จากสงครามชาเขียวในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ได้ช่วยกระตุ้นตลาดชาพร้อมดื่มให้มีการเติบโตมาโดยตลอด จนเรียกได้ว่าเดินทางมาถึงจุดอิ่มตัวแล้ว โดยในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมานี้ โปรโมชั่นก็ไม่ได้แผลงฤทธิ์เสียเท่าไหร่ ตลาดยังมีการเติบโตแบบติดลบอยู่
ในปี 2559 นี้มีการประเมินว่าตลาดชาพร้อมดื่มมีมูลค่า 16,000 ล้านบาท มีการเติบโตลดลง 2% มาจากปัจจัยทั้งในเรื่องเศรษฐกิจ เทรนด์การดูแลสุขภาพที่หลีกเลี่ยงชาที่มีรสชาติหวาน และในตลาดเองก็ไม่มีสินค้าอะไรใหม่ๆ ด้วย
ทำให้โออิชิทำการปรับกลยุทธ์ครั้งใหญ่ทั้งในเรื่องเน้นการสร้างแบรนด์ โดยหันมาโฟกัสสร้างแบรนด์เพื่อสื่อสารกับกลุ่มวัยรุ่นมากขึ้น พร้อมกับลดโปรโมชั่นลง เน้นเพียงแค่โปรโมชั่นใหญ่ช่วงซัมเมอร์เท่านั้น
และอีกกลยุทธ์ที่สำคัญก็คือการจัดพอร์ตสินค้าใหม่ ที่จะช่วยโออิชิในเรื่องการจัดการต้นทุน และทำการตลาดได้สะดวกขึ้น โดยอย่างแรกได้ทำการลดจำนวน SKU จำนวนแพ็กเกจลง 50% จากเดิมที่มี 130 กว่ารายการ เหลืออยู่ 70 รายการ และยกเลิกแบรนด์ในเครือบางแบรนด์ออกอย่างโอเฮิร์บ ชาคูลซ่า และปรับแบรนด์โออิชิฟรุตโตะให้เป็นแบรนด์โออิชิกรีนทีแบรนด์เดียวเพื่อง่ายต่อการจดจำและทำการตลาดที่ง่ายขึ้น
อย่างที่สองโออิชิได้ไฮไลต์เซ็กเมนต์ “ฟรุตที” หรือชาผลไม้เป็นพระเอกหลักของปีนี้ และในปีต่อไป เพราะด้วยมีการเติบโต 30% มีมูลค่าตลาด 2,160 ล้านบาท และยังเป็นเซ็กเมนต์ที่กลุ่มวัยรุ่นชื่นชอบ โดยโออิชิใช้กลุ่มฟรุตทีเพื่อขยายฐานคนดื่มให้กว้างขึ้นไปยังกลุ่มวัยรุ่น หลังจากที่อัตราการดื่มชาเขียวของคนไทยหยุดนิ่งอยู่ที่ 58% มานาน
และอย่างสุดท้ายก็คือ ลดจำนวนการออกสินค้าใหม่ ในปีที่ผ่านมาได้ออกสินค้าใหม่แค่ 2 รายการก็คือโออิชิ องุ่นเคียวโฮ และล่าสุดกับรสชาติใหม่ “โออิชิ ซากุระ สตรอเบอร์รี่” ออกน้อย แต่เน้นปัง และเน้นในเรื่องนวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะสร้างความตื่นเต้นในตลาด และโดนใจผู้บริโภคในกลุ่มวัยรุ่น
เจษฎากร โคชส์ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจเครื่องดื่ม บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในปีที่ผ่านมาหันมาโฟกัสที่การสร้างแบรนด์ เน้นการทำนวัตกรรมใหม่ๆ ให้สินค้า และมีการจัดทัพสินค้าใหม่ แต่ก่อนโออิชิมีหลายแบรนด์ย่อยมาก ในแต่ละช่องทางสินค้าหนึ่งจะมีหลายแพ็กเกจ หลาย SKU ซึ่งทำให้เปลืองงบการผลิต งบโฆษณา การทดลองชิม ก็เลยปรับลด SKU ลง 50% ทำให้ตอนนี้เหลืออยู่กว่า 70 ราการเท่านั้น และทำการตลาดให้อยู่ภายใต้แบรนด์โออิชิแบรนด์เดียว เพื่อง่ายต่อการสร้างแบรนด์ ไม่เปลืองงบการตลาดเหมือนในอดีต”
ใช้นวัตกรรมกระตุ้นตลาด
สำหรับรสชาติใหม่ “โออิชิ ซากุระ สตรอเบอร์รี่” โออิชิยังคงใส่นวัตกรรมเข้าไปในสินค้าเพื่อสร้างความแตกต่างในตลาด โดยที่เป็นกิมมิกเล็กๆ เทคโนโลยีฉลากเปลี่ยนสีได้ เมื่อขวดอยู่ในอุณหภูมิปกติดอกซากุระบนฉลากจะเป็นสีขาว แต่ถ้าขวดอยู่ในอุณหภูมิเย็น ดอกซากุระบนฉลากจะเปลี่ยนเป็นสีชมพู
พร้อมกับยังคงโฟกัสในกลุ่มฟรุตที หรือชาผลไม้ที่ยังคงปั้นเป็นพระเอกของแบรนด์อยู่ โดยได้ใช้งบการตลาด 70 ล้านบาทสำหรับการทำตลาดในทุกสื่อ พร้อมกับแจกชิมที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย 4 แสนคน
นวัตกรรมยังคงสร้างความตื่นเต้นให้กับตลาดได้อยู่ สินค้าต้องมีนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาดึงดูด เพื่อสร้างโอกาสในการดื่ม พร้อมกับขยายไปยังกลุ่มผู้บริโภคกลุ่มวัยรุ่นมากขึ้นด้วย เพราะในช่วงที่ผ่านมาหลายคนเบื่อชาเขียว ต้องมองหาอะไรใหม่ๆ
ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของเครื่องดื่มโออิชิแบ่งเป็น ชาเขียว 63% ชาสมุนไพร 15% ชาผลไม้ 17% และชาพรีเมียม 5%