ออปโป้ หวังขึ้นเบอร์ 2 ตลาดสมาร์ทโฟนไทย ด้วยการรุกจับตลาดต่ำกว่า 15,000 บาท เชื่อเป็นตลาดที่ใหญ่ แต่ยังไม่มีผลิตภัณฑ์มาตอบโจทย์ มองการแข่งขันในตลาดระหว่างผู้นำ และแบรนด์จีนจะรุนแรงขึ้น จนถึงขั้นเปลี่ยนผู้นำตลาดใน 2 ปีข้างหน้า
นายชานนท์ จิรายุกุล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ไทย ออปโป้ จำกัด กล่าวถึงภาพรวมตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศไทยปีที่ผ่านมา เติบโตประมาณ 5% คิดเป็นราว 13.3 ล้านเครื่อง จากปีก่อนหน้าที่ 12.7 ล้านเครื่อง เนื่องจากสภาพการเมืองเริ่มนิ่งขึ้น เช่นเดียวกับเศรษฐกิจโลกที่สะท้อนกลับมาในภาพดี พร้อมกับการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี
“ในปีนี้คาดการณ์ว่า น่าจะเติบโตได้ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา เนื่องจากยังไม่เห็นปัจจัยที่จะทำให้ตลาดเติบโตมากกว่าเดิม ขณะเดียวกัน ในส่วนของการแข่งขันเชื่อว่า เบอร์ 1 มีสิทธิเปลี่ยนแปลงในระยะเวลาอันสั้นๆ ถ้าเร็วก็ 2 ปี หรือภายใน 5 ปีก็เป็นไปได้”
ส่วนของออปโป้ ก็ตั้งเป้าว่า ในระยะสั้นต้องการขึ้นมาเป็นอันดับ 2 ในตลาดสมาร์ทโฟน ด้วยการปรับจุดโฟกัสของระดับราคาจากเดิมที่เน้นในช่วง 8,000-10,000 บาท ขึ้นมาเป็น 12,000-15,000 บาท เนื่องจากมองว่า ในกลุ่มนี้ยังไม่มีผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค
“สมัยก่อนในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ช่วงระดับราคา 12,000-15,000 บาท ถือเป็นช่วงที่มีการแข่งขันสูงมาก แต่ปัจจุบัน การแข่งขันกลับลงไปอยู่ที่ช่วงต่ำกว่า 10,000 บาท ออปโป้ จึงเห็นช่องว่างในจุดนี้ และนำ R9s เข้ามาตีตลาดจากเบอร์ 1”
ขณะที่ภาพรวมในตลาดโลกปี 2016 ที่ผ่านมา ออปโป้ เติบโต 132.9% เมื่อเทียบกับปี 2015 ใน 20 ประเทศที่ทำตลาด โดยมีสัดส่วนหลักมาจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และอินเดีย สำหรับในประเทศไทยออปโป้ ได้ก้าวขึ้นเป็นอันดับ 3 ในตลาดสมาร์ทโฟนในปีที่ผ่านมา จากข้อมูลของทางจีเอฟเค
ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในช่วงสิ้นปีที่ผ่านมา ส่วนแบ่งตลาดของผู้นำในตลาดสมาร์ทโฟนอยู่ที่ราว 38-41% ในขณะที่ออปโป้ อยู่ที่อันดับ 3 ในตลาดสมาร์ทโฟน โดยมีส่วนแบ่งตลาดราว 8-11% ซึ่งขึ้นอยู่กับผู้สำรวจแต่ละราย
สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ออปโป้สามารถชิงส่วนแบ่งตลาดเพิ่มได้มาจากความนิยมของ Oppe F1s ที่ชิงส่วนแบ่งในตลาด 8,000-10,000 บาท มาได้ราว 34% ซึ่งยังถือเป็นอันดับ 2 ในกลุ่มนี้อยู่ และถือเป็นรุ่นที่ขายดีที่สุดของออปโป้ ทำให้ขึ้นมาเป็นอันดับ 2 ในภูมิภาคเอเชียอีกด้วย
ในส่วนของจุดแข็งที่ทำให้ออปโป้ สามารถก้าวขึ้นมาติดหนึ่งใน 3 ผู้นำในตลาดสมาร์ทโฟนได้มาจาก 2 ส่วนหลักๆ คือ ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานอย่างในปีที่ผ่านมา ในเรื่องของการเป็น Selfy Expert และปีนี้จะเน้นที่ความชัดทั้งหน้า และหลัง อีกส่วน คือ ทีมงานฝ่ายขายที่เชื่อมบริษัทกับร้านค้า และพนักงานที่หน้าร้านในการนำเสนอสินค้าให้แก่ผู้บริโภค
นอกจากนี้ การปรับกลยุทธ์ในการโฟกัสไปที่ฮีโรโมเดลผลักดันสินค้าเต็มที่ ทั้งฝ่ายขาย และฝ่ายการตลาดทีละรุ่น โดยในปีนี้จะตั้งงบการตลาดไม่ต่ำกว่าในปีที่ผ่านมา หรือราว 800 ล้านบาท โดยกว่าครึ่ง หรือราว 400 ล้านบาท จะใช้ทำตลาดกับรุ่นที่เป็นฮีโรโมเดล
ล่าสุด ได้มีการเปิดตัว R9s และ R9s Plus แตกต่างกันที่ขนาดหน้าจอ 5.5 นิ้ว และ 5.7 นิ้ว เพื่อสานต่อความนิยมสมาร์ทโฟนที่เน้นถ่ายภาพเซลฟี ด้วยการนำกล้องความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ทั้งด้านหน้า และด้านหลัง ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX398 ที่มีรูรับแสง f/1.7 ทำให้สามารถถ่ายภาพในที่แสงน้อย ตามสโลแกนเครื่อง คือ “Now, It’s Clear”
ขณะเดียวกัน ยังได้มีการนำพรีเซนเตอร์อย่าง ลี มินโฮ มาช่วยในการโปรโมตสินค้า เพื่อสร้างภาพลักษณ์ความเป็นแบรนด์พรีเมียม โดยจะเริ่มวางจำหน่าย R9s ในวันที่ 11 มีนาคม โดยราคาจะอยู่ที่ 14,990 และส่วน R9 Plus วางจำหน่ายในวันที่ 1 เมษายน ราคา 16,990 บาท
ที่มา : http://manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9600000020247