เฟซบุ๊ก (Facebook) เครือข่ายสังคมออนไลน์ยักษ์ใหญ่เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่อีกแล้ว โดยล่าสุด อนุญาตให้บริษัทสามารถโพสต์รับสมัครงานได้โดยตรงผ่านหน้าเพจ และให้ผู้ที่สนใจสมัครงานสามารถส่งประวัติ หรือเข้ามาสอบถามรายละเอียดได้ผ่านบริการ Messenger
งานนี้เรียกว่า เป็นการผสมผสานแพลตฟอร์มของบริษัทให้เกิดประโยชน์ได้อย่างลงตัว แถมยังช่วยเพิ่มยอดทราฟฟิกการใช้งาน Messenger ให้สูงขึ้นได้ในคราวเดียว ที่สำคัญ การโพสต์รับสมัครงานในครั้งนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ แถมยังโพสต์ตำแหน่งงานได้ไม่จำกัดอีกด้วย
แน่นอนว่าธุรกิจที่ต้องหวั่นๆ กับการรุกคืบครั้งนี้ของเฟซบุ๊ก หนีไม่พ้น LinkedIn เพราะบริการของ LinkedIn มีความใกล้เคียงกับฟีเจอร์ใหม่ของเฟซบุ๊กค่อนข้างสูง แถมยังมีการคิดค่าใช้จ่ายจากบริษัทที่โพสต์รับสมัครงานด้วย ขณะที่เฟซบุ๊กในฐานะแพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ และมีผู้ใช้งานกว่า 1.86 พันล้านคนทั่วโลกนั้น ให้บริการฟรีๆ
นอกจากนี้ ฟีเจอร์นี้ยังอาจมีผลให้พฤติกรรมการหางานของคนบนโลกออนไลน์เปลี่ยนไปด้วย จากเดิมที่หลายคนอาจมองไปที่แพลตฟอร์ม LinkedIn แต่ในอนาคต ถ้าบริการนี้จากเฟซบุ๊ก ได้รับความนิยม ก็เป็นไปได้ว่า ผู้ที่เข้าใช้งาน LinkedIn จะลดน้อยลงไปด้วยนั่นเอง
อีกหนึ่งบริษัทที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบก็คือ Glassdoor เว็บไซต์ฐานข้อมูลบริษัท และตำแหน่งงานยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกา ที่ให้บริการในลักษณะคล้ายๆ กับ LinkedIn
นอกจากนั้น การรุกคืบในครั้งนี้ยังแสดงให้เห็นว่า เฟซบุ๊กต้องการวางโพสิชั่นตัวเองในฐานะแพลตฟอร์มสำหรับเชื่อมต่อด้านธุรกิจการงานให้ชัดเจนขึ้นด้วย จากที่ก่อนหน้านี้มีการเปิดตัวแอปพลิเคชั่นเพื่อการทำงานหลายรูปแบบออกมาให้ใช้งานกันแล้ว เช่น Workplace เป็นต้น
อีกทั้งการเปิดให้บริษัท-คนทำงานเข้ามาหางานได้ผ่านเฟซบุ๊ก ยังช่วยดึงดูดผู้คนให้อยู่บนแพลตฟอร์มของเฟซบุ๊ก นานยิ่งขึ้นด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลดีต่อเม็ดเงินค่าโฆษณาที่จะไหลเข้าบริษัทมากทีเดียว
Andrew Bosworth รองประธานของเฟซบุ๊ก ด้านโฆษณาและธุรกิจ เผยว่า เหตุที่บริษัทตัดสินใจเปิดตัวเครื่องมือสำหรับโพสต์รับสมัครงานนั้น เพราะมองเห็นว่า “โอกาสอยู่ตรงหน้าแล้ว” นั่นเอง ซึ่งในการทดสอบฟีเจอร์ใหม่นี้ก็ได้รับผลตอบรับดีเกินคาดด้วย
แต่อย่าเพิ่งดีใจไป เพราะสำหรับคนที่ต้องการสมัครงาน เฟซบุ๊กจะดึงข้อมูลในระบบของเฟซบุ๊กที่ผู้ใช้งานป้อนเอาไว้เอาไปใส่ในใบสมัครให้โดยอัตโนมัติ (แต่สามารถแก้ไขได้) โดยบริการนี้จะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันพุธหน้าเป็นต้นไป เฉพาะในสหรัฐอเมริกา และแคนาดา ก่อนเป็นสองประเทศแรก
ที่มา : http://manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9600000016589