Google ร่วมกับ Temasek เปิดเผยผลวิจัยล่าสุด ในชื่อว่า “e-conomy SEA: Unlocking the $200 billion opportunity in Southeast Asia.” ที่แสดงถึงศักยภาพและโอกาสต่างๆ ในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้ง 6 ประเทศ
สำหรับประเทศไทยมีการเติบโตของอินเทอร์เน็ตอย่างรวดเร็ว ในอัตรา 9% ต่อปี และจะคิดเป็น 59 ล้านคน ในปี 2020 เพิ่มจาก 38 ล้านคน ในปี 2015 ซึ่งเป็นแนวโน้มที่ดีสำหรับธุรกิจในประเทศ
โดยคาดว่าในสิบปีข้างหน้าตลาดออนไลน์ในประเทศไทยจะเติบโตไปถึง 37,000 ล้านเหรียญ (หรือราว 1.3 ล้านล้านบาท) ในปี 2025 ซึ่งธุรกิจอีคอมเมิร์ซและท่องเที่ยวจะมีมูลค่ารวมกันแล้วคิดเป็น 88% ของมูลค่าตลาดโดยรวมทั้งหมด
ปัจจัยที่ขับเคลื่อนตลาดให้เติบโต ของประเทศไทยคือตลาดใหม่ที่มีศักยภาพการเติบโตด้านรายได้สูง โดย 58% ของประชากรมีอายุต่ำกว่า 40 ปี และในปี 2011 ธนาคารโลกได้ปรับฐานะให้ไทยเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางระดับสูง และยังเป็นประเทศที่มีอัตราการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอยู่ในระดับสูงด้วยเช่นกัน 57% ของประชากรเข้าถึงอินเทอร์เน็ต และมีผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่มากกว่า 85 ล้านเลขหมาย (หรือคิดเป็น 125% ของจำนวนเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ต่อประชากรรวม) ทั้งบนเครือข่าย 3G และ LTE การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเหล่านี้มีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว สูงเป็นอันดับสองในกลุ่มประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยความเร็วการดาวน์โหลดอยู่ที่ 19.82 Mbps
1.โอกาสของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ :
ตลาดอีคอมเมิร์ซจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี 29% จากมูลค่าราว 900 ล้านเหรียญเมื่อปี 2015 เพิ่มขึ้นเป็น 11,000 ล้านเหรียญในปี 2025
2.โอกาสของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวออนไลน์ :
คาดการณ์ตลาดท่องเที่ยวออนไลน์ของไทยจะเติบโตราว 5.2 เท่า ภายในปี 2025 หรือคิดเป็นมูลค่าราว 21,700 ล้านเหรียญ เติบโตเฉลี่ยต่อปีประมาณ 18%)
a. โดยเฉพาะธุรกิจออนไลน์อย่างโรงเเรมและการบินต่างๆ ในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่คาดการณ์ว่าจะเติบโตจะเติบโตถึง 5 เท่าภายในปี 2025 จะมีมูลค่าแตะ 76,000 ล้านเหรียญ (อัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปี 15%) ซึ่งคิดเป็น 85% ของมูลค่าตลาดการท่องเที่ยวโดยรวม
3.โอกาสของแอปร่วมเดินทาง :
มีการคาดการณ์ธุรกิจการเดินทางออนไลน์จะเติบโตมีมูลค่าราว 1,900 ล้านเหรียญในปี 2025
คาดโฆษณาดิจิทัลจะมีมูลค่า 4.35 พันล้านเหรียญในปี 2025
จากข้อมูลทั้งหมดเหล่านี้ จึงไม่แปลกใจเลยว่าการใช้จ่ายของโฆษณาดิจิทัลมีแนวโน้มเติบโตถึง 6.2 เท่า มีมูลค่าราว 4.35 พันล้านเหรียญ ในปี 2025 (อัตราเติบโตเฉลี่ย 20% ต่อปี) โดยข้อมูลยังชี้ให้เห็นว่าประเทศไทยเป็นแหล่งรวมธุรกิจสตาร์ทอัพสำคัญ โดยมีจำนวนธุรกิจสตาร์ทอัพอยู่ราว 358 ราย
ประเทศไทยต้องทำอย่างไรบ้าง เพื่อคว้าโอกาสนี้
รายงานนี้แสดงให้เห็นว่ามีโอกาสที่ดีสำหรับประเทศไทยมากมายในขณะนี้ ด้วยการเอาชนะความท้าทายต่างๆ ทั้งด้านการขนส่งและการติดต่อระหว่างประเทศ การพัฒนาระบบการชำระเงิน การพัฒนาศักยภาพของตลาด การป้องกันภัยคุกคามและความมั่นคงปลอดภัยด้านไซเบอร์ ที่มีความจำเป็นต้องได้รับการลงทุนอย่างเร่งด่วน
มร. เบน คิง หัวหน้าฝ่ายธุรกิจ Google ประเทศไทย ให้ความเห็นว่า “ไม่เคยมีช่วงเวลาใดที่ดีที่สุด