จีเอ็มยุคใหม่ต้องใช้กรีน

นับเป็น Strategic move ที่สำคัญสำหรับจีเอ็ม มอเตอร์ส หรือจีเอ็ม ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่อันดับ 1 ของโลก เจ้าของแบรนด์รถยนต์ “เชฟโลเลต” ได้ใช้โอกาสในการดำเนินธุรกิจครบรอบ 100 ปี ประกาศรีแบรนด์ พร้อมทั้งกำหนดจุดยืนใหม่ พัฒนารถยนต์ที่ใช้พลังงานทางเลือก ให้ทั้งความประหยัด และมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งกำลังเป็นเทรนด์สำคัญของอุตสาหกรรมรถยนต์ในเวลานี้

จีเอ็มเน็กซ์ คือชื่อ และโลโก้ใหม่ของจีเอ็ม เพื่อสื่อถึงการขับเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้งโดยผ่านสัญลักษณ์ Fast Forward โดย ริชาร์ด แวกอเนอร์ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น บินลัดฟ้ามาเมืองไทยเพื่อประกาศภารกิจใหม่ของจีเอ็มเน็กซ์ ด้วยตัวเอง

ไม่เพียงแต่ จีเอ็ม จะเลือกไทยเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียในการประกาศจุดยืนใหม่ ยังเลือกเมืองไทยเป็นศูนย์พลังงานทางเลือกเพื่อยานยนต์ ในภูมิภาคเอเชีย เช่น การผลิตเครื่องยนต์ที่รองรับกับพลังงาน ซีเอ็นจี เอทานอล ไบโอดีเซล และแอลพีจี ซึ่งจีเอ็มประเมินแล้วว่า อัตราการเติบโตของจีเอ็มในภูมิภาคนี้กำลังเป็นไปอย่างก้าวกระโดดจาก 5% เป็น 25%และคาดว่าภายใน 5 ปีหลังจากนี้ จะมีการเติบโตถึง 80%

ทั้งนี้จีเอ็ม ได้ร่วมมือกับ ปตท.ในการวิจัยเอทานอลที่ผลิตจากพืชที่ไม่ใช้อาหาร เพิ่มแหล่งทรัพยากรผลิตไบโอ-ดีเซล การวิจัยสาหร่ายเป็นแหล่งผลิตไฮโดรเจน เอทานอล และไบโอ-ดีเซล และการพัฒนาเชื้อเพลิงร่วมซีเอ็นจี ดูอัลฟิว และผลิตภัณฑ์อื่นๆ รวมถึงการพัฒนาไฮบริดต้นทุนต่ำ ฟิวเซล

เพื่อให้เห็นภาพว่า เอาจริงเอาจังกับเส้นทางใหม่นี้เพียงใด จีเอ็มจึงพาผู้สื่อข่าวไปเยี่ยมชมโรงงานผลิตที่จังหวัดระยอง และประกาศลงทุน 1.5 หมื่นล้านบาท สร้างโรงงานที่พัฒนาเทคโนโลยีเครื่องยนต์ดีเซลและรับรองพลังงานธรรมชาติ โดยจะเริ่มเปิดสายการผลิตได้เมื่อปี 2553 ด้วยกำลังผลิต 1 แสนเครื่องต่อปี รถรุ่นแรกที่จะใช้เครื่องยนต์จากโรงงานนี้คือ เชฟวี่ โคโลราโด รุ่นใหม่

ตามมาด้วยการนำรถยนต์แห่งอนาคตรุ่นใหม่มาจัดแสดง เพื่อตอกย้ำทิศทางใหม่ เช่น รถแซเทิร์น วิว กรีนไลน์ ไฮบริด เป็นเครื่องยนต์ใช้น้ำมันและมอเตอร์ไฟฟ้า คาดว่าจะเปิดตัวในปี 2009 และเชฟโรเลต ทาโฮ รถอเนกประสงค์ ใช้พลังงานไฮโดรเจน

ถึงแม้ว่าช่วงครึ่งปีแรกของแห่งการเฉลิมฉลองของ จีเอ็ม จะเจอปัญหาจากพิษเศรษฐกิจในตลาดอเมริกา ทำให้จีเอ็มต้องงัดมาตรการเข้ม ลดค่าใช้จ่ายทุกด้าน ทั้งลดค่าจ้างพนักงานลง 20% และแผนการขายสินทรัพย์ต่างๆ และแบรนด์ฮัมเมอร์ ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินกว่า 4.8 แสนล้านบาท ในการแก้ปัญหาในครั้งนี้

นอกจากนี้ จีเอ็มยังต้องเผชิญกับคู่แข่งสำคัญอย่างบริษัทโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชัน ที่ประกาศยอดขายครึ่งปีแรกของปีนี้มีตัวเลขแซงหน้าจีเอ็มไปแล้ว โดยยอดขายโตโยต้าทั่วโลกในครึ่งแรกของปีอยู่ที่ 4.8 ล้านคัน เพิ่มจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 2% ขณะที่ยักษ์ใหญ่อย่างจีเอ็ม มีตัวเลขอยู่ที่ 4.5ล้านคัน หรือลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาถึง 3%

โดยเฉพาะตลาดในสหรัฐอเมริกา ที่โตโยต้ากำลังวิ่งไล่กวดทำยอดขายแซงหน้าจีเอ็ม สัญชาติอเมริกันแท้ๆไปแล้ว ด้วยรถขนาดเล็ก และเครื่องยนต์ไฮบริด

เมื่อแนวโน้มของผู้ใช้ และคู่แข่งที่กำลังมุ่งไปสู่รถยนต์ที่ใช้พลังงานทางเลือก ในฐานะเบอร์1 อย่างจีเอ็ม จึงต้องก้าวไปในฐานะของผู้บุกเบิกก่อนใคร

Did u know?

พนักงานของ บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ถ้าใช้รถภายใต้แบรนด์ของจีเอ็ม เช่น เชฟโลเล็ต จะมีที่จอดรถใกล้โรงงานแต่ถ้าใช้แบรนด์อื่นต้องเดินไกลถึง 300-500 เมตร