engine ที่ใหญ่ที่สุดของโลกอย่าง google ทำให้การเข้าถึงลูกค้าด้วยการทำให้สินค้าหรือบริการของตัวเองสามารถเข้าถึงได้ง่ายกว่าคู่แข่ง ไม่ว่าจะเป็นการทำ Search Marketing ให้เหนือคู่แข่ง การทำช่องทางการขายใหม่ๆ ขยายช่องทางไปกับเว็บไซต์ Market place อย่าง Lazada, Alibaba, Amazon, ebay  หรือการทำเว็บของเราให้มีความรวดเร็วสะดวกต่อการใช้งาน ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ทำให้เราอยู่เหนือกว่าคู่แข่งได้

ทั้งหมดนี้คือ 5 แนวทางการวางกลยุทธ์ให้เราสามารถเอาชนะคู่แข่งได้ แต่ทั้งหมดล้วนตั้งอยู่บนพื้นฐานทางการทำธุรกิจคือ การนำเสนอคุณค่า (สินค้าและบริการ) ที่ผู้บริโภคแสวงหา และสามารถทำให้ผู้บริโภคมีชีวิตที่ดีขึ้นนั่นเอง

pic_saroj_new2

Profile
สโรจ เลาหศิริ
นักการตลาดไฟแรง ที่ปัจจุบันสวมหมวกเป็นผู้อำนวยการด้านกลยุทธ์และความคิดสร้างสรรค์แห่ง แรบบิทส์ ดิจิทัล กรุ๊ป (Rabbit’s Tale & Moonshot)

เติบโตมาในยุคดิจิทัล และหลงใหลในการตลาดตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ ตั้งเป้าจะยกระดับการทำการตลาดในเมืองไทยให้ทัดเทียมสู่เวทีระดับโลกให้ได้

Digital Marketing by Saroj Laohasiri
สงวนลิขสิทธิ์ทางบทความให้ใช้เผยแพร่ที่นิตยสาร Positioning เท่านั้น