ไหนๆ ก็เปิดให้บริการมาครบ 3 ปี แถมมีตัวเลขเติบโตได้น่าพอใจ “แกร็บ” (Grab) ก็เลยใช้โอกาส นี้เปิดตัวบริการใหม่ แกร็บฮิทช์ (GrabHitch) ที่เป็นรูปแบบของบริการ “คาร์พูล” ที่คิดค่าโดยสารราคาประหยัด 50 บาท
บริการนี้ เปิดตัวให้สำหรับผู้ที่มีรถยนต์ส่วนตัวทั่วไป และมีที่นั่งเหลือสามารถเลือกรับส่งผู้โดยสารรายอื่นที่กำลังเดินทางไปจุดหมายเดียวกันได้ มาร่วมหารค่ารถ โดยเก็บค่าโดยสารในราคาประหยัด 50 บาท
แกร็บมองว่าจะช่วยเติมเต็มช่องว่างในตลาดประเทศไทย เนื่องจากราคาค่าโดยสารที่อยู่ระหว่างบริการแท็กซี่และบริการขนส่งมวลชน
โดยผู้โดยสารสามารถจองบริการแกร็บฮิทช์ล่วงหน้า ตั้งแต่ 15 นาที ถึง 7 วัน ด้วยการใส่ตำแหน่งที่ต้องการให้ผู้ขับขี่มารับและจุดหมายปลายทางที่ต้องการจะไป ระบบจะแจ้งทั้งสมาชิกผู้ขับขี่และผู้โดยสารเมื่อมีผู้ขับขี่พร้อมให้บริการและมีผู้โดยสารที่ต้องการใช้บริการในเส้นทางที่ตรงกัน
ผู้ขับขี่และผู้โดยสารสามารถเลือกคนขับและผู้ร่วมทางได้ เนื่องจากคนขับจะต้องลงทะเบียนเพื่อสมัครให้บริการ และสามารถเรียกใช้บริการผ่านบัญชีเฟซบุ๊ก จึงช่วยให้ทุกคนเห็นข้อมูลของกันและกัน และยังระบุว่าต้องการเดินทางกับเพศเดียวกันได้ด้วย อัตราค่าบริการจะคิดในอัตรา 50 บาทต่อคน โดยไม่กำหนดระยะทาง และชำระเป็นเงินสด หรือผ่านระบบ แกร็บเพย์ ซึ่งใช้ผ่านบัตรเครดิต และอาลีเพย์
วีร์ จารุนันท์ศิริ กรรมการฝ่ายธุรกิจและบรรษัทสัมพันธ์ บริษัท แกร็บ (ประเทศไทย) จำกัด ให้เหตุผลว่า การที่ Grab เลือกนำบริการ แกร็บฮิทช์ มาทดลอง (เบต้า) ในไทยเป็นประเทศที่สองต่อจากสิงคโปร์ เริ่มจากกรุงเทพฯ ก่อนเป็นจังหวัดแรก เพราะมองว่า กรุงเทพฯ มีปัญหาจราจรติดขัดเป็นอันดับ 2 ของโลก เนื่องจากมีรถยนต์ส่วนบุคคลกว่า 4 ล้านคนต่อวัน ซึ่งรถเหล่านี้ มีจำนวนมากที่ผู้โดยสารไม่เต็มคันรถ สามารถช่วยรับผู้โดยสารอื่นๆ ที่จะเดินทางไปจุดหมายเดียวกันได้
ผู้บริหารของแกร็บ มองว่า บริการนี้น่าจะดึงคนที่ใช้รถขนส่งมวลชนให้มาใช้บริการนี้ได้ โดยที่แกร็บไม่ได้หวังรายได้จากบริการนี้ ต้องการช่วยแก้ปัญหาเรื่องจราจร และแกร็บเองก็มีแพลตฟอร์มที่รองรับได้อยู่แล้ว ดังนั้นรายได้ทั้งหมดจึงเป็นของผู้ขับ โดยไม่ต้องหักค่าธรรมเนียมแกร็บ
แต่ถึงแม้จะไม่หวังรายได้จากบริการนี้ แต่อย่างน้อยผลที่ตามาก็ทำให้ผู้ใช้บริการแกร็บฮิทช์ ซึ่งเป็นลูกค้ากลุ่มใหม่ จะได้รู้จักกับแกร็บมากขึ้น ซึ่งหมายถึงโอกาสที่จะมาเป็นลูกค้าของ Grab ในอนาคตก็จะมีมากขึ้นด้วยเช่นกัน
ส่วนจะติดข้อกฎหมายหรือไม่นั้น ผู้บริหารของแกร็บบอกว่า ได้ปรึกษากับทางขนส่งแล้ว และยังเป็นช่วงทดลองใช้เฉพาะในเขตกรุงเทพฯ เท่านั้น